เมื่อวิญญาณ ไม่สามารถ สื่อสารกับคนเป็นได้ คนที่มองเห็นเลยต้องยืดมือเขาไปช่วย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,นิยายวาย,สยองขวัญ,ผี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The sixth sense สืบร้อน ซ่อนรักเมื่อวิญญาณ ไม่สามารถ สื่อสารกับคนเป็นได้ คนที่มองเห็นเลยต้องยืดมือเขาไปช่วย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย
เขียนดาว จากเด็กน้อยวัยเก้าขวดธรรมดาธรรมดาได้ก้าวเท้าเข้าสู้ วงการคนเห็นผี เพราะเกิดอาการช็อคจากการสูญเสียพี่ชายแบบกระทันหัน ทำให้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสามารถมองเห็นโลกของคนตาย
บทนำ
จุดเริ่มต้น
ตึกๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าเร่งรีบของเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาวิ่งผ่านสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ในค่ำคืนที่เงียบสงัดปลายเท้าเรียวยาวของเด็กหนุ่ม วิ่งเข้าไปในตึกสูงของคอนโด้สุดหรู วิ่งผ่านห้องโถงกลางเข้าไปในลิฟท์ กดขึ้นไปยังชั้น 30 ของคอนโด้หรู
เท้าเรียวยาวก้าวผ่านระเบียนทางเดิน เดินไปหยุดที่หน้าห้องของเดินหนุ่ม มือบางยกขึ้นล่วงไปหยิบคีย์การ์ดของห้องที่อยู่ในกระเป๋า ขึ้นมาแตะที่ประตูห้อง เปิดเข้าไปในห้องของตัวเอง ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก เด็กหนุ่มไม่รอช้า เดินเข้าไปภายในห้อง
ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ห้องที่เคยมือสนิทไฟในห้องถูกเปิดให้สว่างขึ้นมาอัตโนมัติ เด็กหนุ่มไม่รอช้ายกคีย์การ์ดที่ใช้สำหรับเปิดห้องผ่านเซ็นเซอร์ภายในห้อง สั่งให้เครื่องปรับอากาศภายในห้องโถงใหญ่ของคอนโด้ให้ทำงาน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปภายในห้องนอน
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะคล้ายเนคไท สีน้ำแดงของมหาลัยออก โยนลงไปในเครื่องซักผ้าที่ตั้งเอาไว้อยู่ภายในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน คว้าเอาผ้าเช็คตัวของตัวเองเดินเข้าไปภายในห้องอาบน้ำ อาบน้ำเช็คตัวสระผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปนั่งเล่นที่ห้องรับรอง
เปิด MacBook ขึ้นมาเล่นข้ามระหว่างนั่นฝนที่เทลงมาจากโลกภายนอกของดังหนักขึ้น เสียงร้องไห้สะอื้นดังขึ้นมาเสียงแผ่วเบาแข่งกับสายฝนที่โปรยปรายลง เรียกความสนใจจากเด็กให้หันมองตาขมัวคิ้วเป็นปนแห่งร่างขาวซีดของใครบางคนนั่งร้องไห้บริเวณโซฟา
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เริ่ดสายขึ้นมองบนอย่างลำคาญคว้าเอาหูฟังบลูทูธของตัวเองขึ้นมาใส่ เร่งเสียงรายการผีที่ตัวเองฟังอยู่ให้ดังขึ้นหวังให้มันช่วยกบเสียงร้องไห้สะอื้นของร่างขาวซีดของร่างวิญญาณ แต่เหมือนจะไม่ได้ช่วยสักเท่าไร
“โอ้ย พอสักทีเถอะ คุณผีถ้าจะมานั่งร้องไห้เสียใจแบบนี้ ตอนทำ ทำไม่รู้จักคิด”
ผมเอ่ยเสียงเกรียวรกราดใส่ คุณผีเจ้าของห้องอย่างไม่สบอารมณ์ กดปิดไลฟ์ส่งเล่าเรื่องทิ้งเก็บหูฟังบลูทูธส่วนตัวของตัวเอง ปิด MacBook ของตัวเองลงอย่างหัวเสีย กดรีโมทเครื่องปรับอากาศภายในห้องโถงให้ปิดลงอย่างไม่สบอารมณ์
เดินผ่านหน้าร่างขาวซีดที่นั่งร้องไห้อยู่ที่โซฟายก MacBook ของผมเข้าไปเล่นต่อภายในห้องนอนห้องนอนเปิดรายการผีที่ผมเปิดค้างเอาไว้ฟังต่อล้มตัวลงนอนเล่นบนเตียงนอนระหว่างนั้นก็เปิดนิยายเรื่องโปรดที่ตัวอ่านค้างไว้อ่านต่อ
ก่อนที่ผมจะเผลอหลับตั้งแต่เหมือนไรไม่รู้ เสียงร้องสะอื้นเจ้ากรรมดังขึ้นอีกครั้งปลูกให้ผมตื่นจากนิทราขึ้นมาอย่างหัวเสียถอนหายออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะถูกวิญญาณเจ้ากรรมปลูกให้ตื่นขึ้นมา ยกมือขึ้นปิดหู
“โอ้ย ถ้าว่างมาก่อกวนกันแบบนี้ หาทางไปเกิดให้ได้ไม่ง่ายกว่าเหรอคุณ”
“...”
