เรื่องราวของฮาร์ทสมิธหนุ่มผู้อยากหนีจากประเทศประชาธิปไตยจอมปลอมไปสร้างชีวิตใหม่กับหญิงสาวที่เขารักในดินแดนไกลโพ้น

ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร - 1 ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร โดย GreySweater @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องสั้น,ชาย-หญิง,ดราม่า,แฟนตาซี,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องสั้น,ชาย-หญิง,ดราม่า,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

เรื่องราวของฮาร์ทสมิธหนุ่มผู้อยากหนีจากประเทศประชาธิปไตยจอมปลอมไปสร้างชีวิตใหม่กับหญิงสาวที่เขารักในดินแดนไกลโพ้น

ผู้แต่ง

GreySweater

เรื่องย่อ

เรื่องสั้นจากประสบการณ์ส่วนตัวของฮาร์ทสมิธหรือนักซ่อมหัวใจเพื่อซ่อมแซมความรู้สึก จิตใจที่แตกสลายให้กลับสู่สภาพปกติ


อาชีพของเหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถมองเห็นหัวใจมนุษย์ด้วยตาเปล่าตั้งแต่เกิดและมอบการรักษา คำปรึกษาด้วยหลักจิตวิทยา

สารบัญ

ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร-1 ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร

เนื้อหา

1 ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร

Trigger Warning: 

- ตัวละครมีความคิดฆ่าตัวตาย

- ตัวละครมีภาวะซึมเศร้า 

- การทำร้ายร่างกาย

- ความรุนแรงในครอบครัว 



โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ





คุณคือผู้งดงาม ชื่อของคุณคือจันทร์ฉาย ดังนั้นคุณจึงเข้ามายามอาทิตย์อัสดงและจากไปเมื่อรุ่งสางย่างกราย ระหว่างวันแสนฟุ้งซ่าน คุณมักปรากฎในรูปแบบของความคิดถึง เรือนผมสั้นประบ่าสีดำ ผิวขาวเหลือง ร่างเล็กน่าทะนุถนอมเหมือนเด็กสาว ความจริงคุณอายุน้อยกว่าผมเพียงสองปีเท่านั้น บางครั้งสวมชุดนอนสีขาวหรือไม่ก็อาภรณ์น้อยชิ้น เสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงในตัวจิ๋ว คุณนั่งเอนหลังพิงหัวเตียงพลางเปิดหน้าหนังสืออ่าน ช้อนสายตาคู่นั้นมองผมราวกับถามว่า

‘มานั่งด้วยกันไหม’

เมื่อทิวากรมอดดับ ผมตอบรับคำเชื้อเชิญไร้เสียงและพาตัวเองนั่งข้างคุณหลังจากเล่นเกมจบในเวลาหนึ่งทุ่มห้าสิบนาที ริมฝีปากอิ่มของคุณขยับเล่าเรื่องราวจากวรรณกรรมเล่มหนา พวกเรามักใช้เวลายามค่ำคืนร่วมกันเพื่อสำรวจโลกจินตนาการจากปลายปากกานักเขียนซึ่งมีเสียงหวานของคุณพากย์บรรยายจนกระทั่งผมผล็อยหลับไป คุณเป็นนักอ่านหนังสือตัวยง ภายในหนึ่งสัปดาห์จึงมีหนังสือไม่ซ้ำแนวอ่านให้ผมฟังก่อนนอน

บางครั้งคุณเลือกที่จะไม่อ่านหนังสือแต่ปลดปล่อยความอัดอั้น พร่ำบ่นถึงการเป็นพี่สาวคนโตสุดห่วยที่มีปัญหากับทุกคนในบ้านและไม่สามารถดูแลน้องได้ คุณไม่อยากทนอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นแต่เพราะมีวิญญาณร้ายในมุมห้องคอยจดจ้องกดดันคุณทุกคืน มันไม่มีหน้าตาราวกับถูกลบหายไปตามกาลเวลา มันถามคำถามว่า

“เมื่อไหร่จะรักตัวเองตามที่สัญญาไว้ ไม่งั้นก็ยกร่างเน่า ๆ นี้ให้ฉัน”

คุณรู้ตัวว่าไม่อาจตอบและรักษาสัญญานั้นได้ ทำให้ต้องการใครสักคนรับคุณไว้ยามร่วงหล่น เมื่อคุณหลั่งน้ำตา ผมจึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาผู้อยู่เคียงข้าง โอบกอดและให้กำลังใจอย่างดีที่สุด และบางครั้ง... ผมก็เป็นผู้ปลดปล่อยน้ำตาเสียเองโดยมีคุณเป็นผู้ปลอบประโลม

