เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”
สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย,ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฆ่า | ซ่อน | อดีตเมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”
พ.ศ. 2542
สายลมอ่อนโยนพัดพากลีบดอกพลับพลึงสีแดงสดปลิวคลุ้งไปทั่วบริเวณหลุมฝังศพก่อนที่สายลมอ่อนโยนเหล่านั้นจะค่อยๆ ปล่อยกลีบดอกสีแดงร่วงหล่นลงบนศีรษะของหนุ่มน้อย มือเล็กป้อมหยิบกลีบดอกไม้ดอกนั้นออกจากหัวของตน ดวงตากลมโตของเขาจ้องมองดูดอกไม้ภายในมือด้วยสายตาว่างเปล่า ทว่าในสมองกำลังนึกถึงความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ไปพลาง ดอกฮิกันบานะ หรือดอกพลับพลึง ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งความตายที่นิยมใช้ปลูกตามหลุมฝังศพ เขารู้จักก็เพราะว่าตรงหลุมฝังศพของพ่อกับแม่ที่ตายไปก็มีดอกไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่รอบๆ เช่นกัน
หยาดน้ำเม็ดเล็กเริ่มพากันกลิ้งลงอาบแก้มสีเนียนจากที่เด็กน้อยพยายามใช้ฝ่ามือและเสื้อยืดตัวเก่าๆ ของตัวเองเช็ดคราบน้ำตาทิ้งแต่ว่ายิ่งพยายามเช็ดมันออกมากเท่าไหร่สิ่งนั้นก็ยิ่งไหลลงตามแก้มไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ภายในสองหรือสามนาทีหลังจากนี้
“ ฮื่อ พ่อครับ ”
เสียงสะอื้นร้องไห้ดังระงมภายใต้ความเงียบงันมีเพียงสายลมเยือกเย็นพัดโชยให้เกิดเสียงการเสียดสีของกิ่งไม้เหนือร่างน้อย ผู้ที่นั่งกอดตัวเองร้องไห้โฮเพราะความคิดถึงพ่อกับแม่ที่จากไป
“ น้องฌอนคะ ได้เวลาที่เราต้องไปแล้วนะ ” หญิงสาววัยกลางคนนั่งลงข้างๆ หนุ่มน้อยฝ่ามืออุ่นค่อยๆ ลูบแผ่นหลังคนร้องไห้จนหายใจแทบไม่ทันอย่างนุ่มนวล “ ไม่ร้องนะคนเก่งคุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่กับหนูเสมอไม่ได้ไปไหนเลย ”
ดวงหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาเงยมองผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วเอ่ยถามว่า “ พ่อกับแม่อยู่ที่ไหนครับ ฮื่อ ผมไปหาได้มั้ย อึก ”
คำพูดที่ไม่ค่อยเป็นคำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเอ่ยถาม รดา ขึ้น หญิงสาวได้แต่คลี่รอยยิ้มอบอุ่นให้เด็กน้อยพร้อมกับลูบศีรษะกลมแผ่วเบา
“ ท่านทั้งสองอยู่กับน้องฌอนตรงนี้ไงคะ ” เรียวนิ้วสวยชี้ลงตรงหน้าอกเล็กของหนุ่มน้อยก่อนจะว่าต่อเมื่อเห็นคนร้องไห้เอียงคอมองเชิงคำถาม “ พวกท่านอยู่ในใจของน้องฌอนเสมอ เมื่อไหร่ที่น้องฌอนคิดถึงพวกท่านให้จำเอาไว้นะว่าพวกท่านอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ น้องฌอนตลอดเวลา ”
พ.ศ. 2567
ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีบริบูรณ์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ยังคงนั่งอ่านสมุดบันทึกเล่มเดิมอยู่ซ้ำๆ แม้ว่าเขาจะอ่านมันจบไปแล้วหลายรอบแต่ร่างสูงก็ยังคิดจะอ่านมันต่อไปเรื่อยๆ