“จะมาร้องไห้ก่อกวนกันทำไม”
“...”
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว คนจะหลับจะนอน”
“...”
ผมเอ่ยปากโว้ยวายใส่ร่างขาวซีดของคุณผีเจ้ากรรมอย่างไม่สบอารมณ์ โยนหมอกใส่ร่างขาวซีดของคุณผีเจ้ากรรม แต่หมอกใบนั้นกับลอยละล่อนผ่านร่างขาวซีด ไม่สะทบสะท้านสักนิด กลับกันเธอยังคงนั่งส่งเสียงร้องไห้อยู่บริเวณปลายเตียงนอนของผมเหมือนเดิม
ฮือฮือฮือ !
“...”
“ช่วยด้วย!”
“...”
“ช่วยฉันที”
“...”
เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นสลับสับเปลี่ยนกับเสียงเย็นยะเยือนของเธอที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผมเสียงแผ่วทั้งน้ำตา สายตาของเธอที่ส่งมาให้ผมคล้ายกับอ้อนวอนขอให้ผมช่วยรับฟังเธอ ผมถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างจำใจเอ่ยปากบอกกับเธอขึ้นมา
“เข้าใจแล้ว แค่รับฟังก็พอใจไหม”
“...”
“ผมจะฟังคุณก็ได้ แต่คุณช่วยหยุดร้องก่อนได้ไหม”
สิ้นประโยคของผม ที่ตอบกลับเธอ เสียงร้องของเธอก็ค่อยๆเงียบลง
ผมถอนหายใจออกมา ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปเปิดไฟภายในห้องนอนของผมให้สว่างขึ้นหันไปมองที่นาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งบริเวณหัวเตียงถอนหายใจออกมา
เอื้อมไปปิดโคมไฟบริเวณหัวเตียง ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงไปนอนบนเตียงนอนอีกครั้งคว้าเอานิยายเล่มโปรดที่วางเอาไว้บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดอ่านรอฟังร่างขาวซีดเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ผมฟังสักที เตียงนอนบริเวณด้านข้ามผมยุบลงเล็กน้อย บ่นบอกว่าคุณผีคู่สนทนาของผมได้ย้ายมานั่งข้างๆผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วมือบางขาวซีดของเธอ เอื้อมมาดึงนิยายที่ผมเปิดอ่านอยู่ออกจากมือของผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากบอกผมขึ้นมา เสียงเย็นยะเยือน เป็นหวนทำนองที่แสงอ่อนโยนและห่วงใยผมมาก
“นอนเถอะ ดึกแล้ว”
“...”
“ถ้านายป่วยขึ้นมาคงไม่ดี”
“...”
“ฉันจะบอกเล่าเรื่องราวของฉันให้นายฟังในฝัน”
“...”
สิ้นประโยคของเธอคล้ายกับถูกวางยาหนังตาของผมหนักอึ้งจนแทนลืมตาไม่ไหว ก่อนที่ผมจะถูกร่างขาวซีดของวิญญาณตรงหน้าจะบังคับให้ผมเข้าสู่ภวังค์นิทรา หลับไหลไม่รู้ตัว เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินจากริมฝีปากเธอเป็นประโยคสุดท้าย
“เขียนดาว ที่รัก”
“...”
“จำชื่อของฉันเอาไว้ให้ดี”
“...”
“ลิสา นั้นคือชื่อของฉัน”
“...”