ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,ชาย-ชาย,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,#BL,แฟนตาซี,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจทวงคืนวัยหนุ่มของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
นี่ไม่ใช่การแนะนำเรื่องของนักเขียนหน้าเห็ดงี่เง่าที่ทำลายชีวิตผม แต่เป็นพื้นที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมของตัวละคร!
สวัสดีนะคนที่ผ่านมา ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คุณต้องมีจิตใจดีกว่าคนที่เขียนเรื่องของผมขึ้นมาแน่
คืองี้ ผมชื่อฮาร์วีย์ ใช่ ผมเป็นนายเอกของนิยายห่วยแตกเรื่องนี้ ผมอัดอั้นมานาน ไหน ๆ คุณก็ผ่านมาแล้ว ช่วยฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน คุณจะได้เห็นว่านักเขียนคนนี้กลั่นแกล้งผมขนาดไหน
แรกเริ่มเดิมที ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีความฝันอยากแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคน แต่เจ้านักเขียนนั่นก็ทำให้ชีวิตของผมย่อยยับด้วยมือทั้งสองข้างและคอมพิวเตอร์โง่ ๆ ของเขา ตั้งแต่การเขียนให้ผมมีชีวิตอนาถา พ่อแม่ตายตอนเจ็ดขวบ ถูกปูไล่หวดเพราะไม่ยอมเรียนเรื่องยา พอหนีออกจากบ้านมาหาผู้ ก็ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่!
มันเกินไปมั้ย!
ผมพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้อยู่กับชายที่ผมแอบชอบมาตั้ง 10 ปี แล้วดูสิ ความหล่อที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตหายวับไปกับตา เหลือแต่ผิวเหี่ยว ๆ หนังย่น ๆ และเสียงแหบ ๆ ไม่มีส่วนไหนที่สามารถใช้เป็นอาวุธตกผู้ได้เลย!
ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังต้องออกเดินทางด้วยสภาพอิดโรยไปหาเรื่องเสี่ยงตายต่าง ๆ นานาเพื่อทวงเอาอายุขัยและวัยหนุ่มแสนรุ่งเรืองของผมคืนมา
ใช้งานตัวละครหนักชะมัด! เงินเดือนผมก็ไม่ได้นะเนี่ย!
อะไรนะ? ...มีอีกไหมเหรอ?
โอ้! นี่ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เจ้านักเขียนคนนี้ทำกับผม ถ้าทุกคนอ่านต่อไปก็จะได้รู้เองว่าเจ้าเห็ดสีน้ำเงินคนนี้มันร้ายกาจขนาดไหน
โปรดเอาใจช่วยผมให้รอดพ้นจากโชคชะตาที่แสนเลวร้ายครั้งนี้ด้วย
**นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง เนื้อหา ตัวละคร สถานที่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเรื่องสมมติเท่านั้น**
***คำเตือน : เนื้อหาในนิยายมีการใช้ความรุนแรง ฉากฆ่าฟันนองเลือด กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างมากในการอ่าน ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาดเลยนะฮะ***
โอเว่นโยนผมลงบนพื้น แหกปากโวยวายพุ่งเข้าไปถามคนที่อยู่ในละแวกนั้นถึงวิธีที่จะเขี่ยผมออกจากกลุ่ม
...เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว และความดื้อรั้นของโอเว่นก็ไม่สามารถทำให้เขาหนีจากความจริงเรื่องที่เขาอยู่กลุ่มเดียวกับผมไปได้...
"แม่งเอ๊ย!" โอเว่นสบถ สายตาที่มองมาเหมือนจะโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของผม
...ทำอย่างกับว่าผมอยากอยู่ทีมเดียวกับเขามากนักแหละ...