คืนนี้ผมไม่มีสมาธิฟังคุณอ่านหนังสือ เพราะกลิ่นหอมจากคุณเย้ายวนชวนค้นหาเสมือนดอกไม้เวทมนตร์สีทองระยับกลางป่าลึก ผมจึงดอมดมกลิ่นนั้นตามซอกคอ ปอยผมและเนินอกดั่งผีเสื้อคลั่งไคล้ต่อความหอมหวาน คุณตอบรับสัมผัสของผมอย่างรู้ทันโดยคั่นหนังสือหน้าที่หนึ่งร้อยหกสิบสองไว้เพื่ออ่านต่อวันพรุ่งนี้ คุณลากไล้ปลายนิ้วตามท่อนแขนของผมพร้อมด้วยจูบแนบแน่น มือเล็กสัมผัสล้วงรูดแก่นกายจนแข็งตึงวาบหวาม คุณผ่อนเสียงครางแผ่วเบาเมื่อรู้ตัวว่าอาภรณ์ท่อนล่างชิ้นน้อยถูกเกี่ยวพราก ลมหายใจหอบถี่เมื่อกลีบร่องถูกกดคลึงหนักเบาจนฉ่ำแฉะ คุณหลงใหลเวลารอยสักปลาคาร์ปสีครามเคลื่อนไหวบนแขนขวาขณะผมสอดนิ้วมือเข้าในตัวคุณเพื่อปรับแรงปรารถนาให้มีคลื่นความถี่ตรงกัน

“ขอเข้าไปได้ไหม?”

คุณอนุญาตให้ได้รับการเติมเต็มจากแก่นกลางผงาดตื่นซึ่งถูกครอบด้วยถุงยาง ผมชอบเวลาคุณอยู่ข้างล่าง ไม่ใช่เพราะผมได้เป็นผู้คุมเกมแต่เพราะคุณสวยเมื่อเรือนผมสยายบนหมอนอิงแล้วจดจ้องผมด้วยดวงตาสีน้ำตาลลึกลับคู่นั้น รอยสักวาฬของคุณกำลังมีชีวิตเมื่อคุณบิดแอ่นสะโพก

ที่รัก... คุณจะไม่ใช่วาฬสีน้ำเงินโดดเดี่ยวในมหาสมุทรอีกต่อไปเพราะผมอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเราจะเป็นวาฬขี้เหงาท่ามกลางน่านน้ำไกลโพ้นแห่งนี้ แหวกว่ายไปยังโลกกว้างด้วยกันจนกระทั่งเจอสถานที่ของสองเราซึ่งไม่ใช่ประเทศประชาธิปไตยจอมปลอมนี้แน่

ที่นี่มันสิ้นหวังเกินไป ผู้เรียกร้องเสรีภาพกลายเป็นผู้สาปสูญในวงกตแห่งกาลเวลา ประชาชนถูกทำให้ด้อยค่ากลายเป็นฝุ่นธุลีทั้งที่พวกเขาและพวกเราเป็นคนเหมือนกัน หากผมเป็นชนชั้นสูงอาจพาคุณหนีไปอยู่ที่อื่นด้วยกันหรือทำได้มากกว่าการพร่ำบ่น ผมโกรธที่ไม่อาจเลือกชะตาเกิดของตัวเองได้จึงโถมกระแทกใส่คุณดั่งคลื่นพิโรธซัดโขดหิน คุณจิกปลายเล็บลงบนแผ่นหลังดึงผมกลับสู่ปัจจุบันซึ่งมีเพียงสองเราในห้องสี่เหลี่ยม

ผมโน้มตัวจูบริมฝีปากชมพูแทนคำขอโทษ จูบของคุณรสชาติเหมือนอมยิ้ม เมื่อได้ชิมครั้งหนึ่งก็อยากโลมเลียจนหมดแท่งเพื่อให้ความหอมหวานคงอยู่ที่ลิ้นร้อนตลอดไป พวกเราดื่มด่ำในรสชาติของกันและกันสักพักใหญ่จนกระทั่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วทะลักหลั่งเป็นสายธาร พวกเราคลอเคลียกันและกันใต้ผ้าห่มหนาสีแดงเมื่อเสพสุขจนหนำใจ คุณขอให้ผมเล่าความคิดว้าวุ่นในหัวพลางโอบกุมใบหน้าไว้ด้วยมือเล็ก ออดอ้อนด้วยดวงตาไร้แววคู่นั้น ผมจึงเปิดใจเล่าขณะสวมคุณไว้ในอ้อมกอด คุณบอกว่าอยากไปไกล ๆ จากที่นี่เหมือนกัน ก่อนที่ดวงตาเหนื่อยล้าของคุณจะปิดลง คุณกระซิบเพียงว่า

“ฉันไม่อยากจากคุณไปไหนเลย”

