เพราะอยากลองเพลย์ BDSM ภายใต้ ‘บทบาททาส’ ดูสักครั้ง ผมเลยตามหา Male Dom ที่ถูกใจในแอป Twitter แต่ทำไมคนที่ผมได้นัดเจอ ต้องเป็นแฟนเก่าผมด้วยยย!?!?!
รัก,ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,ญี่ปุ่น,จิตวิทยา,ธงเขียว,เซ็กส์,Yaoi,BDSM,คลั่งรัก,SM,NC,NSFW,porn without plot ,PWP,แฟนเก่า,เพื่อนสนิท,BL,นิยายวาย,20+,พล็อตสร้างกระแส,sex,sextoy,kink,fetish,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
<เพราะอยากลองเพลย์ BDSM ภายใต้ ‘บทบาททาส’ ดูสักครั้ง ผมเลยตามหา Male Dom ที่ถูกใจในแอป Twitter แต่ทำไมคนที่ผมได้นัดเจอ ต้องเป็นแฟนเก่าผมด้วยยย!?!?!
🙏🏻 กราบสวัสดีนักอ่านทุกท่านที่ (อาจจะหลง) เข้ามาอ่านนิยายของเราด้วยนะคะ 🙏🏻
゚・:・,。★ (^-^) ♪ありがと♪ (^-^) /★,。・:・゚
🇯🇵 เรื่องนี้ ‘อิงความเป็นญี่ปุ่น’ สูงมาก (เวลาเขียนชื่อ จึงเรียงนามสกุลไว้ข้างหน้า ชื่ออยู่ข้างหลังนะคะ) 🇯🇵
🫶🏻 เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครแบบ ‘BDSM ที่เพลย์อย่างปลอดภัย’ และ ‘ถูกวิธี’ 🫶🏻
💚 So, the content of this story is ‘A Healthy Relationship’. 💚
⚠️ ทุกตอนจะมีแท็ก Tag Warning เป็นการสปอยล์เนื้อหาในตอนนั้นๆ ⚠️
📖 เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกอ่าน และป้องกันผู้อ่านที่อาจเกิด Trigger จากความเซนซิทีฟของเนื้อหา 📖
💯 เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องสมมติ มิได้พาดพิงถึงบุคคลในชีวิตจริงแต่อย่างใด 💯
ได้โปรดรับชมอย่างมีมารยาท | คอมเมนต์ด้วยความสุภาพ | ไม่หยาบคายกับคนเขียน
คำเตือน : เรื่องนี้มีความสัมพันธ์แบบชายรักชาย รับไม่ได้ ให้กดปิดไปได้เลยค่ะ !!!
*** นิยายเรื่องนี้ เราเคยเอาลงใน ReadAwrite และ Tunwalai มาแล้ว ใครเคยซื้อเรื่องนี้ไปแล้วใน 2 แอปดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องซื้อซ้ำนะคะ เนื้อหาเหมือนกันหมด ราคาแต่ละตอนระหว่าง Plotteller กับ ReadAwrite (และธัญวลัย) ก็เท่ากันหมด เราแค่มาขยายตลาดในแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกจาก ReadAwrite กับ Tunwalai เฉยๆ ค่ะ >3<
Tag Warning: Alcohol Beverage | Beginning about Public Play (Nightclubs) | Couple | D/s Relationship | Entice the tiger to leave its mountain lair (แผนล่อตัวสตอล์กเกอร์) | Jealous
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความ Consent ของทั้งสองฝ่าย มีการตกลงกันล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
อ่านคำเตือนให้ครบนะแกรรร ชั้นเตือนแล้ววว เพื่อป้องกัน Trigger ของคุณผู้อ่านที่น่ารัก
หลังจากที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันทั้งสองคน เป็นอันตกลงกันได้แล้ว แผนการ ‘ล่อเสือออกจากถ้ำ’ สุดชาญฉลาดและแยบยลจึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะประกอบไปด้วย
1. จุดประสงค์หลัก = เพลย์นอกสถานที่ (Public Play)
1.1 เจาะจงให้เป็นสถานบันเทิงยามราตรี เช่น Pub, Nightclub, etc. ไม่จำกัดขอบเขตว่าต้องอยู่ในจังหวัดใด ขอเพียงแค่ให้ได้เพลย์อย่างคุ้มค่ากับการเดินทางเท่านั้น
1.2 อาจจะไม่ได้เพลย์แบบจัดเต็มเหมือนที่ผ่านมา เพราะค่อนข้างมีข้อจำกัดเรื่องความ Private อย่างมากจึงทำได้แค่ Role Play สวมบทบาท หรือใส่ของเล่นเอาไว้ในตัวนิดๆ หน่อยๆ
2. จุดประสงค์รอง
2.1 Renjiro Ato = เก็บข้อมูลจากในผับ เพื่อนำไปเขียนนิยายและมังงะเรื่องใหม่
2.2 Toshiro Noah = สืบหาเบาะแสของสตอล์กเกอร์ตัวจริง ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
3. การเตรียมตัว
3.1 Renjiro Ato = ฝึกดื่มของมึนเมา, ไปสำรวจสถานที่เพลย์ ที่ร่างสูงได้ทำการเลือกเอาไว้
(เรนจิโร่เคยดื่มเบียร์กระป๋องจากร้านสะดวกซื้อเป็นครั้งคราว ทว่าสุราจำพวก Whisky, Vodka หรือ Tequila ที่มีส่วนผสมของ Alcohol มากกว่าเบียร์ราวๆ 5-10 เท่า และขึ้นชื่อว่าราคาแพงสุดๆ นั้น เจ้าตัวยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อน)
3.2 Toshiro Noah = รวบรวมและคัดเลือกรายชื่อสถานบันเทิงต่างๆ ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับ Public Play กับคนรักของตน, ไป Survey สถานที่เพลย์พร้อมกับอีกฝ่าย
(การสำรวจสถานที่เพลย์ ก่อนที่จะเริ่มทำการเพลย์อย่างจริงจัง มีจุดประสงค์เพื่อให้ทั้งคู่ได้จดจำแผนผังภายในสถานบันเทิงดังกล่าว พร้อมกับหาทางหนีทีไล่ได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ตาม)
4. รายละเอียดเพิ่มเติม
นอกเหนือไปจากเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ ซึ่งหนุ่มผมดำเคยตั้งเอาไว้ในคราวก่อน (เพื่อความรู้สึกสะดวกใจ และทำให้พวกเขาสามารถดำเนินซีนในที่สาธารณะได้อย่างไหลลื่น) ก็ยังจำเป็นต้องผ่านเกณฑ์พิเศษของโทชิโร่อีกทั้งหมด 2 ประการ ดังต่อไปนี้
4.1 หนึ่งในบุคคลผู้ร่วมลงทุนให้กับสถานบันเทิงแห่งนั้น จะต้องเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงแรมบนเกาะ Okinawa เจ้าเก่าเจ้าเดิมด้วย อย่างน้อย 1 คน และ
4.2 สถานบันเทิงยามราตรีแห่งนั้น (ที่สืบเนื่องมาจากข้อ 4.1) จะต้องมี ‘โทชิโร่ โนอาห์’ เป็นผู้ร่วมลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม หากประเมินด้วยการอยู่บนพื้นฐานตามหลักความเป็นจริงแล้ว คงแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เหล่าหุ้นส่วนทุกคนจากกิจการใดกิจการหนึ่ง จะพากันมาลงทุนในธุรกิจการค้ารูปแบบอื่นร่วมกัน ‘แบบครบเซ็ต’ ชนิดที่ไม่มีรายชื่อของบุคคลใดขาดหาย หรือตกหล่นไปเลยแม้แต่คนเดียว
พูดเปรียบเทียบให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันในอีกความหมายหนึ่ง ก็คงอธิบายได้ว่า หุ้นส่วนแต่ละคนของโรงแรมบนเกาะ Okinawa ล้วนกำหนดแนวทางหลักในการทุ่มเงินลงทุนเป็นของตัวเองอยู่แล้ว รายชื่อทุกคนจึงมีสิทธิ์แผ่กระจาย ไปอยู่ตามสถานบันเทิงแห่งต่างๆ และคละได้อย่างหลากหลายไม่ซ้ำกันนั่นเอง
เพื่อให้การสำรวจสถานที่จริงก่อนถึงวันนัดเพลย์ สามารถก่อเกิดประสิทธิผลได้มากที่สุด และไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็จำเป็นต้องรวบรวมรายชื่อสถานบันเทิงทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น (ซึ่งได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้ว ว่ามีคุณสมบัติผ่านตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้จริงๆ) มาให้ครบถ้วน
ทว่าโชคร้ายเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแผนการของทั้งสองคน จะได้รับการกำหนดขอบเขตให้รัดกุมมากเพียงใด การจะตัดสินใจเลือกผับแต่ละที่ และลงไปสำรวจด้วยตัวเองในแต่ละครั้งนั้น ย่อมไม่ต่างไปจากการสุ่มกาชาแบบคาดหวังลาภลอย โดยไร้สิ่งใดมารับประกัน เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ความคาดหวังจะสัมฤทธิ์ผล
นั่นคืออุปสรรคตามธรรมชาติของการจำกัดทางเลือก ซึ่งไม่อาจหาทางแก้ไขได้โดยง่ายถ้าไม่มีข้อมูลอื่นๆ มาสนับสนุนเพิ่มเติม เหมือนอย่างพวกเขาในตอนนี้ ที่รู้เพียงแค่ว่าสตอล์กเกอร์ตัวจริง คือบุคคลผู้มีอำนาจใหญ่โต และต้องเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมที่ Okinawa ร่วมด้วยเท่านั้น
หลังจากที่เล็งเห็นถึงจุดอ่อนจากอุปสรรคดังกล่าว คนผมทองจึงได้จำกัดวงให้แคบเข้ามาอีก 1 ระดับ โดยการเลือกเพลย์ในผับที่มีตนเป็นหุ้นส่วนด้วย จะได้ช่วยอำนวยความสะดวก ให้ตนสามารถใช้อำนาจในมือ เพื่อสืบหาร่องรอยได้อย่างเต็มที่ (หรือก็คือ เหตุผลของเงื่อนไขพิเศษในข้อ 4.2 ที่ร่างสูงได้กำหนดขึ้นมา)
อนึ่ง ในเมื่อมันเป็นการสุ่ม นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่เจ้า Stalker ตัวจริง จะ ‘ลงทุนในผับที่โทชิโร่ไม่ได้ร่วมประกอบกิจการด้วย’ ก็เป็นได้ ทว่าอย่างน้อย ขอแค่ให้ได้ตัด Choice ในมือออกไปทีละคนสองคน ก็จะทำให้สามารถค่อยๆ ระบุตัวตนของบุคคลผู้น่าสงสัยได้ ในเปอร์เซ็นต์ที่ถูกต้องมากขึ้น
และขณะเดียวกัน ขั้นตอนที่เหลือนอกเหนือจากนั้น…
.
.
.
