สี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ดราม่า,นางเอกเก่ง,หมอ ,ชายหญิง,จีนโบราณ,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
ผู้แต่ง
จิ้งจอกราตรีกาล
เรื่องย่อ
คำโปรย
"ข้าหาใช่แขกเหล่านั้นของเจ้า"
"ถูกต้อง ท่านมิได้เป็นแขก ทว่าเป็นท่านหมอของข้า ในใจข้าท่านสำคัญยิ่งกว่า"
สี่หลิงหลง...หมออัจฉริยะของตระกูลสี่ที่ต้องการสืบหาต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายของนางต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา
ได้พบเข้ากับ เซี่ยเสี่ยวไป่ คณิกาชายชั้นสูงที่มีพิษปริศนาชนิดเดียวกันกับพี่ชายอยู่ในร่าง
เบาะแสที่มีคือ...หญ้างามผู้หนีตายกลับมาในสภาพที่ไม่ต่างจากพี่ชายของหลิงหลง
ทำให้เสี่ยวไป่กับหลิงหลงช่วยกันสืบหาที่มาของพิษด้วยกัน ทว่ายิ่งสืบ ที่มาของพิษก็ยิ่งลึกลับ
มันคือพิษอะไรกันแน่ แล้วใครคือฆาตกร!
🐾🐾🐾🐾🐾🐾🐾🐾🐾🐾🐾
🦊คุยกับคุณจิ้งจอก🦊
ก่อนอื่น เรื่องนี้แต่งขึ้นเองจากจินตนาการของไรท์โดยโทนเรื่องจะเป็นแฟนตาซีที่อยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับจีน
หรือพูดอีกอย่างคือเป็นแฟนตาซีธีมจีน ดังนั้นเนื้อเรื่องอาจจะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกับนิยายจีนทั่ว ๆ
แต่บางส่วนอาจจะไม่เหมือนหรือไม่ได้อิงความเป็นจีน
สรุปแล้ว เรื่องนี้ ตามใจคนเขียนนะคะ!!!
แต่บางอย่างอาจจะไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบอ่านแบบจีนจ๋าเลยอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ 👉🏻👈🏻😰
และเรื่องนี้ถือว่าเป็นนิยายจีนเรื่องแรกของไรท์ หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ถ้าชอบก็อย่าลืมกดใจ❤️ และกดติดตามไว้ด้วยนะคะ แล้วแวะคอมเม้นท์ติชม ให้คำแนะนำกับกำลังใจไรท์ด้วยนะคะ
รักทุกคนค่ะ ❤️❤️❤️
ภายในห้องมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน หลิงหลงกวาดตา มองรอบ ๆ ห้อง บนโต๊ะกลางห้องมีอาหารและสุราเตรียมไว้พร้อมสรรพ บานหน้าต่างที่เปิดออกทำให้เห็นทิวทัศน์สระบัวยามค่ำคืน
“ยินดีต้อนรับท่านสู่ห้องอันคับแคบของข้าน้อย”
น้ำเสียงชวนลุ่มหลงเอ่ยกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดในระยะประชิดทำให้หลิงหลงเริ่มไม่สงบใจเท่าไหร่
นางก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่างก่อนหันกลับมาหาเสี่ยวไป่ ก่อนจะดึงแขนให้เขานั่งบนโต๊ะข้างตน
“เจ้าเรียกข้าว่าหมอเทวดา คงทราบว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร” หลิงหลงกล่าวเสียงเรียบก่อนจะจับชีพจร
ดวงตาสีทองมองมือเรียวที่กำลังจับชีพจรของตนด้วยความขบขัน
นี่นางจะเป็นท่านหมอแม้กระทั่งในค่ำคืนที่นางจะรับ ‘สัมผัสอภิรมย์’ หรือ
ได้ เช่นนั้นเขาจะเล่นด้วย!
