ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี - ตอนที่ 3 หมีให้นะ โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feel good,slice of life,#BL

รายละเอียด

ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ผู้แต่ง

ดังใจ

เรื่องย่อ

สารบัญ

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 1 หมีทำขาด,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 2 หมีพร่ำเพ้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 3 หมีให้นะ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 4 หมีว้าวุ่น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 5 หมีตัวดื้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 6 หมีเปิดเผย

เนื้อหา

ตอนที่ 3 หมีให้นะ


“เสาร์นี้ว่างเปล่ามึง”


ตามประสาคนจิตใจว้าวุ่น จะปรึกษาใครได้ถ้าไม่ใช่เพื่อน แถมยังเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ถึงรสนิยมทางเพศของหมีด้วย ดีว่าตัดสินใจมาอยู่แถวนี้ เขาจึงสามารถนัดปั้น เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมให้เจอกันได้ ติดแค่ปั้นนั้นทำงานบริษัท เลิกงานดึกตามประสาครีเอทีฟ จึงเจอกันได้เพียงแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น


“ว่าง แต่หลังเที่ยงได้มั้ยล่ะ”


“มึงตื่นเช้าหน่อยไม่ได้เรอะ”


“กูจะตื่นเช้า แต่ตื่นมาเคลียร์งานก่อน จริงๆ เดดไลน์วันศุกร์แต่กูขอต่อไปเสาร์เที่ยง”


“อ๋อโอเคมึง งั้นเดี๋ยวบ่ายโมงกูเข้าไปหา เอาพิซซ่าปะ”


“เอา”


พอดีลกันเสร็จ หมีก็กลับมาจ้องโต๊ะทำงานของตัวเองต่อ โต๊ะทำงานที่ควรมีการ์ตูนหรืองานจ้างอยู่บนนั้น กลับมีแต่รูปวาดของตุ๊กตาหมีนับสิบแบบ นี่เองที่ทำให้หมีตัดสินใจโทรนัดปั้น เพราะสติสตางค์เขาไปไกลแล้ว


ไม่ใช่ว่าหลังจากเจอหน้าจุ๋นแล้ว หมีจะไม่ทำงานของตัวเองเลย เขาทำ แต่พอมีเวลาว่างสักหน่อย แทนที่จะพัก กลับตั้งตาตั้งตาวาดตุ๊กตาหมีเหล่านี้ เหตุเพราะจุ๋นบอกว่าอยากสร้างแบรนด์ตุ๊กตานั่นแหละ แล้วจุ๋นก็ไม่ได้บอกว่าอยากได้ตุ๊กตาหมีด้วย แต่เพราะหมีชื่อหมี เขาจึงอยากใส่ตัวเองลงไปในผลงานของจุ๋นบ้าง


วันที่เขาไปรับผ้าห่ม จะเอาภาพพวกนี้ไปด้วย หมีมองภาพแล้วก็นึกถึงรอยยิ้มของจุ๋นที่เคยส่งให้ ถ้าจุ๋นเห็นภาพพวกนี้แล้วยิ้มออกมาก็คงดี









หมีมาถึงบ้านของปั้นซึ่งอยู่ในหมู่บ้านใกล้ซอยอพาร์ตเม้นต์ของเขา เปิดรั้วที่ขัดไว้เฉยๆ แต่ไม่ได้ล็อกเข้าไปที่ตัวบ้านด้วยความเคยชิน


“ไอ้ปั้น”


ถาดพิซซ่าถูกโยนไปยังโซฟาที่ปั้นนั่งซังกะตายอยู่ จะชนตัวอยู่แล้วแต่ปั้นก็ไม่หลบ เอาแต่นอนพิงโซฟาอยู่อย่างนั้น คงจะเหนื่อยกับงานมามาก ดูน่าสงสารเหมือนกันที่จะเอาปัญหาของตัวเองมาให้คนที่งานเยอะขนาดนี้ แต่หมีก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นให้พึ่งพาแล้วจริงๆ


“พ่อแม่อะ”


“ไปเดท”


“โอเค มึงลุกมากินข้าวก่อนได้มั้ย” หมีพูดขณะเดินไปหาจานชาม เขามาบ้านนี้บ่อยครั้งตั้งแต่สมัยเรียน สนิทกับทั้งปั้นและพ่อแม่ ของใช้อยู่ไหนก็รู้หมด


“มึง ลูกค้ากูแม่ง”