“อืม ! ตามแผนเลย เดี๋ยวกูจะคอยดูแลอยู่ห่างๆ ส่วนมึงก็เก็บข้อมูลเพื่องานของมึงเถอะนะ”
สรรพนามที่ร่างสูงใช้เรียกแทนตัวเองและฝ่ายตรงข้ามในตอนนี้ ก็เปรียบเสมือนกับการกดเปิด Switch เพื่อเริ่มเพลย์ซีนนายทาสของทั้ง 2 คน โดยมีโทชิโร่ ผู้ซึ่งนั่งรออยู่บน Sport Car อีกคันหนึ่ง คอยทำหน้าที่ซัพพอร์ต คุมบังเหียนระหว่างการดำเนิน Scene ในช่วงแรกให้อย่างดิบดี เพราะนี่เองก็ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนของแผนการ [ล่อเสือออกมาจากถ้ำ] เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าหากลองจัดเรียงลำดับแต่ละ Step ให้ถูกต้องตาม Timeline ที่เกิดขึ้นจริงๆ จะพบว่า การเพลย์ Scene ดังกล่าว แท้จริงแล้วได้ถูก Set เอาไว้ ในตำแหน่งที่อยู่ถัดจากอีก 1 ขั้นตอนก่อนหน้านี้ต่างหาก นั่นคือ การตามล่ารายชื่อเคหะสถาน ที่เห็นว่าเหมาะสมแก่การพาคู่ Partner ไปเพลย์ด้วยกัน อนึ่ง สำหรับประเด็นนี้ พวกเขาก็ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เรียบร้อยแล้ว ว่าจะเลือกสถานบันเทิงยามราตรีเป็นคำตอบสุดท้าย ดังจะเห็นได้จากข้อ 1.1 ตาม Agenda ข้างต้นนั่นเอง
และเนื่องด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับ List รายชื่อสถานบันเทิงยามราตรี จากทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น (ที่เข้าเกณฑ์ ตรงตามเงื่อนไข) ได้วางหมากให้คนผมทอง กลายเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยเฉพาะ ทำให้เจ้าตัวมีสิทธิ์เลือกได้อย่างอิสระเสรี ว่าจะใช้วิธีไหนในการจัดการ เช่นนั้นแล้ว นักธุรกิจหนุ่มซึ่งเล็งเห็นถึงหนทางรูปแบบอื่น อันส่งผลให้สามารถปิดจ๊อบได้ไว รวดเร็วยิ่งกว่าการลงมือทำด้วยตัวเอง จึงตัดสินใจมอบหมายขั้นตอนสำคัญนี้ ให้ฝ่ายเลขาคนสนิท (ที่ไว้ใจได้) เป็นคนจัดการแทน
โดยในทางตรงกันข้าม วันแห่งการลงภาคสนามจริง (หรือก็คือ วันที่พวกเขาทั้งคู่เริ่มปฏิบัติการ Public Play และใช้เรนจิโร่เป็นตัวล่อให้เจ้า Stalker โผล่หัวออกมา) ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตการณ์รอบๆ ตัวอย่างทั่วถึงในระยะกว้างไกล คอยเก็บตกทุกรายละเอียด ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้เป็น Dom สืบค้นตามหา ผลสรุปที่ว่าใครจะเป็นคนจัดการหน้าที่นี้ ก็ออกมาอย่างที่เห็นตามบทสนทนาล่าสุด
“แต่อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากนักล่ะ มันอันตราย”
“ครับนายท่าน !”
หนุ่มผมดำตกปากรับคำมั่นสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด หลังจากที่ร่างสูงคอยกล่าวย้ำเตือนซ้ำๆ เพื่อทบทวนถึงแผนการให้อีกฝ่ายจำได้ขึ้นใจ ทว่ากลับแฝงไปด้วยความห่วงใยอันมากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะระหว่างการดำเนินไปตามแผนการ ‘ล่อเสือออกจากถ้ำ’ พวกเขา 2 คน ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ รวมทั้งระวังตัวไม่ให้โดนจับได้ จนแผนดังกล่าวเกิดล่มไปกลางคัน หากไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะก่อให้เกิดความยุ่งยากในภายภาคหน้ามากยิ่งขึ้นเป็นแน่
เมื่อนาฬิกาชี้เข็มบอกเวลาสี่ทุ่มตรง และ Kirei Kuro Nightclub เริ่มเปิดให้บริการกับแขกผู้มาเยือน โทชิโร่ก็เอ่ยปากออกคำสั่งในฐานะ Dom ให้ร่างโปร่งเดินเข้าไปด้านในตัวอาคารหลักก่อนได้เลย โดยที่ตัวเขาเองนั้น ยังคงนั่งรออยู่บนรถต่ออีกสักพัก เนื่องด้วยตั้งใจจะประวิงเวลาออกไป เพื่อเตรียมการสำคัญบางอย่างแบบลับๆ มารับมือกับเจ้าสตอล์กเกอร์ตัวปัญหา
มือหนากดปุ่มเปิดลิ้นชักเก็บของจิปาถะชิ้นเล็กๆ ข้างประตูรถ หยิบเอาหน้ากากอนามัยสีดำขึ้นมาสวมใส่ สำหรับใช้ปิดบังและอำพรางใบหน้าของตนเอง เพราะเขาเชื่อว่าฝ่ายโน้นน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว เรื่องที่เขาออกตัวมากางปีกปกป้อง คุ้มครองอารักขาหนุ่มผมดำอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ถ้าหากเขาจงใจแสดงให้เห็นกันจะจะไปเลย ว่าเรนจิโร่มาเที่ยวที่นี่ในวันนี้ด้วยตัวคนเดียวจริงๆ ก็น่าจะหลอกล่อพวกที่มักชอบซุ่มโจมตีอยู่ในที่มืด ให้มันกล้าโผล่หาง เผยไต๋ออกมาจนเขาจับสังเกตได้บ้างแหละ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแสดงตบตานั้นดูแนบเนียนที่สุด ประหนึ่งไม่ได้ผ่านการบรีฟลำดับซีนกันมา พวกเขาทั้งคู่จึงทำข้อตกลงกัน ว่าจะไม่มีการเตี๊ยมเรื่องที่นั่ง หรือจุดนัดพบกันก่อนล่วงหน้า หากเดินเข้าผับไปแล้ว เรนจิโร่สามารถที่จะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ ตามใจเจ้าตัวเลย เพียงแค่ส่งข้อความมาบอกเขา (ที่จะตามเข้ามาทีหลัง) ในเวลาอันสมควร เท่านี้ เขาก็จะรู้ถึงตำแหน่งที่ผู้เป็น Sub ประจำอยู่ในขณะนั้นได้ทันที
ถ้าอยากจะให้สรุปภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ พวกเขาเริ่มเพลย์ในลักษณะของการสวมบทบาทนายทาส ทว่าไม่ได้รีบเร่งกระโจนเข้าหากันเพื่อตะโบมโลมรัดแบบจัดหนักจัดเต็ม ราวกับถูกครอบงำด้วยอารมณ์หิวกระหายแต่อย่างใด และปล่อยให้เนื้อหาของซีนแรก กลายเป็นการเดินสำรวจ ทัวร์ชมบรรยากาศภายในผับ (โดยมีคนผมทองที่ใส่ Mask ปกปิดตัวตนเรียบร้อย คอยจับตามองอยู่เรื่อยๆ เพื่อดูแลความปลอดภัย) ตามจุดประสงค์รองของเรนจิโร่แทนนั่นเอง
“ครับ—คุณเรนจิโร่ อาโตะ อายุตามบัตรประชาชน… โอเค ! ผ่านเกณฑ์ เชิญเข้าได้เลยครับ”
ตัดฉากกลับมาที่ฝั่งของร่างโปร่งกันอีกครั้ง หลังจากยื่นบัตรให้ Receptionist (พนักงานต้อนรับ) เพื่อทำการตรวจสอบอายุ และยืนยันว่าลูกค้าผู้นี้ ได้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายญี่ปุ่นแล้วจริงๆ เรนจิโร่ก็ออกย่างก้าวทั้ง 2 ฝีเท้า เดินผ่านประตูเข้าไปด้วยตัวคนเดียวอย่างทะนงองอาจ
บรรยากาศแปลกใหม่จาก Kirei Kuro Nightclub ทำให้จิตรกรหนุ่มรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เหตุเพราะเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ เขาได้มีโอกาสมาสำรวจที่นี่พร้อมกับคนผมทอง แค่ช่วงตอนกลางวันเท่านั้น (1 ในขั้นตอนของการเตรียมตัว เพื่อบรรลุจุดประสงค์ตามแผนล่อเสือออกจากถ้ำ) และยังไม่เคยเห็นสถานบันเทิงย่านเริงรมย์แห่งนี้ เวอร์ชั่นขณะกำลังเปิดให้บริการจริงๆ แต่อย่างใด
อนึ่ง Kirei Kuro Nightclub เป็นสถานบันเทิงยามราตรีนานาชาติ ที่มีทั้งส่วนของ ‘ผับ’ และ ‘คลับ’ อยู่ในตัวอาคารแห่งเดียวกัน โดยตามความเข้าใจของคนไทย ส่วนใหญ่มักจะนิยามให้ ‘ผับ’ มีความหมายที่สื่อไปถึงสถานที่อโคจร แหล่งมั่วสุมอบายมุข เต็มไปด้วยเรื่องคาวโลกีย์ในมุมมืด มีสาวใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นมามอบความบันเทิง ให้บริการแก่ลูกค้าในเชิงวาบหวิวเปิดเผยเนื้อหนัง
ทว่าสำหรับคนญี่ปุ่น หรือชาวต่างชาติในแถบยุโรปและอเมริกานั้น แตกต่างออกไปจากไทยโดยสิ้นเชิง เพราะเหล่าประเทศด้านบนเหล่านี้ ที่ได้ถูกยกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น จะใช้คำว่า ‘คลับ’ (Nightclub) ในการอ้างอิงถึงสถานที่อโคจรดังกล่าว ส่วน ‘ผับ’ หรือ Public House คือห้องโถงสังสรรค์เพื่อพบปะเพื่อนฝูง อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเปิดกว้างหลังใหญ่ตามชื่อ Public House ต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทั้ง ‘ผับ’ และ ‘คลับ’ จะถูกจัดกลุ่ม ให้อยู่ในหมวดหมู่ของสถานบันเทิงยามราตรีเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่สิ่งที่ทำให้สามารถแยกแยะเกี่ยวกับความแตกต่าง และขีดเส้นแบ่งสถานที่ทั้งสองแห่งออกจากกันได้เป็นอย่างดี ก็คือ ผับ (Public House) มักไม่ค่อยมีภาพจำอันเป็นเอกลักษณ์ หรือ Signature ที่โดดเด่นในเรื่องทางเพศอย่างโจ่งแจ้งเท่าไหร่นั่นเอง
และตามที่ได้เกริ่นไว้ ณ เบื้องต้น ว่า Kirei Kuro Nightclub เป็นสถานบันเทิงยามราตรีนานาชาติแบบพิเศษ เพราะมีทั้ง Pub & Club อยู่ในตัวอาคารแห่งเดียวกัน เริ่มจากตำแหน่งแรกที่ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนก็จะต้องได้เดินผ่านอย่างแน่นอน นั่นคือส่วนของ ‘คลับ’ ในขณะที่ ‘ผับ’ นั้น จะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งถ้าหากขึ้นไปเยือนยัง Area ดังกล่าว แล้วชะโงกหน้าก้มมองลงมา จากบริเวณนอกระเบียงลอยฟ้า (เหมือนกับเรนจิโร่ในตอนนี้) ก็จะสามารถยลเห็น และรับชมทัศนียภาพของคลับแดนซ์ที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
‘... คงต้องรอให้ดึกกว่านี้อีกซักหน่อย คนถึงจะค่อยๆ เยอะขึ้นล่ะนะ’
หนุ่มผมดำลอบคิดในใจ หลังจากที่ได้กวาดสายตา ปราดมองไปรอบๆ ตัว และคำนวณปริมาณฝูงชนโดยรวมแบบคร่าวๆ ซึ่งดูแล้วมีจำนวนเยอะอยู่พอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นก่อให้เกิดความรู้สึกเบียดเสียดแออัด เนื่องจากทางร้านเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเท่านั้น ตนเลยกะรอถ่วงเวลา จนกว่าจะมีจำนวนลูกค้าสายปาร์ตี้มากกว่านี้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเข้าไปร่วมวงแดนซ์ยามดึกที่ชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับแขกและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เพื่อเก็บอีก 1 ประสบการณ์แปลกใหม่ ‘ด้วยตัวเอง’ อย่างใกล้ชิด
แน่นอนว่า จิตรกรหนุ่มไม่ได้คิดจะทำเพียงแค่นั่งรออยู่บน Pub ชั้น 2 เฉยๆ ให้เวลาชีวิตไหลผ่านไปแบบสิ้นเปลืองและเปล่าประโยชน์ เจ้าตัวเริ่มออกเดินสำรวจจากส่วนที่ใกล้ที่สุดก่อน โดยระหว่างนั้น พอพบเห็นสิ่งใดน่าสนใจ ก็จะจดบันทึกลงบน iPad คู่ใจเอาไว้ และที่สำคัญ ต้องไม่ลืมทักไปแจ้งผู้เป็น Dom ให้อีกฝ่ายได้รับรู้การเคลื่อนไหวทางฝั่งของตนด้วย
มือข้างขวาที่ว่างจากการจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แตะปลายนิ้วโป้งเข้าไปที่ Line Application เล็งหา Profile ของบุคคลซึ่งเป็นเป้าหมายการติดต่อของตัวเอง จัดการพิมพ์ข้อความสั้นๆ เพื่อบอกกล่าวเกี่ยวกับจุดสังเกตของบริเวณที่ตนประจำอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสิ่งที่กำลังจะกระทำต่อไป แล้วกดส่งให้ฝ่ายตรงข้ามได้อ่านมัน ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน จะมีแถบแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาตรงด้านบนของ Tablet ยี่ห้อหรูโดยทันควัน
(WhiteCT: โอเค)
(WhiteCT: Sent a sticker.)