“ท่านหมอ ข้าน้อยรู้สึกวิงเวียน สายตาพร่ามัว นอกจากใบหน้าที่งดงามของท่าน ข้าน้อยก็ไม่เห็นสิ่งใดอีก” เขากล่าวพลางขยับใบหน้าเข้าใกล้ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ ดวงตาสีทองทอดมองนางอย่างอ่อนโยน
“ท่านหมอ ท่านงดงามสมคำเล่าลือ ดวงตาสีน้ำเงินดุจนภายามค่ำคืนของท่านทำให้ข้าน้อยแทบละสายตาไม่ได้จริง ๆ”
กลายเป็นว่าหลังจากคำพูดนี้ หลิงหลงเบนสายตาของนางหนี ดวงตาคู่นั้นสั่นไหวน้อย ๆ
“เส้นผมนุ่มลื่นดุจแพรไหมสีรัตติกาล” เสี่ยวไป่เอ่ย นิ้วเรียวดุจลำเทียนเกี่ยวเส้นผมของนางขึ้นมาจุมพิต “ข้าน้อยได้กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ จากกายท่าน หอมยิ่งนัก”
มุมปากของหลิงหลงกระตุก แม้จะมีคนบอกว่านางมีนิสัยเย็นชา แต่ใช่ว่านางจะไร้ความรู้สึก ยามถูกเกี้ยวพานางย่อมหวั่นไหวอยู่บ้าง
ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาระหว่างการตรวจรักษานางจึงจี้สกัดจุด เสี่ยวไป่ชะงักก่อนจะนิ่งค้างราวหุ่นกระบอก หลิงหลงเริ่มตรวจชีพจรอีกครั้ง
“ข้าเป็นวรยุทธ์อยู่บ้าง” นางพูดขึ้น “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสพสุข พี่ใหญ่บอกข้าว่าเจ้าเป็นโรคประหลาดที่นางไม่อาจรักษา จึงขอให้ข้าช่วยตรวจดู”
เสี่ยวไป่ที่ถูกจี้จุดไม่อาจพูดจา แต่สายตาของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงและคำถาม
หลิงหลงเห็นแววตานั้นจึงเอ่ยพลางถอนใจ “เจ้าจะบอกว่า พี่ใหญ่หลอกข้า เจ้าสบายดีใช่หรือไม่”
ดวงตาสีทองแสดงออกว่าคำพูดของนางนั้นถูกต้อง แต่นางกลับหยิบเข็มขึ้นไปลนไฟ
“แม้จะถูกหลอก แต่อย่างน้อยให้ข้าตรวจดูเถอะ อย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยว”
เสี่ยวไป่กลอกตาอย่างเหลืออด
หลิงหลงฝังเข็มบนฝ่ามือของเสี่ยวไป่ มืออีกข้างยังคงแตะบริเวณชีพจร ก่อนจะดึงเข็มออกไปดู
จู่ ๆ นางก็ลุกพรวด ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างจ้องมองเข็มอย่างไม่เชื่อสายตา นางตรวจชีพจรซ้ำ คิ้วเรียวขมวดแน่นเป็นปม
แววตาของเสี่ยวไป่มีความสงสัยในท่าทีของนาง สุดท้ายนางจึงนั่งลงแล้วจี้จุดคลายให้เขาพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจ้ามักมีอาการวิงเวียน ดวงตาพร่ามัว ยามเหมันต์เจ้าป่วยไข้ได้ง่าย เวลาป่วยเจ้าจะเจ็บเสียดกระดูกแทบหายใจไม่ออก บางครั้งบางคราวคล้ายจะเห็นภาพหลอนใช่หรือไม่”
ครั้งนี้เป็นเสี่ยวไป่ที่อยู่ในอาการตกตะลึง
“…ข้าน้อยมีอาการเช่นนั้นจริง” บนใบหน้าหล่อเหลามีแววสับสนไม่มีความล้อเล่นยั่วเย้าอีก “ข้าน้อยมีอาการเช่นนั้นตั้งแต่ยังเด็ก จนนึกเป็นโรคปวดหัวเรื้อรัง”
หลิงหลงส่ายหน้า “ไม่ใช่ เจ้าถูกพิษ”
คำว่าพิษทำให้หญ้างามหน้าซีดในทันที ปากอ้าค้างด้วยความตะลึง
“เป็นไปไม่ได้ ข้าอยู่มาสิบเจ็ดปี หากเป็นพิษจริง ข้าคงไม่อาจรอดมาจนถึงตอนนี้”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เสี่ยวไป่กลับไม่มั่นใจนัก
เขามีอาการอย่างที่หลิงหลงกล่าวมาจริง นานวันเข้าอาการยิ่งแย่ลง ยิ่งหากจับไข้เขาเจ็บปวดจนแทบกินอะไรไม่ลง นอนก็ไม่ได้ ทรมานนัก
และยิ่งไปกว่านั้น เขาถูกพิษได้อย่างไร ในเมื่อเขามีอาการเช่นนี้ตั้งแต่จำความได้ หมอคนใดก็กล่าวว่าเป็นโรคประจำตัว ไม่ก็โรคปวดหัวเรื้อรัง เหตุใดตอนนี้จึงกลายเป็นถูกพิษไปได้เล่า
