ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี - ตอนที่ 1 หมีทำขาด โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feel good,slice of life,#BL

รายละเอียด

ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ผู้แต่ง

ดังใจ

เรื่องย่อ

สารบัญ

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 1 หมีทำขาด,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 2 หมีพร่ำเพ้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 3 หมีให้นะ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 4 หมีว้าวุ่น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 5 หมีตัวดื้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 6 หมีเปิดเผย

เนื้อหา

ตอนที่ 1 หมีทำขาด


แสงอาทิตย์สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ทาบทับร่างของชายหนุ่มที่กำลังขดตัวอยู่ในผ้าห่ม แสงนั้นพาดผ่านนานจนลมแอร์ในห้องต้านไม่ไหว ให้เจ้าของห้องร้อนและรู้สึกตัวตื่นสักที หมี ชายหนุ่มวัย26ปีมองนาฬิกาบนโต๊ะทำงาน เพิ่งจะสิบโมงกว่าเท่านั้น ใช้คำว่าเพิ่งเพราะเขาได้นอนไปเมื่อตีสี่นี่เอง รวมแล้วก็หกชั่วโมงพอดี

หมีหาวออกมาพลางบิดขี้เกียจ ถึงจะยังง่วงอยู่ก็ฝืนลุกขึ้น ด้วยอาชีพอิสระอย่างนักเขียนการ์ตูนไร้สังกัดเช่นเขา ต้องใช้ชีวิตตามเดดไลน์ของตัวเอง และหมีก็เคร่งครัดกับมันมากเสียด้วย เพราะงั้นหากตื่นแล้ว เขาจะไม่โอ้เอ้ จะรีบลุกไปอาบน้ำเพื่อให้สดชื่นขึ้นมาทันที

"แดดแรงจังวันนี้" เขาพึมพำออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ ในเมื่อแอร์ถูกปิดไปแล้ว ถึงแดดจะแรงเขาก็ไม่มีทางเลือกนักนอกจากเปิดหน้าต่างแล้วเปิดพัดลม อันที่จริงเขาจะเปิดแอร์อีกครั้งก็ย่อมได้ แต่การเปิดแอร์สู้แดดแรงขนาดนี้รังแต่จะทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเปล่าๆ

ห้องของหมีเป็นห้องพักริมสุดของอพาร์ตเมนต์ให้เช่าหลังนี้ เขาจึงมีหน้าต่างสองด้าน ด้านหนึ่งคือประตูระเบียงที่เขาเปิดออกกว้างให้ลมพัดผ่าน ส่วนอีกด้านเป็นหน้าต่างที่อยู่ติดกับเตียง เขาต้องเดินขึ้นเตียงเพื่อเปิดมัน ซึ่งก็เป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้ว

ถ้าวันนี้ เขาไม่ได้เหยียบพลาดล่ะก็นะ...

"เฮ้ยยย น้องกระต่าย!"

เตียงห้าฟุตของหมีถูกถมฝั่งหนึ่งด้วยตุ๊กตาหลายตัวตามประสาคนรักตุ๊กตา และหนึ่งในนั้นก็คือหมอนข้างซึ่งมีหัวเป็นกระต่าย ที่เขาเพิ่งเหยียบพลาดและลื่นจนดึงหูเปื่อยๆ ข้างหนึ่งของมันหลุดออกมาพอดี หมียกหมอนข้างกระต่ายมาไว้ในมือ มองสลับไปมาระหว่างตัวหมอนกับหูที่ขาด เขาต้องการซ่อม แต่จะซ่อมมันอย่างไรล่ะ

เขาวางหมอนข้างลงก่อน แล้วจึงไปหยิบมือถือออกจากสายชาร์จ เสิร์ชหาร้านรับซ่อมตุ๊กตาทันที ผลการค้นหาแรกเป็นเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ซึ่งพอเข้าไปอ่านแล้วมีการอัพเดทรายวัน มีลูกค้ารีวิวถึงความน่าเชื่อถือ หมีจึงไม่ลังเลที่จะติดต่อไปยังโทรศัพท์ที่ขึ้นอยู่บนหน้าเพจนั้น ไม่นานก็มีคนรับสาย

"สวัสดีครับ ร้านจารุณีครับ"

"สวัสดีครับ พอดีเห็นในเฟซบุ๊กว่านอกจากซ่อมผ้าแล้วยังรับซ่อมตุ๊กตาด้วยใช่มั้ยครับ"

"ใช่ครับ แต่ว่ามีคิวนะครับ เว้นแต่ถ้าเคสไม่หนักผมพอทำให้ก่อนได้ ถ้ายังไงส่งรูปน้องเข้ามาในmessengerของร้านได้มั้ยครับ"