(WhiteCT: เดี๋ยวกูจะตามขึ้นไปนะ)
เป็นอันเข้าใจความหมายแบบเดียวกัน จาก Massages ล่าสุดในช่องแชทดังกล่าว ว่าข้อมูลข่าวสารที่เขาต้องการจะแลกเปลี่ยนด้วย สามารถส่งต่อไปยังโทชิโร่ (ซึ่งเป็นผู้รับ) ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทีนี้ ก็ถึงเวลาทุ่มเทให้กับการ Focus เรื่องงานตรงหน้าของเขาอย่างเต็มที่เสียที
————————————————————————
20◯◯年 2月 16日 (วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 25XX)
Kirei Kuro Nightclub
・มาจาก Kirei (สวยงาม) + Kuro (สีดำ)
・Concept คือ หมู่ดาวสุกสกาว ภายใต้ความมืดมิดอันงดงามของจักรวาล
・จึงตกแต่งด้วยธีม Galaxy ประดับไฟดวงเล็กวิบวับ ให้เข้ากับสโลแกนตั้งต้นของทางร้าน
Note: ได้รับข้อมูลทั้งหมดมาจากโทชิ, เน้นสำรวจเส้นทางกับ Landmark หลัก, ยังไม่ลงรายละเอียดปลีกย่อย
————————————————————————
20◯◯年 2月 21日 (วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 25XX)
10:07 PM. / @Kirei Kuro Nightclub (ขณะเปิดให้บริการ)
・บันทึกต่อจากคราวที่แล้ว
☆☆☆ ผับ (เน้นเสพบรรยากาศชิลๆ + มื้ออาหารสุดพิเศษ / อยู่ชั้น 2 และเล็กกว่าคลับด้านล่าง) ☆☆☆
ประกอบไปด้วย
→ ห้องรับประทานอาหารอย่างเป็นทางการ (หรือ Dining Room) เสิร์ฟ Menu ระดับภัตตาคาร
→ อยู่ด้านในสุดของชั้น 2 พื้นที่ส่วนตัวที่เก็บเสียงจากคลับชั้นล่าง ชมวิวตึกสูงใหญ่ แสดงถึงความ Civilize ยามค่ำคืน
→ นักดนตรีขับกล่อมลูกค้า ด้วยการบรรเลงเพลงจังหวะสบายๆ ผ่อนคลายความตึงเครียด (เปียโน, ไวโอลิน ฯลฯ)
→ Hall กว้างขวางโอ่อ่า ลานเปิดโล่ง จัดวางโต๊ะและเก้าอี้ ให้ดูมีพื้นที่ใช้สอยโดยรอบได้อย่างไม่อึดอัด
→ แบ่งเป็น 3 บริเวณ พร้อมชื่อเรียกกำกับ ตามสีพรมรองพื้น - น้ำเงิน เหลือง แดง
→ อาศัยดนตรีแนว EDM (Electronic Dance Music) จากโซนคลับด้านล่าง เพื่อสร้างบรรยากาศระหว่างการรับประทานอาหารที่แปลกใหม่
————————————————————————
‘เรียบร้อย..! ต่อไปก็คลับชั้น 1’
เรนจิโร่ครุ่นคิดถึงเป้าหมายถัดไป แล้วเลือกวิธีเดินลงบันไดธรรมดาแทนการใช้ลิฟต์ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่อยู่ใกล้กว่า พลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ที่การจดงานของตนเป็นไปได้อย่างราบรื่น และไม่โดนขัดจังหวะ หรือถูกรบกวนโดยคนแปลกหน้าเข้าเสียก่อน (ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการแต่งตัวสไตล์นักท่องเที่ยวแบบเรียบๆ ดาษๆ ไม่ได้ดูหวือหวา โดดเด่นสะดุดตาถึงขนาดนั้น แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว)
ณ ขณะนี้ นาฬิกาชี้เข็มบอกเวลา 22:45 น. หรือหากนับตั้งแต่ร้านเปิดสี่ทุ่ม จำนวนคนในชั้นที่ 1 ก็ถือว่าเยอะขึ้นมากถ้าเทียบกับตอนแรก พิสูจน์ได้จากเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจรอบข้าง ที่คุยกันดังระงมผสมปนเปเต็มไปหมด นั่นทำให้เขาเดินจดงานแบบ Real Time เหมือนที่ทำบนชั้น 2 ได้ไม่สะดวกนัก และจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแผนเสียใหม่ ด้วยการพึ่งพาเซลล์สมองเพียวๆ ผนวกกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อจดจำรายละเอียดดิบๆ ไปก่อน จากนั้น จึงค่อยย้ายมานั่งที่บาร์ ถึงจะลงมือจดได้ดังเดิม
iPad กับ Apple Pencil ที่ทำงานหนักมาตลอดครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ถูกหนุ่มผมดำผู้เป็นเจ้าของ จับยัดใส่ลงกระเป๋าสะพายข้างขนาดกลาง และจัดการรูดซิปปิดอย่างมิดชิด ป้องกันเหตุโจรกรรมของมีค่าในที่แออัดเบียดเสียด เพราะต่อให้สถานบันเทิงแห่งนี้ จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาและดีเยี่ยมแค่ไหน แต่ถ้าเริ่มป้องกันที่ตัวเองก่อน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันลงไปได้มากโข
พรึ่บ !!
