ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,ชาย-ชาย,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,#BL,แฟนตาซี,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจทวงคืนวัยหนุ่มของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์อุตส่าห์ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาทำงานที่เดียวกับชายที่ตนหลงรัก แต่แล้วจู่ ๆ เขากลับตื่นขึ้นในกองขยะ และพบว่าตนเองกลายเป็นตาแก่ไปเสียแล้ว...ร่างกายแบบนี้จะจีบผู้ติดได้ยังไงกัน! เอาวัยหนุ่มของฉันคืนมานะ!
นี่ไม่ใช่การแนะนำเรื่องของนักเขียนหน้าเห็ดงี่เง่าที่ทำลายชีวิตผม แต่เป็นพื้นที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมของตัวละคร!
สวัสดีนะคนที่ผ่านมา ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คุณต้องมีจิตใจดีกว่าคนที่เขียนเรื่องของผมขึ้นมาแน่
คืองี้ ผมชื่อฮาร์วีย์ ใช่ ผมเป็นนายเอกของนิยายห่วยแตกเรื่องนี้ ผมอัดอั้นมานาน ไหน ๆ คุณก็ผ่านมาแล้ว ช่วยฟังผมบ่นหน่อยแล้วกัน คุณจะได้เห็นว่านักเขียนคนนี้กลั่นแกล้งผมขนาดไหน
แรกเริ่มเดิมที ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีความฝันอยากแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ สักคน แต่เจ้านักเขียนนั่นก็ทำให้ชีวิตของผมย่อยยับด้วยมือทั้งสองข้างและคอมพิวเตอร์โง่ ๆ ของเขา ตั้งแต่การเขียนให้ผมมีชีวิตอนาถา พ่อแม่ตายตอนเจ็ดขวบ ถูกปูไล่หวดเพราะไม่ยอมเรียนเรื่องยา พอหนีออกจากบ้านมาหาผู้ ก็ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่!
มันเกินไปมั้ย!
ผมพยายามแทบตายเพื่อที่จะได้อยู่กับชายที่ผมแอบชอบมาตั้ง 10 ปี แล้วดูสิ ความหล่อที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตหายวับไปกับตา เหลือแต่ผิวเหี่ยว ๆ หนังย่น ๆ และเสียงแหบ ๆ ไม่มีส่วนไหนที่สามารถใช้เป็นอาวุธตกผู้ได้เลย!
ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังต้องออกเดินทางด้วยสภาพอิดโรยไปหาเรื่องเสี่ยงตายต่าง ๆ นานาเพื่อทวงเอาอายุขัยและวัยหนุ่มแสนรุ่งเรืองของผมคืนมา
ใช้งานตัวละครหนักชะมัด! เงินเดือนผมก็ไม่ได้นะเนี่ย!
อะไรนะ? ...มีอีกไหมเหรอ?
โอ้! นี่ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เจ้านักเขียนคนนี้ทำกับผม ถ้าทุกคนอ่านต่อไปก็จะได้รู้เองว่าเจ้าเห็ดสีน้ำเงินคนนี้มันร้ายกาจขนาดไหน
โปรดเอาใจช่วยผมให้รอดพ้นจากโชคชะตาที่แสนเลวร้ายครั้งนี้ด้วย
**นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง เนื้อหา ตัวละคร สถานที่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเรื่องสมมติเท่านั้น**
***คำเตือน : เนื้อหาในนิยายมีการใช้ความรุนแรง ฉากฆ่าฟันนองเลือด กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างมากในการอ่าน ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาดเลยนะฮะ***
"แล้วสามกลุ่มก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหนหรือครับ?"
ผมถามระหว่างที่เดินตามเลขาสาวไปยังห้องวัดระดับทักษะ
ผู้หญิงคนนั้นตอบโดยไม่หันกลับมามอง "อีกเดี๋ยวพวกคุณก็จะได้รู้เองค่ะ"
กึก!