...อ่านจนกว่าเขาจะรู้ว่ามีส่วนไหนที่เขาพลาดไปหรือไม่
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ชลฌอน ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรต่างไปจากทุกปี ถ้าหากเป็นวันคล้ายวันเกิดของคนอื่นมันคงจะเป็นวันที่ออกไปฉลองกับเพื่อนหรือครอบครัวแต่สำหรับเขาที่ไม่มีทั้งครอบครัวและเพื่อนให้ฉลองวันสำคัญแบบนี้ด้วยนั้น วันนี้ก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง
ร่างกายสูงกำยำสมชายชาตรียืนนิ่งงันอยู่หน้าบานกระจกในห้องส่วนตัว เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีเขาก็เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคนที่อยู่ในใจเขามาตลอดยี่สิบห้าปีอย่างที่คุณแม่รดาเคยบอกเอาไว้
“ ผมไปทำงานแล้วนะครับพ่อแม่ ”
บานประตูถูกปิดเข้าก่อนที่เจ้าของบ้านจะเดินก้าวขายาวๆ ไปขึ้นรถเพื่อไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน
แต่เมื่อยัดตัวเข้ามานั่งด้านหลังพวงมาลัยได้ไม่นานก็ได้มีสายโทรเข้ามาในโทรศัพท์ของเขาจนต้องหันไปดู หัวคิ้วของชายหนุ่มเคลื่อนเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นรายชื่อคนที่โทรมาหาตนตั้งแต่เวลาเช้าวันแบบนี้
“ ครับท่าน ” สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไปทันทีที่ปลายสายพูดจบ เขานั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบกลับปลายสายไปเมื่อได้สติกลับคืน “ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ ”
ดวงตาคมเข้มจ้องมองกลุ่มผู้คนนับสิบกำลังยืนมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ทางด้านหน้า ร่างสูงจึงรีบจอดรถแล้วเดินไปยังจุดเกิดเหตุในทันที เขาล้วงป้ายพนักงานราชการออกจากกระเป๋าเสื้อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบก่อนจะเข้าไปที่เกิดเหตุเมื่อเจ้าหน้าที่ยกเทปกั้นเขตหวงห้ามเปิดทางให้
ชายร่างสูงในชุดนอกเครื่องแบบสีกรมเข้มยืนจ้องมองร่างกายไร้วิญญาณของหญิงสาวที่ไร้เครื่องนุ่งห่มปกปิดเรือนร่าง ชลฌอนได้ยินเจ้าหน้าที่พูดว่าเป็นการฆ่าข่มขืน มือหนาคว้าถุงมือจากเจ้าหน้าที่นิติเวชก่อนจะนั่งลงข้างๆ ศพสีเขียวคล้ำที่เน่าเปื่อยจนเนื้อหนังมังสาแทบจะปริเละแตกเต็มทน
บริเวณคอของศพมีร่องรอยการถูกรัด และตามร่างกายมีรอยฟกช้ำสีดำเขียว ใบหน้าของศพมีบาดแผลถูกทำร้ายจนแทบระบุตัวผู้ตายไม่ได้
“ เฮ้ย! ทำอะไรวะ! ”
ชายหนุ่มในชุดนอกเครื่องแบบ บนหน้าอกมีป้ายพนักงานราชการห้อยหราตกลงมา คนผู้นั้นกำลังเดินแหวกผู้คนเข้ามายังจุดเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ กระทั่งเขาเห็นชายแปลกหน้ากำลังนั่งเขี่ยศพอยู่จึงได้ตะโกนด่าอีกคนเสียงดัง จนเจ้าหน้าที่ที่กำลังพากันทำงานอยู่ตรงนั้นถึงกับสะดุ้งกันทั้งแถบ
“ นี่พวกคุณทำงานกันยังไงทำไมปล่อยให้คนนอกเข้ามาในที่เกิดเหตุได้ ”
