เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”
สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย,ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฆ่า | ซ่อน | อดีตเมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”
เท้าของผู้กองน่านน้ำลอยขึ้นจากพื้นเพราะโดนคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังใช้เเขนเกี่ยวเอวบางให้ถอยห่างจากลิฟต์อย่างเเรง จนกระทั่งคนที่มีเรี่ยวเเรงน้อยกว่าเสียหลักไปกระเเทกเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน สายตาเเข็งกระด้างมองชลฌอนด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดขีด
“ ผมถามว่าคุณเข้ามาทำอะไร ” ชลฌอนกดน้ำเสียงให้ต่ำลง
ผู้กองหนุ่มหลบสายตา “ ก็ผมหาห้องน้ำไม่เจอ ”
ชลฌอนเอียงหน้ามองคนที่ไม่ยอมพูดความจริง อีกฝ่ายบอกว่าหาห้องน้ำไม่เจอ มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อห้องน้ำอยู่หน้าบันไดนี่เอง คนรูปร่างสูงโปร่งรู้ตัวว่าคำโกหกของตัวเองมันฟังไม่ขึ้นก็ได้เเต่หันหน้าหนีเเละเบนสายตาไปทางอื่น
ในเมื่อไม่ยอมเปิดปากพูด ร่างสูงกำยำของสารวัตรชลฌอนก็ได้พยายามเดินต้อนคนตัวเล็กกว่าให้ถอยกรูดไปติดกับขอบโต๊ะ ใบหน้าจืดชืดของน่านน้ำมีอาการตกตะลึงเล็กน้อยพร้อมกับใช้มือดันหน้าอกอีกคนเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม เเต่ยิ่งดันออกมากเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ยิ่งเทน้ำหนักตัวทับลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ตัวของผู้กองหนุ่มเเทบจะนอนราบไปกับโต๊ะ
ชลฌอนหรี่ตามองคนหมดหนทางสู้ เท้าเเขนกักขังคนตรงหน้าก่อนจะยกยิ้ม “ หึ ”
ใช่ว่าชลฌอนจะไม่รู้ว่าอีกคนต้องการทำอะไร เพียงเเต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่น่านน้ำจำเป็นต้องรู้
“ สารวัตร! พี่ครับ! ไม่มีคนอยู่หรอ ” เสียงจ่าพายุตะโกนเรียกจากชั้นล่าง
“ เเต่กับข้าวยังร้อนๆ อยู่เลย ”
“ น่ากินมากด้วยสารวัตรทำหรอ ”
“ ก็ต้องเป็นเเบบนั้นอยู่แล้ว พี่น่านทำอาหารเป็นที่ไหน แค่ทำไข่เจียวยังไหม้เลย ” หมวดกันป้องปากพูดกับเพื่อนสนิท
เจ้าของชื่อที่อยู่ในบทสนทนามีอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย เขาอยากจะลงไปเขกกระบาลคนที่พูดออกมาให้หัวเเบะจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากำลังมีคิงคองตัวโตอย่างชลฌอนยืนจ้องเขาอยู่ ร่างสูงไล่สายตาสำรวจดวงหน้าหล่อเหลาของผู้กองน่านน้ำครู่ใหญ่ หลังจากนั้นชลฌอนได้ผละออกจากการใช้ร่างกายไล่ต้อนคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะดึงเเขนน่านน้ำออกมาจากห้องทำงาน
ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวปานลูกลิงดังขึ้นมาจากชั้นล่าง ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าเสียงนั้นเป็นของใคร เพราะมีเเค่หมวดกันกับจ่าพายุเท่านั้นที่จะเรียกคนตัวบางว่าพี่
“ นี่เสื้อผ้า มันอาจจะตัวใหญ่ไปนิดนึงเเต่ผมหาตัวเล็กสุดมาได้เเค่นี้เเหละ อาบน้ำเเล้วรีบตามลงมา อย่าดื้ออีก ถือว่าผมเตือนคุณเเล้วนะ ”
เจ้าของบ้านเดินลงบันไดลงมาข้างล่าง ถึงตัวจะอยู่ชั้นล่างแต่ในเวลาเดียวกันที่ก้าวขาเดินลงบันไดหูของเขายังคงได้ยินเสียงบ่นไล่ตามหลังลงมาตลอดทาง ร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นคนอายุมากกว่าลงมาจากชั้นสองต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม
“ สารวัตรทำอาหารเองหมดนี่เลยหรอ ” หมวดกันถามขึ้น
ชลฌอนพยักหน้ายิ้มสุขุม “ อืม ไม่รู้ว่าจะถูกปากทุกคนมั้ยนะ ”
“ ถูกแน่นอนครับ ” พายุกล่าวเสริม
“ เออ แล้วพี่น่านไปไหนครับผมเห็นพี่น่านออกมากับสารวัตรไม่ใช่หรอ ” ผู้หมวดหนุ่มถามพร้อมกับทำท่าชะเง้อมองหาพี่ชาย
เจ้าของบ้านพยักพเยิดหน้าไปทางบันไดบ้าน “ พี่นายอาบน้ำอยู่ข้างบน ”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากสารวัตรเด็กหนุ่มทั้งสองคนต่างก็พากันมองหน้ากันเหมือนไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ทันใดนั้นชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดลำลองขนาดไซส์ใหญ่กว่าตัวของเขาเล็กน้อย ก็ได้เดินลงมาถึงข้างล่างพอดิบพอดี ทันใดนั้นเองคำถามต่างๆ นาๆ ที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนสงสัยจึงได้มลายหายไปทันที แต่นั่นก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสองคนเป็นอย่างมากเช่นกัน
จ่าพายุที่เห็นหมวดกันยังคงยืนอ้างปากค้างเเถมยังมองหน้าพี่น่านน้ำตาไม่กระพริบ เด็กหนุ่มจึงเเกล้งโดยใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในโพรงปากของรุ่นพี่ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ
หลังจากที่เล่นสนุกกันมาพอสมควรทั้งสี่คนจึงเดินออกมานั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนตรงบริเวณหน้าบ้านเพื่อรอสมาชิกคนสุดท้ายอย่างผู้หมวดสาวเอริน
“ ทุกคนนั่งไปก่อนนะเดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้ ” เจ้าของบ้านเอ่ย
“ เดี๋ยวผมช่วยครับ ” ว่าจบหมวดกันจึงได้รีบวิ่งตามหลังสารวัตรไป
“ ถามมาเถอะ ” ชลฌอนพูดพลางตักอาหารจากหม้อใส่ในภาชนะ เมื่อไม่มีเสียงเด็กหนุ่มโต้ตอบเขาจึงพูดขึ้นอีกว่า “ คุณมีเรื่องอยากคุยกับผมไม่ใช่หรือไง ”
กันมีท่าทีชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดสิ่งที่อยู่ภายในใจออกไป “ ผมไม่รู้นะครับว่าสารวัตรกับพี่น่านเคยมีปัญหาอะไรกันมามั้ย แต่ผมเชื่อว่าสารวัตรไม่ใช่คนเลวอะไร ”
“ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ใช่คนเลว ” ชลฌอนคลี่รอยยิ้มให้เด็กหนุ่ม “ ผมไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิดหรอก ”
หมวดกันได้แต่มองตามแผ่นหลังอันกว้างค่อยๆ เดินออกไปเรื่อยๆ บทสนทนาระหว่างสองหนุ่มจบลงเพียงเท่านั้น
แม้ว่าสารวัตรจะบอกว่าตนเองไม่ใช่คนดี แต่จากที่กันได้ร่วมงานกับชลฌอนตั้งเเต่ครั้งแรกทำให้เขารู้สึกประทับใจสารวัตรคนนี้เป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่นายตำรวจเก่งๆ มีมากมายถมเถไป แต่จะหาตำรวจที่จริงใจกับเหยื่อได้จากที่ไหน
เเละตั้งแต่ที่หมวดกันทำงานเป็นตำรวจมาหลายปีเขาเห็นอยู่เพียงสองคนเท่านั้น คือผู้กองน่านน้ำ กับสารวัตรชลฌอน
แน่นอนว่าการดื่มฉลองของคนวัยทำงานย่อมมีการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องธรรมดา พวกเขาดื่มกันด้วยความสนุกสนาน มีบทสนทนาให้ขำขันกันเป็นระยะ บทสนทนาส่วนมากจะเกี่ยวกับคดีที่พึ่งปิดไปวันนี้ เหล่ารุ่นน้องในทีมต่างพากันสงสัยว่าอะไรทำให้นายกรกล้าที่จะลงมือฆ่าเหยื่ออย่างเหี้ยมโหดขนาดนั้น ซึ่งคนที่ตอบข้อสงสัยให้กับพวกรุ่นน้องทั้งสองคนนั้นก็คือสารวัตรชฌอน