ผมนอนกอดคุณทั้งคืน ตื่นขึ้นมาพบว่าสิ่งที่เขียนมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝันที่เหมือนจริงและเห็นตัวเองกอดก่ายตุ๊กตายัดนุ่นในอ้อมกอดเย็นชืด คุณทำหน้าที่ได้ดีกว่าตุ๊กตาพิทักษ์เตียงเป็นหลายเท่า ผมคิดถึงช่วงเวลาที่มีคุณเหลือเกิน หมายถึงคุณจริง ๆ นะ ผมทำเพียงแต่เฝ้าภาวนาให้ได้เจอคุณทุกรุ่งสางอย่างหมกมุ่นเพราะไม่อาจลบคุณออกจากจินตนาการได้

น้ำหอมกลิ่นกุหลาบมะลิยังลอยคลุ้งในห้องนอน คุณทำให้ผมกระหายอยากมากกว่าเดิมอีกนะ ผมสำเร็จความใคร่ด้วยกลิ่นดอกไม้บนตัวคุณ นัยน์ตาคู่งาม รอยยิ้มหายาก เสียงพูดและทุกอย่างของคุณจึงปลดปล่อยจนกระทั่งหมดแรงเหมือนตอนพวกเราร่วมรักกันบนเตียงหลังนี้ ตอนนี้ผมกำลังเข้างานสายเพราะมัวแต่โอ้เอ้อยู่กับคุณ

ฮาร์ทสมิธทำงานแต่เช้าในคลินิกเล็ก ๆ โดยตอกบัตรเข้างานเวลาเจ็ดโมงแล้วเข้าเวรดึกเป็นประจำ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเต็มที่นักหรอก ถึงอย่างนั้นการเข้างานสายก็เป็นสิ่งไม่ควรทำอยู่ดี การเป็นนักซ่อมหัวใจไม่ง่ายเพราะคุณต้องสามารถมองเห็นก้อนเนื้อหัวใจมนุษย์เต้นเร่าด้วยตาเปล่าและนั่งเรียนพร้อมกับนักศึกษาแพทย์คนอื่นอีกหกปีเพื่อสอบเอาใบวิชาชีพนักซ่อมหัวใจ หากคุณขยันอยากเรียนต่อเฉพาะทางก็ย่อมได้ มีหลายมหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรสำหรับนักซ่อมหัวใจเพราะมองเห็นความสำคัญของความรู้สึกบกพร่อง

ในประเทศนี้มีฮาร์ทสมิธจำนวนหยิบมือ ยิ่งเป็นพื้นที่ชานเมือง... มีนักซ่อมหัวใจเพียงห้าคนในคลินิกก็หรูแล้วเมื่อเทียบกับเคสผ่าตัดมากกว่าสิบเคสต่อวัน เคสหัวใจเหนื่อยล้าถูกส่งมาผ่าตัดบ่อยพอ ๆ กับหัวใจแตกสลาย เพราะความเหลื่อมล้ำใต้พรมทำให้ชีวิตคนแขวนอยู่บนความเครียดและซึมเศร้า ค่าครองชีพสูง คุณภาพชีวิตต่ำ สวัสดิการรัฐไม่ได้เข้าถึงคนทุกชนชั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะพวกเขาเมินเฉยต่อปัญหาเรื้อรัง ประเทศกำลังพัฒนามาเนิ่นนานเกินทศวรรษแล้ว

จนถึงตอนนี้ผมควรจะเล่าให้คุณฟังมากกว่า... ว่าวันนี้ผมทำอะไรบ้าง

วันนี้ผมเจอกับคนไข้หลายคน ความจริงข้อมูลของพวกเขาควรถูกเก็บเป็นความลับแต่ผมจะเล่าให้คุณฟังคนเดียว ดังนั้นคุณไม่ต้องเล่าต่อหรอกนะ เขาเป็นบรรณารักษ์ในหอสมุดมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง อายุประมาณสามสิบห้าปี ผมเคยเจอเขาหลายหนเวลาไปยืมหนังสือกายวิภาคในหอสมุด บรรณารักษ์หนุ่มคนนี้ไม่ได้สมัครใจมาที่คลินิกด้วยตัวเอง ทว่าถูกส่งตัวโดยคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่เขาทำงานอยู่ ผมกวาดสายตามองคนไข้ ผมเผ้าสีดอกเลายุ่งเหยิง นัยน์ตาสีครามเหนื่อยล้า อาภรณ์ไม่เรียบร้อย กางเกงสแลคขายาวเปรอะด้วยของเหลวข้นเยิ้ม

“ช่วยรักษาบรรณารักษ์ให้เราด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อนักศึกษา”

อาจารย์โค้งตัวขอร้องจากผมซึ่งยืนประจันหน้ากับพวกเขา ผมพยักหน้ารับบรรณารักษ์เป็นคนไข้ของตัวเอง ขั้นตอนแรกของการทำงานคือคุยกับคนไข้เพื่อรักษาอย่างตรงจุด บรรณารักษ์ถูกส่งไปยังห้องรับคำปรึกษาจากนักซ่อมหัวใจที่ปรึกษา เขานั่งจ้องที่ปรึกษาของตนบนโซฟานุ่มสบายในห้องสีขาวแต่งด้วยต้นไม้ฟอกอากาศตามมุมห้อง มือของเขาสั่นเทาและข้นเหนียวด้วยน้ำสีขาวขุ่น เจมส์จึงยื่นทิชชู่ให้เขาเช็ดมือแล้วเริ่มให้คำปรึกษา