“ แล้วคุณเป็นใครมาตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ”
คนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันกลับไปว่าคนที่ตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าเรียบตึง
สายตาคู่คมค่อยๆ ไล่ตามองคนตรงหน้าลงต่ำเรื่อยๆ จนได้เห็นป้ายชื่อที่ห้อยลงมาถึงช่วงอกซึ่ง และผู้ชายคนนี้มียศเป็นถึงร้อยตำรวจเอก หรือผู้กอง
“ มีอะไรวะพี่น่าน ”
คนยืนสีหน้าเรียบนิ่งชำเลืองตามองเด็กหนุ่มที่พึ่งจะวิ่งดุ่มๆ เข้ามาเป็นกำลังเสริมช่วยรุ่นพี่ ส่วนคนนี้มียศเป็นร้อยตำรวจโท หรือผู้หมวด
...เป็นถึงนายตำรวจแต่กลับมาช้ากว่าหน่วยนิติเวชได้ยังไง ชายหนุ่มได้แต่คิดตำหนิทั้งสองคนในใจ
“ พวกคุณมาช้านะ ”
ชลฌอนเอ่ยว่าเพียงเท่านั้น แต่ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับหางคิ้วกระตุกด้วยความไม่พอใจ
“ ออกไปได้ยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานกัน ”
มุมปากได้รูปยิ้มเยาะเย้ยใส่คนทำตัวอวดดีและผู้กองหนุ่นจงใจเน้นคำว่า ตำรวจ ใส่หน้าอีกคนเป็นพิเศษจนอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทางเหมือนกำลังไม่พอใจเช่นกัน
ตำรวจก็ไม่ใช่แต่เสือกมาทำตัวยุ่มย่ามกับที่เกิดเหตุแบบนี้พ่อจะยัดข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ซะเลยดีมั้ย...
“ ผมก็มาทำงานเหมือนกัน ”
“ เฮ้ย นี่คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงวะ ”
คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้วยุ่ง สายตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนกับการกระทำของอีกคนตรงหน้า ชลฌอนมองคอเสื้อตัวเองที่กำลังถูกนายตำรวจยศผู้กองดึงไว้แน่น ก่อนจะชำเลืองสายตาไปมองคนเป็นรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้กองอีกคน
หมวดกัน เองก็มองร่างหนาด้วยสีหน้าครุ่นคิดราวกับว่ากำลังพยายามนึกอะไรบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในสมองแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที
“ เฮ้ยพี่น่าน เดี๋ยวพี่ ” และแล้วก็นึกขึ้นมาได้ คนเป็นน้องดึงแขนพี่ชายขี้หัวร้อนไว้ทันทีเมื่อเริ่มนึกออกว่าเขาเคยเห็นหน้าผู้ชายตัวสูงคนนี้ที่ไหนมาก่อน “ พี่น่าน เขาคือ สารวัตรฌอน ”
“ ฌอนไหนวะ ”
“ ก็หัวหน้าคนใหม่ที่ท่านรองบอกไงพี่ อะพี่ดูนี่ ”
โทรศัพท์เครื่องสีดำถูกยื่นไปจ่อหน้าพี่ชายแทบจะแปะทับกับใบหน้าของคนขี้โมโหจนอีกคนต้องดึงหน้าหลบ
“ ใกล้ไปไอ้กัน ”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่ปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะรับโทรศัพท์จากรุ่นน้องมาดูอีกครั้ง เขามองหน้าจอโทรศัพท์สลับกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า เพ่งตามองสลับกันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ฉิบหายแล้วไอ้น่าน...