พิซซ่าชิ้นแรกแกล้มคำบ่นของปั้น ซึ่งหมีก็ยินดีรับฟัง แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เพราะลูกค้าของเขาไม่เยอะสิ่งเท่าที่ปั้นเจอ แถมยังไม่ต้องทำงานกับคนหลายฝ่ายอย่างปั้นด้วย หมีได้แต่เห็นใจ รู้ว่าที่ปั้นยอมทนเพราะอะไร ปั้นทำงานในบริษัทดัง ถึงจะมีความเครียด แต่เพื่อนคนนี้ก็ยังมีความสุขเวลางานของตัวเองผ่านและได้ออกสู่สายตาของสาธารณชน


“แล้วโฆษณาอันนั้นอะ เครื่องสำอางค์”


“เฮ้ยอันนั้นดีมาก คนไลค์เป็นหมื่น กูแบบ โคตรภูมิใจ”


พิซซ่าชิ้นที่สองแกล้มคำยินดีของเพื่อน ก็มีอย่างนี้แหละ มีทุกข์ก็มีสุข ยิ่งได้ฟังว่าเพื่อนภูมิใจมากเท่าไร ตัวหมีก็ดีใจไปด้วย บางทีงานของปั้นและทีมก็เป็นแรงผลักดัน ที่หมีก็อยากสร้างงานที่แมสในระดับนั้นเหมือนกัน


“แล้วมึงเป็นไงวะ หายากนะที่โทรหากูก่อน”


ใช่ เพราะปกติแล้วจะเป็นฝ่ายปั้นติดต่อมาก่อน พร้อมประโยคเปิดแชท กูไม่ไหวแล้ว ส่วนหมีนั้นชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย มีอะไรก็ระบายในแอคหลุมทวิตเตอร์ ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก ปั้นจึงแปลกใจที่เพื่อนสนิทติดต่อมาก่อน แต่ก็อดจะบ่นเรื่องงานตัดหน้าไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อเพิ่งผ่านมันมาสดๆ ร้อนๆ


“คือกู จะเรียกว้าวุ่นมั้ยวะ แต่มึงช่วยดูนี่หน่อย”


“อะไร นี่มึงจะทำGoodsเหรอ แต่นี่เกี่ยวกับเรื่องตรงไหน” ปั้นพลิกกระดาษรูปตุ๊กตาหมีกว่าสิบใบแล้วเอ่ยถาม พลางนึกถึงการ์ตูนที่หมีวาดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นแนวต่อสู้ ห่างกันร้อยแปดสิบองศากับน้องหมีมุ้งมิ้งพวกนี้เลย


“ไม่ คือมัน เออ คือกูเพิ่งไปรู้จักคนๆ นึงมา”


เรื่องราวของจุ๋นถูกถ่ายทอดออกมาอย่างช้าๆ หมีพยายามเรียบเรียงทั้งลักษณะของจุ๋น สิ่งที่จุ๋นทำให้เขา ทั้งความรู้สึกของตัวเอง พลางตบท้ายว่าแค่อยากสนิทกับเค้าเฉยๆ เลยทำพวกนี้มาให้ ซึ่งนั่นทำให้ปั้นขมวดคิ้วมุ่น


“มึงมันหวังผลหมี ของแบบเนี้ย ไม่หวังผลมึงทำไม่ได้หรอก”


“กูไม่ได้หวัง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าจะชอบผู้ชายมั้ยไง”


“แค่มึงคิดว่าเค้าจะชอบผู้ชายมั้ยคือมึงหวังแล้ว เพราะมึงคิดว่ามีโอกาส50%ที่เค้าจะชอบผู้ชายไง”


“แต่กูเพิ่งเจอเค้าสองครั้งเอง”


“แค่สองครั้งมึงทำได้ขนาดนี้” ปั้นกางงานวาดทั้งหมดตรงหน้าหมี “มึง นี่ผ่านมาแค่สองวัน ถ้าใจเราไม่ได้ มันไม่ออกมาเยอะขนาดนี้ได้หรอก มึงชอบเค้าแล้วหมี”


“เฮ้ย กูไม่..”


