สี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,จีน,ดราม่า,นางเอกเก่ง,หมอ ,ชายหญิง,จีนโบราณ,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บงกชสีครามหญ้างามสีชาดสี่หลิงหลงต้องเข้าไปพัวพันกับหญ้างามอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาชายอันเลื่องชื่อเพียงเพราะถูกพี่สาววางแผนทำลายชื่อเสียง ทว่าเมื่อได้พบเสี่ยวไป่กลับได้พบเบาะแสที่เกี่ยวเนื่องกับพิษที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางไป
ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่เสี่ยวไป่เชื่อมจิตกับมี่ถังเพื่อติดตามหลิงหลง นางเป็นคนอ้างว้างและโดดเดี่ยว ‘สหาย’ เพียงหนึ่งเดียวอย่างเขาจึงต้องคอยดูแล
เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เสี่ยวไป่จึงรู้การกระทำของนางแทบทุกอย่างก้าว ช่างเป็นชีวิตที่ไร้สีสันจนน่าหน่ายใจเหลือเกิน
ยามเช้าคัดตำรา ยามสายออกตระเวนตรวจคนไข้ เข้าวังเพื่อยืมและคืนตำรา ยามค่ำคืนร่ำสุรา วนเวียนเพียงแค่นี้
บางครั้งบางครา นางจะถูกพี่น้องเชิญไป ‘สังสรรค์’ แต่แท้ที่จริงคือถูกเชิญไปรับคำถากถาง บางครั้งนางโต้กลับ บางครานางเบื่อหน่ายจึงเมินคำพูดเหล่านั้นเสีย หากจิกกัดไม่ปล่อยนางก็หาช่องหลอกด่า
ด้านพี่สาวใหญ่ของหลิงหลง เสี่ยวไป่ไม่ขอพูดถึง แต่น้องสาวคนเล็กเขาพูดได้เต็มปากว่าโง่งมเกินบรรยาย
คิดว่าตนฉลาดแล้วแต่กลับแสดงความเขลาออกมา เป็นเด็กสาวที่ถูกตามใจจนเสียคนอย่างเห็นได้ชัด
บางครั้งมีการร่วมกันทานข้าวพร้อมหน้าหนึ่งมื้อ เห็นได้ชัดว่าหลิงหลงถูกปรนนิบัติราวกับแขกที่ถูกรับเชิญมามากกว่าการทานอาหารพร้อมหน้าในครอบครัว
เสี่ยวไป่ในร่างมี่ถังรู้สึกรับไม่ได้...นี่มันครอบครัวอะไรกัน!
แม้เขาจะเป็นเพียงเด็กที่ถูกพ่อเล้าเซี่ยรับมาเลี้ยง แต่เขายังได้รับการดูแลไม่ต่างจากบุตรชายแท้ ๆ ไหนจะพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันอีกกลุ่ม พวกเขารักใคร่กลมเกลียวกันมาตลอด กับร้านรวงใกล้เคียงก็ไร้ซึ่งเรื่องขัดแย้ง มีแต่คอยช่วยเหลือเกื้อกูล
ร่างจริงของเสี่ยวไป่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชีวิตของท่านหมอคนงามทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า เขาเคยคิดว่าการที่ตนถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ต้องทำอาชีพที่ถูกผู้คนดูแคลนนับว่าเลวร้ายแล้ว แต่เมื่อเห็นชีวิตของหลิงหลง เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าหากต้องมีครอบครัวเช่นนี้สู้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า
อีกใจเขาก็รู้สึกสงสารนางยิ่งนัก
ช่วงนี้นางกำลังเขียนตำราแพทย์เล่มหนึ่ง มี่ถังเกาะไหล่แล้วอ่านสิ่งที่นางเขียน แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เขารู้ว่าตำราเล่มนี้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของนางออกมาเป็นตัวอักษร
หลิงหลงเขียนตำราที่มีชื่อว่า ‘เข็มกล่อมชีพจร’ ซึ่งเป็นวิธีการฝังเข็มที่นางคิดค้นขึ้นเองในช่วงหนึ่งปีมานี้ นางได้ทดลองใช้กับคนไข้แล้วพบว่าส่งผลดี
เพียงแต่ผู้ที่ฝึกฝังเข็มด้วยวิธีของนางจะต้องฝังเข็มอย่างแม่นยำและรู้ว่าจุดใดเกี่ยวข้องกับอวัยวะใด ทำให้การฝังเข็มด้วยวิธีนี้ยากยิ่ง
เมื่อนางเขียนได้ราวครึ่งเล่ม จู่ ๆ นางก็เรียกให้เข่อชิงจุดไฟแล้วเผาตำราทิ้งเสีย!