สองชั่วโมงในห้องรับคำปรึกษา เจมส์สามารถวินิจฉัยคร่าว ๆ ได้ว่าบรรณารักษ์หนุ่มมีอาการจิตหมกมุ่นซึ่งมองเห็นวิญญาณคนรักเก่าในหอสมุดที่ตนทำงาน มันไม่ใช่ความผิดของวิญญาณคนรักเก่าที่ไม่ร้างราไปจากความทรงจำ ไม่ใช่ความผิดของหอสมุดมหาวิทยาลัยที่มีวิญญาณสิงสถิตเพราะทุกที่ล้วนมีคนตาย และไม่ใช่ความผิดของเขาที่มีความรักอยู่เต็มหัวใจ เพียงแต่มันไม่เหมาะสมหากเขาจะสำเร็จความใคร่ในมุมมืดของหอสมุดมหาวิทยาลัยเพราะมันเป็นสถานที่ราชการ

“นานรึยังครับ”

“น่าจะสามเดือน แต่ผมก็ไม่ได้ทำทุกวันนะ” บรรณารักษ์ตอบเสียงค่อย “ผมควรทำยังไงเหรอหมอ ผมไม่อยากลืมเขาเลย”

“ผมไม่ได้บอกให้คุณลืม” ผมตอบขณะฟังเสียงชีพจรของเขาด้วยหูฟัง “เพียงแต่คุณต้องอยู่ให้ได้แม้ไม่มีเขา” ชีพจรของเขาเชื่องช้าและแผ่วเบา “หัวใจของคุณยังไม่ได้รับการฟื้นฟูจากความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักเลย บางคนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือปีเพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนั้น” นัยน์ตาวิเศษของผมเห็นหัวใจโปร่งใสดั่งแก้วที่แตกร้าว ทว่าใบหน้าของคนรักเก่ายังแจ่มชัดไม่ลืมเลือน

หากเป็นนักซ่อมหัวใจมือใหม่และมักง่ายจะบอกว่าให้ผมเปลี่ยนหัวใจของเขาเสีย จ่ายแพงนิดหน่อยแต่เขาจะไม่ติดอยู่ในวังวนแห่งความเศร้าอีกต่อไป แต่โดยหลักการแล้ว... นักซ่อมหัวใจไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนหัวใจดวงใหม่ให้คนไข้ หากพวกเขาไม่ยินยอม ซ้ำร้ายผมไม่สามารถผ่าเอาความทรงจำออกจากหัวใจของคนไข้เพราะมันเป็นสิ่งเหนือควบคุม “ผมจะสั่งยาให้คุณนะครับ แล้วนัดมาปรึกษาที่คลินิกเดือนละครั้ง”

“ผมจะทำได้ใช่ไหม”

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้ครับ คุณบรรณารักษ์” ผมเรียกเขาแบบนั้นเพื่อไม่เป็นการเปิดเผยชื่อให้คุณและผู้อ่านได้รู้จักเขา “แต่งานช้างแบบนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากคุณด้วยนะ ไม่งั้นยาที่สั่งให้ก็เสียเปล่า”

“ครับหมอ”

ก่อนคนไข้ออกจากห้อง ผมรั้งเขามากอดไว้เพื่อช่วยเยียวยาหัวใจเปลี่ยวเหงาของเขาบ้าง อย่างน้อยขอให้ผมได้เป็นกอดของเขาในวันนี้ วันที่คนรักของเขาไม่อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเมื่อบรรณารักษ์ผู้หมกมุ่นเดินออกไปจากคลินิกแล้ว เขาจะกลายเป็นคนเลวเพราะการทำผิดครั้งนี้

ในยุคสมัยและสังคมแห่งการตัดสิน... ทุกคนล้วนถูกตีตราเป็นอดีตเสมอ พวกเขาแขวนคอเราด้วยอดีตหรือไม่ก็คำนิยามพิลึกเท่าที่พวกเขานึกได้แล้วพามันติดตัวไปทุกที่ ทั้งยามตื่น กินข้าว ทำงานและหลับนอน แต่หมอไม่มีหน้าที่แบ่งแยกคนไข้จากอดีต ปรัชญาของคลินิกฮาร์ทสมิธแห่งนี้คือ คนไข้ทุกคนเท่าเทียมและต้องได้รับการจ่ายยาด้วยความหวังว่าพวกเขาจะดีขึ้น