ทั่วโถงคลับแดนซ์ชั้น 1 ที่เคยได้รับความสว่างไสวจากไฟดาวน์ไลท์สีขาวนวลสบายตา พลันมืดมิดลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ดนตรีเริ่มโหมโรงด้วย Sound จังหวะตื่นเต้น ก่อนที่แสงจาก Spotlight จะสว่างวาบขึ้นมาเป็นลำดับที่ 3 มันฉายไปยังเวทีขนาดใหญ่ตรงหน้า ทว่าทัศนียภาพบางส่วน กลับถูกกลุ่มหมอกควันบดบังเอาไว้ ประหนึ่งม่านเปิดการแสดงที่ไม่อาจจับต้องได้ด้วยมือเปล่า พร้อมทำงานร่วมกับไฟเลเซอร์หลากสี โดยมีจุดประสงค์เพื่อขับเน้นพื้นที่ที่ว่า ให้กลายเป็นจุดเด่นหลักของกิจกรรมต่อจากนี้
ทั้งองค์ประกอบและลูกเล่นต่างๆ ที่ทาง Kirei Kuro Nightclub ตั้งใจรังสรรค์ใส่มา ล้วนมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนบรรยากาศเดิมซึ่งเคยเอื่อยเฉื่อย เนือยๆ เนิบนาบ ให้พลิกกลับมาเป็นน่าตื่นเต้นได้ในพริบตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหมอกควันจางลง จอ LED ขนาดใหญ่ ซึ่งถูกติดตั้งเอาไว้เป็น Background ด้านหลังเวที ก็ฉายให้เห็นภาพของ 2 ดีเจหนุ่มชื่อดังวัย 20 ต้นๆ ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจบช่วงพักเบรกสั้นๆ ก่อนหน้านี้ เรียกอากัปกิริยาป้องปากโห่ร้องกรี๊ดกร๊าด แทนเสียงพูดคุยอื้ออึงเซ็งแซ่ได้เป็นอย่างดี
キャアアアアアアアアアアアアアアー (Kyaaaaaaaaaaaaaa〜)
DJ ทั้งสองสวมชุดที่ดูเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเตะตา เซ็ตทรงผมแนวพังก์ร็อก ส่งรอยยิ้มหล่อเหลากระชากใจ พร้อมโบกไม้โบกมือท่ามกลางแรงเชียร์จากแฟนๆ รวมถึงแขกคนอื่นๆ ในคลับด้วยความเป็นมิตร ขณะที่กำลังเดินขึ้นไปบน Center Stage (ซึ่งยกสูงอยู่เหนือพื้นปกติราวๆ 1 เมตร) เพื่อเตรียมตัวทำงานกะดึกของตนเองในคืนนี้เหมือนอย่างเคย
อนึ่ง นอกจากจอ LED ขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งไว้เป็น Background ด้านหลังเวทีดังกล่าว พ่วงตามมาด้วยความคมชัด คุณภาพระดับ High Quality แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นับเป็นจุดรวมสายตาอันน่าจดจำของเหล่าลูกค้าได้ดีเช่นกัน นั่นก็คือ ตัวอักษรใหญ่เบ้งจากไฟนีออน ที่เรียงกันอยู่เหนือจอภาพดังกล่าว และสะกดเป็นชื่อร้านว่า [ ー Kirei Kuro ☆ Nightclub ー ] นั่นเอง
โดยในตอนนี้ DJ Booth แท่นสุดหรูบนเวที สำหรับใช้ปรับแต่งท่วงทำนองของแต่ละบทเพลง ให้ Mix รวมกันเป็นจังหวะหลากประเภท รวมไปถึงบอร์ดควบคุมแสง—สี—เสียง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศรอบตัวด้วยปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม ล้วนถูก 2 ดีเจหนุ่มและพนักงานผู้ช่วยอีก 3 คน จับจองพื้นที่ประจำตำแหน่งของตนเอง แน่นอนว่าอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมด ย่อมได้รับการเซ็ตมาจนพร้อมใช้งานในสนามจริงเรียบร้อยแล้ว
ณ บัลลังก์แดนอาทิตย์อุทัยอันสูงส่ง สำหรับกระทำกิจสุด Special ในสถานบันเทิงยามค่ำคืน หรือก็คือ แท่นดีเจบนเวที ช่างดูเข้ากันกับคู่หู DJ หนุ่มชื่อดัง ผู้เป็นตัวเอกของ Nightclub แห่งค่ำคืนนี้ ที่ได้รับการฉายแสง ส่อง Spotlight ไปเต็มๆ และที่สำคัญ ตำแหน่งอันทรงเกียรติดังกล่าวที่เหล่าลูกค้าและแขกผู้มาเยือนให้การยกย่องนักหนานั้น ทั้งคู่ก็มิได้ถูกสถาปนา หรือถูกแต่งตั้งมาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า กว่าจะถีบตัวเองให้ขึ้นมาอยู่ในระดับที่ทำงานให้กับ Nightclub #Top 3 ของประเทศญี่ปุ่นได้นั้น ย่อมต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อที่จะสะสมชั่วโมงบินและคอยเก็บประสบการณ์ไว้ให้ได้มากที่สุด จึงเลี่ยงไม่ได้เลยกับการพบเจอข้อผิดพลาดนานับประการ รวมไปถึงต้องคอยน้อมรับคำตำหนิติเตียนจากนายจ้างแต่ละราย และคนดูมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากนำเอา Feedback เหล่านั้น มามองกลับกันในอีกแง่มุมหนึ่ง ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยสะท้อนคุณภาพในการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี เสมือนกระจกเงาที่ส่องให้เห็นตัวเองในด้านที่แปลกใหม่ คาดไม่ถึง หรือเผลอละเลยไปบ้างในบางครั้ง โดยเราสามารถหยิบยกเอาความคิดเห็น (ในเชิงสร้างสรรค์) ไปปรับปรุงจุดบกพร่อง ข้อด้อยที่เกี่ยวข้อง หรือใช้พัฒนา Skill และศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง
ตราบเท่าที่ใจยังคงอยากจะทำงานสายนี้ต่อไป ไม่คิดละทิ้ง Passion หรือเปลี่ยนเส้นทางเป็นอื่นไปเสียก่อน โอกาสในการประสบความสำเร็จดั่งใจหวัง ก็จะไม่มีทางเหลือ 0% เฉกเช่นดีเจหนุ่ม 2 คนนี้ ผู้เป็นตัวอย่างของผลผลิตที่ไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับอุปสรรคต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ได้รับสิ่งตอบแทนจากน้ำพักน้ำแรง เป็นค่าจ้างปริมาณมหาศาล สมน้ำสมเนื้อกับความสามารถ ความเป็น Professional และชื่อเสียง (ด้านดี) อันโด่งดังที่ติดตัวมา ละม้ายคล้ายเครื่องประดับหรูช่วยเสริมบารมีให้ตัวเองดูมีออร่ามากขึ้น
ว่าแล้ว หนึ่งในดีเจหนุ่มสุด Hot ผู้ซึ่งกำลังยืนประจำตำแหน่งสำคัญอยู่บนเวที ก็ได้หยิบหูฟัง Headphone แบบไร้สาย (ที่ทางร้าน Kirei Kuro Nightclub เป็นผู้จัดหาและตระเตรียมให้) นำมาคล้องพาดไว้หลังคอของตัวเองด้วยท่วงท่าที่รู้สึกถนัดมากที่สุด (ซึ่งหูฟังที่ว่านั้น ได้ถูกกดเปิดการใช้งาน และทำการเชื่อมต่อกับลำโพงขยายเสียงจากทั่วทั้งคลับชั้น 1 เรียบร้อยแล้ว) พร้อมโชว์สเต็ป Self Introduce’s Rap ขั้นเทพ ด้วยน้ำเสียงทุ้มทรงพลังก้องดังฟังชัดฉะฉาน สะกดให้ทุกสายตาจากเบื้องล่างพากันจับจ้องมาที่ตน
เท่านั้นยังไม่พอ ในระหว่างที่ดีเจหนุ่มคนดังกล่าว กำลังรับบท Rapper ปากเปล่า (ผ่าน Mic ลอยจากหูฟัง Headphone) อย่างเมามัน เพื่อป้องกันความซ้ำซากจำเจที่ยืดยาวเกินไปโดยไม่จำเป็น เจ้าตัวจึงได้ผลัดกันสลับสับเปลี่ยนคิว เปิดไฟเขียวหลีกทางให้ Scene แก่คู่หู DJ อีกคน (ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความชำนาญ + ชื่อเสียงอันเปรี้ยงปร้างไม่แพ้กัน) ได้มีโอกาสแสดงฝีมือการแรปสุดแพรวพราวต่อจากตนอีกทอด เป็นการอุ่นเครื่องกลายๆ สัก 1-2 นาที ก่อนที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมหลักเหมือนอย่าง Nightclub ทั่วไปดังเดิม
[ พร้อมรึยังสำหรับเพลงมันส์ๆ ในยกต่อไป คืนนี้ยังอีกยาวไกล ไหนขอเสียงสายโต้รุ่งหน่อยเร็วววว〜♪♪ ]
ฮิ้วววววววววววว~
คล้อยหลังวาทะดังกล่าวของ Disc Jockey (DJ) หนุ่มคนนั้น ทั้งเหล่าลูกค้าและบรรดาแขกผู้มาเยือน (ที่บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้ว) ต่างก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการเสริมสร้างบรรยากาศรอบตัวอย่างเต็มที่ หลายๆ คน (และโดยส่วนใหญ่) พากันยกมือป้องปาก ส่งเสียงเชียร์หรือโห่ร้องกรี๊ดกร๊าด ตอบรับคำถามจูงใจธรรมดาๆ ที่ถูกส่งมาจาก Leader บนเวทีของ Nightclub แห่งนี้อย่างเฮฮาร่าเริง
เพลงแนว EDM อันใหม่ล่าสุด ถูกเปิดขึ้นมาเป็นลำดับถัดไป แล้วจึงต่อด้วยการทำงานของไฟเลเซอร์ มันถูกติดตั้งให้เริ่มยิงลำแสงหลากสี และฉายลงมายังใจกลางของฝูงชนมากมาย (ที่กำลังยืนอยู่ด้านล่างเวที) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสริมอารมณ์ร่วมและทำให้เกิดความสนุกสนาน ผ่านประสาทสัมผัสด้านการมองเห็น ผสมผสานกับเสียงดนตรีที่มีจังหวะสอดคล้องกันอย่างเป็นธรรมชาติ
องค์ประกอบข้างต้นทั้งหมดที่นับได้ว่าเป็นศิลปะชั้นเลิศอีกแขนงหนึ่ง มันช่างเย้ายวน ชวนให้เรนจิโร่รู้สึกอยากจะขยับเขยื้อนกาย ออกไปเต้นตามประสาคนรัก Music อยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องภาระงานสำคัญที่เขาต้องจัดการสะสางให้เสร็จสิ้นเป็นอันดับแรกนี่แหละ ตอนนี้เลยทำได้แค่สังเกตการณ์เป็นระยะๆ และจดจำข้อมูลที่น่าสนใจบันทึกลงสมองเพียวๆ ไปก่อน
บรรยากาศภายใน Club โดยรวม ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอยู่ตลอดเวลา แต่ทางร้านก็ชดเชยให้ ด้วยการเปิดระบบไฟสำหรับงาน Party ไว้เป็นหย่อมๆ ซึ่งอาจจะเป็นแสงสว่างผูกขาดเพียงชนิดเดียวในเขต Dance Hall ชั้น 1 เลยก็ว่าได้ (ความจริงแล้ว ชนิดของไฟในงาน Party จำพวกนี้ น่าจะมีการจัดแจงแบ่งแยก Type เอาไว้อยู่หลายประเภทด้วยกัน แต่เขาจะขออนุญาตเรียกแบบรวมๆ ว่า ‘ไฟในงาน Party’ เฉยๆ ไปก่อน เหตุเพราะยังไม่เคยศึกษาถึงสิ่งที่ Related กับวงการนี้อย่างลงลึกมากนัก)
แสงไฟหลากสีเหล่านั้นกะพริบหมุนวนเป็น Pattern อย่างหลากหลาย สาดส่องลงมากระทบวูบวาบบนเรือนกายและกรอบหน้าของเหล่าลูกค้าต่างเพศต่างวัย ที่กำลังโยกย้ายลำตัว ส่ายสะโพกเต้นตามจังหวะเพลงแนว ‘ตื๊ด’ อย่างลืมโลก ประหนึ่งการกล่าวอำลาส่งท้ายให้ฤดูหนาว ณ ปัจจุบัน เพื่อเตรียมตัวต้อนรับความอบอุ่นอันแสนคุ้นเคยของ Spring (Season) ในเดือนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
อนึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่าในสถานบันเทิงเริงรมย์โดยทั่วไป ก็คือศูนย์รวมของคนที่เมามายจากการสั่งเครื่องดื่ม Alcohol มายกกระดกเข้าปากเป็นทุนเดิม อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง ณ ที่แห่งนี้ ต่างก็นิยมสวมใส่เสื้อผ้าเบาบาง และจำนวนน้อยชิ้นกันเสียส่วนใหญ่ ต่อให้จะอยู่ในช่วงปลายฤดูหนาวก็ตาม (สาบานว่าถึงแม้จะเป็นแค่เปอร์เซ็นต์อันน้อยนิด แต่เขาก็ยังพอเห็นคนที่ใส่เสื้อผ้าธรรมดา เหมือนแค่แวะมาเที่ยวเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแบบเขาอยู่เหมือนกัน)
ลูกค้าบางคนเลือกที่จะจับกลุ่มส่วนตัว กับก๊วนแก๊งที่มาเที่ยวด้วยกันตั้งแต่ก่อนเข้าคลับ (สังเกตจาก Theme ชุดที่ดูเหมือนนัดกันใส่มาอย่างพร้อมเพรียง จนยากที่จะเรียกได้ว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ) หรือไม่ก็หันไปตีซี้กับบรรดาเพื่อนเซ็ตใหม่รอบตัวที่น่าจะเข้าขากันได้ดี แล้วร่วมกันชูแขนโบกมือซ้ายขวา กระโดดดึ๋งดั๋งเบาๆ ไปตามจังหวะเพลงที่รวดเร็วกระแทกใจ
ในขณะที่พรรคพวกจากอีก Group หนึ่ง เน้นเต้นด้วยท่าทางในแบบของตัวเองมากกว่า แต่ถึงอย่างไร ที่ Kirei Kuro Nightclub แห่งนี้ ก็ไม่ได้มีใครมาคอยนั่งตัดสิน หรือกำหนดอย่างชี้ชัดว่าอะไรผิดอะไรถูกอยู่แล้ว ในเมื่อลูกค้าแต่ละคน ต่างก็แค่ต้องการจะมาปลดปล่อยอารมณ์ + ระบายความรู้สึกของตัวเอง (ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม) ให้อยู่เหนือยิ่งกว่าตรรกะที่ชวนปวดหัว หรือเหตุผลใดๆ ทั้งปวงก็เท่านั้น
‘…… จะว่าไป ถ้าวันไหนว่างๆ ลองชวนโทชิมาเต้นด้วยกันบ้างดีมั้ยนะ ?’