"ได้ครับๆ สวัสดีครับ"

หลังจากวางสาย หมีก็รีบถ่ายรูปหมอนข้างกับหูที่ขาดส่งไปให้ที่messengerของร้านทันที ไม่ลืมบอกว่าเป็นคนที่โทรเข้าไปเมื่อกี้ เพียงแค่ไม่กี่วินาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

‘สวัสดีครับ เท่าที่ดูก็เย็บแค่นิดเดียวนะครับ ผมเพิ่มมาทำเป็นเคสแรกของวันได้ครับ สะดวกมาที่ร้านหรือส่งน้องมาทางไปรษณีย์ครับ’

‘ร้านอยู่ที่ไหนนะครับ’

อีกฝ่ายส่งที่อยู่ร้านมาให้ และนั่นทำให้หมีตาลุกวาว เพราะมันใกล้เสียเหลือเกิน ไม่คิดว่าการเสิร์ชครั้งเดียวจะได้เจอร้านที่ใกล้ห้องขนาดนี้ ‘ห่างจากห้องพักของผมไม่กี่ซอยเองครับ เดี๋ยวผมเอาไปให้พรุ่งนี้เช้าครับ’

‘เอามาฝากไว้ก็ได้นะครับ’

‘ไม่เป็นไรครับ พอดีถ้าไม่นอนกอดน้องเขาแล้วผมนอนไม่หลับ’

‘อ่อ โอเคครับ งั้นพรุ่งนี้ร้านเปิดแปดโมงนะครับ ผมขอทราบชื่อลูกค้าได้มั้ยครับ’

‘ครับ ผมหมีครับ แล้วผมไปถึงต้องแจ้งว่ามาพบใครมั้ยครับ เป็นคุณแอดมินรึเปล่า’

‘ผมชื่อจุ๋นครับ บอกว่านัดผมไว้ได้เลย แต่จริงๆ ผมก็เป็นคนไปเปิดประตูแหละครับ’

‘โอเคครับ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ’

‘ครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับคุณหมี’





คืนนั้น หมีพยายามที่จะบังคับให้ตัวเองนอนเร็วกว่าที่เคย เพื่อที่จะตื่นเช้ากว่าที่เคย แม้จะงัวเงียจัดตอนที่นาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นตอน7:30ก็ตาม แต่เขาก็ฝืนเข้าไปอาบน้ำ หวีผมหยักศกที่ชี้โด่ชี้เด่ให้ดูเป็นทรง ใส่เสื้อยืดที่ดูดีกว่ายามอยู่บ้านและกางเกงยีนส์สีเข้มตัวเก่ง ก่อนจะหยิบหมอนข้างน้องกระต่ายพร้อมหูที่ขาดเข้ากระเป๋า แล้วเดินลงจากอพาร์ตเม้นต์ไปขี่จักรยาน

ไม่นาน เขาก็เจอร้านซ่อมตุ๊กตาที่ว่า ร้านตั้งอยู่ลึกพอสมควรในซอยที่ห่างจากอพาร์ตเม้นต์ของหมีเพียงแค่ห้าซอย แต่เขาไม่เคยมาที่นี่เลย คงเป็นเพราะซอยนี้มีแต่บ้าน ไม่มีร้านอาหารให้มาฝากท้อง ตัวร้านเองก็เป็นบ้านเดี่ยวเช่นกัน แต่ติดป้ายด้านหน้าไว้ว่าจารุณีเย็บปัก เป็นป้ายสีชมพูดที่เด่นสะดุดตา บางทีอาจเพราะมีคนหลงเลยร้าน จึงต้องมาติดไว้ให้ชัดเจนแบบนี้

หมีมองผ่านรั้วไปที่ตัวบ้าน ประตูด้านหน้านั้นยังปิดอยู่ ก็คงเป็นเรื่องปกติเพราะเขามาถึงก่อนเวลาเปิดร้านห้านาที หมีจึงตัดสินใจยืนรออยู่หน้าบ้านโดยไม่กดออด ไม่นานนัก เขาก็ได้ยินเสียงประตูกำลังถูกเปิด

"สวัสดีครับ!" หมีส่งเสียงทักทายทันที เสียงค่อนข้างดังจนคนๆ นั้นสะดุ้งเล็กน้อย เขาโผล่หน้ามาจากหลังประตูแล้วค่อยเอ่ยถาม

"คุณหมีใช่มั้ยครับ? "

"ใช่ครับ"