คาเรลและอาธีน่าประคองให้ผมยืนขึ้น หลังจากช่วยปัดเศษฝุ่นบนเสื้อของผมเสร็จ คาเรลก็ทำท่าจะเข้าไปตำหนิโอเว่น
ผมดึงเธอไว้
"จะทำอะไร ปล่อยเลย" คาเรลพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง "จะปล่อยผ่านที่หมอนั่นทำกับนายไม่ได้นะ"
ผมประหลาดใจที่คาเรลเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผม ทั้งที่ตอนเธอถูกพวกเด็กสาวแก๊งแม่มดรังแก เธอยังมีท่าทางเบื่อหน่ายไม่สนใจอยู่เลย
"ใจเย็นก่อน ฉันกับโอเว่นตีกันแบบนี้ประจำ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร...อีกอย่าง" ผมเหลือบมองโอเว่นด้วยสายตานิ่งสงบ พลางกล่าวเสียงเย็น "เรื่องให้บทเรียนคนแบบนั้น ไม่ต้องลำบากถึงมือเธอหรอก..."
คาเรลก้าวถอยหนึ่งก้าวเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศชวนสยองที่แผ่ออกมาจากตัวผม "ตอนนี้นายดูน่ากลัวกว่าเด็กเกเรพวกนั้นอีก"
ผมยิ้ม ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่คาเรลพูด
ผมจ้องมองภาพฮอโลแกรมแสดงรายชื่อสมาชิกกลุ่มการทดสอบ ต้องยอมรับเลยว่าทีมของผมเป็นทีมที่แทบจะรวมตัวตึงของแต่ละศูนย์ฝึกเอาไว้ด้วยกัน...
ความแข็งแกร่งของอาธีน่า การตัดสินใจเฉียบขาดของคาเรล ความกล้าบ้าดีเดือดของโอเว่น แค่สามสิ่งนี้รวมกันก็ทำให้ทีมของพวกเรากลายเป็นทีมที่น่าจับตามองที่สุดในรุ่นแล้ว
นี่ยังไม่นับความสามารถด้านการใช้สมุนไพรของผม และความสามารถของเพื่อนร่วมทีมที่เหลืออีกคนหนึ่งนะ
"พวกเธออยู่ทีมสี่ใช่ไหม?"
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง
เมื่อหันกลับไปก็พบชายวัยรุ่นคนหนึ่ง เขามีรูปร่างผอมสูง ยืนโอนไปเอนมาเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง เขามีเส้นผมสีอ่อนยาวประบ่า ปอยผมข้างหน้ายาวแทบจะปิดดวงตาสีหม่นหมองราวกับพายุ นอกจากนี้ใต้ตาของเขายังดำคล้ำ เหมือนคนอดหลับอดนอนมาทั้งชีวิต
ดูจากที่เขาเข้ามาทักด้วยตัวเอง ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นสมาชิกอีกคนที่เหลืออยู่ คนที่ชื่อ ฟาวล์ โกรฟ...
"ใช่" ผมตอบและยิ้มอย่างเป็นมิตร ทว่าฟาวล์กลับมีสีหน้าเป็นกังวล
"ผู้ชายที่โวยวายคนนั้นก็อยู่กลุ่มเดียวกันงั้นเหรอ?"
"เอ่อ ถึงจะน่าเศร้าแต่ก็ใช่...เขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม"
ฟาวล์ทำท่าเหมือนอยากจะเป็นลม ลูกตาของเขาสั่นไหว อีกทั้งยังกัดแทะเล็บมือของตัวเอง น้ำเสียงที่พูดก็สั่นเครือด้วยความกลัว
ผมไม่โทษเขา เพราะวินาทีแรกที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องอยู่กลุ่มเดียวกับโอเว่น ผมก็อยากใช้เข็มขัดรัดคอตัวเองให้ตาย ๆ ไปเสียเหมือนกัน...
"ฉันตายแน่ คนคนนั้นต้องทิ้งฉันไว้ข้างหลังแน่..."
ใช่...เขาทำแน่
ผมพยายามไม่พูดตัดกำลังใจเพื่อนใหม่ ถึงมันจะเป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีก็ตาม
บ่ายวันนั้นซาคารัสนัดรวมตัวเด็กฝึกอีกครั้งเพื่อแจ้งเรื่องระเบียบและการทดสอบในแต่ละรอบ
การทดสอบแบบกลุ่มแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ การทดสอบความรู้พื้นฐาน และการต่อสู้จำลอง
โดยการต่อสู้จำลองจะแบ่งย่อยเป็นการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ และการต่อสู้กับครูฝึก ซึ่งทั้งหัวข้อในการสอบและศัตรูที่ต้องเจอในสนามจะแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม
"เท่ากับว่าพวกเราต้องสอบทั้งหมดสามรอบสินะ" ผมสรุป "แต่ว่าต้องสู้ติดต่อกันในวันเดียว ดูจากจำนวนกลุ่มที่เข้าสอบ คิดว่าแต่ละกลุ่มน่าจะมีเวลาเฉลี่ยประมาณสองชั่วโมงในการสอบ...สองชั่วโมงกับสามการทดสอบ จะทันไหมนะ..."