หนึ่งวันผ่านไปอย่างเนิบเอื่อยเหมือนเพลงช้าที่คุณชอบฟัง ผมภาวนาให้ถึงเวลาเลิกงานเพื่อกลับไปหาคุณ ตอนพักกลางวัน ผมขึ้นไปทานอาหารบนดาดฟ้าของคลินิกพร้อมกับนักศึกษาแพทย์ฝึกงานสองคน เอ็มมากับโจ พวกเขาเป็นเด็กขยัน ทั้งคู่ช่วยผมผ่าตัดเป็นบางรายซึ่งมักจะเป็นคนไข้รายใช้สารเสพติด แต่พวกเขาไม่ชอบทำงานในชานเมืองแบบนี้หรอก ถึงได้ขยันเพื่อให้ได้ทุนทำงานที่โรงพยาบาลในเมือง

อ๋อใช่! ดาดฟ้าเป็นที่ประจำของผมเลยล่ะเพราะผมชอบมองท้องฟ้าพักสายตาหลังจากผ่าตัดคนไข้ ผมฝากคุณสายลมให้กระซิบบอกคิดถึงคุณด้วยนะแต่ไม่รู้ว่าคุณจะรู้สึกได้ไหม เวลาพักกลางวันหมดลงเมื่อถูกเรียกให้ดูอาการคนไข้ฉุกเฉิน ผมสับขาลงบันไดอย่างรวดเร็วโดยมีเอ็มมากับโจตามมาด้วย อีกหนึ่งทักษะที่ควรมีของหมอคือวิ่งเร็ว ต้องวิ่งดุจสายลมหอบพัดเพราะชีวิตของคนไข้อยู่ในมือ น่าตื่นเต้นแต่ไม่สนุกหรอกนะ

“เจ้าชาย C ออกมาจากวังโดยไม่มีผู้ติดตาม อาละวาดบ้าคลั่ง ไม่สวมเสื้อผ้าแถมยังมีปืนด้วยนะ” เจ็ด ซึ่งเป็นฮาร์ทสมิธเพื่อนสนิทของผมกล่าวขึ้นมาจากปลายสาย

ตอนนี้โทรทัศน์ทุกช่องถูกแทนที่ด้วยภาพถ่ายทอดสดมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์ให้เห็นรถตำรวจสองคันเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินขับตามเจ้าชายผู้เปลือยเปล่าถืออาวุธในมืออย่างเสียสติ เขาวิ่งด้วยความเร็วของปีศาจแล้วลั่นกระสุนขึ้นฟ้า ไม่สามารถเดาวิถีกระสุนได้ หากทั่วโลกกำลังมองภาพเดียวกัน พวกเขาคงเกิดคำถามไม่ต่างจากเรา เกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้? นี่เหรอเจ้าชายที่กำลังจะได้ครองบัลลังก์ในอีกไม่กี่วัน?

“เราควรทำยังไงดี? แบบนี้สถานการณ์บ้านเมืองจะปั่นป่วนไปหมดนะ”

“เจ้าชายไม่มีฮาร์ทสมิธประจำตัวเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”

พยาบาลซุบซิบคุยกัน ญาติคนไข้ในคลินิกแตกตื่นเพราะเสียงลั่นไกจากในโทรทัศน์และความจริงที่เจ้าชายอยู่ไม่ไกลจากคลินิก พวกตำรวจกำลังต้อนเจ้าชายเข้ามาที่นี่ซึ่งเป็นคลินิกใกล้ที่สุด พวกเราได้ยินเสียงลั่นไกอีกครั้งโดยไม่ทราบว่าเป็นปืนของใคร พยาบาลและฮาร์ทสมิธทุกคนพยายามปลอบโยนทุกคนให้อยู่ในความสงบ มีสติและหลบซ่อนตัว เพราะอีกไม่นานคนไข้ที่มีพฤติกรรมเป็นอันตรายจะมาถึงแล้ว

ปัง!

เจ้าชาย C พังประตูคลินิกเข้ามาพร้อมกับลั่นไกจนกระสุนหมด ชายหนุ่มร่างสูงเปลือยเปล่าหัวเราะลั่นจนแสบแก้วหู ใบหน้าอาบไล้ด้วยน้ำตาแห่งความสับสน บ้าไปแล้วแน่ ๆ ทุกคนคิดแบบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจห้านายถือปืนจ่อว่าที่กษัตริย์ ทว่าไม่มีใครกล้าจับกุมเพราะกฎหมายสร้างมาเพื่อเชิดชูเชื้อกษัตริย์เป็นดั่งเทพซึ่งจับต้องไม่ได้ ขณะเดียวกันผมมองเห็นหัวใจของเขากำลังเต้นเร่าทุรนทุรายซึ่งเป็นอาการของผู้ใช้สารเสพติดชนิดรุนแรง ฟุ้งอบอวลด้วยความสับสนและเกรี้ยวโกรธ