สิ้นคำตอบของหมี คนๆ นั้นที่หมีเดาว่าคงเป็นคุณจุ๋น แอดมินร้านที่คุยกับเขาเมื่อวานก็เดินออกมา คุณจุ๋นดูจะมีอายุไล่เลี่ยกับเขา ดูจากใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อนข้างอ่อนเยาว์ รวมกับผมเรียบตรงสั้นระคอกับดวงตากลมโต ยิ่งทำให้ดูเด็กลงไปอีก

สำหรับเกย์อย่างหมีแล้ว รูปลักษณ์คุณจุ๋นดูน่าประทับใจ ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่แขนขาที่มีกล้าเนื้อบางๆ นั่นอีก ในฐานะที่ชอบผู้ชาย หมีชอบทั้งหน้าและหุ่นแบบนี้ เรียกได้ว่าตรงสเปคของเขาเลยทีเดียว แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง หมีรู้สึกอิจฉานิดๆ เพราะด้วยการงานของเขาทำให้ไม่ค่อยออกกำลังกาย จนเนื้อตัวดูอาจจะใหญ่แต่นิ่มกว่าอีกฝ่ายไปสักหน่อย

"ผมจุ๋นนะครับ ที่คุยกันเมื่อวาน เชิญเข้ามาก่อนเลยครับ"

เมื่อประตูรั้วถูกเปิดออก หมีก็เติมตามคุณจุ๋นต้อยๆ เข้าไปที่บ้าน เพียงแค่เข้าประตูไป ก็ได้เห็นเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายวางอยู่บนชั้นวางรองเท้าคอยต้อนรับ แม้แต่ผ้าเช็ดเท้ายังถูกเย็บอย่างน่ารัก

หมีมองไปยังส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น มีเสื้อผ้ามากมายทั้งแขวนและวางอยู่ใกล้โต๊ะนั่งหน้าทีวี นั่นคงเป็นส่วนของการซ่อมเสื้อผ้า ส่วนของตุ๊กตานั้นคุณจุ๋นนำหมีเข้าไปอีกห้อง ซึ่งตุ๊กตาหลายตัวที่รอการซ่อมต่างถูกจัดเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ บนผนังด้านหนึ่งมีกระดานแขวนไว้ บอกกำหนดการของตุ๊กตาตัวต่างๆ พอเห็นคิวที่เรียงอยู่แล้ว หมีนึกขอบคุณที่คุณจุ๋นยังอุตส่าห์แทรกงานของเขามาในวันนี้

"ขอผมดูน้องหน่อยนะครับ"

คุณจุ๋นเอ่ยถามเมื่อชวนหมีมานั่งที่โต๊ะสำหรับคุยกับลูกค้า หมีจึงเปิดกระเป๋า หยิบหมอนข้างน้องกระต่ายกับหูออกมา คุณจุ๋นรับไปพลิกไปมา ก่อนจะเอ่ยถาม

"เย็บคงไม่นานเท่าไร แต่คุณหมีอยากให้ใส่นุ่นให้น้องเพิ่มมั้ยครับ พอดีเห็นยุบไปเยอะเลย"

"เอ่อ" หมีมองไปที่ตัวของหมอนข้าง จริงอย่างคุณจุ๋นว่า เพราะเขากอดก่ายมาหลายปี ทรงหมอนข้างที่ควรจะกลมก็เบี้ยวไปเยอะแล้ว "ก็ดีครับ เติมด้วยครับ"

"ได้ครับ แล้วจะให้ซักด้วยมั้ยครับ"

ตอบยากเลยกับคำถามนี้…

ทั้งที่ขนสีขาวของน้องกระต่ายแทบจะกลายเป็นสีเทาแล้ว ตัวปลอกหมอนสีฟ้าก็หม่นเต็มที แต่หมีก็ยังลังเล ตัวเขาก็เป็นเด็กติดหมอนเน่าคนหนึ่ง ถ้าซักแล้วกลิ่นหอมประจำตัวของน้องหมอนข้างกระต่ายคงจะหายไปหมด

หมีไม่รู้ตัวเลยว่าแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป แต่พอมองหน้าคุณจุ๋นแล้ว อีกฝ่ายกลับยิ้มบางๆ มาให้แล้วเอ่ยว่า "ตกลงว่าไม่ซักนะครับ"

"ครับ ไม่ซัก ตลกดีมั้ยครับ ผมอายุเท่านี้แล้วยังติดกลิ่นหมอนเน่าอยู่เลย"

