สี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ดราม่า,นางเอกเก่ง,หมอ ,ชายหญิง,จีนโบราณ,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บงกชสีครามหญ้างามสีชาดสี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
มี่ถังติดตามหลิงหลงทั้งวัน มันเกาะอยู่บนอกเสื้อนิ่ง ๆ ไม่ขยับ จนหลิงหลงต้องก้มลงมองหลายครั้งเพื่อดูว่าสหายน้อยยังอยู่หรือไม่
เสี่ยวไป่ไม่รู้เรื่องวิชาแพทย์ แต่เท่าที่ติดตามดู เขาพบว่าฝีมือการฝังเข็มและความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของหลิงหลงถือว่าเป็นเลิศ แม้นางจะมีสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้ม แต่กับคนไข้ตัวน้อยน้ำเสียงนางกลับเจือด้วยความอ่อนโยน
นอกจากนั้น คนไข้ที่นางรักษามักจะเป็นคนยากจนที่ไม่มีเงินจ่าย นางรับค่าใช้จ่ายเป็นแรงงานหรือสมุนไพรที่เก็บได้บนภูเขาแทน
วันนี้คนไข้รายหนึ่งเป็นเด็กชายแซ่ตู้ เขาเมียงมองมาทางหลิงหลงหลายครา นางจึงเรียกเขามาสอบถาม ปรากฏว่าปู่ของเขาป่วย ต้องการเชิญนางไปรักษาแต่ไม่มีเงินจ่ายและด้วยอายุในตอนนี้จะให้ไปหาสมุนไพรบนเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหลิงหลงจึงให้เด็กชายทำความสะอาดโรงหมอเป็นค่าตอบแทน
เด็กคนนั้นดีใจยกใหญ่และยินดีทำความสะอาดโรงหมอด้วยความเต็มใจ
สำหรับคนไข้ที่พอมีฐานะ นอกจากค่ายาสมุนไพรที่ต้องจ่ายเต็มจำนวนแล้ว นางคิดค่ารักษาอย่างมากไม่เกินสามตำลึง
เสี่ยวไป่อมยิ้ม นางให้ผู้คนจ่ายค่ารักษาตามกำลังตนอย่างแท้จริงและท่วงท่ายามที่นางตรวจรักษาทำให้เขาเพลินตาโดยแท้!
ดวงตาของผึ้งหรี่ลง ดูคล้ายกับมีรอยยิ้มเต็มหน้า
หลังผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวัน ผู้ติดตามที่ถูกสี่หนิงอวี่ส่งมาจับตาดูนางเริ่มขอให้นางกลับ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านควรกลับได้แล้ว บาดแผลของท่าน…” สาวใช้ของสี่หนิงอวี่ผู้นั้นมองแผ่นหลังบางด้วยสายตาเป็นห่วง
“คนไข้เหลืออีกสามราย ระหว่างนี้เจ้าต้มยาเทียบนี้ให้ข้าที” หลิงหลงตวัดพู่กันเขียนเทียบยาส่งให้ นางยอบกายแล้วไปต้มยาให้ตามที่คุณหนูของนางสั่ง
หลังตรวจอาการคนไข้จนครบและดื่มยารักษาอาการของตนเอง หลิงหลงจึงสั่งให้คนรถพานางเข้าวังหลวงเพื่อนำหนังสือไปคืน
ข้าหลวงและมหาดเล็กคุ้นเคยกับการที่หลิงหลงเข้าวังมา พวกเขาพานางไปยังที่หมายพลางชวนนางคุยเล่นตลอดทาง
มี่ถังเพิ่งเคยมาที่วังเป็นครั้งแรก ดวงตากลมโตมองซ้ายมองขวาด้วยความตกตะลึง
หลิงหลงเข้ามายืมตำราสมุนไพรสองสามเล่มก่อนจะกลับคฤหาสน์ตระกูลสี่ นางกลับไปรายงานตัวกับสี่หนิงอวี่ก่อนจะแยกตัวกลับเรือนบงกชครามของตน
เมื่อถึงที่พัก หลิงหลงจึงเริ่มคุยเล่นกับมี่ถัง
“เป็นอย่างไร เที่ยวเล่นกับข้าสนุกหรือไม่”
มี่ถังบินวนรอบ ๆ บริเวณแล้วเกาะนิ้วเรียวดุจลำเทียนของนางพร้อมก้มเอาตัวถูไถราวกับกำลังออดอ้อน
“วันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อย อาจเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บมาด้วย” นางพูดก่อนซบหน้าลงบนโต๊ะ
มี่ถังกระโดดมาเกาะที่ตำราสมุนไพร ท่าทางเหมือนจะถาม
“สงสัยว่าข้ายืมตำราอะไรมาหรือ นี่คือตำราสมุนไพรหายาก ทั่วทั้งแคว้นมีเพียงสามเล่มเท่านั้น เมื่อวานข้าได้เจอคนไข้รายหนึ่ง เขาถูกพิษประหลาดเข้า ข้ากำลังหาทางรักษาเขาอยู่”
มี่ถังชะงักแล้วมองนางนิ่ง…เมื่อครู่นางพูดถึงร่างจริงของเขา
หลิงหลงคุยเล่นกับมี่ถังพักหนึ่งก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน ช่วงนี้เสี่ยวไป่จึงตัดการเชื่อมจิตแล้วกลับไปรับแขก
กว่าสองชั่วยาม กลางดึกสงัด เสี่ยวไป่นึกถึงหลิงหลงจึงเชื่อมจิตกับมี่ถังเพื่อไปดูนางอีกสักครั้ง
แต่ดึกดื่นเช่นนี้นางคงหลับไปแล้ว…เขาคิด
มี่ถังหลับอยู่ในดอกบัวที่ประดับภายในห้อง เขาจึงบินไปที่เตียงเพื่อดูนาง
กลายเป็นว่านางไม่อยู่บนเตียงเสียนี่!