"ถ้าปอดแหกก็ไม่ต้องเข้าสอบสิ อยู่ไปก็เกะกะฉันเปล่า ๆ" โอเว่นชี้ไปทางอาธีน่า "มีแค่ฉันกับยัยกอริลลานั่นก็พอแล้ว"
คาเรลนิ่วหน้า เธอไม่พอใจท่าทางหยาบคายของโอเว่นตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้ยินเขาเรียกอาธีน่าว่ายัยกอริลลา เธอก็ยิ่งไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าไปใส่เดี่ยวกับโอเว่น
ผมต้องคอยดึงสติเพื่อนสาวเอาไว้ เพราะไม่อยากเสียสมาชิกคนใดคนหนึ่งไปก่อนวันสอบ...ถึงอย่างไรโอเว่นก็เป็นอาวุธทำลายล้างที่มีประโยชน์
เด็กฝึกคนอื่น ๆ ต่างมองกลุ่มของผมด้วยความยำเกรง จะว่าเป็นกลุ่มที่เก่งที่สุดก็ไม่ใช่ บ้าที่สุดก็ไม่เชิง คนเหล่านั้นเหมือนกำลังพยายามคาดเดาว่ากลุ่มของผมจะผ่านการทดสอบด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง หรือจะล่มจมตั้งแต่ยังไม่เริ่มทดสอบกันแน่
อืม...จนถึงตอนนี้ผมก็เริ่มไม่มั่นใจในศักยภาพของสมาชิกในกลุ่มแล้ว
โอเว่นที่จ้องแต่จะเขี่ยผมออกจากกลุ่มตลอดเวลา อาธีน่าก็เอาแต่เล่นเงาจากมือของตัวเอง ฟาวล์ผู้ที่ตัวสั่นหงึก ๆ ทุกครั้งที่โอเว่นพ่นลมหายใจ คาเรลที่ถึงจะพยายามทำตัวปกติ แต่ที่จริงอยากจะพุ่งเข้าไปหยุมโอเว่นโทษฐานที่มาล้อเลียนเพื่อนรักของเธอใจจะขาด และผมที่ทำได้เพียงยืนมองความวุ่นวายเหล่านั้นของสมาชิกภายในกลุ่ม
จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ผมรู้สึกว่าแสงแห่งความหวังค่อย ๆ ห่างไกลจากกลุ่มของผมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผมถอนหายใจ
จังหวะหนึ่งแสงที่เกิดจากการสะท้อนเคลื่อนผ่านดวงตาของผม เมื่อเงยหน้าขึ้น ผมพบว่าแสงนั้นมาจากนาฬิกาข้อมือของแคนทัส
ชายคนนั้นยืนอยู่บนชั้นลอยแยกจากกลุ่มครูฝึกคนอื่น ๆ เขาเท้าคางมองกลุ่มของผม ไม่สิ...มองผมคนเดียวมากกว่า ริมฝีปากที่เคยเชิดโค้งขยับเป็นคำพูดประมาณว่า
"ทำไมยังอยู่อีก เจ้าตัวเล็ก"
...ตัวเล็ก?...
...เขาเรียกผมว่าเจ้าตัวเล็กงั้นเหรอ?...
จริงอยู่ว่าหากเทียบกันแล้วผมคงเป็นได้แค่คนแคระสำหรับแคนทัส แต่การที่เขาเรียกผมว่า เจ้าตัวเล็ก มันเป็นการตอกย้ำว่าขาของผมสั้นเพียงใด และยิ่งทำให้ผมรู้สึกเตี้ยลงกว่าเดิมสิบเท่า
ถึงเขาจะเป็นคนที่ผมชอบ แต่ผมไม่สนับสนุนการบูลลี่หรอกนะ!
ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่และเมินคำถามของเขา
"เรามีเวลาหนึ่งวันครึ่งเตรียมตัว ฉันว่าเรามาใช้เวลาที่เหลือเรียนรู้ความสามารถของแต่ละคนเพื่อวางกลยุทธ์กันดีกว่า" ผมเสนอกับเพื่อนในกลุ่ม
โอเว่นหัวเราะเหอะ "ความสามารถ? ถ้าคนอย่างแกมีความสามารถน่ะนะ"
"แต่นายก็ไม่มีแผนอื่นใช่ไหมล่ะ" ผมสวนกลับ "นายเข้าสอบคนเดียวไม่ได้ ถึงยังไงนายก็จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทีมอยู่ดี"
"นั่นมัน!" โอเว่นอยากจะเถียง แต่เขาคงรู้ดีว่าผมพูดถูก
"หรือนายมีแผนที่ดีกว่านี้ล่ะ?"
โอเว่นยืดอกขึ้นแสดงความมั่นใจ "ให้ฉันกับยัยกอริลลานั่นเป็นแนวหน้า ส่วนที่เหลือก็อย่ามาทำตัวเกะกะก็พอ..."
"อาธีน่า" คาเรลแทรก
"หา?" โอเว่นทำหน้างง
"เธอชื่ออาธีน่า เรียกให้ถูกด้วย"
โอเว่นกลอกตา "พวกคนจากเมืองหลวงนี่เรื่องมากทุกคนเลยหรือไง?"
"งั้นคนที่นี่หยาบคายแบบนายทุกคนเลยหรือเปล่า?" คาเรลหันมาทางผม "ไม่ได้เหมารวมนายนะฮาร์วีย์"
ผมพยักหน้า ยืนมองสองคนนั้นต่อปากต่อคำกันไปมา
คาเรลเป็นคนที่สองรองจากแคนทัสที่กล้าต่อปากต่อคำกับโอเว่น และการได้เห็นโอเว่นทำปากพะงาบ ๆ เพราะหมดคำจะเถียง มันก็ทำให้ผมรู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อย
"แม่งเอ๊ย!" โอเว่นสบถ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมแพ้
จากนั้นพวกเราทั้งห้าคนก็หามุมเล็ก ๆ ในการนั่งล้อมวงและทำความรู้จักความสามารถของแต่ละคน
โอเว่นยังคงต่อต้านผม เพราะงั้นถึงเขาจะยอมตามมาด้วย แต่ก็เลือกที่จะยืนพิงเสาและฟังอยู่ห่าง ๆ
"เอาล่ะ เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันคิดว่าเราควร..."
ผมยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงประกาศจากจุดกระจายเสียง
["ประกาศสำหรับเด็กฝึก ประกาศสำหรับเด็กฝึก..."]
["ขอให้ทุกกลุ่มที่จะเข้ารับการทดสอบ ส่งตัวแทนมาลงทะเบียนและรับริสแบนด์สะสมคะแนนที่ล็อกเกอร์โดมด้วยค่ะ"]
["ขอย้ำอีกครั้ง..."]
ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้เลยหรือ?...ผมรู้สึกแปลกตงิด ๆ แต่แล้วเสียงของโอเว่นก็ทำให้ผมได้สติ
"นี่ไอ้กระจอก แกไปสิ"
แล้วทำไมนายไม่ไปเองเล่า!...ผมอยากจะสวนกลับไปแต่คาเรลดึงแขนเสื้อของผมเอาไว้ เธอพยักหน้า พูดว่า
"นายไปเถอะ"
หากไม่สังเกตดี ๆ ผมคงน้อยใจที่คาเรลทำเหมือนผมเป็นเบ๊ แต่พอสบกับนัยน์ตาสีทองคู่นั้น ผมก็รู้ได้ทันทีว่าคาเรลมีแผนการบางอย่าง
"ก็ได้" ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
จะว่าโชคดีก็ไม่ใช่โชคร้ายก็ไม่เชิง ผมพบแคนทัสยืนอยู่หน้าทางเข้าล็อกเกอร์โดม พอเห็นผมเขาก็ตรงดิ่งเข้ามาอย่างกับรอผมมานานแล้ว
ผมหยิกแขนตัวเอง เตือนไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับหน้าตาหล่อเหลาของแคนทัส...ผมยังงอนเรื่องที่เขาบูลลี่ส่วนสูงของผมอยู่
"อย่าบอกนะว่านายคือตัวแทนของกลุ่ม" แคนทัสชะเง้อมองข้างหลังผมดูให้แน่ใจว่ามีสมาชิกคนอื่นตามมาอีกหรือเปล่า
"ครับ คุณคงคิดว่าเป็นหน้าที่ที่เหมาะกับผมสินะครับ" หน้าที่เบ๊น่ะ
แคนทัสเลิกคิ้ว "นายค่อนข้างเป็นเด็กฝึกที่มีความมั่นใจเสียเหลือเกินนะ"
ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด จึงได้แต่ก้มศีรษะทำความเคารพเขาแล้วรีบเดินหนี
...ถ้าอยู่ใกล้แคนทัสนานกว่านี้ ผมต้องหัวใจวายตายจริง ๆ แน่...
ที่แย่คือแคนทัสยังคงเดินตามผมมาติด ๆ
"ทำอะไรครับ?" ผมถามในที่สุด
"จะไม่เปลี่ยนใจจริง ๆ เหรอ?...ถ้าลงทะเบียนแล้วจะถอยกลับไม่ได้แล้วนะ"
ผมไม่ตอบ เพราะผมไม่คิดจะถอยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่อเข้ามาในล็อกเกอร์โดม ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ที่ว่างที่สุด บนนั้นปรากฏภาพไอคอนนอนหลับ
ผมกระแอมหนึ่งทีแล้วภาพไอคอนก็เปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม
"ผมมาลงทะเบียนกลุ่มสี่ครับ"
เอไอพยักหน้าและบอกให้ผมรอสักครู่
ระหว่างนั้นแคนทัสยังคงไม่จากไปไหน เขายืนพิงตู้ล็อกเกอร์จ้องมองผมไม่วางตา
"นี่จะเมินคำเตือนของฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?"
"..." ผมเบนสายตาหนี
"นี่"
"..." ผมแสร้งทำเป็นผิวปาก
สุดท้ายแคนทัสก็เอื้อมมือมาบีบกรามของผม รั้งให้ผมหันกลับไปมองเขาตรง ๆ
"ฟังสิ"
"ผะ ผมฟังอยู่" ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก หน้าผากและแก้มแดงเรื่อประหนึ่งคนป่วยไข้สูง "คุณมีอะไรอีกครับ ถ้าจะบอกให้ผมล้มเลิกละก็ไม่สำเร็จหรอก"
"ทำไมชีวิตนี้ฉันถึงได้เจอแต่เด็กดื้อนะ"
"ผมไม่ใช่เด็ก"
"แต่ก็ดื้อใช่ไหมล่ะ"
"นั่นไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย!" ผมพยายามขยับหนี
ในตอนที่เอไอกลับมาปรากฏบนจอพร้อมกับช่องสแกน ผมรีบวางมือลงบนแถบสแกนนิ้วมือ แสงสีเขียวเคลื่อนผ่านใต้ฝ่ามือของผม วินาทีต่อมาเจ้าเอไอก็พูดว่า
"ลงทะเบียนเสร็จสิ้น ขอให้หัวหน้ากลุ่มสี่นำริสแบนด์สะสมคะแนนไปให้สมาชิกในกลุ่ม...ครับ"
ผมรับริสแบนด์มา แต่ยังคงมึนงงกับสถานะที่เจ้าเอไอเรียกผม
"หัวหน้ากลุ่ม?"
"เฮ้อ~" แคนทัสถอนหายใจ
ผมกำลังพยายามตีความคำพูดของเอไอ แคนทัสจึงช่วยอธิบายให้มันง่ายขึ้นด้วยกันวางมือลงบนไหล่ของผมพลางกระซิบเสียงเบา
"ยินดีด้วยหัวหน้ากลุ่มสี่ หวังว่านายจะเป็นผู้นำที่ดีในการทดสอบนะ"
...
"หา?"