"ไม่แปลกหรอกครับ ลูกค้าส่วนมากก็ไม่อยากซัก กลัวกลิ่นเปลี่ยนอย่างคุณหมีนั่นล่ะครับ”

พอได้ยินอย่างนั้นหมีก็โล่งใจ แต่แล้วก็สงสัย พอมองหน้าคุณจุ๋นที่ส่งยิ้มมาให้ ก็แอบคิดว่าการที่พวกเราที่น่าจะอายุใกล้เคียงกันมาเรียกกันว่าคุณแบบนี้ มันจะดูห่างเหินไปรึเปล่า

“คุณจุ๋นอายุเท่าไรครับ”

“ผมเหรอ ผมอายุ26ครับ”

“อ้าว งั้นก็เท่ากันเลยสิ”

หมียิ้มกว้างออกมา กว้างเกินเหตุมั้ยก็ไม่รู้ แต่เขาดีใจจริงๆ เขาไม่รู้ว่าคุณจุ๋นจะชอบผู้ชายเหมือนกันรึเปล่า เพราะงั้นอย่างน้อยถ้าได้กลายเป็นเพื่อนกันก็เป็นเรื่องน่าดีใจแล้ว

“ขอโทษนะครับ ดีใจไปหน่อย พอดีตั้งแต่เรียนจบมาผมก็แทบไม่ได้เจอเพื่อนเลย เห็นคนอายุเท่ากันก็เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย”

“ผมก็เหมือนกันครับ งี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเนอะ.. ครับ ฮ่าๆๆ ยังเกร็งอยู่เลย”

คุณจุ๋น เอ้ย จุ๋นหัวเราะออกมา ยิ่งดึงดูดสายตาของหมีเข้าไปใหญ่ คนอะไร ยิ้มก็ดูดี หัวเราะก็น่ารัก ยิ่งถือหมอนข้างของเขาอยู่ด้วยยิ่งเหมือนเป็นศูนย์รวมความน่ารักอย่างไรอย่างนั้น

“ว่าแต่คุ.. เอ้ยหมีจะรอมั้ย หรือจะค่อยมารับตอนเย็น”

“รอได้ๆ”

“งั้นไปนั่งดูทีวีรอมั้ย ดูกับแม่เรา เค้านั่งเย็บผ้าอยู่หน้าทีวี หรือจะนั่งเล่นมือถือในสวน เดี๋ยวเอาพัดลมไปตั้งให้”

“ถ้างั้น ขอดูตอนจุ๋นซ่อมน้องได้มั้ย”

“อ๋อได้สิ”

ทีแรกก็แอบกลัวว่าจุ๋นจะอึดอัดรึเปล่า แต่ถ้าอนุญาต หมีก็จะขอทำตามใจ เขามองจุ๋นที่หยิบด้ายสีเดียวกับขนน้องกระต่ายขึ้นมา ไม่สิ มันเป็นสีขาว แต่น้องกระต่ายนั้นเป็นสีออกเทา เอาเถอะ ก็นับว่าเป็นสีดั้งเดิมล่ะนะ ไม่รู้ว่าจากนี้เส้นด้ายจะกลายเป็นสีเทาตามน้องกระต่าย หรือเขาจะอาบน้ำน้องกระต่ายจนสีขนขาวเท่าสีด้ายดี

ระหว่างคิดก็นั่งมองจุ๋นสนเข็มที่ทำได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน ถ้าเป็นหมีก็คงต้องส่องแล้วส่องอีก แค่นึกถึงที่เคยเย็บผ้าสมัยเรียนก็ไม่อยากทำอีกแล้ว ที่จำได้ไม่มีเพื่อนผู้ชายคนไหนทำได้ดีเลย แล้วดูจุ๋นซิ มือก็ออกใหญ่ แต่กลับทำเป็นเรื่องง่ายๆ ตอนที่ค่อยๆ เย็บหูของน้องกระต่ายก็ละเอียด หมีไม่รู้ว่าจุ๋นจะเพลินรึเปล่าตอนที่ทำงาน แต่เขานั่งดูอย่างเพลิดเพลินมากเลย

“เสร็จแล้วครับ”

เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ไม่นานหูของน้องกระต่ายก็เสร็จสมบูรณ์ จุ๋นออกแรงดึงมันนิดๆ ให้หมีดูว่าเย็บติดแข็งแรงดี แล้วจึงบอกต่อว่าจะยัดนุ่นน้องให้ จากนั้นค่อยถอดปลอกหมอนที่ตัวน้องออกมา ก่อนจะหยิบที่ตัดด้ายมา ค่อยๆ เลาะด้ายที่เย็บตัวหมอนออก