สารวัตรได้ให้คำตอบกับทุกคนว่า สิ่งที่ทำให้กรต้องเติบโตมาเป็นผู้ชายที่จิตใจเหี้ยมโหดเช่นนี้ เพราะเขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว เเถมถูกล้อเลียนตั้งเเต่เด็ก จนทำให้เขากลายเป็นคนมีปม เเละปมนั้นมันถูกตอกย้ำปักใจเขาทุกครั้งเมื่อเห็นพวกผู้หญิงที่ทำงานคล้ายกับมารดา เรื่องที่ทำให้นายกรลงมือทรมานเหยื่อก่อนฆ่าให้ตาย ก็เพราะเขาต้องการระบายความเจ็บปวดที่เคยได้รับ ยิ่งกว่านั้นอาชีพที่แม่ของเขาทำนั้นส่งผลให้นายกรมีอคติกับผู้หญิงขายบริการทุกคน เหยื่อที่เขาเพ่งเล็งจึงเป็นหญิงสาวที่ทำอาชีพขายบริการโดยส่วนใหญ่ เเละร่างสูงคาดเดาว่าในช่วงเวลาที่นายกรกระทำกับเหยื่อมันอาจจะทำให้กรคิดว่าผู้หญิงเหล่านั้นเหมือนแม่ของตัวเอง
พออธิบายให้หมวดกันและจ่าพายุได้ฟังจนจบชลฌอนก็ยกแก้วน้ำสีน้ำตาลเข้มขึ้นดื่ม
“ ว่าแต่ ทำไมหมวดเอรินยังไม่มาอีกนะ ” น่านน้ำพูดขึ้น ทำให้ทุกคนเริ่มนึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้วหมวดเอรินควรจะถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ
“ นี่ไงพี่เอรินโทรมาพอดี ” พายุยกมือถือขึ้นมาวางไว้กลางโต๊ะหินอ่อนแล้วเปิดสปิกเกอร์โฟนให้พี่ๆ ได้ฟังไปพร้อมกัน “ ถึงไหนแล้วพี่ริน ”
“ พายุช่วย! ”
เสียงผู้หญิงขาดช่วงไปดังออกมาจากลำโพงมือถือสร้างความตกใจให้กับทั้งสี่คนเอามากๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงเเผดร้องของเอริน ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มประโยค แต่นายตำรวจทั้งสี่นายก็สามารถคาดการณ์ได้ต่อว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้หมวดเอรินอย่างแน่นอน พายุพยายามที่จะตอบกลับพี่สาวไปอีกครั้ง
“ พี่ริน! ” เขายังพูดไม่เต็มประโยคด้วยซ้ำ สายของเอรินก็ถูกตัดไปในที่สุด
พายุมองหน้ารุ่นพี่หน้าตาตื่น ผู้กองน่านน้ำที่ได้ยินทุกอย่างยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปหยิบซองปืนของตนเองที่ถอดเอาไว้กับชุดตัวเก่าภายในบ้าน จ่าพายุ หมวดกัน รีบพากันวิ่งไปที่รถยนต์ ส่วนชลฌอนได้วิ่งเข้าไปเอาปืนพร้อมกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ร่างสูงคิดว่าในสถานการณ์เเบบนี้การใช้รถมอเตอร์ไซค์น่าจะสะดวกและรวดเร็วกว่า หลังจากที่เช็คปืนในมือเรียบร้อยชลฌอนก็เหน็บมันไว้ข้างเอวเเล้วตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว
“ มากับผมน่านน้ำ ”
ร่างสูงโปร่งหันไปหาคนที่นั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์อยู่ก่อนแล้ว น่านน้ำไม่ได้ให้คำตอบอะไร เขาเพียงแค่เดินไปหาคนอีกคนก่อนจะยื่นมือรับหมวกกันน็อคเข้ามาสวมใส่อย่างว่าง่ายเพราะตัวเขาเองก็คิดไม่ต่างจากชลฌอน ว่าระหว่างรถยนต์กับรถมอเตอร์ไซค์ยังไงมอเตอร์ไซค์ก็ดูเข้าท่ากับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด
รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปจอดเเนบข้างรถยนต์สี่ประตูที่หมวดกันกับจ่าพายุนั่งอยู่
“ ผมกับผู้กองจะไปเส้นทางหลัก คุณสองคนไปอีกทางมีอะไรผิดปกติให้แจ้งผมทันที อย่าลุยเดี่ยวเด็ดขาดไม่ว่าคนร้ายจะมีกี่คน ระวังตัวด้วยพายุ กัน ” ชลฌอนออกคำสั่งเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองคนพยักหน้าตอบเขาจึงค่อยออกรถไปตามทางที่วางแผนไว้
