ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,ชาย-ชาย,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,#BL,แฟนตาซี,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจทวงคืนวัยหนุ่มของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
นี่ไม่ใช่การแนะนำเรื่องของนักเขียนหน้าเห็ดงี่เง่าที่ทำลายชีวิตผม แต่เป็นพื้นที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมของตัวละคร!
สวัสดีนะคนที่ผ่านมา ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คุณต้องมีจิตใจดีกว่าคนที่เขียนเรื่องของผมขึ้นมาแน่
คืองี้ ผมชื่อฮาร์วีย์ ใช่ ผมเป็นนายเอกของนิยายห่วยแตกเรื่องนี้ ผมอัดอั้นมานาน ไหน ๆ คุณก็ผ่านมาแล้ว ช่วยฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน คุณจะได้เห็นว่านักเขียนคนนี้กลั่นแกล้งผมขนาดไหน
แรกเริ่มเดิมที ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีความฝันอยากแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคน แต่เจ้านักเขียนนั่นก็ทำให้ชีวิตของผมย่อยยับด้วยมือทั้งสองข้างและคอมพิวเตอร์โง่ ๆ ของเขา ตั้งแต่การเขียนให้ผมมีชีวิตอนาถา พ่อแม่ตายตอนเจ็ดขวบ ถูกปูไล่หวดเพราะไม่ยอมเรียนเรื่องยา พอหนีออกจากบ้านมาหาผู้ ก็ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่!
มันเกินไปมั้ย!
ผมพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้อยู่กับชายที่ผมแอบชอบมาตั้ง 10 ปี แล้วดูสิ ความหล่อที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตหายวับไปกับตา เหลือแต่ผิวเหี่ยว ๆ หนังย่น ๆ และเสียงแหบ ๆ ไม่มีส่วนไหนที่สามารถใช้เป็นอาวุธตกผู้ได้เลย!
ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังต้องออกเดินทางด้วยสภาพอิดโรยไปหาเรื่องเสี่ยงตายต่าง ๆ นานาเพื่อทวงเอาอายุขัยและวัยหนุ่มแสนรุ่งเรืองของผมคืนมา
ใช้งานตัวละครหนักชะมัด! เงินเดือนผมก็ไม่ได้นะเนี่ย!
อะไรนะ? ...มีอีกไหมเหรอ?
โอ้! นี่ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เจ้านักเขียนคนนี้ทำกับผม ถ้าทุกคนอ่านต่อไปก็จะได้รู้เองว่าเจ้าเห็ดสีน้ำเงินคนนี้มันร้ายกาจขนาดไหน
โปรดเอาใจช่วยผมให้รอดพ้นจากโชคชะตาที่แสนเลวร้ายครั้งนี้ด้วย
**นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง เนื้อหา ตัวละคร สถานที่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเรื่องสมมติเท่านั้น**
***คำเตือน : เนื้อหาในนิยายมีการใช้ความรุนแรง ฉากฆ่าฟันนองเลือด กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างมากในการอ่าน ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาดเลยนะฮะ***
การทดสอบของผมจบแล้ว
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมสลบไป คิดว่าคงมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหอบร่างของผม และนำมาไว้ที่ห้องพยาบาล
ผมยังคงรู้สึกเจ็บทั่วร่างกาย เหมือนกับมีเข็มเล่มเล็ก ๆ ทิ่มแทงอยู่ตามจุดต่าง ๆ
สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือพักผ่อน จนกว่าผมจะมีแรงมากพอให้ลุกจากเตียง
แต่แล้ววินาทีต่อมาผมก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับไหล่ข้างที่หลุดของผม คนคนนั้นดัดกระดูกของผมเข้าที่ดัง กึก! แล้วผมก็แหกปากร้อง
"อ๊ากกก!"