.
.
.
Melody & Music มากมายจากหลายสัญชาติทั่วโลก ซึ่งมี Rating ความยอดนิยมพุ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ และกำลังเป็นกระแสฮอตฮิตอยู่ใน Platforms ชื่อดังหลายๆ แห่ง ณ ตอนนี้ ถูกคู่หู DJ หนุ่มผู้มากไปด้วยทักษะและความสามารถ หยิบจับนำมา Mixing ทำนองบ้าง เร่งความเร็วบ้าง หรือแม้กระทั่งใส่ Sound Effects และลูกเล่นต่างๆ เพื่อที่จะคุมโทนเกี่ยวกับจังหวะของดนตรีในแต่ละเพลง ให้บรรเลงคลอไปในทิศทางเดียวกันอย่างกลมกลืนและลื่นไหลมากที่สุด
จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ 15 นาที การดำเนินหน้าที่ของ DJ หนุ่มทั้งสองคนในยกที่ 3 ยามค่ำคืนนี้ ก็ถึงคราวจบลง เป็นเวลาเดียวกับที่เรนจิโร่เห็นว่า ตนได้ทำการเก็บเกี่ยวข้อมูลรอบตัวที่น่าสนใจมามากพอแล้ว และเมื่อสบโอกาสแวบออกมาพัก เจ้าตัวก็ไม่รีรอที่จะทำอย่างที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก
เพื่อที่จะจดบันทึกทุกๆ สิ่งที่ตนเคย Memorize เอาไว้ในหัวเมื่อก่อนหน้านี้ หนุ่มผมดำได้แวะมานั่งพักบริเวณที่เรียกว่า Counter Bar - ชั้น 1 โซนเสิร์ฟเครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์มากฝีมือ (ที่อยู่ไม่ห่างจากเขต Dance Hall เมื่อครู่มากนัก) และมีเก้าอี้ทรงสูงซึ่งตั้งอยู่คู่กัน ไว้รับรองให้ลูกค้าที่มาเที่ยวท่านเดียว หรือต้องการจะปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อน มานั่งดื่มชิลๆ แบบ Solo โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างโปร่งเคยผ่านการฝึกดื่มของมึนเมากับโทชิโร่ และได้รับรู้ถึงระดับความคอแข็งของตนเองอย่างแน่ชัดแล้ว เมนู Beverage ที่เจ้าตัวจะสั่งมาจิบไปพลางๆ ระหว่างนั่งจดงาน (เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทจนเกินไป จากการมาใช้บริการในพื้นที่ทำมาหากินของทางร้านแล้ว แต่กลับไม่ยอมควักเงินจ่ายหรืออุดหนุนอะไรบ้างเลย) จึงเลือกเป็น……
“「Kakuteru shiro wain」no osusume menyuu o oshietekudasai. ” (รบกวนแนะนำเมนูที่น่าสนใจของ ‘ค็อกเทลไวน์ขาว’ ให้หน่อยครับ)
“Hai, Okyakusama !” (โอ้! ได้เลยครับคุณลูกค้าที่เคารพ)
“Shiro wain igai de, tokuni sukina okiniiri no arukooru inryoo wa arimasu ka? Watashi wa, anata ni mottomo inshoo-tekina nomimono o, samazamana zairyoo o tsukatte choori shitai to omoimasu.”
(ไม่ทราบว่า คุณลูกค้ามีความชื่นชอบเครื่องดื่ม Alcohol ประเภทอื่นนอกจากไวน์ขาวเป็นพิเศษอีกมั้ยครับ? ผมจะได้ชงเครื่องดื่มจากวัตถุดิบผสมที่ทำให้คุณลูกค้าเกิดความประทับใจมากที่สุดน่ะครับ ^^)
ว่ากันตามตรงแล้ว เรนจิโร่ผู้ซึ่งเคยเข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิงแบบนี้จริงๆ เป็นครั้งแรก คงไม่มีทางรู้ได้เลย ว่า Bartender จาก Nightclub แห่งอื่น เขาใช้ประโยคหวานหยดย้อย + ตั้งคำถามเจาะลึกกับลูกค้าแบบนี้ระหว่างรับ Order หรือไม่ แถมนอกเหนือไปจากการสอบถามรายละเอียดข้างต้น เพื่อคัดเลือกเมนูเครื่องดื่มที่ถูกปากและเหมาะสมกับเจ้าตัวที่สุดแล้ว บาร์เทนเดอร์คนนี้ยังมีคารมที่ดี และสามารถชักชวนลูกค้าหน้าใหม่ตรงหน้า ให้มาพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระทั่วไปได้อย่างสนิทสนมกันอีกต่างหาก
แต่เพราะร่างโปร่งเอง ก็รับรู้ได้ถึงสปิริตในการแสดงออกถึงความจริงใจ และความเอาใจใส่ระหว่างให้บริการกับลูกค้าแต่ละคนได้อย่างดีเยี่ยม เจ้าตัวจึงไม่คิดระแวงหรือสงสัยอะไรในตัวบาร์เทนเดอร์ และยอมบอกความต้องการที่แท้จริงของตนเองออกไปโดยไม่ปิดบัง เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้แก่อีกฝ่าย สำหรับนำไปรังสรรค์เครื่องดื่มมึนเมาแก้วแรกให้ตนด้วยนั่นเอง
“Kashikomari mashita, Okyakusama. Sho sho omachi kudasai.” (รับทราบแล้วครับคุณลูกค้า กรุณารอสักครู่นะครับ)
จิตรกรหนุ่มพยักหน้าให้กับ Bartender คนนั้น และหวนนึกถึงสิ่งที่ร่างสูง (ผู้เป็นที่รัก) กำชับเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เกี่ยวกับ Bill ค่าเครื่องดื่มหรืออาหารใดๆ ก็ตามที่เขาต้องการจะสั่งกินจากทาง Kirei Kuro Nightclub โดยตรง ให้มาเรียกเก็บเงินที่โทชิโร่ โนอาห์ (ในฐานะหุ้นส่วนของสถานบันเทิงแห่งนี้) ได้เลย แล้วก็แน่นอน เขาปฏิเสธข้อเสนอที่สุดแสนจะขี้สปอยล์นั่นไปตามระเบียบ เพราะเห็นว่าตัวเองก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย ถึงขนาดต้องยอมให้คนผมทองมาออกเงินค่าอาหารเลี้ยงตนไปเสียทุกครั้ง
ใช้เวลาไม่นานนัก กับแกล้มข้างเคียง (ที่เขาเพิ่งจะสั่งเพิ่มไปด้วยเหตุผลบางประการ) และ ‘ค็อกเทลไวน์ขาว’ เครื่องดื่มมึนเมาระดับกลางที่มาจากฝีมือการชงของ Bartender คนนั้น ก็ได้ถูกนำมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่ถึงจะบอกว่ามันคือค็อกเทลไวน์ขาว ทว่าจริงๆ แล้ว ค็อกเทลไวน์ขาวนั้นมีวิธีการชงอยู่หลายสูตร หลากวัตถุดิบมากเกินกว่าที่ลูกค้าธรรมดาจะสามารถจำได้ครบทั้งหมด และชื่อ Menu ซึ่งใช้เรียกเครื่องดื่มที่เขาสั่งมาอย่างเป็นทางการ ก็ได้ถูกผู้คิดค้นบรรจงตั้งให้ว่า Maruki ด้วยประการฉะนี้
เพื่อให้ผู้อ่านทุกคนเข้าใจตรงกัน จึงต้องขออธิบายเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ไว้ก่อนว่า หากเราจำแนกประเภทของสุราโดยใช้เกณฑ์เรื่องกรรมวิธีในการผลิตแล้ว จะสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 2 ชนิดด้วยกัน คือ สุราที่เกิดจากการหมัก (Fermented) และสุราที่เกิดจากการกลั่น (Distilled Spirit) ในขณะที่ค็อกเทล (Cocktail) ไม่ใช่ชื่อสุราโดยตรง หากแต่เป็นเครื่องดื่มผสมที่มีส่วนประกอบเป็นสุราหรือเหล้า (วัตถุดิบที่มี Alcohol) อยู่ด้วย 1 ชนิด (หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสูตรการชง) ในเครื่องดื่มแก้วนั้นๆ ต่างหาก
อนึ่ง สุราที่เกิดจากการกลั่น (Distilled Spirit) ยังสามารถแยกย่อยออกไปได้อีก 2 จำพวก ตามหลักวิชาการผสมเหล้า (ศาสตร์ของ Bartending) นั่นก็คือ 1. หมวดเหล้าหลัก —> Liquor base มักจะมีรสขม พ่วงตามมาด้วยดีกรีแอลกอฮอล์สูงปรี๊ด (คนไทยนิยมเรียกสุราประเภทนี้ว่า Spirit) ยกตัวอย่างเช่น บรั่นดี วิสกี้ ยิน รัม วอดก้า เตกิล่า ฯลฯ และ 2. เหล้ารอง —> Liquor flavour ซึ่งก็คือ สุรากลั่นที่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ (Flavoured Distilled) หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเหล้าหวาน ‘ลิเคียว’ (Liqueur or Cordial)
ส่วนในกรณีของเขา ไวน์ขาวที่ประกอบเป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งของค็อกเทลแก้วนี้ ถูกจัดให้อยู่ในหมวดสุราที่เกิดจากการหมัก (เช่นเดียวกับ Beer) และเขายังฝากกำชับบาร์เทนเดอร์ไว้ด้วยว่า ขอให้มี White Wine อยู่ในปริมาณที่มีระดับ Alcohol สูงกว่าเบียร์กระป๋องเจ้าประจำของเขาไม่มากนัก เนื่องจากถ้าหากเขานึกซ่า กระโดดข้ามไปลิ้มลองเหล้าดีกรีแรง 40% Up ตั้งแต่แรกเริ่ม เดี๋ยวจะมีโอกาสน็อกระหว่างทางเอาได้
‘อ่าฮะ~ ถือว่าแบ่งสัดส่วนของแต่ละองค์ประกอบได้ดีเลย แถมสีค็อกเทลกับของตกแต่งก็ดูเข้ากันมากด้วย สวยจริงๆ’
หนุ่มผมดำเริ่มพินิจพิเคราะห์ถึงความงดงามของการจัดวางอาหารข้างเคียง และเครื่องดื่มมึนเมาที่ตนสั่งมา พร้อมทั้งให้คะแนนกับพวกมันอย่างเงียบๆ คนเดียว โดยอ้างอิงจากมุมมองภายนอกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนเป็นอันดับแรก ตามประสา Artist นิสัยอินดี้ที่ชื่นชอบศิลปะทุกแขนงรอบๆ ตัวเป็นชีวิตจิตใจ
อย่างไรก็ตาม Detail ยิบย่อยส่วนอื่นๆ นอกเหนือไปจากหน้าตาภายนอก ความสะอาด ความปลอดภัย และรสชาติที่พอรับได้ เขาซึ่งไม่ใช่พวกมากพิธีรีตอง หรือเน้นความเป็นขั้นเป็นตอนระหว่างการรับประทานอาหาร จึงไม่ใคร่จะปริปากบ่น ติชม หรือให้ความสนใจมากนัก
เพราะฉะนั้น เหล่าความคิดที่ว่า กลิ่นเรียกน้ำย่อยต้องหอมหวนถูกใจ รสชาติต้องอร่อยกลมกล่อม ถูกปากทุกระเบียดนิ้ว Texture ต้องเนียนนุ่ม ละมุนลิ้น ไม่เหนียว เคี้ยวง่าย และคุณภาพดีขั้นสุด ฯลฯ ถึงจะทำให้ตน Satisfied กับอาหารมื้อนั้นและไม่รู้สึกหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปตลอดวันละก็ ย่อมมิใช่ตัวเขาอย่างแน่นอน