หมีอยากจะปฏิเสธ แต่คำว่า ไม่ได้ชอบ กลับออกจากปากยากเย็นเหลือเกิน ยิ่งมองเพื่อนสนิทที่ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าฮั่นแน่เขายิ่งพูดไม่ออก หมีไม่ได้ชอบคนอื่นมานานเหลือเกิน เกินกว่าที่จะยอมรับว่าเขาชอบใครได้ง่ายดายปานนี้


“เออ กูคงจะชอบเค้าจริงว่ะ”


“ก็เท่านั้น แต่พูดจริงๆ นะ กูว่าเค้าไม่อยากรับหรอก ยิ่งถ้าไม่มีใจ เค้ายิ่งเกรงใจมึง”


“เอามีดมาแทงกูเหอะ”


ถึงจะสะอึกกับคำพูดของเพื่อนไปบ้าง แต่หมีก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง มีโอกาสที่จุ๋นจะชอบผู้ชาย แต่ก็มีโอกาสที่ไม่ชอบ หรือตัดเรื่องนี้ออก หากเป็นหมีเองที่เพิ่งรู้จักกับคนๆ หนึ่ง แล้วเขาวาดแบบมาให้บอกเอาไปใช้ได้ฟรีๆ ก็คงรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน


"งั้นเอางี้ กูเอาไปให้เค้าแค่สองแบบพอ มึงมาช่วยเลือกหน่อย"


"เออ กูว่าแบบนั้นดี"


พวกเขาถึงกับเลิกกินพิซซ่ากันชั่วขณะแล้วมาคัดเลือกแบบตุ๊กตาหมีอย่างจริงจัง ตัวนั้นดูไม่น่ารัก ตัวนี้ตาดูเศร้าๆ อะไรก็คัดออกไป จนเหลือสองรูปที่ลงความเห็นแล้วว่าน่ารักที่สุด ถึงแม้หมีจะเสียดายที่ทุกตัวในนี้จะไม่ได้ไปสู่สายตาของจุ๋น แต่เขาก็ต้องทำใจ


"หวังว่าจุ๋นจะชอบนะ"


"ถ้าเท่านี้กูว่าเขาโอเค กูเป็นกำลังใจให้"


"เออขอบใจ"









ไม่มีอีกแล้วคนที่อิดออดตอนเช้า ขนาดว่าเมื่อคืนนอนมาไม่กี่ชั่วโมง หมีก็ยังตื่นเช้าด้วยอารมณ์สดใส เพราะนี่ถึงวันที่จะได้ไปเจอจุ๋น ไม่สิ ได้ไปรับผ้าห่มแล้ว ทั้งที่ไม่ได้นัดช่วงเช้าด้วยซ้ำแต่ร่างกายมันก็ตื่นขึ้นมาเอง นี่สินะอานุภาพของการชอบใครสักคน


หมีตั้งใจจะไปอาบน้ำตามกิจวัตร แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตือนจากโทรศัพท์มือถือ จะมีใครกันที่ทักมาหาหมีตอนเช้าขนาดนี้


แล้วหมีก็ต้องตะลึง เมื่อคนที่ทักมาเป็นแอคเฟซบุ๊กของจารุณีเย็บปัก แค่ขึ้นข้อความว่า 'หมี' สั้นๆ เขาก็ตื่นเต้นแล้ว


'ว่าไงเหรอจุ๋น'


'เราจะถามว่าผ้าห่มนี่ให้ซักมั้ย วันที่มาส่งก็ลืมไปสนิทเลย'


สำหรับผ้าห่มนี้หมีไม่คิดมากเลย เขาไม่ได้ใช้มานานตั้งแต่มันขาดเยอะ และก็อยากใช้อีกครั้งเหมือนกัน แต่อพาร์ตเม้นต์นี้ไม่มีเครื่องซักผ้า เวลาหมีจะซักต้องไปร้านสะดวกซักซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก กว่าจะซักผ้าอบผ้าก็ใช้เวลานาน ตอนนี้ผ้าอยู่กับจุ๋นก็ให้จุ๋นซักเลยก็น่าจะดีแล้ว


'ซักๆ ขอบใจนะ'


จุ๋นส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีโอเคกลับมา เจ้าหมีที่น่ารักพอสมควรในสายตาหมี ตอนนี้มันยิ่งดูน่ารักมากขึ้นไปอีก


"อาการหนักละกู"