“ใช้กรรไกรก็ได้นะ”

หมีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นจุ๋นค่อยๆ เลาะด้ายที่ค่อนข้างแน่น ดูจะเป็นงานละเอียดและใช้เวลาอีกแล้ว ตัวหมีถึงจะคิดว่าถ้าน้องกระต่ายโดนตัดก็น่าสงสาร แต่เขาก็เชื่อว่าจุ๋นจะเย็บให้สวยเหมือนเดิมได้ เพราะงั้นตัดไปเลยน่าจะดีกว่า

“ไม่เอาหรอก ไม่อยากให้ผ้าเสียน่ะ แต่ก็รอแป๊บนึงนะ หมีรีบรึเปล่า”

“ไม่รีบๆ”

อันที่จริงหมีหยิบไอแพดมาเผื่อเขียนงานต่อด้วย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าจุ๋นนั้นน่าสนใจกว่าจริงๆ เขาจึงมองจุ๋นไปเรื่อย จนอีกฝ่ายถามว่าเบื่อมั้ยแล้วเปิดเพลงให้ฟัง ซึ่งหมีคิดว่าจุ๋นอาจจะอึดอัดด้วยรึเปล่า เขาจึงหยิบโทรศัพท์มานั่งเล่นไปพลางๆ

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ หมอนข้างของหมีก็กลับมากลมนุ่มเหมือนที่เคยได้มาใหม่ๆ พอจุ๋นยื่นมาให้หมีก็นำไปกอดพร้อมยิ้มกว้าง และหมีก็สังเกตเห็นว่าจุ๋นยิ้มตามไปด้วย ยังไงการเห็นคนชอบงานเรานี่มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ สินะ

“ค่าซ่อมแสกนจ่ายได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ”

จุ๋นเดินไปหยิบแผ่นป้ายQR Codeมาให้ บอกราคาแล้วรอหมีจ่าย พอเช็กที่โทรศัพท์แล้วก็พยักหน้าให้ “เข้าแล้ว ขอบคุณมากนะ”

“เราสิต้องขอบคุณ นี่เรามีของให้ซ่อมอีกด้วย ถ้าเป็นผ้าห่มนี่รับซ่อมรึเปล่า”

“ผ้าห่มเหรอ ได้นะ ขาดเล็กๆ เหมือนน้องกระต่ายนี่เปล่า”

แทนที่จะพูด หมีเลือกที่จะเปิดภาพให้ดูจะดีกว่า ซึ่งพอเห็นสภาพผ้าห่มแล้ว จุ๋นก็หน้าซีดไปในทันใด พอเลื่อนดูรูปแล้วยิ่งดูตกใจ

“เยอะ.. เลยนะเนี่ย”

“อื้ม พอดีใช้มาตั้งแต่เด็กมากน่ะ”

“เอามาไว้ให้เราก่อนได้ แต่คิวได้อาทิตย์หน้านะ คงต้องเย็บสักสองวัน”

แบบนี้ก็มานั่งรอไม่ได้น่ะสิ นั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของหมี แต่เขาก็เงียบไว้ ช่วยไม่ได้ ผ้าห่มของเขามันต้องใช้เวลาขนาดนั้นจริงๆ เดี๋ยวค่อยหาเวลามานั่งรอตอนใกล้ได้ของก็ได้ ยังไงก็ไม่ล้มเลิกหรอก ความรู้สึกอยากสนิทกับอีกฝ่ายน่ะ

“งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนแล้วกัน มาวันไหนเดี๋ยวบอกอีกทีนะ”

“โอเค เราไปส่งนะ”

พอเดินออกจากห้องมาหมีก็เห็นว่าแม่ของอีกฝ่ายนั่งเย็บผ้าอยู่หน้าทีวีแล้ว จึงได้เอ่ยสวัสดีกันก่อนที่หมีจะออกจากตัวบ้านไป เขาไปจูงจักรยานที่จอดไว้หน้าบ้านออกนอกประตูรั้วโดนที่มีจุ๋นเปิดประตูให้

“แล้วเจอกันใหม่นะ”

“อื้อ แล้วเจอกัน”

รอยยิ้มตอนบ๊ายบายก็ช่างเจิดจ้า ถ้ามัวแต่มองหน้าจักรยานก็คงได้ล้มไปแล้ว หมีไม่คิดว่าการหักใจให้มองทางจะยากขนาดนี้ ได้แต่คิดในใจว่าเอาน่า เดี๋ยวก็ได้กลับมาหาอีก

แค่ขับมาถึงหน้าปากซอยก็อยากเจออีกแล้วเนี่ย…