Nom〜 Nom—Chomp! Chomp..! Chomp〜
หลังจากได้ลองชิมกับแกล้มไปก่อนแล้ว 1 คำ มือเรียวข้างหนึ่งก็เอื้อมไปประคองถือแก้วทรง Stemmed Glass ที่วางอยู่ตรงหน้า (แก้วมีก้าน) ซึ่งบรรจุค็อกเทล Maruki เอาไว้ในปริมาณไม่มากไม่น้อย แล้วยกกระดกดื่มมันเข้าไปหนึ่งจิบเล็กๆ ระหว่างที่นั่งจดงานด่วนเฉพาะกิจที่ตนทำค้างไว้เมื่อก่อนหน้านี้ไปด้วย
โดยในขณะเดียวกัน โสตประสาทของร่างโปร่ง ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงเพลงแนวตื๊ดจากฝั่ง Dance Hall ที่ดังตึงตัง แว่วผ่านเข้ามาในหูอยู่เรื่อยๆ แต่ประเด็นนั้นไม่นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะมาพรากเอาสมาธิและการโฟกัสขั้นสูงไปจากเจ้าตัวได้เลย เผลอๆ จะส่งผลกลับกันเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อยามอยู่ที่ห้อง จิตรกรหนุ่มก็เปิดลำโพงประโคมเพลงอนิเมะญี่ปุ่นด้วย Sound Volumn สูงปรี๊ดระหว่างนั่งทำงานเป็นปกติอยู่แล้ว
มีบ้างบางครั้งที่เรนจิโร่จะเงยหน้าขึ้นมา เพื่อพักสายตาจากการจ้องหน้าจอ Ipad เป็นระยะเวลานานๆ และได้เห็นบาร์เทนเดอร์คนเดิม กำลังลงมือชงเครื่องดื่มโดยใช้ Shaker ให้กับลูกค้ารายอื่นอยู่ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ร่างโปร่งหาได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกไป ตรงกันข้ามกับภายในใจที่มีเรื่องสงสัยอยู่มากมาย และอยากจะสอบถามอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่องานเขียนใดๆ ของตนในวันข้างหน้าก็เป็นได้
แต่เพราะเจ้าตัวรู้ดี ว่ามันยังไม่ใช่เวลาอันสมควร บวกกับตอนนี้ คุณบาร์เทนเดอร์คงจะต้องการสมาธิระหว่างปฏิบัติหน้าที่ของตนเองในชั่วโมงทำงานเป็นอย่างมาก จึงทำให้แผนการสานสัมพันธ์กับคนที่รู้สึกสนิทใจ เพื่อ Keep Connection ฉันเพื่อนกันในอนาคต จำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไปก่อนชั่วคราว
และหนุ่มผมดำก็ยังคงนั่งจดงานอยู่ที่ Counter Bar ชั้น 1 ของคลับไปอย่างเพลินๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที ถึงได้พบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตนสั่งมานั้น ถูกดื่มเข้าไปจนหมดแก้วเสียแล้ว ไล่เลี่ยกับตอนที่เคลียร์ภาระงานหลักทั้งหมดทั้งมวล กระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้นลงโดยบริบูรณ์พอดี
(RenJ: ผมทำงานเสร็จแล้วนะครับนายท่าน) 11:20 PM.
ราวกับถูกติดตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ ให้มีแต่ความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อผู้เป็น Dom ในทุกย่างก้าว เรนจิโร่จัดการพิมพ์ข้อความรายงานความคืบหน้า และกดส่งไปให้คนผมทอง เพื่อแจ้งถึง Situation ปัจจุบันทันด่วนในฝั่งของตน ผ่านทางแชทที่คุ้นเคย ก่อนจะละสายตาไปมองแก้วค็อกเทล Maruki ที่ภายในเหลืออยู่เพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งน้ำเหล้ามึนเมาอีกต่อไป
ชั่วขณะนั้น ร่างโปร่งหยุดคิดไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างกับตัวเอง แล้วยกมือเรียกบาร์เทนเดอร์คนเดิม เพื่อที่จะขอรีเควสเครื่องดื่มอีกครั้ง แต่ว่ารอบนี้ เปลี่ยนเป็นเมนู Haibooru แทน (วิสกี้ผสมโซดาใส่น้ำแข็ง) ซึ่งเป็นสุราที่มีฤทธิ์ Alcohol แรงกว่าแก้วแรกพอสมควร (ตามที่เคยอธิบายไว้ข้างต้น) พร้อมขอ Contact ติดต่อในช่องทางที่อีกฝ่ายสะดวกใจจะให้ เอาไว้สำหรับพูดคุยกันต่อหลังจากนี้
ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของคนที่กำลังเดินตามแผน เพื่อหลอกล่อให้เจ้า Stalker โผล่หัวออกมานั้น ทางเลือกที่นำพาไปสู่การกระทำดังกล่าวของเขา อาจจะดูบ้าบิ่นจนผิดวิสัยมากไปสักนิด (?) เพียงแต่ถ้าหากเขาอยากจะรับรู้ถึง Feeling จริงๆ ของคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างมาเที่ยวสถานบันเทิง ลำพังแค่ดื่มน้ำเปล่า น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้ คงไม่สามารถทำให้เข้าถึงบรรยากาศในสนามจริงได้เต็มร้อยเป็นแน่
เพื่อที่จะเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทุกรูปแบบ เขาย่อมตั้งใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ ‘วิธีชะลออาการมึนเมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ มาโดยรอบด้าน ยกตัวอย่างเช่น หลีกเลี่ยงการดื่มสุราฤทธิ์แรงแบบเพียวในแก้วแรก หรือใช้ทริกการสั่งกับแกล้มมากินควบคู่ไปพร้อมกัน เป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซับ Alcohol รวดเดียวในปริมาณมากจากสภาวะท้องว่าง รวมทั้งไม่คิดจะฝืนทำในสิ่งที่เกินกำลัง และยังคอยตระหนักถึงลิมิตของตัวเองอยู่เสมอ
ที่สำคัญ เพราะเขาให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในคำพูดของนักธุรกิจหนุ่ม (แฟนของตน) ที่บอกว่าจะจัดเตรียมบอดี้การ์ดชุดพิเศษจำนวนหนึ่ง มาคอยปกป้องคุ้มครองตนอยู่รอบกาย (ในระยะที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดจนเกินไป) บวกกับทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา คนผมทองก็แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวเขามากกว่าอะไรดี ดังนั้นแล้ว เขามั่นใจว่าโทชิโร่จะต้องไม่มีวันยอมปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน
ระหว่างรอการตอบรับจากอีกฝ่าย เขาก็เปิดแอปเกมโปรดของตัวเองมาเล่นฆ่าเวลาไปพลางๆ โดยเนื้อหาภายในนั้น จะให้เรารับบทเป็นสไนเปอร์มือสังหาร คอยลั่นไกปืนเพื่อปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากเบื้องบน เมื่อใดก็ตามที่งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี จึงจะได้รับเงินค่าตอบแทน แต่สำหรับเขาแล้ว คงเป็นการทดสอบตัวเองมากกว่า ว่าในสภาพที่รู้สึกมึนๆ อึนๆ จากการซัด Alcohol เข้าไปมากกว่าปกตินั้น เขาจะยังคงบังคับให้ตัวเองมีสมาธิ และจดจ่ออยู่กับการเล็งเป้าหมายให้แม่นยำได้มากน้อยแค่ไหนกันแน่
เครื่องดื่มมึนเมาแก้วที่ 2 ของวันนี้ ถึงคราวหมดลงหลังจากผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เช่นเดียวกับพลังชีวิตในเกม Sniper ของเขา ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ เขาประเมินให้สติสัมปชัญญะของตัวเองอยู่ที่ระดับ 85% ขึ้นไป เหตุเพราะยังสามารถ Control การพูดของตัวเองได้พอชัดถ้อยชัดคำอยู่บ้าง (อาจจะยานคางกว่าปกติเล็กน้อยเหมือนคนง่วงนอน) และความแม่นยำในการเล็งเป้าของเขา (ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตด้วยสายตา การควบคุม / ขยับปลายนิ้ว และการกะจังหวะที่เหมาะเหม็งพอดี) ถือว่าลดลงจากมาตรฐานเดิมไม่มากนัก
ทว่าผ่านมาจนถึงตอนนี้ เขากลับไม่ได้รับแจ้งเตือนใดๆ จากฝั่งของผู้เป็น Dom เลย ทั้งที่ปกติแล้ว หากเขาส่งข้อความที่เป็นสาระสำคัญแบบนี้ อย่างน้อยๆ อีกฝ่ายก็มักจะแปะสติกเกอร์เพื่อ Take Action & Take Care ความรู้สึกกลับมาอยู่เสมอ ซ้ำยังไม่เคยปล่อยเบลอคำถามของเขา ต่อให้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม นั่นทำให้เหลือความเป็นไปได้อยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือเจ้าตัวยังไม่เห็น Message ของเขามาตั้งแต่แรก และเพื่อให้แน่ใจในข้อสันนิษฐานนั้น ตัวเขาเองก็จะลองเข้าไป Check ดูอีกทีเช่นเดียวกัน
“นั่นไงล่ะ ยังไม่ได้อ่านจริงๆ ด้วย !”
บน Chat Box ฝั่งขวา ไม่ปรากฏคำว่า Read กำกับอยู่หน้าข้อความล่าสุดที่เขากดส่งไปให้โทชิโร่เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้วแต่อย่างใด และเกรงว่าจะกลับมาใช้ตัวเลือกเล่น Game เพื่อฆ่าเวลาเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ เขากระหน่ำผลาญค่า Energy ในเกม Sniper อย่างต่อเนื่องเสียเกลี้ยงถัง แถมยังใช้สิทธิ์ดูโฆษณาเพื่อเติมพลังจนครบ Quota ของวันนี้แล้วด้วย
ครั้นจะให้อดทนนั่งรออยู่เฉยๆ เพื่อฟื้นฟูพลังกายกลับมาโดยใช้เวลานับชั่วโมง มีหวังเขาคงเฉาตายก่อนแน่ๆ เพราะฉะนั้น…
(RenJ: อีกประมาณ 20 นาที ผมจะไปรออยู่ที่ชั้น 2 โซนพรมสีแดงนะครับ) 11:31 PM.