มี่ถังมองตำราที่นางตั้งใจเขียนตลอดสัปดาห์ที่กำลังกลายเป็นเถ้าด้วยสีหน้าหมองหม่น
เขาไม่ใช่แพทย์ก็จริง ทว่าตำราแพทย์ที่ถูกเขียนโดยผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดาย่อมต้องเป็นของดี แต่หมอเทวดาอย่างนางกลับเอาตำราล้ำค่าไปเผาทิ้งเสียนี่!
เข่อชิงเองก็สงสัยเช่นกันจึงเอ่ยถาม “คุณหนู เหตุใดจึงเผาทิ้งเสียล่ะเจ้าคะ”
หลิงหลงถอนใจแล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “ข้าว่าง”
มี่ถังที่เกาะไหล่นางอยู่ร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ
ร่างจริงของเสี่ยวไป่ถึงขั้นหงายหลังตกลงจากตั่ง
นางเขียนตำราล้ำค่าเป็นสัปดาห์ เพื่อเผาทิ้ง แล้วให้เหตุผลว่านางว่าง!
สรุปแล้ว นางเขียนตำราเล่มนั่นเพื่ออะไร
แต่ถึงอย่างนั้น เสี่ยวไป่ก็กุมท้องหัวเราะอยู่บนพื้นจนน้ำตาไหล หมดคราบบุรุษรูปงามผู้น่าหลงใหล
ยิ่งอยู่ด้วย ท่านหมอเทวดาคนงามก็ยิ่งน่าสนใจ
.....
ช่วงเวลาที่เสี่ยวไป่ในร่างมี่ถังกำลังติดตามหลิงหลง ข่าวลือเรื่องที่หมอเทวดาติดพันบุรุษโคมเขียวก็แพร่กระจายออกไป
คนมากมายไม่เชื่อเพราะไม่เคยเห็นว่าหลิงหลงเข้าไปในตรอกเริงรมย์ แต่ตระกูลใหญ่และเศรษฐีทั้งหลายก็เริ่มเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวของนาง
อายุน้อยแต่มากด้วยพรสวรรค์ ถูกผู้อื่นยกยอจนเสียคนก็มีให้เห็นถมเถไป แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านหมอเทวดาผู้นี้จะไม่เกิดความผยองตน
ดังนั้น เหล่าตระกูลใหญ่และบรรดาเศรษฐีจึงเชิญสี่ลี่หมิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าฝีมือไม่ต่างจากหลิงหลงมารักษาแทน แม้จะด้อยกว่ามารดาและน้องสาวแต่ลี่หมิงก็มีฝีมือโดดเด่นที่สุดในชนรุ่นหลังของตระกูล
ถึงอย่างไร บุตรหลานสายตรงของตระกูลสี่ก็มีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ ไม่จำเป็นจะต้องถึงขั้นเชื้อเชิญท่านหมอเทวดามาหรอก
เมื่อสี่ลี่หมิงถูกถามเรื่องข่าวลือ นางยิ้ม ท่าทางกระอักกระอ่วนและตอบเพียงว่า “เรื่องนี้ ท่านแม่ได้ตัดสินไปแล้ว ข้าไม่ควรรื้อฟื้นอีก”
ประโยคนี้ของนางทำให้คนมากมายเริ่มเชื่อข่าวลือ
สี่หนิงอวี่ตัดสินไปแล้ว หมายความว่าความข่าวนี้ย่อมเป็นความจริง เพียงแต่ทางตระกูลไม่อยากพูดให้มากความ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ชื่อเสียงด้านการแพทย์ของสี่ลี่หมิงดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คนไข้ในมือก็เพิ่มมากขึ้นจนไม่มีเวลามา ‘สังสรรค์’ กับน้องสาวทั้งสอง
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ ณ ตรอกเริงรมย์ จู่ ๆ มีบุรุษที่แต่งกายไม่เรียบร้อยวิ่งเข้าไป ท่าทางกระเสือกกระสนคล้ายกำลังหนีตายจากบางสิ่งบางอย่าง
คนของร้านรวงหญ้าที่อยู่ไม่ไกลจากร้านหญ้างามเห็นบุรุษผู้นั้นก็จำได้ทันที
“นั่นอาลั่วที่ถูกซื้อไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่ เหตุใดจึงอยู่ในสภาพนั้นได้เล่า”
บุรุษที่ถูกเรียกว่าอาลั่วคล้ายจะเสียสติไปแล้ว เขาคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้ที่เข้าใกล้จนคนของร้านรวงหญ้าต้องช่วยกันจับเขาและพาเข้าไปในร้าน
พ่อเล้าจ้าวเห็นสภาพของอาลั่วก็แทบหมดสติไปเสียเดี๋ยวนั้น...ใครกันที่มันทำร้ายเด็กดีอย่างอาลั่วได้!