“คุณมองเห็นแล้วมัวทำอะไรอยู่ล่ะ ฮาร์ทสมิธ” อาจารย์สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ท่านไม่รอฟังคำตอบจากผมแถมยังย่างสามขุมไปหาเจ้าชายอย่างไม่ขลาดกลัว ต่างจากพวกเราซึ่งยืนแข็งทื่อตาขาว ขณะที่ญาติคนไข้ก้มหมอบกราบด้วยความหวาดกลัวเพื่อให้เจ้าชายไว้ชีวิตของตน “ปืนนั้นผมขอนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก”

“ทำไมเจ้าไม่หมอบกราบอย่างสามัญชนคนอื่นก่อนล่ะ” เจ้าชายถลึงตาจ่อปืนไม่มีลูกที่หัวของอาจารย์หมอ

“ผมไม่หมอบกราบคนไข้ครับ” อาจารย์หมอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วแทงเข็มยาสลบลงบนไหล่ซูบของเจ้าชาย C และตอนนั้นเองที่เจ้าชายกลายเป็นคนไข้ของอาจารย์ ส่วนผมคอยปลอบโยนญาติคนไข้ว่าทุกอย่างอยู่ในความดูแลแล้ว ทว่าเรื่องไม่จบแค่นั้น พวกเราถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางการรักษาเพราะไม่ใช่ฮาร์ทสมิธประจำตัวของเจ้าชาย แต่หมอไม่สามารถทิ้งคนไข้ได้ ใคร ๆ ก็รู้ความจริงข้อนั้น

“จะยอมให้ผมรักษาเจ้าชาย หรือคุณต้องการราชาจิตไม่ปกติขึ้นครองบัลลังก์ล่ะ”

“นั่นไม่ใช่ทางเลือกด้วยซ้ำ” เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเท้าเอวตะคอกใส่หน้าอาจารย์หมอ “พวกคุณยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮาร์ทสมิธประจำตัวของเจ้าชาย”

“แล้วพวกคุณจะเถียงเพื่อประโยชน์อะไร พวกคุณมีทางเลือกที่ดีกว่านี้เหรอ ในเมื่อพวกเราก็ต้องรักษาเจ้าชายอยู่ดี”

พวกเขาเถียงทะเลาะกันยืดยาวเหมือนเด็ก สุดท้ายแล้ว... อาจารย์เป็นผู้นำการผ่าตัดซึ่งจะมีขึ้นในพรุ่งนี้เช้าหลังจากที่ฮาร์ทสมิธให้คำปรึกษากับเจ้าชาย ส่วนตำรวจจะสืบสวนสาเหตุของการอาละวาดและฮาร์ทสมิธประจำตัวของเจ้าชาย ดังนั้นผมจึงกลับมาหาคุณในห้อง... สถานที่ที่มีแค่เราในยามอนธการ ผมไขกุญแจห้องแล้วพบว่าคุณกำลังรออยู่บนเตียงอยู่แล้ว อ่านหนังสือเล่มเดิมพร้อมกับสวมอาภรณ์น้อยชิ้นแบบนั้น คุณหันหน้ามาทางผม วางหนังสือแล้วอ้าแขนให้ผมเข้าไปสวมกอด คุณเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่นาน ผมรู้ได้เพราะกลิ่นสบู่หอมอบอวลจากเนื้อกายของคุณ

“คุณคงเหนื่อยมากเลย”

“เหนื่อยสุด ๆ วันนี้ที่คลินิกเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว” ผมนอนลงบนตักของคุณ ปล่อยให้เรียวนิ้วของคุณสางกลุ่มผมหนาอย่างอ่อนโยน “ผมเล่าทุกอย่างให้คุณฟังแล้ว คุณมีอะไรอยากจะบอกผมไหม”

“มีสิ ฉันเตรียมเรื่องเล่าไว้ให้คุณทุกวันเลย” คุณตอบแล้วจุมพิตบนหน้าผาก ผมจูบคุณกลับ “แต่คุณก็จะชอบหลับไปก่อน หรือไม่ก็... ชอบทำให้เสียสมาธิ”

คุณไต่นิ้วตามหน้าท้องลงไปจนถึงหัวเข็มขัด ทำเอาผมใจเต้นแรงจนแทบสติหลุด พ่ายแพ้แล้ว สิโรราบต่อคุณโดยดี ผมคิดแบบนั้นซึ่งคุณก็ดูออกเพราะผมซ่อนสีหน้าไม่เก่ง แต่คุณเลือกที่จะเล่าเรื่องให้ฟังโดยเริ่มจากประโยคบอกเล่าง่าย ๆ ว่า “ฉันนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน”

เมื่อสองเดือนที่แล้ว มันเป็นบ่ายธรรมดาของวันเสาร์ในสวนสาธารณะกลางเมืองหลวง ฉันเบื่อหน่ายทุกอย่างในโลกและอยากผ่อนคลายโดยการไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับงาน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าวันส่งต้นฉบับใกล้เข้ามาแล้ว หน้าปกหนังสือพร้อมแล้ว แต่บรรณาธิการบอกว่าเนื้อหาในเล่มยังไม่สมบูรณ์เพราะตัวละครเอกขาดจิตวิญญาณ