“ อ้าวอยู่กันพร้อมหน้าเลยหรอ ”
“ สวัสดีครับท่านรอง ”
เจ้าหน้าที่ทุกคนหันไปทางเสียงของผู้มาใหม่ ก่อนที่จะพร้อมใจกันทำความเคารพคนที่มียศตำแหน่งสูงกว่าด้วยการทำท่าวันทยาหัตถ์
“ รู้จักกันแล้วใช่มั้ย ” รองผู้บัญชาการศิวัตร เอ่ยถาม เห็นว่าลูกน้องของตนเองต่างพากันพยักหน้าเป็นคำตอบจึงได้หันไปหาคนที่พึ่งมาทำงานในหน่วยวันแรกแทน “ เป็นยังไงบ้างสารวัตรชลฌอน ”
“ จากที่ดูคร่าวๆ เหยื่อมีร่องรอยการถูกทรมานครับ หน่วยนิติเวชบอกว่าเหยื่อน่าจะเสียชีวิตมาได้สี่ถึงห้าวันแล้ว ” ฌอนนั่งลงข้างๆ ศพอีกครั้งแล้วค่อยพูดต่อ “ เธอไม่ได้ตายที่นี่แต่ถูกพาร่างมาทิ้งครับ ”
“ คุณรู้ได้ยังไง พูดอย่างกับเป็นฆาตกรซะเอง ” ผู้กองน่านน้ำพูดขัดขึ้น
“ คุณเห็นรอยอะไรมั้ยละนอกจากรอยล้อรถ ถ้ามันลงมือฆ่าเหยื่อที่นี่คงมีคราบเลือดเต็มพื้นแล้วสิ ”
“ แล้วทำไมคนที่ฆ่าเธอต้องเอาศพมาทิ้งในที่ที่คนมีโอกาสมาเห็นได้แบบนี้ละครับสารวัตร ” หมวดกันสงสัย
สารวัตรชลฌอนยกยิ้ม “ บางทีฆาตกรอาจจะอยากเล่นสนุกกับตำรวจก็ได้นะครับ ”
คำตอบที่ได้ยินทำเอาหมวดกันกับผู้กองน่านต้องมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
มีเพียงแค่รองผู้บัญชาการเท่านั้นที่ยกยิ้มให้ร่างสูงราวกับว่ากำลังภาคภูมิใจในตัวหัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษคนนี้อย่างมาก
ทุกกิริยาบทของทั้งสองคนถูกจับจ้องด้วยสายตาของผู้กองน่านน้ำ และมันยิ่งทำให้เขาสงสัยในตัวสารวัตรชลฌอนอย่างแปลกประหลาด โดยที่ไม่อาจทราบสาเหตุได้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนั้น ทั้งที่พวกเขาสองคนพึ่งจะเคยเจอหน้ากันครั้งแรกแท้ๆ
“ หมอ ผมฝากด้วยนะครับผลชันสูตรออกแล้วโทรหาผมเลยนะ ”
“ ได้ครับ ”
ในห้องทำงานของหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษตอนนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แน่นอนว่าเป็นเพราะศพนิรนามที่พบเมื่อเช้าวันนี้และยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ มีเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกเครียดกับคดีครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย แถมเขายังแสดงรอยยิ้มตรงมุมปาก ราวกับว่ากำลังได้เล่นสนุกกับของเล่นตัวโปรดเสียอย่างนั้น
…ซึ่งคนนั้นก็คือสารวัตรชลฌอน
ผู้กองน่านนั่งดูกระดานไวท์บอร์ดที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายของศพ และผู้ชายตัวสูงอีกคนที่กำลังขีดเขียนข้อความบางอย่างลงบนผิวของกระดานสีขาวด้วยปากกาไวท์บอร์ดสีแดงสด
“ เอาละทุกคนอยู่กันครบใช่มั้ย ”
สมาชิกในหน่วยมองไปยังต้นตอของเสียงที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี “ ครับท่านรอง ”