พ่อเล้าจ้าวรีบให้คนไปเชิญหมอมารักษา แต่ไม่ว่าจะเชิญหมอสักกี่คนพวกเขาก็หาสาเหตุไม่ได้ อย่างเก่งก็บอกได้แค่ว่าอาลั่วถูกพิษประหลาด
พ่อเล้าเซี่ยได้ข่าวจึงรีบมาหาพ่อเล้าจ้าว เมื่อเห็นสภาพของอาลั่วที่คล้ายจะคลุ้มคลั่ง สายตาหวาดผวาก็อดเห็นใจพ่อเล้าจ้าวไม่ได้
อาเฉินที่เป็นเด็กรับใช้ในหอหญ้างามก็ตามมาด้วย เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของอาลั่ว เมื่อเห็นสภาพน่าอนาถของพี่ชายก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พ่อเล้าทั้งสองจึงให้อาเฉินคอยอยู่ดูแลที่ชาย
พ่อเล้าร้านข้างเคียงมาเยี่ยมอาลั่วเช่นกันและต่างพากันถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ่อเล้าจ้าวถอนหายใจแล้วเริ่มเล่า
“เมื่อราวสัปดาห์ก่อน มีคนติดต่อค้าขายกับร้านเรา พวกเขาจะขอซื้อตัวอาลั่วในราคาสูง” พ่อเล้าจ้าวทำท่าอึกอัก “ลูกค้าท่านนั้น…เป็นบุรุษ”
เหล่าพ่อเล้ามองหน้ากันไปมา จริงอยู่ที่เยว่ฮวาสตรีเป็นใหญ่ แต่ใช่ว่าบุรุษจะไร้อำนาจ ยิ่งตระกูลสูงศักดิ์ย่อมมีพวกที่ชมชอบบุรุษ ส่วนมากมักจะเล่นสนุกด้วยความอยากรู้อยากลอง ร้านค้าอื่น ๆ ก็เคยค้าขายกับบุรุษเช่นกัน
“เมื่อถูกซื้อตัว อาลั่วจึงให้อาเฉินทำงานที่ร้านหญ้างามของเถ้าแก่เซี่ย เมื่อตนได้เงินแล้วจะไถ่ตนเองและน้องชายแต่ไม่นึกว่าอาลั่วจะกลายเป็นแบบนี้”
“เถ้าแก่จ้าว คนผู้นั้นที่มาติดต่อค้าขาย ใช่คนที่ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากยักษ์หรือไม่” พ่อเล้าคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าซีดเซียว “เมื่อวันก่อนร้านข้าก็มีการค้าในลักษณะนี้เกิดขึ้นเช่นกัน”
“จริงหรือเถ้าแก่หลี่!”
เหล่าพ่อเล้าจึงเริ่มพูดคุยกันแล้วพบว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีหญ้างามหลายคนที่ถูกซื้อตัวไป แต่มีเพียงอาลั่วที่กลับมาในสภาพคลุ้มคลั่งไร้สติ
พวกเขาไม่อยากคิดเลยว่าหญ้างามที่ถูกซื้อตัวไปจะมีสภาพเช่นไรแล้ว
“จริงอยู่ที่พวกเราทำการค้าขาย แต่ชีวิตหญ้างามก็ไม่ควรจะเป็นเช่นอาลั่ว ข้าคิดว่าหญ้างามร้านข้าจะมีชีวิตสุขสบายเสียอีก”
พ่อเล้าผู้หนึ่งเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกังวล ทุกคนเห็นด้วยจึงเริ่มวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
.................................................................................................
อ้าว มีเรื่องวิ่งเข้ามาติด ๆ กันซะงั้น แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อละเนี่ย
ฝากคอมเม้นบอกความคิดเห็นกันด้วยนะคะ อยากรู้ว่าทุกคนจะเดาทางไปทางไหนกันบ้าง
ไว้เจอกันตอนหน้างับ