ดวงตาที่เคยปิดสนิทเบิกกว้าง ผมหอบหายใจแรงขณะหันไปมองหน้าคนที่ดัดกระดูกของผมโดยพลการ
แสงไฟบนเพดานแยงตา ทำให้ผมมองเห็นคนคนนั้นไม่ชัด นอกจากนี้ศีรษะของผมยังหมุนควง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนเรือเล็กท่ามกลางพายุคลื่นลมแรง
ร่างสูงที่อยู่ข้าง ๆ เวลาที่ผมเจ็บป่วย มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคน
"ปู่?" ผมพึมพำ
"...ฉันรู้ว่าฉันอายุเยอะกว่านาย แต่ก็คงไม่แก่ถึงขั้นต้องเรียกว่าปู่หรอกมั้ง"
น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นทำให้ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีทันใด ผมส่ายหน้า ขยี้ตา เพ่งมองดี ๆ ถึงได้เห็นว่าชายคนนั้นที่ต่อไหล่ให้ผมไม่ใช่ปู่ แต่เป็นแคนทัส ชายหนุ่มที่ผมแอบชอบ
...นี่ฉันเรียกคนหน้าตาดีขนาดนี้ว่า ปู่ ได้ยังไงกัน...ผมก่นด่าตัวเอง
"เด็กฝึก?" แคนทัสเรียกเมื่อเห็นผมเหม่อลอย
"ครับ ครับผม"
แคนทัสจ้องมองผม "ไม่มีอะไรจะถามฉันเหรอ?"
...ทำไมคุณถึงหล่อขนาดนี้?...
...คุณกินอะไรเข้าไป ถึงได้ทั้งหุ่นดี และสูงขนาดนั้น?...
...เสียงของคุณจำเป็นต้องไพเราะขนาดนี้เลยเหรอ?...
อืม...ผมคิดว่านั่นคงไม่ใช่คำถามที่แคนทัสอยากได้ยินสักเท่าไร
"ว่าไง"
ผมกะพริบตาปริบ ก่อนจะค่อย ๆ หันมองไปรอบ ๆ
ผมอยู่ในห้องพยาบาลที่ไม่คุ้นเคย บางทีมันอาจจะเป็นห้องพยาบาลในสนามสอบก็ได้
รอบตัวของผมมีผ้าม่านสีขาวปิดเอาไว้ มันถูกแบ่งเป็นห้องขนาดเล็ก หูได้ยินเสียงรองเท้าเดินเข้าออกและเสียงพูดคุยของทีมแพทย์ที่ตะโกนไปมาประมาณว่า กระดูกซี่โครงของเตียงสามหักสามท่อน ปอดฉีกขาด เราต้องการเลือดเพิ่ม ไม่มีห้องผ่าตัดเพียงพอแล้ว!
ผมกลืนน้ำลาย ก้มมองสภาพร่างกายของตัวเอง
แขนข้างที่เคยไหล่หลุดค่อย ๆ กลับมาขยับได้ ต้องขอบคุณแคนทัส ส่วนอีกข้างถึงผิวจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แต่ก็ยังดีที่เลือดหยุดไหลแล้ว
ถึงสภาพร่างกายโดยรวมของผมจะยับยู่ยี่ แต่อย่างน้อยหัวใจของผมก็ยังเต้น นั่นถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว
"เอ่อ...ผมนึกว่าจะได้เจอคาเรลเป็นคนแรกซะอีก เธอบอกว่า..."
"จะรอที่ห้องพยาบาล" แคนทัสพูดแทน เขากอดอก "เธออยู่ที่นี่จนถึงเมื่อครู่ ก่อนที่ฉันจะไล่ให้ไปหาอะไรกิน"
"โอ้..." ผมคิดว่าแบบนั้นก็ดี เพราะถ้าคาเรลยังอยู่ เธอต้องบ่นผมจนหูชาแน่
แคนทัสยังคงรอให้ผมถามต่อ
"เอ่อ...ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วครับ"
"ครึ่งวัน" แคนทัสตอบ
"ครึ่งวัน!?"
ผมค่อนข้างประหลาดใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้
"ฉันได้ดูการทดสอบของกลุ่มสี่แล้ว" แคนทัสบอก
"คุณได้ดู?" ผมเอียงคอ "ดูยังไงครับ?"
แคนทัสจิ้ม ๆ บนนาฬิกาข้อมือของเขา แล้วจู่ ๆ ก็มีภาพหน้าจอฮอโลแกรมขนาดเล็กที่กำลังถ่ายทอดสดการแข่งขันของเด็กฝึกกลุ่มอื่นเด้งขึ้นมา
ทีนี้ผมก็ได้รู้แล้วว่าแคนทัสดูพวกเราจากไหน
ผมคิ้วขมวด "แต่ตอนที่ผมสอบ คุณก็น่าจะกำลังคุมสอบอยู่นี่ครับ"
แคนทัสเลิกคิ้ว "คุมสอบแล้วดูการสอบคนอื่นไปด้วยไม่ได้อย่างนั้นหรือ?"