เขาตัดสินใจไปหาอะไรอย่างอื่นทำแก้เบื่อ โดยไม่ลืมแจ้งอีกฝ่ายไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับระบุช่วงเวลาที่ผ่านการคำนวณมาเป็นอย่างดี ว่าตนจะสามารถรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง และไปทันตามนัดข้างต้นอย่างแน่นอน หรือถ้าให้พูดถึงนัยยะแฝงจาก Meaning ของแชทดังกล่าว นั่นก็คือ เขาจะต้องกลับไปเจอกับคนผมทองที่จุดนัดพบนั้นในช่วง 11:51 PM. เนื่องจากการขอเวลาเพิ่มจากตอนนี้ไปอีก 20 นาทีนั่นเอง
ด้วยปริมาณของ Alcohol ที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด จึงส่งผลให้ร่างกายของเขารู้สึกดีดและร้อนรุ่มเป็นพักๆ สลับกับอาการหนาวซ่าอย่างอธิบายไม่ได้ ซึ่งหลังจากที่จ่ายบิลค่าอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด (ด้วยตัวเอง) เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินตรงดิ่งไปยังเขต Dance Hall ถิ่นเดิมที่ตนเคยไปสังเกตการณ์มาคร่าวๆ ทว่ารอบนี้ ไม่ใช่การกลับมาเพื่อทำงานอีกต่อไปแล้ว
♬♬〜 ♪♫♩ ♫♪♪♭♬♭〜 ♬♫♫♪ 〜
เขาค่อยๆ วางมือจากเหล่าความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายที่ยังคงตกค้างหรือวนเวียนอยู่ภายในหัว ปล่อยให้มันล่องลอย ไหลไปกับโน้ตเพลงอันไพเราะ ท่วงทำนองที่รวดเร็ว และเริ่มเต้นไปตามจังหวะของตัวเองอย่างที่ใจต้องการ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีการเหลือบมองนาฬิกา Digital ที่ขึ้นโชว์ Current Time อยู่บริเวณมุมขวาบนของจอ LED คุณภาพคมชัด (Background ขนาดใหญ่ด้านหลังเวที) เป็นพักๆ ไม่ให้เผลอเต้นเพลินจนเกินเวลาที่นัดหมายไว้กับคนผมทอง ด้วยความตั้งใจในการรักษาคำพูดของตัวเองอย่างถึงที่สุด
อนึ่ง คงไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกเท่าไหร่ ถ้าหากก่อนสั่ง Wine & Whisky จะไม่ค่อยมีใครกล้ารุกเข้าหาเรนจิโร่มากนัก เนื่องด้วยบรรยากาศที่ดูกดดัน และใบหน้านิ่งคาดเดาอารมณ์ได้ยาก (ภายใต้มุมมองของคนอื่นที่มีต่อจิตรกรหนุ่ม) ทว่าในยามที่น้ำมึนเมาเข้าสู่ร่างกายของเจ้าตัวแล้ว มันกลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
สิ่งนั้นเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญ สำหรับไขประตูไปสู่ทางลัดในการลดกำแพงปิดกั้นตัวตนจากโลกภายนอก บวกกับสเต็ปแดนซ์ที่พลิ้วไหวอย่างเป็นธรรมชาติ จนไม่น่าเชื่อว่า อีกฝ่ายจะเพิ่งเคยก้าวเท้าเข้ามาในสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก และด้วยองค์ประกอบอันน่าดึงดูด (ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ) เพียงเท่านั้น ก็สามารถตกใครๆ ที่อยู่รอบตัวได้หลายต่อหลายคน
ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกสถานการณ์ดังกล่าวว่าเป็นโชคดี หรือโชคร้ายกันแน่ ในเมื่อฝั่งของเรนจิโร่นั้น ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยสักนิด เหตุจาก Mindset พื้นฐานที่ไม่นึกสนใจสิ่งรอบข้างเป็นทุนเดิม กอปรกับมองว่ามันคงไม่เกี่ยวข้องกับตนเองมากนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ช่างตรงข้ามกันราวฟ้ากับเหว ยิ่งเจ้าตัวยึดพื้นที่ที่มี Space รอบตัวกว้างๆ หน่อย เพราะไม่อยากไปเต้นเบียดกับคนแปลกหน้าที่ตนไม่รู้จัก ก็ดูเหมือนจะส่งผลให้ตัวเองกลายเป็นจุดเด่น (แบบไม่ตั้งใจ) มากกว่าเดิม
ตลอดช่วงของการเปิดเพลงรอบนี้โดย DJ คนใหม่ หนุ่มผมดำยังคงวาดลวดลายผ่านการขยับร่างกายอย่างเย้ายวน อนุภาพรุนแรงถึงขั้นทำให้คนแปลกหน้ารอบตัวทำท่าจะเดินเข้ามาขอทำความรู้จักในเชิงจีบเลยทีเดียว แต่ก็มีบางส่วนที่ชะงักไปด้วยความลังเล เพราะอีกใจหนึ่ง ก็ยังอยากจะเสพความงดงามตรงหน้า (ที่หาได้ยากยิ่ง) ไปนานๆ คงจะน่าเสียดายแย่ถ้าหากตนเข้าไปขัดจังหวะเอาตอนนี้ (และแน่นอน จิตรกรหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายก็ยังคงไม่รู้ตัวอีกเช่นเคย)
กระทั่งเวลาบนจอ LED ฉายให้เห็นว่า ณ ขณะนี้เป็นเวลา 11:51 PM. หรือก็คือ ครบ 20 นาทีตามนัดในแชท และเรนจิโร่จะต้องกลับไปหาผู้เป็น Dom แล้วนั่นเอง ซึ่งเท่ากับว่า การออกมาเต้นกลางฟลอร์เพื่อฆ่าเวลาของเจ้าตัว กำลังจะจบลงและถูกปิดม่านไปโดยปริยาย
ตึกๆๆๆๆ
เพราะจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในตอนนี้ อยู่ที่โต๊ะทานข้าวโซนพรมแดง ตามที่ได้นัดแนะกับนักธุรกิจหนุ่มเอาไว้ ร่างโปร่งจึงเดินขึ้นบันไดเพื่อกลับไปยังชั้น 2 ของ Nightclub อีกครั้ง และหลังจากที่หย่อนก้นนั่งรอคนรักได้ไม่นานนัก โทรศัพท์ที่หนุ่มผมดำใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดๆ ขึ้นมา พร้อมกับแสดงให้เห็นแถบแจ้งเตือนฉับพลันถึง Message อันใหม่ล่าสุด ซึ่งก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน มันมาจากบุคคลที่ตนเฝ้ารอมาเมื่อก่อนหน้านี้นั่นแหละ
ใจความภายในนั้น มีเนื้อหาประมาณว่า ให้ตนเตรียมตัวเก็บข้าวของของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินทางออกจากที่นี่ เพราะอีกสักครู่ เดี๋ยวคนผมทองจะมารับเพื่อไปเพลย์ต่อด้วยกันหลังจากนี้ นั่นทำให้เจ้าตัวตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อเป็นอย่างมาก กระทั่งได้ยินเสียงทักทายด้วยรูปประโยคที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมากะทันหัน
“โย่ว ! เรนจิโร่ อาโตะคุง”
ร่างโปร่งขมวดคิ้วนิดๆ แล้วหันหลังกลับไปดูด้วยความสงสัย ว่าใครกันที่ใช้วิธีเรียกทั้งชื่อและนามสกุลของตนเสียเต็มยศขนาดนั้น ก่อนจะได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยมหาลัยทั้ง 2 คนที่ตัวเองพอจะรู้จักอยู่บ้างแบบห่างๆ ส่วนนอกนั้นอีก 6 ชีวิตที่เพิ่งจะเดินตามมาสมทบทีหลัง หนุ่มผมดำไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่นัก เดาว่าอาจจะเป็นกลุ่มเพื่อนของเพื่อนเก่าอีกที และทั้งหมดคงพากันมาเที่ยวที่นี่เหมือนกับเขาด้วยความบังเอิญ
หารู้ไม่ว่าในความเป็นจริง พวกเขาเหล่านั้นได้สังเกตเห็นหนุ่มผมดำ ตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายอยู่เขต Dance Hall ชั้น 1 แล้ว ซึ่งทีแรกก็กะจะเดินเข้าไปทักแล้วด้วย แต่ดันคลาดสายตาไปเสียก่อน อันเนื่องมาจากจำนวนคนภายในคลับที่เยอะมาก ถึงอย่างนั้น ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ใช้วิธีไล่ถามเอาจากพนักงานที่ยืนเฝ้าบันไดของที่นี่ กระทั่งตามมาถูกที่จนได้ ไม่ใช่แค่บังเอิญเดินผ่านมาเจอจากหลังโต๊ะแต่อย่างใด
“ก็ว่าอยู่ เหมือนเห็นนายอยู่ชั้นล่างเมื่อกี้ ผิดคาดเลยนะเนี่ยที่จิตรกรติดบ้านอย่างนายจะมาเที่ยวในที่แบบนี้ด้วย”
ได้ยินเช่นนั้น เรนจิโร่ก็หลุดยิ้มมุมปาก หัวเราะหึๆ ให้กับฉายาประหลาดๆ ที่อีกฝ่ายใช้เรียกตนโดยไม่นึกถือสาโกรธเคือง แล้วกล่าวทักทาย + ตอบคำถามกลับไปตามตรงเช่นกัน เพราะอย่างน้อย ก็เคยเป็นเพื่อนเก่ามหาวิทยาลัยเดียวกันมาก่อน ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากขนาดนั้นก็ตาม
“อื้ม… หลังจากเรียนจบ ก็ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”
“ส่วนวันนี้ฉันมาเรื่องงานน่ะ พอดีต้องการเก็บข้อมูลนิดหน่อย แต่ตอนนี้เคลียร์เสร็จหมดแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ”
ด้วยฤทธิ์ของ Alcohol ที่อยู่ในเครื่องดื่มมึนเมาจำนวน 2 แก้วถ้วนก่อนหน้านี้ ทำให้ใบหน้าของผู้ดื่มอย่างเรนจิโร่ ขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นปื้นมากกว่าปกติเล็กน้อย น้ำเสียงที่แต่ก่อนฟังแล้วดูเหมือนไร้ความรู้สึก เงียบขรึม นิ่งๆ เย็นชา กลับกลายเป็นความละมุนนุ่มฟู ดูผ่อนคลาย เปิดเผยตัวตน และเป็นกันเองมากขึ้น
ทว่าเรื่องที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ New Image ของจิตรกรหนุ่มในมุมมองของเหล่าเพื่อนเก่านั้น ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วโดยสิ้นเชิง ถึงขั้นยอมเดินตามหาอีกฝ่ายไปทั่วคลับ หลังจากการรับชม Step การเต้นกลางฟลอร์อันน่าทึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่านั่นไม่ใช่แค่ภาพหลอน หรือตาฝาดจนคิดไปเองเฉยๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเทียบกับคนอื่นๆ ในกลุ่ม (ที่เรนจิโร่ไม่รู้จักชื่อ และยังมองว่าเป็นคนแปลกหน้าอยู่) ยกตัวอย่างเช่น ใช้มือดันเพื่อนออกไปไกลๆ แล้วเบียดตัวแทรกมาด้านหน้า เพื่อขอทำความรู้จักแบบโต้งๆ พร้อมกับแอบมองโดยใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา หวังจะครอบครองอีกฝ่ายเอาไว้เป็นของตัวเอง ก็คงพูดได้ว่า เป็นการรีบเร่งเครื่อง ออกตัวเด่นชัดเสียยิ่งกว่าเพื่อนเก่าทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก
…… อาทิ นายคนนี้ เป็นต้น
“ค…คือว่า—เรนจิโร่เซนเซย์ครับ !!”