“ ผมรู้ว่าทุกคนกำลังยุ่งๆ นะ แต่ว่าผมอยากให้พวกคุณทำความรู้จักกันก่อน จะได้ทำงานกันง่ายขึ้น ” รองผู้บัญชาการผายมือเรียกให้ชายหนุ่มเดินมายืนข้างกาย “ นี่คือสารวัตรชลฌอน กิตติระกุล หัวหน้าหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษคนใหม่ของพวกคุณนะ ”
“ ครับ ผมสารวัตรชลฌอนยินดีที่ได้ร่วมงานกับพวกคุณนะครับ ”
คนร่างสูงทอดสายตามองสมาชิกทุกคนในหน่วยก่อนที่จะสบตาเข้ากับคนตรงข้ามซึ่งยืนมองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ และที่สำคัญดูเหมือนอีกคนจะไม่ค่อยยินดีต้อนรับเขามากนัก
“ ผมหมวดกันนะครับ ”
ชลฌอนมองชายหนุ่มที่ดูอายุน้อยกว่าตนเองแนะนำตัวแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ ดิฉัน หมวดเอริน ค่ะ ยินดีต้อนรับสารวัตรนะคะ ”
หญิงสาวหน้าตาค่อนไปทางลูกครึ่งแนะนำตัวเองเสียงสดใสพร้อมกับรอยยิ้มไร้เดียงสาสมวัย หญิงสาวคนนี้ก็ดูว่าจะอายุน้อยกว่าชลฌอนเหมือนกัน
“ ผม จ่าพายุ นะครับเป็นน้องเล็กในหน่วยครับ ”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงดังฉะฉานทำเอาคนเป็นสารวัตรอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มให้กับท่าทางกระตือรือร้นของตำรวจหนุ่มไฟแรง
เหลือเพียงคนเดียวในหน่วยที่ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมแนะนำตนเอง จนหมวดกันต้องใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างเรียกสติรุ่นพี่ แต่ผู้กองน่านน้ำกลับไม่คิดที่จะสนใจพิธีรีตองเหล่านี้ แถมยังเดินหนีออกไปจากห้องอย่างไร้สาเหตุ
ทั้งนี้จึงได้สร้างความงงงวยให้กับทุกคนภายในห้อง
“ เอ่อ เดี๋ยวผมคุยกับ ผู้กองน่านน้ำ เอง ” ท่านรองพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศแสนอึดอัดในห้องนี้ลง
ชลฌอนมองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนจนประตูห้องได้ปิดลงสนิทในที่สุด ร่างสูงไม่ได้ไม่พอใจกับการแสดงพฤติกรรมของผู้กองน่านน้ำ เพียงแต่เขากำลังสงสัยว่าทำไมผู้กองถึงได้มองเขาด้วยสายตาแบบนั้นกัน
...เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ามันเป็นสายตาที่เกลียดชัง
ผิดจากชลฌอนที่รู้สึกคุ้นหน้าคร่าตาผู้กองน่านน้ำอยู่ฝ่ายเดียว
ทางด้านของน่านน้ำที่ได้สร้างบรรยากาศอึมครึมทิ้งไว้ภายในห้องได้ผล เขาได้ยืนประจันหน้ากับท่านรองผู้บัญชาการที่มีศักดิ์เป็นพ่อแท้ๆ ของเขา
ศิวัตรมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเข้าใจความรู้สึกของลูกชายเป็นอย่างดี คนอายุมากกุมมือชายหนุ่มเอาไว้ในอุ้งมือ พลันพยายามอธิบายทุกอย่างให้คนเป็นลูกได้เข้าใจสิ่งที่เขากระทำอยู่ ณ ตอนนี้
“ น่านขอถามในฐานะลูกชายของพ่อนะครับ ” น่านน้ำมองหน้าคนอายุมากกว่าครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ เขาคือชลฌอน กิตติระสกุล ลูกชายของไอ้สารเลวคนนั้น ”
“ ใช่ ” ศิวัตรตอบลูกชายอย่างตรงไปตรงมา “ แต่ลูกกำลังเข้าใจผิดนะน่านน้ำทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกคิดเลย ”