พวกเรามาหยุดอยู่หน้าประตูไม้โอ๊คบานหนึ่ง ผ่านประตูบานนั้นเข้าไป เป็นเส้นทางคับแคบจนต้องเดินเรียงแถวเข้าไปทีละคน ไม่ไกลจากทางเข้าเราก็เจอประตูอีกบาน ซึ่งเหมือนกับบานเมื่อครู่ทุกกระเบียบนิ้ว
ผมรู้ได้ทันทีว่าสถานที่ที่เรากำลังมุ่งหน้าไป ถูกสร้างเป็นห้องเก็บเสียง
คิ้วของผมขมวดมุ่น ข้อมูลการวัดระดับทักษะและคะแนนการสอบเป็นความลับขนาดนั้นเลยหรือ ถึงต้องมาจัดอยู่ในห้องเก็บเสียงมิดชิดขนาดนี้
ภายใต้แสงไฟสลัว ผมเห็นคาเรลจับมืออาธีน่าแน่น สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก อาธีน่าเองก็ดูกังวลกับท่าทางผิดปกติของคาเรลอยู่ไม่น้อย
เลขาสาวเปิดประตูบานที่สอง แล้วเบื้องหน้าก็ปรากฏห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ทางเดินพื้นกระเบื้องค่อย ๆ แคบลงจนเป็นทางเดินเล็ก ๆ สองข้างทางเป็นหลุมลึกดำมืด
ไม่อยากจินตนาการเลยว่าหากผมตกลงไปจะเป็นอย่างไร
"ที่แบบนี้มาอยู่ในสนามสอบได้ยังไงกัน" โอเว่นพึมพำ
ผมเข้าใจเขา เพราะในหัวของผมก็มีคำถามนั้นผุดขึ้นมาทุก ๆ สามวินาทีเหมือนกัน
แสงไฟสีขาวห้อยลงมาจากด้านบน มันไม่ค่อยสว่างเท่าไร เราจึงทำได้เพียงเดินตามหลังเลขาสาวไปเรื่อย ๆ
ไม่นานพื้นทางเดินแคบ ๆ ก็ค่อย ๆ ขยายออก กลายเป็นระเบียงวงกลมกลางหลุมดำขนาดใหญ่
"เชิญ"
เลขาสาวผายมือให้พวกเราไปยืนยังจุดกึ่งกลางของระเบียง จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ก้าวถอยไปยืนรอด้านหลัง
พรึบ!
ทันใดนั้นห้องที่เคยมีเพียงแสงไฟสลัวก็สว่างวาบ
ผมและเพื่อน ๆ พากันก้มหน้า ไม่ก็ยกแขนขึ้นกันแสงเข้าตา
ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าพวกเราจะปรับการมองเห็นได้
ทันใดนั้นผมก็ค้นพบว่าตัวเองไม่เข้าใจโครงสร้างของสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
เริ่มจากที่ที่เรายืนอยู่ ผมเข้าใจว่ามันเป็นระเบียงที่ถูกโอบล้อมไปด้วยหุบเหวลึก แต่ในความเป็นจริงผมกับเพื่อน ๆ กำลังยืนอยู่ก้นเหวลึกนั้นต่างหาก...
พื้นมืดมิดที่แสงไฟส่องไม่ถึง เป็นพื้นต่างระดับที่ถูกยกสูงขึ้นเป็นอัฒจันทร์เหนือศีรษะ มันโอบล้อมพวกเราเป็นวงกลม เหมือนโดนัทที่มีเด็กฝึกตัวเล็ก ๆ ห้าคนเป็นไส้ตรงกลาง
อย่างที่สองที่ผมเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ นั่นคือมันไม่ได้ถูกสร้างเป็นห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวแต่อย่างใด
พื้นที่ว่างบนอัฒจันทร์ต่างถูกจับจ้องโดยผู้คนสวมเสื้อคลุมสีขาว คาเรลเคยบอกว่าคนเหล่านั้นคือผู้ประเมินจากเมืองหลวง
เหล่าผู้ประเมินต่างมีสีหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ ซึ่งดูต่างจากครั้งก่อนที่ผมเคยเห็น แล้วผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นสัตว์ในกรงที่กำลังถูกนักท่องเที่ยวจ้องมองอย่างสนุกสนาน
"มากันแล้วสินะ กลุ่มเจ้าปัญหา"
เสียงนั้นทำให้แผ่นหลังของพวกเราเกร็งกระตุก
ชั้นที่อยู่สูงกว่าอัฒจันทร์ของเหล่าผู้ประเมิน เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับเหล่าครูฝึก ผู้บัญชาการระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง แน่นอนว่าซาคารัสก็นั่งอยู่บนนั้นด้วย
เขาลูบเครายาวขณะจ้องมองมาที่ผม แต่ผมกำลังมีสมาธิกับการเพ่งมองความหล่อของแคนทัสที่ยืนรวมอยู่กับผู้บัญชาการระดับสูงคนอื่น ๆ