...ถ้าเป็นคนปกติก็คงทำไม่ได้หรอกครับ...ผมไม่ได้กล่าว
แคนทัสกระตุกยิ้มราวกับอ่านความคิดของผมได้
ผมรีบเบนสายตาหนีก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะทำให้ผมใจละลายไปมากกว่านี้
ข้างเตียงผู้ป่วยของผม มีกล่องพยาบาลวางอยู่บนเก้าอี้ ผมหยิบกล่องพยาบาล ฟังจากเสียงวิ่งวุ่นของเจ้าหน้าที่พยาบาล ผมคิดว่าคงไม่มีใครว่างพอจะมาช่วยทำแผลให้ผมหรอก
...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วทำแผลไปเลยแล้วกัน...
แคนทัสช่วยพยุงผมให้นั่งบนเตียงดี ๆ ขณะมองดูผมทำความสะอาดแผลของตัวเอง
"ฉันไม่เคยเห็นใครยั่วโมโหซาคารัสได้มากขนาดนั้นมาก่อน" แคนทัสบอก
"บอกตามตรง ผมไม่ได้ภูมิใจเท่าไหร่ที่ทำแบบนั้น" ผมปลดผ้าที่พันแขนอย่างยากลำบาก "ผู้บัญชาการซาคารัสคงขึ้นบัญชีหนังหมาผมแน่"
แคนทัสไม่ได้ให้กำลังใจผม เขาเพียงแค่พยักหน้า ราวกับจะพูดว่า...ใช่ ซาคารัสทำแบบนั้นแน่
...ฮ่า สบายใจขึ้นเยอะเลย...(ผมประชด)
"อึก!" ผมชะงักเพราะขยับแขนข้างที่เคยไหล่หลุดมากเกินไป
"หันมา" แคนทัสฉวยเอาผ้าพันแผลไปจากมือของผม "ฉันจะทำแผลให้"
"ครับ?"
แม้จะยังมึนงงแต่ร่างกายของผมกลับตอบสนองทำตามคำสั่งของแคนทัส
ผมนั่งหลังตรง ตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากรูปปั้นแกะสลัก มองดูแคนทัสช่วยพันแผลให้ตาละห้อย
"จะไม่ถามเหรอว่าฉันมาหานายทำไม?"
เสียงของแคนทัสทำให้ผมได้สติ "ครับ...ทำไมหรือครับ?"
แคนทัสถอนหายใจ "ฉันมาเพื่อขอบคุณ"
"ขอบคุณหรือครับ?" ผมเอียงศีรษะ "ขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ?"
แคนทัสไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ และตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้ผมต่อ
ผมลองทบทวนเรื่องราว นึกถึงนัยน์ตาเป็นกังวลของแคนทัสตอนที่รู้ว่าซาคารัสเป็นผู้ทดสอบกลุ่มของผม
"เกี่ยวกับคาเรลหรือเปล่าครับ" ผมเดา
คำถามของผมทำให้มือแคนทัสหยุดชะงัก และการที่เขาไม่ตอบแปลว่าผมเดาถูก...
"ผมไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคาเรลเป็นยังไง แต่ถ้ามันคือความลับ ผมก็สัญญาว่าจะไม่ปากโป้ง"
แคนทัสจ้องมองเข้ามาในตาของผมราวกับจะจับผิด แต่เมื่อเขาพบว่าผมไม่มีเจตนาร้าย เขาก็ถอนหายใจ
"เธอเป็นเด็กที่ฉันเก็บมาเลี้ยงน่ะ"
"ลูก?"
"เป็นเหมือนน้องสาวมากกว่า?"
"อ้ออออ"
ผมลากเสียงยาวด้วยความโล่งอก ผมสนิทกับคาเรล ถ้าจะให้มองเธอเป็นลูกสาว ผมคงรู้สึกแปลกตงิด...