สารวัตรขับรถไปตามทางสายหลักที่จะสามารถเข้ามาหาบ้านของเขา ซอยเข้าบ้านของชลฌอนค่อนข้างเปลี่ยว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าหมวดเอรินอาจจะถูกคนขี้เมาแถวนี้ทำร้ายได้ ขณะขับรถไปเรื่อยๆ ตำรวจสองนายต่างพากันมองดูรอบๆ เช่นกันเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ จนกระทั่งน่านน้ำบังเอิญหันไปเห็นสิ่งของบางอย่างที่ทิ้งอยู่บนถนนมือบางจึงรีบสะกิดไหล่คนขับให้หยุดรถชั่วคราว
“ มีอะไรรึเปล่า ” ชลฌอนเดินตามอีกคนไปตรงบริเวณริมทางฝั่งตรงข้ามก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนร่างบาง “ นี่มัน ”
น่านน้ำก้มมองเครื่องสื่อสารที่ถืออยู่ “ มือถือของเอริน ”
ชั่วลมหายใจเสียงกรีดร้องก็ได้ดังขึ้นไม่ไกลจากตรงที่เขาทั้งสองคนยืนอยู่ น่านน้ำกับชลฌอนจึงตัดสินใจวิ่งตามเสียงหวีดร้องของหญิงสาวไปอย่างไม่คิดชีวิต เส้นทางรกร้างของป่าหญ้าข้างทางเผยให้เห็นเป็นรอยยาว ราวกับว่ามีคนลากวัตถุที่มีน้ำหนักมากเข้าไปด้านในจนกลายเป็นทาง
“ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้ ”
ผู้กองน่านน้ำเล็งกระบอกปืนไปหาเงาตะคุ่มสีดำคล้ายรูปร่างมนุษย์กำลังยกค้อนทุบตีวัตถุบางอย่างอยู่ไม่ไกล
ทันทีที่บุคคลคนนั้นรู้ว่ามีคนเข้ามาพบเห็นตัวเองกำลังกระทำความผิด ชายปริศนาชุดสีดำสนิททั้งตัวก็ได้วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งวัตถุลักษณะคล้ายกับมนุษย์นอนเเน่นิ่งกองอยู่ตรงนั้น ชลฌอนที่เห็นอย่างนั้นจึงวิ่งไล่ตามคนร้ายไปในทันที
ผู้กองน่านน้ำรีบพุ่งตัวเข้าไปหาผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออย่างรวดเร็วเเละทันใดนั้นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
“ หมวดริน! ” ร่างโปร่งช้อนเเขนใต้ร่างผู้หมวดเอรินก่อนที่เขาจะอุ้มหญิงสาวออกมาจากพงหญ้า “ หมวดเอรินได้ยินผมมั้ย ”
หลังจากที่ผู้กองหนุ่มช่วยเหลือรุ่นน้องออกมาได้สำเร็จเขาจึงโทรเเจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับขอรถฉุกเฉินให้มายังที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เพียงไม่นานตำรวจเเละรถพยาบาลก็มาถึง หมวดกันเเละพายุที่ได้รับสายจากรุ่นพี่ก็ตามมายังที่เกิดเหตุเช่นกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสตรงบริเวณศีรษะ เนื่องจากการถูกของเเข็งทุบที่หัวอย่างรุนเเรง เมื่อหน่วยเเพทย์มาถึงเธอก็ได้ถูกพาตัวไปส่งโรงพยาบาลในทันที
น่านน้ำพลันนึกขึ้นได้ว่าคนที่มากับตนเองวิ่งไล่ตามคนร้ายเข้าไปในพงหญ้า จึงได้สั่งให้หมวดกันเเละจ่าพายุตรวจสอบที่เกิดเหตุให้ละเอียดหลังจากนั้นให้ทั้งสองตามไปดูอาการผู้หมวดเอรินที่โรงพยาบาล ส่วนตัวเขาจะต้องตามไปช่วยสารวัตรชลฌอน
ทางด้านของสารวัตรชลฌอนที่วิ่งไล่ตามคนร้ายจนมาถึงโรงงานร้างท้ายซอย มือใหญ่ส่องวงไฟฉายไปทั่วบริเวณรอบนอก เขาไม่เเน่ใจว่าคนร้ายจะอยู่ข้างในหรือไม่ เเต่ยังไงคิดว่าควรเข้าไปตรวจดูเสียก่อน ร่างสูงดึงปืนออกจากซองก่อนจะใช้เท้าถีบประตูโรงงานให้เปิดออก เเต่ทว่าสิ่งที่เขาเห็นกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่ามืดสลัว ข้างในมีเเค่เศษซากที่ทรุดโทรมของโรงงานเท่านั้น
เเกรก!