ในเวลาต่อมา บนพื้นเบื้องหน้าก็ปรากฏฐานวงกลมขนาดเล็กเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน เลขาสาวบอกให้เราเดินเข้าไปยืนบนแท่น แล้วจู่ ๆ ไฟในห้องทั้งหมดก็ดับลง พวกเราถูกความมืดกลืนกิน ดีที่ไม่กี่วินาทีต่อมาห้องก็กลับมาสว่างอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นฟาวล์คงได้กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งออกมาจริง ๆ แน่
"อะไร! เกิดอะไรขึ้น!" ฟาวล์หมุนตัวไปมาบนแท่นยืนของเขา
แสงที่สว่างขึ้นอีกครั้งไม่ใช่สีขาวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นสีเหลืองทอง ย้อมให้สถานที่ที่ดูเหมือนห้องตัดสินคดีแห่งนี้อบอุ่นในพริบตา
เหล่าผู้ประเมินที่อยู่บนอัฒจันทร์ปรบมือ ขณะที่ซาคารัสหัวเราะเสียงดังและประกาศว่า
"ยินดี ยินดีด้วยกลุ่มสี่ ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นกลุ่มที่ได้อันดับสามของการสอบปีนี้นะ"
...อันดับสาม? กลุ่มเราน่ะนะ?...
ผมงุนงงในขณะที่ฟาวล์กระโดดโลดเต้นไปมา "เย้! เราได้ที่สาม ที่สามล่ะ ยอดไปเลย!"
ผมก็เกือบจะดีใจตามฟาวล์แล้ว ถ้าไม่บังเอิญสังเกตเห็นท่าทางตึงเครียดจากเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่ม
คาเรลก้มหน้าจับมืออาธีน่าแน่น ส่วนโอเว่นก็เอาแต่กอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซึ่งเขามักจะทำแบบนั้นเวลาที่รู้สึกไม่ปลอดภัย
เหนือสิ่งอื่นใด ผมเห็นซาคารัสกำลังมองมาที่ผมราวกับกำลังรอเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
ผู้บัญชาการสูงสุดยกมือ "เอาล่ะ ๆ ถึงกลุ่มของพวกเธอจะได้ที่สามในการทดสอบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคะแนนเดี่ยวของพวกเธอจะเป็นที่น่าพอใจนัก" เขาแสยะยิ้มและถลึงตาใส่ผม "มีใครคนนึงในกลุ่มของพวกเธอทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง..."
นิ้วมือของผมกำแน่น
แต่ฟาวล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับร้องออกมา "ไม่นะ...เขาต้องหมายถึงฉันแน่เลย"
ไม่แปลกที่ฟาวล์จะคิดแบบนั้น เพราะในการทดสอบทั้งสามรอบ เขาเอาแต่วิ่งหนีสัตว์กลายพันธุ์ ทั้งยังถูกสัตว์ร้ายล่อลวงจนเกือบจะกลายเป็นมื้อเย็นของมันอีก
"เอาล่ะ" ซาคารัสเอ่ยแล้วผายมือไปด้านหลังซึ่งมีผู้บัญชาการระดับสูงยืนเรียงราย "เลขาของฉันจะประกาศคะแนนเดี่ยวของแต่ละคน คนที่ถูกเอ่ยนามให้ก้าวมาข้างหน้า คนที่ได้คะแนนเกินแปดสิบสามารถเลือกเข้าสังกัดผู้บัญชาการระดับสูงได้"
ฟาวล์เกาศีรษะ "ไม่ใช่ว่าพวกเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกหรือครับ ไหนท่านบอกว่าสามอันดับแรก..."
"ปกติก็ใช่" ซาคารัสยักไหล่ "แต่กลุ่มของพวกเธอดันมีอยู่คนนึงที่ได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ คะแนนของคนคนนั้นทำให้กลุ่มของพวกเธอได้แค่ที่สามไงล่ะ"
ฟาวล์ได้ฟังก็ยิ่งหน้าเสีย เขากลืนน้ำลายและคิดว่าถึงอย่างไรคนคนนั้นก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
แต่ผมกลับไม่คิดว่า คนคนนั้น ที่ซาคารัสพูดถึงคือฟาวล์เลยแม้แต่น้อย ทำไมผมถึงมั่นใจงั้นเหรอ?...เพราะว่าทุกครั้งที่ซาคารัสพูดคำว่า คนคนนั้น เขาจะมองมาที่ผมตลอดเลยน่ะสิ...