อะไร?...เปล่านะ ผมไม่ได้จินตนาการอะไรแปลก ๆ เสียหน่อย
"ทุกคนในศูนย์ฝึกรู้ดีว่าฉันเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนั้น"
"ก็เลยเป็นห่วงเธอสินะครับ"
"อืม" แคนทัสจ้องหน้าผม "ขอบคุณที่ปกป้องเด็กคนนั้น"
ด้วยระยะห่างไม่ถึงคืบ บวกกับน้ำเสียงกึ่งกระซิบ และใบหน้าหล่อเหลาของแคนทัส ทำเอาผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ
"พะ พอก่อนครับ" ผมรีบยกมือขึ้น "ถ้าใกล้กว่านี้ เดี๋ยวผมจะตายเอา"
แคนทัสดูงุนงงในตอนแรก แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
"อ้อ...เรื่องที่นายชอบฉันสินะ"
"!!" ผมถึงกับสำลัก "คะ ครับ?...คะ คุณรู้?"
แคนทัสพยักหน้า
(ผมช็อกครั้งที่หนึ่ง)
"คาเรลเล่าให้ฟัง" แคนทัสบอกโดยที่ผมยังไม่ทันได้ถาม
ไม่แน่ว่าบางทีสีหน้าของผมในตอนนี้อาจจะกำลังถามเขาอยู่ก็ได้
...คาเรลลลลล!!!...
...เธอไม่ต้องรายงานทุกเรื่องกับผู้ปกครองของเธอก็ได้มั้ย!!...
ผมกรีดร้องอยู่ในใจ มองผ่านช่องนิ้วมือที่ยกขึ้นมาปิดหน้าเพื่อดูปฏิกิริยาของแคนทัส
เขาดูไม่สะทกสะท้าน ยังคงนั่งไขว่ห้างมองดูผมเหมือนก่อนหน้านี้
"ระ รู้แบบนี้แล้วคุณ..." ผมกลัวที่จะถามต่อ
แคนทัสเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความคาดหวังจากผม เขาจึงรีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
"สำหรับฉัน ความรักอะไรนั่นของนายเป็นเรื่องไร้สาระ มันไม่จำเป็นกับการต่อสู้ และยิ่งเป็นภาระในการเอาตัวรอด เพราะงั้นฉันคงตอบรับไม่ได้"
(ผมช็อกครั้งที่สอง)
...นะ นี่ผมพึ่งจะอกหักใช่หรือเปล่า...
อืม...คนอกหักเขามีอาการแบบนี้เองสินะ
ผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะเป็นจะตาย อาจเพราะผมเผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งตั้งแต่แรก อย่างไรเสียพวกเราก็เพิ่งทำความรู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ได้ไม่นาน ไม่แปลกที่เขาจะไม่มีความสนใจในตัวผม
"หืม?" แคนทัสหรี่ตาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "ไม่เห็นเป็นแบบที่คาเรลบอกเลย"
"คาเรลบอกว่าอะไรหรือครับ?"
"เธอบอกว่า ถ้าฉันพูดตรงเกินไปจะทำให้นานเจ็บปวด อาจจะร้องไห้ฟูมฟายได้"
"..."
"นายก็ดูปกติดีนี่"
ผมฝืนยิ้ม "อย่าจี้ปมกันนักเลยครับ คุณไม่ควรล้อเล่นกับหัวใจของหนุ่มน้อยนะ"
"ฉันไม่เข้าใจ"
"เฮ้อ..." ผมถึงกับถอนหายใจ
นอกจากจะถูกหักอกแล้ว ผมยังต้องมาสอนเรื่องมารยาทพื้นฐานในการปฏิเสธคนอื่นให้กับคนที่หักอกผมอีกหรือ
แคนทัสจ้องผมไม่วางตา ราวกับกำลังรอคำอธิบาย
ผมก้มมองผ้าพันแผลที่แคนทัสปฐมพยาบาลให้ มันหลุดลุ่ยเละเทะ เนื่องจากมัดไม่แน่นพอ
"ไม่ได้เรื่องเลย" ผมพึมพำ
"ไงนะ?" แคนทัสดูจะช็อกที่ผมวิจารณ์ฝีมือการทำแผลของเขา
"คุณทำแผลไม่เก่งเลยสักนิด" ผมพูดขณะแกะผ้าพันแผลและพันใหม่อีกครั้ง "พอจะรู้แล้วว่าคาเรลทำแผลไม่เก่งเหมือนใคร"
แคนทัสเบะปาก "นี่ออกจะแรงอยู่นะเด็กฝึก เห็นแบบนี้ฉันก็ตั้งใจทำให้..." ร่างสูงหยุดพูด
"เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ" ผมถาม "ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่อีกฝ่ายก็ทำให้ด้วยความหวังดี ดังนั้นเราควรรักษาน้ำใจของกันและกัน..."