มี่ถังตกใจ รีบบินวนหาหลิงหลงทั่วห้อง แต่กลับไม่พบนางแม้แต่เงา ผึ้งน้อยใช้เท้าหน้ายีหัวของตน ขณะพยายามใช้ความคิดว่าเวลาเช่นนี้นางจะไปที่ใดได้
มี่ถังกวาดตามองรอบห้องอีกครั้ง เมื่อสังเกตดี ๆ จึงพบว่าประตูห้องถูกเปิดทิ้งไว้เล็กน้อย เขาจึงรีบบินออกจากห้องทันที
‘นางไปที่ใดกันแน่ เหตุใดเวลาเช่นนี้จึงไม่อยู่ในห้อง’ เสี่ยวไป่ในร่างผึ้งบ่นงึมงำแล้วบินหาหลิงหลง
“มี่ถัง หาข้าอยู่หรือ” เสียงหวานดังขึ้น มี่ถังได้ยินจึงรีบบินไปตามเสียงทันที
หลิงหลงนั่งเอกเขนกบนกิ่งต้นผิงกั๋ว ในมือถือขวดเหล้า ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์สุรา ยามที่เห็นสภาพเมามายของนางมี่ถังแทบจะลืมบิน
ผึ้งน้อยพุ่งไปเกาะดอกบัวบนอกนางแล้วชี้เท้าหน้าไปมาเหมือนกำลังต่อว่า หลิงหลงส่งเสียงหึออกมาคล้ายเสียงหัวเราะ
“ข้านอนไม่หลับ” นางกล่าว “ทุกคืน ข้าต้องใช้สุราเพื่อให้หลับได้สักสองชั่วยาม แต่สุดท้ายก็ต้องสะดุ้งตื่นทุกเช้า”
มี่ถังมองนาง…ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้เล่า
คนนอนเป็นเรื่องปกติ แล้วเหตุใดนางจึงนอนไม่ได้เล่า ซ้ำยังต้องดื่มสุราทุกคืนอีก
หรือนางจะป่วย
คล้ายจะรับรู้ความคิดของสหายน้อย หลิงหลงเอ่ยคำตอบของความคิดนั้นออกมา “ใช่ ข้าป่วยเป็นโรคทางใจ”
โรคทางใจ…คือสิ่งใด
มี่ถังไม่เข้าใจ นี่คือโรคแปลกประหลาดอันใดหรือ
หลิงหลงให้มี่ถังเกาะบนนิ้วก่อนจะชูขึ้นในระดับสายตา
“ข้าได้เล่าให้เจ้าฟังแล้ว เรื่องคนไข้ที่ถูกพิษ ข้ารู้จักพิษนั่น มันพรากชีวิตพี่ชายข้าไป” น้ำเสียงของนางสั่นเครือเมื่อเอ่ยถึงพี่ชายผู้ล่วงลับ ดวงตาสีน้ำเงินสั่นไหว “พี่ใหญ่ตายต่อหน้าข้า นับแต่นั้นมา ไม่มีคืนใดที่ข้าไม่นึกถึงช่วงเวลาที่พี่ใหญ่จากไป”
เมื่อจบคำนางก็ยกไหสุราขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยคำที่เป็นดังคำเยาะเย้ยตัวเอง “ข้าเป็นหมอแท้ ๆ เป็นหมอที่ผู้คนยกย่องว่าเป็นเลิศ เป็นหมอเทวดา ทว่าอาการป่วยของตัวเองข้ายังรักษาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผึ้งน้อยของข้า เจ้าว่าข้าสมควรได้รับการยกยอเหล่านั้นหรือไม่”
เสี่ยวไป่เม้มปากแน่น เขายอมรับว่าตนยังไม่เข้าใจเรื่องที่นางพูด ในสายตาของเขา นางคือหมอที่เก่งกาจ วิชาการแพทย์ล้ำลึกทั้งที่อายุยังน้อย คำพูดยกยอเหล่านั้นนางสมควรได้รับ
หลิงหลงมองผึ้งตัวน้อยก่อนจะเบนสายตาไปมองดวงจันทร์
นางฝันร้าย…ฝันถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดทุกคืน
นี่คือโรคทางใจ นางไม่อาจรักษาได้ทั้งที่นางเป็นหมอคนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นมันฝังใจจนไม่อาจลบเลือนออกไป ได้แต่ใช้สุราช่วยเหลือเพื่อให้หลับและลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
สุราในมือนางไม่ใช่ยารักษา เป็นเพียงเครื่องมือช่วยเหลือนางเท่านั้น นางหวังว่าสักวันนางจะมียาที่จะช่วยรักษาโรคทางใจนี้
นางยกสุราขึ้นดื่มแล้วเอนกายพิงต้นผิงกั๋ว