ฉันจึงมานั่งเอนหลังบนม้านั่งข้างบ่อน้ำพุรูปกามเทพที่สวนสาธารณะเพียงลำพัง แหงนมองท้องฟ้ามืดมัวสีเทาซึ่งเมฆฝนกำลังตั้งเค้า เลือกเวลาได้ดีชะมัด ฉันถอนหายใจและแกะห่ออมยิ้ม

เมื่อทำสิ่งที่ชอบเป็นงาน มันจึงไม่สนุกอย่างที่คาดแต่หลายห้วงขณะก็เต็มไปด้วยความสุข ยกเว้นช่วงเวลากดดันและสมองตื้อตัน มันจะยิ่งแย่ถ้าวันไหนฉันมีปัญหากับคนในบ้านด้วย ทุกจังหวะของชีวิตมีทั้งขึ้นและลงซึ่งฉันรู้ความจริงข้อนั้นดี เพียงแต่... บางทีฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากตัวละครที่ไร้จิตวิญญาณ

“โลกแตกเลยได้ไหมนะ?” คำถามเลื่อนลอยไม่ต้องการคำตอบปลิวไปในอากาศ ฉันหลับตาเคี้ยวอมยิ้มจนแตกละเอียดในปากร้อนผ่าวขณะรับรู้ถึงเม็ดฝนที่กำลังมาถึงในไม่ช้าพร้อมกับสายลมเยือกเย็น ไม่ได้สนใจการมีอยู่ของใครรอบตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงของผู้ร่วมสนทนาที่ไม่รู้จักชื่อ

“โลกอาจจะแตกไปแล้วก็ได้นะครับ อย่างน้อยก็ในความคิดของคุณคนเดียว”

“อาจจะใช่” ฉันกวาดสายตามองคุณ “และตอนนี้ฉันกำลังวนเวียนอยู่ในแดนชำระรอวันตัดสินใจจากพระเจ้าว่าต้องลงนรกหรือขึ้นสวรรค์”

“แล้วถ้าโลกจะแตกจริง ๆ คุณจะทำอะไรเหรอ?” คุณถามบ้าง

“ไม่ทำอะไรเลย ฉันอยากตายไปอย่างสบายใจเหมือนกับเวลานอน หลับตาแผ่วเบาแล้วปล่อยให้ตัวเองกลืนหายไปกับความมืดของห้องนอน”

“นั่นสินะ ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว”

“แล้วคุณล่ะคะ? อยากทำอะไร?” ฉันถามพลางยื่นอมยิ้มให้คุณ คุณรับไว้

“ผมเหรอ?” คุณเลิกคิ้วชี้นิ้วที่กลางอกตัวเอง ฉันพยักหน้าหงึกหงักด้วยใจจริงที่อยากรู้คำตอบจากปากคุณ “ผมอยากตกหลุมรัก... ผมไม่อยากจากโลกไปอย่างเดียวดาย แม้ความจริงรู้ว่าคนเราเกิดและตายเพียงลำพัง แต่ไม่อยากให้หัวใจของผมเหงาจนถึงวินาทีสุดท้ายของโลก”

แน่นอนว่าฉันสามารถตกหลุมรักได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งที่ยังไม่รู้จักชื่อของคุณด้วยซ้ำ รู้เพียงคุณเป็นนักซ่อมหัวใจโดยสังเกตเสื้อกาวน์ที่มีสัญลักษณ์คลินิกฮาร์ทสมิธ ฉันคิดว่าคุณย่อมรู้ดีว่าหัวใจมนุษย์เปราะบางและอ่อนแอขนาดไหน ฉันจึงพ่ายแพ้ต่อคุณได้ในหนึ่งคำตอบเหมือนไอศกรีมที่ไม่อาจต่อสู้ความเร่าร้อนจนกระทั่งหลอมละลายในแววตาของดวงตะวัน

วินาทีนั้นสองหนุ่มสาวพบความน่าสนใจของกันและกัน ทำความรู้จักและตกลงคบกันทันทีดั่งเทพนิยายประโลมโลก แต่เพราะความแตกต่างของอาชีพและการแพร่ระบาดของโรคมรณะทำให้ต้องพลัดพราก ความสัมพันธ์แบบรักทางไกลทำให้ผู้คลั่งรักพร่ำเพ้อบทสวดที่มีแต่ชื่อของกันและกันประหนึ่งบูชาศาสดา เมื่ออาทิตย์อัสดงจะได้ยินเสียงครางกระเส่าจากปลายสาย บางครั้งใกล้มากราวกับกระซิบข้างหูทำให้เร่าร้อนวาบหวาม พวกเราขาดกันไม่ได้เช่นเดียวกับจันทราที่ไม่อาจส่องแสงหากไร้สุริยัน เพราะเหตุนี้พวกเราจึงเขียนไดอารี่เพื่อร่นระยะทางระหว่างกัน เพื่อบอกเล่าทุกสิ่งอย่างที่พานพบ เพื่อระบายทุกความหวาดกลัวและโศกเศร้า

แต่ถึงเวลาหยุดเขียนไดอารี่แล้ว

“เราไปจากที่นี่กันเถอะ” ผมเสนอขึ้นมาขณะที่คุณลูบหัวแผ่วเบา

“คะ?”