"..."
"การที่คุณบอกว่าความรักของผมเป็นเรื่องไร้สาระ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมบอกว่าทักษะการทำแผลของคุณไม่ได้เรื่องนั่นแหละ คุณปฏิเสธผมตรง ๆ ได้แต่ไม่จำเป็นต้องวิจารณ์ความรู้สึกของผม..."
"..."
"เพราะเรื่องไร้สาระของคุณ อาจจะเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของผมก็ได้..." ผมยิ้ม "ถ้าคำพูดที่ผมใช้มันรุนแรงเกินไปก็ขอโทษด้วยนะครับ"
แคนทัสพ่นลมหายใจ "ไม่สิ ฉันควรจะขอโทษมากกว่า"
ผมไม่ได้คาดหวังให้แคนทัสขอโทษผมขนาดนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หยิ่งผยองจนไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง และนั่นแหละคือส่วนที่ผมชอบในตัวเขา
"พอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมซาคารัสถึงแพ้" แคนทัสยกยิ้ม
"อึก...ไม่พูดถึงเรื่องนั้นแล้วได้ไหมครับ"
ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนั้น ผมรู้สึกเย็นวาบแผ่นหลังตลอดเลย
"เขาคงจะไม่หักคะแนนผม เพราะเรื่องที่ผมไปพูดแทงใจดำเขาใช่หรือเปล่า" ผมเริ่มกังวล
"เขาทำแน่" แคนทัสตอบตามตรง
โอ้...เยี่ยม!
"ผู้ชายคนนั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นสุด ๆ" แคนทัสยกยิ้ม และพูดเหมือนจะล้อเลียนผม "เพราะงั้นฉันเลยไม่ภักดีต่อเขาไง"
"นี่คุณได้ยินทั้งหมดเลยสินะ"
แคนทัสพยักหน้า แล้วผมก็อยากจะเอาหน้าจุ่มถังแอลกอฮอล์ตายไปเสีย
"ไม่เป็นไรน่า ยังไงนายก็ผ่านการทดสอบ แถมยังเป็นคนทำให้ทีมผ่านด้วย พวกผู้ใหญ่บนอัฒจันทร์คงจ้องจะคว้าตัวนายตาเป็นมันเลยล่ะ...ไม่แน่ ซาคารัสเองก็คงอยากได้ตัวนายเหมือนกัน"
"ไหนบอกว่าเขาเจ้าคิดเจ้าแค้นไงครับ"
"ก็นะ ถ้าฉันเป็นเขา คงจะดีกว่าถ้าเก็บคนที่ดูอันตรายที่สุดไว้ใกล้ตัว" นัยน์ตาของแคนทัสดูเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ผมเลยถามออกไปตามตรง
"คุณจะเลือกผมเข้าทีมของคุณไหมครับ"
แคนทัสมองผมอย่างกับผมเพิ่งตกลงมาจากดวงจันทร์อย่างไรอย่างนั้น
เขาไม่ตอบ แค่วางมือลงบนศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา แล้วบอกว่า
"ฉันว่าฉันไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์เลือกนะ"
ผมไม่เข้าใจ "แต่ว่าหลังรวมคะแนน เหล่าครูฝึกจะต้องเลือกลูกทีมในสังกัดของตัวเองไม่ใช่หรือครับ? หรือผมเข้าใจผิด?"
แคนทัสไม่ตอบ เขาดูสนุกที่เห็นผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
เขาค่อย ๆ ดันตัวผมลงบนเตียงนอน จากนั้นก็ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้
"พรุ่งนี้มีการวัดระดับทักษะรายบุคคล...พักผ่อนเถอะ วันนี้นายทำได้ดีแล้ว"
ผมทำหน้ามุ่ยเพราะยังรู้สึกคาใจ
แคนทัสวางมือลงบนหน้าผากของผม น่าแปลกที่ฝ่ามืออุ่น ๆ ของเขาทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
"ไม่ต้องกังวลไปเจ้าตัวเล็ก ถึงเวลานายก็จะเข้าใจเอง"
ผมหลับตา แล้วแคนทัสก็เดินจากไป