“ พ่อก็อธิบายให้น่านเข้าใจสิมันยากตรงไหนวะ ” น่านน้ำสะบัดมือผู้เป็นบิดาออกสุดแรง “ พ่อบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่น่านคิดแล้วน่านต้องคิดยังไง พ่อพาลูกชายคนที่ฆ่าแม่มาอยู่ในทีมผม ทั้งที่พ่อก็รู้ว่าผมเกลียดพวกมัน พ่อตอบน่านสิ พ่อเงียบทำไม! ”
ศิวัตรหลับตาลงปิดกั้นแววตาที่วูบไหวของตนเองไม่ให้ลูกชายได้เห็น เขารู้ว่าที่ทำอยู่มันอาจจะดูใจร้ายกับน่านน้ำไปบ้าง แต่ศิวัตรอยากให้ทุกอย่างมันดีขึ้น เพราะเขายังคงรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่มองไปยังใบหน้าของชลฌอน ไม่ว่าอยากจะพูดทุกอย่างออกมามากแค่ไหน แต่เขาก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะอธิบายความจริงให้ลูกชายฟัง เขามันขี้ขลาดจริงๆ
...ขี้ขลาดทั้งในอดีตและตอนนี้
“ สารวัตรครับ ”
“ ครับหมวดกัน ”
“ คนที่เดินออกไปเมื่อกี้คือผู้กองน่านน้ำนะครับ ” กันยิ้มแห้งๆ หลังจากที่อีกคนยืนนิ่งเงียบไม่ขานรับอะไรกลับมา “ เอ่อ สารวัตรครับ ”
“ ว่าไงครับ ”
“ เรียกแค่ชื่อพวกเราเฉยๆ ก็ได้นะครับ ”
สารวัตรหนุ่มพยักหน้าเป็นการรับทราบแล้วตอบกลับลูกน้องไปว่า “ พวกคุณก็เรียกผมว่าพี่แล้วกันเพราะในทีมผมน่าจะอายุมากที่สุด ”
“ ได้ครับ! ”
เมื่อไม่มีบทสนทนาอะไรต่อทุกคนจึงกลับไปทำงานของตัวเองเช่นเคย ชลฌอนเองก็กลับมายืนวิเคราะห์คดีที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าอีกครั้ง
...ศพที่พบโดนทรมานก่อนจะถูกฆ่าตายด้วยการรัดคอ เเถมตามร่างกายของศพยังมีรอยถูกทำร้ายร่างกาย ฆาตกรมีเเรงจูงใจอะไรที่จะฆ่าเหยื่อกันนะ เป็นเรื่องชู้สาวอย่างงั้นหรอ หรือเป็นการฆ่าโดยไม่เลือกเป้าหมาย ถ้าดูจากลักษณะการตายฆาตกรน่าจะมีความเเค้นกับเหยื่อ ถึงได้ทรมานเหยื่อก่อนจะฆ่าให้ตาย แต่ถ้าไม่ใช่ความเเค้นส่วนตัวอาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายมีปมเกี่ยวกับผู้หญิง
“ พายุลองหารายชื่อคนที่เคยมีคดีทำร้ายร่างกายผู้หญิง ข่มขืน อนาจาร ต้องเป็นคนเดียวที่มีทั้งสามคดีนี้นะ ”
“ ได้ครับ ” พายุตอบ
...ทำไมคนร้ายถึงเอาศพมาทิ้งให้คนเห็น จริงๆ เเล้วมันต้องการให้ตำรวจเล่นเกมกับมันเพื่อความสนุก หรือว่าที่มันเอาศพออกมาทิ้งเพราะมั่นใจกับการฆ่าของตัวเองมากๆ จนคิดว่าจะไม่มีหลักฐานมาเอาผิดมันได้ เป็นข้อสันนิษฐานไหนกันเเน่ อย่างเเรก หรืออย่างสุดท้าย เเล้วถ้าหากว่าเป็นอย่างสุดท้ายศพนี้คงไม่ใช่ศพเเรกอย่างแน่นอน
ชลฌอนเบิกตากว้างกับความคิดของตนเองเเล้วหันไปเพิ่มคำสั่งให้พายุเป็นอย่างที่สอง
“ พายุหารายชื่อศพที่มีลักษณะการตายคล้ายกับรายนี้หน่อย เเละหารายชื่อผู้หญิงที่ถูกแจ้งว่าสูญหายที่มีความคล้ายคลึงกันกับผู้ตาย ”
พายุเอียงคอมองด้วยความสงสัย “ คล้ายกันหรอครับ ”
“ อย่างเช่นอาชีพที่ทำ สถานที่ที่ชอบไป หาความคล้ายๆ กันน่ะเข้าใจอยู่ใช่ไหม ” ชลฌอนอธิบายอย่างใจเย็นเพื่อให้รุ่นน้องได้ทำความเข้าใจได้ถี่ถ้วน