“ฟังไม่ผิดหรอก ไปจากที่นี่กัน”

พวกเราสามารถหนีออกจากฝันร้ายนี้แล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยเงินเก็บทั้งหมดเพื่อเติบโตและเป็นตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นคนอื่นเพื่อให้ที่บ้านภูมิใจหรือกลัววิญญาณร้ายในบ้านอีกต่อไป ปลายทางคือสักประเทศในโลก มันอาจจะยากหน่อยสำหรับการปรับตัวเพราะความต่างทางวัฒนธรรม แต่ยิ่งไปไกลเท่าไรยิ่งดี

คุณชี้นิ้วบนแผนที่โลกบอกว่า ไปนิวซีแลนด์กัน ผมพยักหน้าตกลงและพวกเราจะไปจากที่นี่ทันทีหลังจากที่ผมดูแลเคสของเจ้าชาย C ซึ่งใช้เวลาไม่เกินสองเดือน เมื่อเวลานั้นมาถึงก็พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว เพราะทั้งหมดที่ต้องการคืออิสรภาพ สองเราและเอกสารทางการอีกนิดหน่อย

ผมอาจจะเป็นนักซ่อมหัวใจรักษาคนไข้ในคลินิกสักแห่งในเมืองเวลลิงตัน ได้ยินว่าคลินิกฮาร์ทสมิธมีเครื่องมือทันสมัยและครบครันที่สุดในโลกด้วย ส่วนคุณอาจจะนั่งเขียนงานสุดบรรเจิดพลางจิบกาแฟร้อนในคาเฟ่หนังสือ พวกเราอาจมีบ้านสักหลังติดทะเลย่านไอซ์แลนด์เบย์กับลูกอีกคน เขาอาจจะอ่อนหวานลึกซึ้งเหมือนคุณและรักการช่วยเหลือเหมือนผม หากเรามีเงินมากพอก็อาจเลี้ยงสุนัขสักตัวด้วย



ไม่อาจรู้ได้

อนาคตเป็นสิ่งยากหยั่งถึง มันอาจไม่เป็นจริงสักอย่างด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ขวางกั้นเรากับอนาคตที่สดใส หรือมันอาจจะเป็นไปได้ทุกอย่างด้วยการเตรียมตัวเพียบพร้อมและความหวังเต็มเปี่ยม ทว่าทั้งหมดกลับเป็นเพียงจินตนาการฟุ้งซ่านของนักซ่อมหัวใจหนุ่ม เขาออกเดินทางสู่จุดหมายยาวไกลเพียงลำพัง ผู้คนในท่าอากาศยานเวลลิงตันเห็นชายหนุ่มพร่ำเพ้อและหัวเราะเพียงลำพังราวกับเสียสติเพราะมีเพียงเขาคนเดียวที่มองเห็นหญิงสาวคนรักอยู่ข้างกาย

หล่อนหลับใหลอย่างสงบในห้องนอนของบ้านที่เป็นดั่งนรกบนดิน วนเวียนล่องลอยในห้องและพบว่าตนเองคือวิญญาณร้ายตนนั้นที่คอยหลอกหลอนรอวันที่สิ้นอายุขัย ยามกลางวันจิตใต้สำนึกสั่งให้วิญญาณสาวเขียนบันทึกและอ่านหนังสือเหมือนคราวที่เป็นมนุษย์เพื่อพาตัวเองหนีจากบรรยากาศเศร้าระงมภายในบ้าน ไปอยู่ในโลกใบใหม่ซึ่งมีแค่ตนกับจินตนาการ จันทร์ฉายไม่อยากรับรู้ถึงน้ำตาของครอบครัวเพราะมันไร้ค่าเมื่อสายเกินไป พวกเขาไม่เข้าใจเหตุผลของการแลกลมหายใจกับความตายด้วยซ้ำ เมื่ออาทิตย์อัสดงจึงล่องลอยไปหาชายหนุ่มผู้ครวญครางชื่อของหล่อน เพราะเขาคือผู้ทำให้หล่อนมีตัวตน เป็นที่จดจำและเปล่งประกาย

ช่างเป็นนักซ่อมหัวใจที่น่าสงสารเหลือเกิน



#ฮาร์ทสมิธผู้น่าสงสาร