เซนเซย์ (Sensei) เป็นคำที่คนญี่ปุ่นใช้เรียก ‘บุคคลที่ทำงานด้านการสอน’ (และอาชีพที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ คุณครูกับอาจารย์) หรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสายวิชาชีพพิเศษ ตัวอย่างเช่น หมอ นักการเมือง ทนาย นักเขียนการ์ตูน ฯลฯ เพื่อแสดงถึงความเคารพนับถือ และเป็นการยกย่องให้เกียรติ สำหรับความเพียรพยายามในการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
ซึ่งการที่นาย A นามสมมติ (?) ได้เติมคำลงท้ายข้างต้นให้กับเรนจิโร่ จนกลายเป็นการกล่าวถึงร่างโปร่งโดยใช้สรรพนามใหม่อีกรูปแบบนั้น คงเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่า ต่อให้เรนจิโร่จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนๆ นี้ ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่รู้จักหนุ่มผมดำไปด้วย อย่างน้อยก็ในฐานะนักวาดการ์ตูน และนักเขียนนิยายแนวสยองขวัญน้ำดีคนหนึ่ง
“ผมเป็นแฟนคลับของเซนเซย์มานานแล้ว และงานเขียนอันล่าสุด ผมก็เพิ่งไปอุดหนุนมาด้วยนะครับ”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เจอคุณตัวเป็นๆ แบบนี้ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ผมขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยครับ ?”
อนึ่ง ใครที่คอย Follow ช่องทางอัพเดตข่าวสารของเรนจิโร่อยู่เรื่อยๆ จะรู้เป็นอย่างดีว่าตั้งแต่เริ่มวาดมังงะและเขียนนิยายมาตลอดหลายปี เจ้าตัวเคยผ่านการเข้าร่วมงาน Meet & Greet พบปะบุคคลภายนอก หรือออก Booth เพื่อโปรโมทผลงานของตัวเอง ด้วยจำนวนครั้งที่ใช้มือข้างเดียวนับยังมากเกินไปด้วยซ้ำ
และอนิจจา ปากนาย A บอกว่ามาขอลายเซ็นในฐานะแฟนคลับ ทว่าอีกมุมหนึ่ง ก็บังเกิดความคิดสกปรกกับนักเขียนการ์ตูนสาย Dark อันดับ 1 ในดวงใจไปเสียแล้ว ด้วยความคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้แตะ ได้สัมผัสเนื้อตัวอีกฝ่ายโดยที่ตนเองไม่โดนข้อกังขา เพราะไหนๆ ก็อุตส่าห์ได้เวียนมาเจอกันทั้งที ใครเล่าจะยอมปล่อยให้โชคหล่นทับแสนวิเศษแบบนี้หลุดมือไปได้ ?
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเจ้าตัวไม่คิดจะลงมือทำจริงๆ อย่างที่ความต้องการเพียงชั่ววูบและสัญชาตญาณด้านมืดของตัวเองแวบผ่านเข้ามาในหัว ก็นับได้ว่ายังพอเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ และตระหนักรู้ได้ถึงการกระทำผิดชอบชั่วดีที่พึงคำนึงถึงอยู่บ้าง
ต่างไปจากชายผู้นี้ (ซึ่งมีนามสมมติว่า นาย B) ที่จู่ๆ ก็พูดแทรกบทสนทนาระหว่างนาย A กับจิตรกรหนุ่มขึ้นมา ด้วยประโยคที่แสนสุภาพ ไร้คำหยาบชวนระคายหู แต่ในส่วนของความหมายที่อีกฝ่ายเจตนาจะสื่อออกมานั้น กลับส่อแววถึงความกะล่อน ไม่จริงใจเสียจนดูเสแสร้งและปลอมเปลือกอย่างน่าเหลือเชื่อ
“แล้วเรนจิโร่ซังหน้าตาดีขนาดนี้ มีแฟนรึยังครับ ? ผมขอเบอร์โทรไว้หน่อยได้มั้ย ?”
“หรือจะสะดวกเป็นนามบัตรก็ได้นะครับ จริงๆ ผมเองก็สนใจเรื่องงานในแวดวงนี้เหมือนกัน”
“เอ้อ ! ใช่ๆๆ ถ้าเรนจิโร่เซนเซย์จะกรุณามอบนามบัตรให้ผมด้วยอีกคน ผมจะซาบซึ้งมากเลยครับ”
โดยที่ไม่คาดคิด นาย A เอง ก็เออออห่อหมกไปตามนาย B อย่างนึกเห็นดีเห็นงามด้วยกับ Idea ที่ว่านั่น เล่นเอาเรนจิโร่ไปต่อไม่ได้ แสดงออกไม่ถูกเลยว่าควรจะโฟกัสประเด็นไหนก่อนดีในตอนนี้ ระหว่างเขียนลายเซ็นให้แฟนคลับ หยิบนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าตังค์ หรือต้องหันมาให้คำตอบเรื่องสถานะโสด / ไม่โสด เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าตนกำลังทำการเปิดไฟเขียวอยู่ หรือจะปิดประตูกระแทกใส่หน้ากันแน่
“เฮ้ยพี่ๆ เบาๆ หน่อยก็ได้… เห็นมั้ย ? เพื่อนผมตกใจหมดแล้ว” >> By เพื่อนเก่าคนเดิมของเรนจิโร่
“ทำมาเป็นห้าม แกเองก็อยากได้เหมือนกันนั่นแหละ ฉันมองออกนะเฟ้ย !” >> By นาย B
“ใช่ๆ ถ้ารุ่นพี่ไม่เอา งั้นผมขอแทนก็ได้นะ” >> By ใครอีกคนในกลุ่ม ที่ไม่ใช่ทั้งนาย A และนาย B
เมื่อวิเคราะห์จากบทสนทนาดังกล่าว จะสามารถตีความได้คร่าวๆ ว่า พรรคพวกทั้ง 8 คนในกลุ่มนี้ มีบรรดาผู้ชายหลายวัยมาอยู่รวมกัน อันได้แก่ เพื่อนเก่าของเขาทั้ง 2 คน, พวกรุ่นพี่ของเพื่อนเก่าเขา (นาย A และนาย B), รุ่นน้องของเพื่อนเก่าเขา (ที่พอนึกอยากจะมีบท ก็เล่นโผล่พรวดพราดออกมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง) ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ ซึ่งทำเพียงยืนอยู่นิ่งๆ ไม่ขอออกความเห็นใดๆ นั้น เขาก็เดาว่าน่าจะอายุไล่เลี่ยกับทุกคนในกลุ่มนี่แหละ
และดูเหมือนเจ้าพวกนั้น (ประกอบไปด้วย เพื่อนเก่าของเขา, นาย A, นาย B และเจ้ารุ่นน้องคนใหม่) จะเริ่มถกเถียงกันถึงสิทธิพิเศษในการจองตัวเป็นเจ้าของของเขา โดยที่ไม่ถามหาความ Consent จากตัวเขาที่เป็น Topic หลักเลยสักนิด มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ ยังใช้คำพูดในเชิงจาบจ้วงเขาที่เป็นแค่คนแปลกหน้าอีก แต่ต่อให้จะไฟลุกท่วมด้วยความโกรธมากแค่ไหน เขาก็ต้องระงับโทสะของตัวเอง ไม่ให้ไปลงไม้ลงมือกันกลาง Club ชื่อดังแบบนี้ ไม่เช่นนั้น มีหวังได้กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่จนว่อนไปทั่วโลก Social เป็นแน่
“… แล้วคำตอบของผมล่ะครับ ? เรนจิโร่ซัง”
คงเพราะสังเกตเห็นว่าเขาเงียบเสียงไปนาน นาย B ถึงได้เฟดตัวออกมาจากวงสนทนาในกลุ่มเพื่อนเมื่อครู่ ก่อนที่จะเร่งเร้าเอาคำตอบจากเขา (โดยไม่สนคนอื่นที่กำลังยืนเถียงกันต่อ) แถมยังถือวิสาสะคว้ามือของเขาไปกุมไว้แบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีก จนเขาต้องพยายามคิดหาวิธีบอกปัดและปฏิเสธไปด้วยความสุภาพ ไม่ให้ทำร้ายจิตใจกันมากเกินไป เพราะอย่างน้อย อีกฝ่ายก็เป็นคนรู้จักของเพื่อนเก่าตน (ถึงแม้ตนจะยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีก็ตาม)
“จริงๆ แล้วผม—”
“เฮ้ย ! นายน่ะเงียบปากไปเลย ฉันมาก่อน ก็ต้องมีสิทธิ์ก่อนสิโว้ย !!”
นาย A ที่ออกตัวคนแรกว่าเป็นแฟนคลับเขา โพล่งขึ้นมาด้วยความเดือดดาลและหัวเสียเล็กๆ ที่โดนเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แย่งความสนใจของ ‘คนที่ตัวเองลุ่มหลงคลั่งไคล้’ ตัดหน้าไปอย่างหน้าด้านๆ จนเขารู้สึกว่า อะไรต่อมิอะไรมันพากันประดังประเดเข้ามาและดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะเมื่อแต่ละคนในกลุ่มนี้ต่างก็แย่งกันพูดถึงสิ่งที่ตัวเองคิด และไม่เปิดช่องว่างให้เขาได้อธิบายความเห็นของตัวเองเลยสักนิด
หลังจากที่เขาโดนนาย A ตัดบทสนทนาออกไปอย่างเสียมารยาท นาย B ที่พูดจาสุภาพกับเขาแต่ห้าวกับเพื่อนในกลุ่ม ก็ยักไหล่ด้วยอารมณ์ ‘โนสนโนแคร์’ และโต้ตอบกลับไปด้วยคำพูดสุดเจ็บแสบที่ว่า…
“ก็แกดันอืดอาดยืดยาดเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ของแบบนี้ ใครดีใครได้ดิ”
“ทุกคน คือเรื่องนั้น—อ๊ะ !”
สุดท้าย ยังไม่ทันที่จะได้พูดจนจบประโยค เรนจิโร่ก็ถูกมือของคนรัก (ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้) กระชากตัวออกไปจากวงสนทนาย่อมๆ แล้วโดนลากให้เดินดุ่มๆ ตามอีกฝ่ายออกมาจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุดทันที
————————————————————————
#หวนคืนความแซ่บ