“ ครับ ” จ่ารุ่นน้องเอ่ยตอบ
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาด้านในตามด้วยร่างกายสูงโปร่งของผู้กองน่านน้ำ สีหน้าของเขาเเสดงถึงความขุ่นมัวโดยไม่คิดจะปิดบัง
สาเหตุที่ทำให้ผู้กองในทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องอารมณ์เสียแบบนี้ นั่นก็เพราะเขาไม่เข้าใจท่านรองผู้บัญชาการผู้เป็นพ่อ ว่าทำไมถึงได้เอาลูกชายฆาตกรมาทำงานในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ ลูกของฆาตกรที่ฆ่าเมียของพ่อ ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของเขา
ขึ้นชื่อว่าลูกของฆาตกรมีหรือที่เชื้อฆาตกรจะไม่ถ่ายทอดมาตามสายเลือด ศิวัตรกำลังคิดจะทำอะไร
เเล้วนายชลฌอนคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันเเน่...น่านน้ำคิด
“ คุณมากับผม ”
ผู้กองน่านน้ำคว้าข้อมือคนที่มียศเป็นหัวหน้าเเล้วพาอีกคนเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของสำนักงาน
ชลฌอนหรี่ตามองคนตรงหน้าเล็กน้อย ที่จริงเขาจะปฏิเสธอีกฝ่ายไปก็ได้เเต่เขาเลือกที่จะยอมโดนลากออกมาเพราะร่างสูงเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้กองน่านน้ำจะพูดอะไร
“ คุณต้องการอะไรจากพ่อผม ” มือบางบีบข้อมือคนตรงหน้าเเรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว “ มาอยู่หน่วยเราทำไม ”
ดวงตาคมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ คุณกลัวอะไรอยู่ผู้กอง ”
“ คุณจะมาเเก้เเค้นครอบครัวผมเเทนพ่อคุณรึไง จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย ฆาตกรคนนั้นคือพ่อเเท้ๆ ของคุณ คุณมันลูกฆาตกร โอ้ย! ”
ชลฌอนกระชากต้นเเขนคนที่ก่นด่าบิดาของตนเองเข้าหาตัวด้วยความโกรธถึงขีดสุด
จากที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอีกคนจะทำตัวงี่เง่าอย่างไรร่างหนาก็ไม่เคยถือสา เเต่ครั้งนี้น่านน้ำพูดเเทงใจดำกันเกินไปเเล้ว เเละเขาจะไม่ทนมันอีกต่อไป อีกฝ่ายจะว่าอะไรเขาย่อมไม่คิดเอาความ แต่อย่าลามปามถึงพ่อของเขาทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยเข้าใจ หรือรู้เรื่องอะไรเลย
“ คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง ”
ลำเเขนที่เล็กกว่าถูกบีบแน่นอย่างรุนเเรงจนคนที่ถูกกระทำเเทบเก็บอาการเจ็บไว้ไม่อยู่ น่านน้ำพยายามบิดเเขนตัวเองออกจากการรัดกุมของชลฌอนเเต่ทำอย่างไรเขาก็สู้เเรงผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้แม้แต่น้อย
“ ผมเจ็บ ”
แววตาดุดันราวกับมัจจุราชเเปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงโอดครวญจากคนตัวบาง ฌอนเลื่อนสายตาไปมองที่เเขนของน่านน้ำก่อนที่จะผ่อนเเรงลง เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าออกเเรงมากเกินไปจนทำให้เเขนผู้กองน่านช้ำได้ถึงขนาดนั้น