"คนที่ผ่านเกณฑ์สามารถเลือกเข้าสังกัดที่ต้องการได้ทันทีหลังจบการวัดระดับทักษะ" ซาคารัสอธิบาย "ส่วนคนที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ จะมีโอกาสสองรอบ รอบแรกคือหลังประกาศคะแนนสอบ และหลังวัดระดับทักษะ หากทั้งสองรอบไม่มีคนเลือกเลย เราก็คงต้องแสดงความเสียใจกับคนคนนั้น..."
"แล้วถ้า...มีคนเลือกทั้งรอบแรกและรอบสองล่ะครับ?" ฟาวล์ถาม
"อืม...งั้นคนคนนั้นก็จะมีสิทธิ์เลือกเหมือนคนอื่น"
ฟาวล์ถอนหายใจ เขาลูบแผงอกขึ้นลงราวกับพยายามไล่ความกังวลออกไป
"ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลยเถอะ" ซาคารัสดีดนิ้วแล้วเลขาของเขาก็ก้าวออกมาจากเงามืด
"เช่นนั้นฉันจะประกาศรายชื่อจากคนที่ได้คะแนนมากที่สุดไปน้อยที่สุดนะคะ คนแรก...คาเรล คอร์เดีย"
ผมไม่แปลกใจเลย
ตอนแรกผมคิดว่าโอเว่นจะโวยวาย เพราะเขามักต้องการความเป็นที่หนึ่งเสมอ แต่ครั้งนี้เขาเพียงแค่มองแผ่นหลังของหญิงสาวด้วยความชื่นชม...
คาเรลก้าวมาข้างหน้า เธอมองแคนทัสไม่วางตา
เลขาสาวพูดต่อ "มีความสามารถในการต่อสู้และเอาตัวรอดยอดเยี่ยม เชื่อฟังคำสั่งและประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ทำให้กลุ่มของเธอได้รับชัยชนะ คะแนนที่ได้รับทั้งสิ้น เก้าสิบแปดคะแนน ถือเป็นคะแนนที่เยอะที่สุดในปีนี้"
ผมได้ยินเสียงฮือฮาจากเหล่าครูฝึกและผู้บัญชาการระดับสูง เดาว่าพวกเขาคงกำลังถกเถียงกันว่าใครจะได้ตัวคาเรลไปเข้าร่วมสังกัดของตน
"สาวน้อย เธอสามารถเลือกผู้บัญชาการของเธอได้" เลขาสาววางมือลงบนไหล่คาเรล แต่เพื่อนสาวของผมกลับยิ่งเกร็งมากกว่าเดิม "ไม่ต้องห่วง คุณยังมีเวลาตัดสินใจ ค่อย ๆ คิดในระหว่างที่ฉันประกาศคะแนนคนอื่นนะคะ"
เมื่อคาเรลถอยกลับมายืนอยู่บนแท่นของตัวเอง เลขาสาวก็เริ่มประกาศรายชื่อของคนที่ได้คะแนนอันดับที่สอง
"โอเว่น ไพรส์"
โอเว่นสูดหายใจ เชิดหน้าขึ้นและเดินออกไป
"กล้าหาญ ไม่หวั่นเกรง มีความสามารถและพละกำลังในการต่อสู้มหาศาล ดุดันและมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด คะแนนที่ได้รับทั้งสิ้น เก้าสิบห้าคะแนน..."
เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินเสียงฮือฮาจากกลุ่มครูฝึกและผู้บัญชาการระดับสูง
โอเว่นพ่นลมหายใจ ราวกับว่าเขาได้ยกภูเขาลูกโตออกจากอก
ผมไม่สังเกตเลยว่าท่าทางเงียบขรึมที่โอเว่นแสดงออกเสมอมา คือท่าทางของความไม่มั่นใจในตัวเอง...
ผมเคยคิดว่าเขาเป็นพวกที่เอาชนะปัญหาและเรื่องหนักใจได้ด้วยกำลังและกล้ามแขนบึกบึนของเขาเสียอีก...