ซ้ำผู้ที่กล่าวคือผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาแห่งเยว่ฮวา จะไม่เชื่อถือได้หรือ
หลิงหลงเม้มปาก นางมั่นใจถึงแปดส่วนว่าพิษที่เจือปนอยู่ในกายของเสี่ยวไป่คือพิษชนิดเดียวกันกับที่สี่หลิงซานได้รับ เพียงแต่พิษของเสี่ยวไป่มีปริมาณน้อยซ้ำยังอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน แม้จะไม่ถึงชีวิตแต่ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพในระยะยาว
“ข้าเคยเจอพิษชนิดนี้” นางกล่าว สองมือกำแน่น “ถึงพิษในร่างเจ้ามีน้อยและอยู่ในตัวมานาน แต่ข้าไม่มีทางลืมพิษชนิดนี้แน่” ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายวาวโรจน์ ภาพพี่ชายที่นอนทรมานปรากฏขึ้นในความคิด
เสี่ยวไป่มุ่นคิ้ว ท่าทางเสเพลเชิญชวนนั้นหายไปจนเหลือเพียงบุรุษที่กำลังกังวลใจผู้หนึ่ง
“เช่นนั้น มีวิธีรักษาหรือไม่”
“การขับพิษออกไม่ยาก ยากที่การหาตัวยา แต่เจ้าไม่ต้องห่วงในเรื่องนั้น ข้าจะรักษาเจ้าให้หายขาดแน่”
เสี่ยวไป่เงยหน้ามองหลิงหลง เขาไม่รู้เพราะเหตุใด แต่น้ำเสียงของนางมีพลังและความกระตือรือร้นราวกับรอคอยมานาน
หลิงหลงเขียนเทียบยาให้ชุดหนึ่งก่อนลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เดิม “เทียบยาสำหรับอาบ ให้อาบสามครั้งต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งให้แช่กายไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วยาม เทียบยานี้จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดลงได้บ้าง”
“…ขอบคุณท่าน”
“หากมีเรื่องอันใด เจ้าส่งคนไปหาข้าได้ทุกเมื่อ” หลิงหลงกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เสี่ยวไป่นั่งมองเทียบยาในมือคนเดียว
เมื่อเดินออกมาด้านนอกนางจึงพยักหน้าให้พ่อเล้าเซี่ยคราหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปตามทางที่นางมา
แสงจันทร์ส่องสลัวรอบกายมีเพียงนางอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้งาม นางหยุดเดินแล้วสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ ระงับความยินดีที่แผ่ซ่านออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ
เรื่องในครั้งนั้นผ่านมากว่าสองปีแล้ว
นางสืบหาไม่พบว่าเป็นพิษชนิดใด ไม่พบว่าใครที่มีอาการเดียวกันกับพี่ชายผู้ล่วงลับ นี่ทำให้นางไร้หนทางสืบเสาะหาตัวคนที่วางยาพี่ชายของนาง ทั้งยังไม่สามารถหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้
แต่วันนี้กลับพบเจอโดยบังเอิญ จะไม่ให้นางยินดีได้อย่างไร ครั้งนี้นางจะต้องช่วยเสี่ยวไป่และหาตัวต้นเรื่องออกมาลงโทษให้ได้
“พี่ใหญ่ น้องได้เจอผู้ที่มีพิษแบบเดียวกับท่าน นี่เป็นโอกาสชดใช้ที่ท่านมอบให้ข้าใช่หรือไม่” หลิงหลงพึมพำก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา
“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน พี่ใหญ่”
................................................
พิษที่น้องฟังใจมันโพล่มาแล้ว มันจะเป็นพิษอะไรกันนะ
คิดเห็นยังไงก็ฝากคอมเมนต์บอกให้จิ้งจอกตัวน้อย ๆ ใจชื้นด้วยนะคะ งี้ดดด