เสี่ยวไป่ในร่างผึ้งมองนางนิ่งอยู่แบบนั้น…เขาไม่คาดฝันเลยสักนิดว่านางจะเล่าเรื่องของนางให้เขาฟัง แม้ตัวเขาจะเป็นเพียงผึ้งตัวหนึ่งในสายตาของนางก็ตาม
เขาคิดได้เพียงแค่…นางอ้างว้างเสียจนต้องคุยเล่นกับสัตว์
หลิงหลงดื่มสุราขวดแล้วขวดเล่า จนลืมไปแล้วกระมังว่ามีผึ้งน้อยที่กำลังจ้องมองนางอยู่ ฤทธิ์สุราทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคลอด้วยน้ำตา นางเอื้อมมือไปทางดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ปากนางเรียกหาพี่ชาย
เสี่ยวไป่มองภาพนั้น สองมือกำแน่น
สูญเสียคนในครอบครัวไปต่อหน้าต่อตา นางยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ เหตุใดต้องประสบพบเจอเรื่องเช่นนี้
แม้เขาจะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กถึงทำให้คนคนหนึ่งเป็นได้ขนาดนี้
หลิงหลงหลับตาลงลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอคงที่ มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลลงไปตามดวงหน้างาม มี่ถังบินขึ้นไปเกาะบนใบหน้าแล้วใช้มือเกลี่ยน้ำตาออก
เสี่ยวไป่ลืมตาขึ้น ตัวจริงของเขายังคงเอนกายบนตั้ง ภาพยามที่นางกำลังเข้าสู่นิทรายังคงสลักไว้ในห้วงความคิด
ถ้าหากตัวเขาอยู่ใกล้ เขาจะ…
ไม่สิ เรื่องนี้คงได้แต่คิด
เสี่ยวไป่เป็นแค่หญ้างาม เป็นเพียงคนไข้ นางไม่มีทางแสดงความอ่อนแอออกมาหรอก ต่างจากมี่ถังที่นางสามารถเล่าความในใจออกมาได้ มี่ถังเป็นเพียงสัตว์น้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่อาจเล่าเรื่องของตนให้ผู้อื่นฟังได้ ใครจะนึกเล่าว่าแท้จริงแล้วจะมีคนคอยควบคุมเช่นนี้
หากว่ามีโอกาสได้เป็นสหายของนางจริง ๆ มิใช่อยู่ในร่างผึ้งน้อยเช่นนี้ นางจะอนุญาตให้เขาเรียกขานชื่อนางหรือไม่
หรือจะเป็นคำเรียกอื่นอย่าง อาหลิงหรือหลงเอ๋อร์
อื้ม หลงเอ๋อร์ หากเป็นชื่อนี้ก็เข้ากลับนางยิ่งนัก เขาชอบ
ทว่านี่ก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น จะเป็นจริงไปได้อย่างไร หากจะฝันก็ควรนอนก่อน
เสี่ยวไป่ถอนหายใจแล้วพยายามข่มตาหลับ ไม่สนใจสิ่งที่ตนคิด แต่ดวงหน้างามที่มีคราบน้ำตากลับผุดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
คิ้วเรียวของหญ้างามขมวดแน่น…ความโศกเศร้าไม่เหมาะกับสตรี ยิ่งไม่เหมาะกับนางเลย
แต่คนงามใต้แสงจันทร์ แม้จะดูโศกเศร้าเพียงใดก็ตราตรึงจนไม่อาจลบเลือนได้โดยแท้
...................................................................................................................
อีกด้านหนึ่งของพระจันทร์คือข้างแรมที่มืดมิด มันคงเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เราได้เห็นด้านแปลก ๆ ของคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท แต่เพราะแบบนั้นมันเลยดูมีมิติและเข้าถึงได้ง่ายกว่า
วันนี้ลงช้านิดหน่อยนะคะ พอดีติดธุระ//แง้
ถ้าชอบก็อย่าลืมกดไลก์กดแชร์ สับคะไคร้และคอมเม้นพูดคุยกันได้นะคะ เผื่อเราจะได้เห็นด้านแปลก ๆ ของกันและกันมากขึ้น