คนที่ถูกขานชื่อคนต่อไปคืออาธีน่า แต่เพื่อนสาวตัวโตกลับเอาแต่ยืนอยู่กับที่ ร่างโอนไปเอนมา ดวงตาปิดปรือเพราะเพิ่งจะเคลิ้มหลับได้ไม่นาน
เลขาสาวกระแอม "อาธีน่า อลาริค"
คาเรลสะกิดเพื่อนของเธอ อาธีน่าสะดุ้งโหยงพร้อมตะโกนว่า "ไก่งวงอร่อย!"
แล้วทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความเงียบ
เหล่าครูฝึกเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจในการเลือกหญิงสาวคนนี้สักเท่าไร
"นั่น...น่าสนใจทีเดียว" เลขาสาวพยายามแก้สถานการณ์ เธอยิ้มและประกาศคะแนนของอาธีน่า "หญิงสาวผู้มีพละกำลังมากกว่าชายหนุ่ม เชื่อฟังคำสั่ง อดทน และ..." เลขาสาวหันไปเห็นอาธีน่ากำลังยิ้มยิงฟันให้เธอ "และเอ่อ...เป็นมิตร"
"คะแนนรวมทั้งสิ้น แปดสิบเจ็ดคะแนน"
...
อาธีน่าดูไม่สะทกสะท้านกับคะแนนสอบของเธอเสียเท่าไร อาจเพราะเธอกำลังง่วนอยู่กับการแกะเส้นผมที่พันเป็นก้อนของตัวเอง
เลขาสาวถึงกับคิ้วกระตุก เธอวางมือลงบนไหล่ของอาธีน่า พูดอย่างใจเย็น
"ที่รักจ๊ะ เธอผ่านเกณฑ์การทดสอบ"
"ผ่าน?" อาธีน่าทำหน้างง ประมาณว่า...ผ่านแล้วมันยังไง?
"ใช่แล้ว...ซึ่งนั่นแปลว่าเธอมีโอกาสเลือกผู้บัญชาการของเธอ"
"เลือกได้เหรอ?" ดวงตาของอาธีน่าเป็นประกาย ก่อนจะชี้ไปที่คาเรลและตะโกนว่า "เลือกคาเรล ฉันเลือกคาเรล!"
เหล่าครูฝึกและผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ต่างพากันกุมขมับ บางคนแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการอาธีน่าเพราะนิสัยประหลาด ๆ ของเธอ ส่วนบางกลุ่มก็เพ่งเล็งเธอเอาไว้เพราะคะแนน และความสามารถระหว่างการทดสอบของเธอ
กว่าเลขาสาวจะอธิบายและพาอาธีน่ากลับไปยืนประจำที่ได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายนาที
ในตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับฟาวล์ที่ยังไม่ถูกขานชื่อ
ฟาวล์มีสีหน้าสิ้นหวัง คิดว่าถึงอย่างไรชื่อต่อไปที่ถูกเรียกก็คงไม่ใช่เขา
ดังนั้นตอนที่เขาได้ยินเลขาสาวประกาศชื่อของตนเอง ดวงตาของเขาก็เบิกโพลง ตกตะลึงพอ ๆ กับเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่ม
"ฟาวล์ โกรฟ ก้าวมาข้างหน้า" เลขาสาวกล่าว
"ครับ?" ฟาวล์มึนงง เขาชี้เข้าหาตัวเองและถามย้ำอีกครั้ง "ผมหรือครับ?...คุณประกาศชื่อผิดหรือเปล่า?"
"ไม่ผิดแน่นอน ฟาวล์ โกรฟ เชิญค่ะ" เลขาสาวผายมือ
ฟาวล์เกาศีรษะ ก้าวไปข้างหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆ
ราวกับแสงไฟทั้งหมดส่องสว่างไปที่ฟาวล์ และทิ้งให้ผมอยู่ในความมืด
หูของผมไม่ได้ยินสิ่งใด แต่คาดเดาว่าเลขาสาวคงจะกำลังประกาศความสามารถต่าง ๆ นานาของฟาวล์และคะแนนรวมที่น่าพอใจของเขา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซาคารัสลุกขึ้นปรบมือให้ฟาวล์ ชื่นชมว่าเขาเป็นเด็กฝึกที่ยอดเยี่ยมอย่างออกนอกหน้า
ผมรับรู้ได้ถึงความเวทนาจากคาเรลและโอเว่นที่กำลังมองผม
...อะไร?...