หมีส่ายหัวไล่ใบหน้าของคนที่คิดถึงอยู่ออกไป ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยเริ่มทำงาน พยายามจดจ่ออย่างมากที่สุด วันนี้ถึงเวลาของการ์ตูนสี่ช่องสั้นที่เขาวาดลงเพจอย่างต่อเนื่อง อยากจะรีบวาดแล้วรีบลงในแอคโซเชียลทุกแอคของเขา ทุกวันนี้กระแสมาไวไปไว เขาเลยต้องพยายามอัพเดทงานให้สม่ำเสมอ ยิ่งครั้งนี้ห่างไปหลายวันแล้วด้วย


“โอ๊ย”


ตามประสาของคนที่นั่งทำงานกับที่ แทบไม่ได้ออกกำลังกาย เพียงนั่งแค่ไม่กี่ชั่วโมก็รู้สึกเจ็บที่กลางหลังแล้ว หมีจึงลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินเป็นข้าวเที่ยง แล้วค่อยปั่นงานต่อ แต่ถึงจะเสร็จแล้วก็ยังไม่ลงทันที เพราะเท่าที่สังเกตยอดเอนเกจ ช่วงดึกๆ หน่อยจะมีคนเห็นมากกว่า


“เอาล่ะ ไปดีกว่า”


พอลุกแล้วหมีก็ยืดตัวเพื่อคลายอาการเจ็บ ยังดีที่มันไม่ร้ายแรงและยังไม่เรื้อรัง แต่เท่านี้ก็คิดแล้วว่าเขาควรหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง และจะว่าไปจักรยานนี่ก็นับเป็นการออกกำลังกายเหมือนกันสินะ


คิดได้อย่างนั้นขณะปั่น แล้วก็ยิ่งปั่นเร็วขึ้น พอถึงหน้าบ้านจุ๋นก็เริ่มเหงื่อออก เหนื่อยหอบบ้างเสียแล้ว ขนาดว่าจุ๋นมาเปิดรั้วให้ยังตกใจที่สภาพของหมีต่างไปจากปกติ


“ทำไมเหนื่อยมางี้ล่ะ หนีหมาหน้าปากซอยเหรอ” จุ๋นพูดพลางชะเง้อมองไปทางปากซอย ที่ต้นซอยนั้นมีบ้านหลังหนึ่งที่เลี้ยงหมาดุเชียวล่ะ แต่เลี้ยงไว้ในบ้าน ถึงอย่างนั้นบางครั้งมันก็หลุดออกมาได้


“เปล่าๆ เราแค่.. ลองออกกำลังกาย”


“ห๊ะ?”


“นั่นแหละ เราเพิ่งคิดได้ว่าขี่จักรยานก็เป็นการออกกำลังกายไง”


“อ๋อ แต่อย่าหักโหมสิ”


มีสายตาเป็นห่วงด้วย


แทนที่หมีจะไม่สบายใจที่ทำให้จุ๋นเป็นห่วง เขากลับดีใจมากกว่าที่เห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีแบบนั้น แต่จะยิ้มในสถานการณ์นี้ก็กระไรอยู่ เลยพยายามพูดปัดๆ เรื่องนั้นแล้วเปลี่ยนเข้าเรื่องผ้าห่มแทน


“แล้วผ้าห่มเราเป็นไงบ้างจุ๋น”


“เสร็จแล้ว นี่ไง”


ผ้าห่มของหมีถูกวางไว้ใกล้ๆ กับตุ๊กตาหลายตัวที่ซักพร้อมกัน ทำให้ห้องซ่อมตุ๊กตาหอมไปด้วยกลิ่นของซักใหม่ ถ้าไม่เกรงใจว่าตุ๊กตาเหล่านั้นเป็นของคนอื่น หมีคงซุกหน้ากับทุกตัวแล้ว แต่เอาเถอะ แค่ผ้าห่มที่ไม่ได้มีกลิ่นใหม่มาหลายปีนี่ก็สุดยอดแล้ว


“ให้เราใส่ถุงมั้ย หรือหมีเอากระเป๋ามา”


“เรามีกระเป๋า”


จุ๋นรับกระเป๋าจากหมีไป ดูขนาดและค่อยๆ พับมันเข้าไปในกระเป๋าใบนั้น ไม่ทันได้มองหมีที่นั่งเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานแล้วเริ่มวางกระดาษบางอย่างลงบนนั้น พอจะเอากระเป๋ามาให้ก็มองบนโต๊ะอย่างสงสัย


“พวกนี้.. อะไรเหรอ”


“คือพอได้ยินจุ๋นพูดถึงออกแบบตุ๊กตา มันก็เผลอไปทำมาน่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่า”


จุ๋นนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม หยิบกระดาษสองใบขึ้นมา เป็นรูปตุ๊กตาหมีสองตัวที่ออกแบบให้เห็นทั้งหน้าหลัง ดูแค่นี้ก็รู้ว่าตั้งใจทำ ไม่น่าจะใช่เผลอทำอย่างที่หมีบอก แล้วหมีจะทำพวกนี้มาให้ตนอย่างนั้นหรือ


“อันนี้คือ ให้ดูเป็นไอเดีย?”