...เเต่ที่เเน่ๆ เขาไม่เคยอยากทำร้ายน่านน้ำและครอบครัวเลย ถึงเเม้เขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกฆาตกรก็ตาม
เเรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเรียกสติของสารวัตรหนุ่มให้กลับมาสู่คดีอีกครั้งเมื่อรายชื่อคนที่โทรมาคือหมอจากหน่วยนิติเวช
“ ครับ ”
“ สาเหตุการเสียชีวิตคือขาดอากาศหายใจโดยใช้เชือก ผมตรวจดูร่องรอยตามร่างกายศพพบว่าผู้ตายถูกข่มขืนในช่องคลอดของเธอพบคราบอสุจิผู้ชายด้วยคิดว่าคนร้ายมีมากกว่าสี่รายครับ แต่ที่ร้ายแรงคืออวัยวะเพศของเธอฉีกขาดอย่างรุนแรง บาดเเผลบนใบหน้ามีมาก่อนที่เธอจะตายประมาณสามถึงสี่วันได้ มีความเป็นไปได้ว่าขณะที่เหยื่อถูดรัดคอคนร้ายได้ทำการข่มขืนซ้ำๆ ผมว่าอาจเป็นการพลั้งมือฆ่าก็ได้นะครับ ”
ชลฌอนเงียบไปสักพักใหญ่เขายังคงตกใจกับผลชันสูตรที่ได้ ไม่คิดว่าผู้ตายจะถูกรุมข่มขืนและถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมเเบบนี้
“ ครับ เเล้วดีเอ็นเอคนที่ข่มขืนเหยื่อละครับ ”
“ ตอนนี้ส่งไปที่เเล็บเเล้วครับผลน่าจะได้เร็วๆ นี้ ”
“ ขอบคุณนะครับหมอ ”
ชลฌอนกดวางสายจากหน่วยนิติเวช โทรศัพท์เครื่องหรูถูกเคาะลงกลางฝ่ามือพลางใช้ความคิดกับการเสียชีวิตของเหยื่อที่ถูกทารุนกรรมจนถึงแก่ชีวิต
...พลั้งมือฆ่าอย่างงั้นหรือ
น่านน้ำไม่ได้สนใจท่าทางของสารวัตรชลฌอนเท่าไหร่นัก เขาปล่อยให้อีกฝ่ายยืนใช้ความคิดอยู่อย่างนั้นแล้วตัวเองได้เดินหนีลงบันไดกลับไปยังห้องทำงาน จริงอยู่ว่าร่างบางมีอคติกับหัวหน้าทีมตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากเอาความรู้สึกส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องงาน อีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบ
ผู้กองหนุ่มเบนสายตาไปทางกระดานไวท์บอร์ด เสี้ยวลมหายใจนั้นเขาก็ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่ถูกแปะหราอยู่ด้านบน
“ อ้าว หัวหน้ามาพอดีเลยครับ ”
เป็นจ่าพายุที่พูดขึ้นทำลายความคิดของผู้กองน่านน้ำที่ยังคงยืนมองกระดานตรงหน้าไม่ยอมขยับไปไหน
“ ได้ข้อมูลหรือยัง ”
สารวัตรถามน้องเล็กของทีมขึ้น เขาเดินเข้าไปยืนแนบข้างกายผู้กองน่านน้ำก่อนที่จะอธิบายผลชันสูตรให้ทุกคนในทีมได้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงการวิเคราะห์คดีของเขาก่อนหน้านี้ พอทุกคนได้ฟังการวิเคราะห์นั้นต่างก็พากันนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว
เพราะถ้าคดีนี้เป็นไปตามที่หัวหน้าทีมวิเคราะห์ คดีนี้จะกลายเป็นฆาตกรรมต่อเนื่องแทนที่จะเป็นแค่คดีฆ่าข่มขืนธรรมดา
------------------------------------------
สวัสดีค่ะ เตะฝุ่น พึ่งลงที่นี่ครั้งเเรก
ฝากเอ็นดูนามปากกา เตะฝุ่น ด้วยนะคะ
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ บุ้ยๆๆๆ