...ผมไม่เป็นไร...
...ผมสบายดี...
...มันก็แค่คะแนนเท่านั้น...
นิ้วมือของผมกำแน่น หลังจากฟาวล์เดินกลับเข้ามา ก็เป็นตาของผม
ผมเดินออกไปเมื่อเลขาสาวเอ่ยเรียก พยายามคงสีหน้าปกติเอาไว้ เพราะผมไม่อยากเล่นไปตามเกมแก้แค้นไร้สาระของซาคารัส
"ฮาโวเทีย ไลทัส เอ่อ...มีความเป็นผู้นำ และ..." เลขาสาวก้มมองสคริปต์ แล้วเธอก็เงยหน้าไปถามซาคารัส ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วเลขาสาวก็อ่านสคริปต์ต่อ "และหยาบคาย...มีความกล้า แต่บ้าบิ่น ทักษะการต่อสู้ธรรมดา แต่หลบหลีกว่องไว...อดทนและเสียสละ"
...นั่นไม่ต่างอะไรจากการด่าว่าผมเป็นพวกปอดแหกที่ดีแต่หนี...
"คะแนนรวมทั้งสิ้น ห้าสิบสองคะแนน..."
ซึ่งเป็นคะแนนที่น้อยที่สุดในกลุ่มและอาจจะน้อยที่สุดในหมู่ผู้ผ่านการทดสอบเลยด้วย...
เหล่าครูฝึกและผู้บัญชาการต่างพากันเงียบ ไม่มีใครพูดหรือซุบซิบเรื่องผม ไม่สิ...พวกเขาไม่มองผมเลยมากกว่า
ผมได้เข้าใจตั้งแต่นั้นว่าการไม่เป็นที่ต้องการมันรู้สึกอย่างไร
ซาคารัสยกยิ้ม เขาจิบไวน์อย่างมีความสุขขณะมองผมยืนอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายตาดูถูกเหยียดหยาม
ผมเสียใจนะ แต่พอได้เห็นสีหน้าแบบนั้นของซาคารัส ผมกลับรู้สึกขำมากกว่า
ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บัญชาการสูงสุด กลับกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อกลั่นแกล้งเด็กอายุสิบแปดอย่างผม แค่คิดผมก็อยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้ว
เลขาสาวกระแอมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
"ในเมื่อเขาผ่านการทดสอบแต่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ เช่นนั้นก็ต้องให้เหล่าครูฝึกและผู้บัญชาการทุกท่านตัดสินใจว่าจะเลือกเขาหรือไม่แล้วล่ะ" เลขาสาวผายมือ "มีใครเลือกเด็กคนนี้ไหมคะ? แน่นอนว่าต่อให้ไม่เลือกในรอบนี้ ก็ยังรอผลการวัดระดับทักษะและค่อยเลือกอีกก็ได้เช่นกัน..."
ซาคารัสเอนกาย ขบขันที่ไม่มีใครยกมือเลือกผม...ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
แหงล่ะ ผมได้แค่ห้าสิบสองคะแนน ซึ่งถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายก็คือผมเกือบสอบตก ด้วยคะแนนคาบเส้นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากดึงผมไปร่วมสังกัดหรอก
ผมเชิดหน้าขึ้นแม้จะไม่มีใครสนใจผมเลยก็ตาม
...ไม่เป็นไร นายทำดีแล้วฮาร์วีย์...นายทำได้ดีที่สุดแล้วจริง ๆ ...
เลขาสาวรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีใครเสนอตัว เธอก็ถอนหายใจ และวางมือลงบนไหล่ของผม "ไม่เป็นไรนะหนุ่มน้อย ยังมีโอกาสอีกครั้ง..."
"ผมเลือก"
เสียงนั้นดังกึกก้องกังวานทั้งในห้องกว้างขวางและภายในหัวของผม
ทุกคนต่างมองไปที่ต้นเสียง ชายเพียงคนเดียวที่ยืนขึ้นจากกลุ่มผู้บัญชาการระดับสูง คนที่ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันก็ยังคงช่วยเหลือผมเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
"ผมเลือก ฮาโวเทีย ไลทัส" แคนทัสประกาศ