“ไม่ ถ้าจุ๋นชอบเราให้ไปทำเลย”


“หา!”


นี่น่าจะเป็นการพูดเสียงดังที่สุดของจุ๋นแล้ว ชายหนุ่มตาเบิกกว้าง มองภาพในมือสลับกับคนตรงหน้า ซึ่งหมีก็พยักหน้าว่าทำมาให้จริงๆ นั่นทำให้จุ๋นพูดไม่ออก


“เอาไปเลย ไม่ต้อเกรงใจนะ”


“ไม่เกรงใจได้ไงหมี เราต้องจ่ายตังนะแบบนี้”


“ไม่ต้องๆ เราอยากทำมาให้”


“ทำไมล่ะ”


จะบอกว่าเพราะชอบก็ไม่ได้ซะด้วย…


แล้วหมีก็พูดอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากแค่อยากให้ แล้วจุ๋นก็มัวแต่จะไม่รับพูดนั่น เพียงกันไปเถียงกันมาจนคุณแม่ของจุ๋นเดินมาดูด้วยความสงสัย และเพียงไม่นานเธอก็จับใจความได้ บอกให้เด็กทั้งสองเลิกเถียงกันแล้วเธอจึงขอแบบมาดู


“ดีนี่นา ลูกก็รับไว้สิ”


“ไม่ได้หรอกแม่ เกรงใจหมีเขา”


“งั้นเอางี้ ถือว่าทั้งสองคนทำธุรกิจร่วมกันมั้ย ก็ทำสัญญาว่าหมีออกแบบ จุ๋นจะเอาไปใช้เชิงพาณิชย์ ต้องมีส่วนแบ่งเท่าไรยังไง”


เป็นความคิดที่ดี ถึงจะไม่อยากได้ส่วนแบ่งจากจุ๋นแต่หมีก็คิดว่าวิธีนี้น่าจะทำให้จุ๋นยอมง่ายที่สุด เขาจึงเออออกับคุณแม่จ๋าไป คุณแม่เองก็บอกให้จุ๋นลองคิด เธอรู้ว่าลูกชายตัวเองอยากจะทำเองทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากให้พลาดโอกาสนี้


“โอเคนะจุ๋น”


จุ๋นนั่งเงียบ ครุ่นคิด ต่อให้จะบอกว่ามาทำสัญญากันก็เถอะ แต่ก็ยังเกรงใจ แถมเรื่องนี้มันยังปุบปับเกินไปด้วย จริงอยู่ว่าเขามีความฝัน แต่ก็ไม่ได้รีบมากขนาดนั้น


แต่ถ้ามันมาตรงหน้าแล้ว ก็ควรคว้าไว้มั้ยนะ..


“อืม เราตกลง”


พอเห็นจุ๋นที่แม้จะลังเลแต่ก็ตอบตกลงแบบนั้น หมีก็ยิ้มออกมา “โอเคเลย งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการเรื่องสัญญานะครับ แล้วเดี๋ยวจะมาหาใหม่ สวัสดีนะครับคุณน้า”


“จ้า”


หมีสวัสดีคุณแม่แล้วก็โบกมือให้จุ๋น จริงๆ เขาดีใจจนอยากกระโดดแต่ก็ต้องยั้งไว้ จึงแค่ค่อยๆ ถือกระเป๋าที่ใส่ผ้าห่มแล้วลุกขึ้นยืน เท่านั้นล่ะ..


“โอ๊ย”


กระเป๋าถูกปล่อยลงพื้น มือข้างหนึ่งของหมียันโต๊ะเอาไว้ขณะที่อีกข้างเอื้อมจับไปที่หลัง สีหน้าเจ็บปวดทำให้สองแม่ลูกตกใจ ต่างปรี่กันเข้ามาประคอง


“หมี เป็นอะไรรึเปล่า”


“หลัง หลังผม เจ็บ..”