เเต่ทว่าท่ามกลางความเงียบก็ได้มีเสียงไม้หักดังมาจากข้างๆ กองไม้ในโรงงานทำให้ชลฌอนต้องหันไปมองยังต้นตอของเสียง เเละเเล้วร่างสูงก็ได้เห็นเงาผู้ชายสีดำทมิฬที่อยู่ภายใต้ความมืด เสี้ยวลมหายใจนั้นสารวัตรชลฌอนก็พุ่งตัวเข้าชาร์จคนร้ายอย่างรวดเร็ว เเต่ทว่าอีกฝ่ายกลับขัดขืนไม่ยอมให้จับง่ายๆ จึงทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คนร้ายพยายามฟาดท่อนไม้ใส่นายตำรวจหนุ่ม เเต่ชลฌอนเอี้ยวตัวหลบได้ทันอย่างพอดิบพอดี
“ ว้าว ไม่ยอมให้จับง่ายๆ ด้วยเเฮะ ” ชลฌอนพูดพร้อมกับถกเเขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงข้อศอก “ ได้ กูจัดให้ ”
“ มึงเข้ามาเเส่ทำห่าอะไรวะ ”
“ อย่าพูดมากไอ้สัตว์ จะเข้าก็เข้ามากูรีบ ” ตำรวจหนุ่มกวักมือเรียกฝ่ายตรงข้าม
ในเมื่อเรียกเเล้วไม่มาชลฌอนจึงกลายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ฝ่าเท้ายาวถีบเข้ากลางหน้าอกชายชุดดำจนอีกฝ่ายล้มหงายหลังกระเเทกกองไม้ล้มระเนระนาด ก่อนที่เขาจะกระชากคอเสื้อผู้ชายตรงหน้าเเละทำการปล่อยหมัดต่อยเข้าที่หน้าศัตรูเต็มเเรงจนกระทั่งอีกฝ่ายเลือดกลบปาก
“ ผะ ผมยอมเเล้วพี่ๆ ”
ชายไม่รู้ชื่อยกมือขึ้นไหว้ร้องขอชีวิตหวังว่าผู้ชายร่างสูงคนนี้จะหยุดทำร้ายตนเอง ซึ่งคนเป็นสารวัตรก็หยุดให้ตามคำขอ เขาเปลี่ยนจากการดึงรั้งคอเสื้ออีกฝ่ายเป็นการลากฉุดกระชากให้มานั่งพิงเสาปูนกลางโรงงานเเทน ก่อนที่เขาจะนั่งยองลงข้างๆ เพื่อสบตากับคนร้าย
เเววตาไม่มีความหวั่นเกรงจ้องหน้าคนโดนซ้อมไม่ละสายตา
“ มึงเมายาหรอ ” ชลฌอนถามเสียงเเข็ง
“ เปล่าครับๆ ” ชายนิรนามสั่นศรีษะระรัว
“ สารวัตร! ”
ร่างสูงหันไปมองตามเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง ชลฌอนเห็นว่าผู้กองน่านน้ำกำลังเดินเข้ามาหาจึงได้ลุกขึ้นยืนรออีกคนก่อนจะถามถึงเหยื่อที่ถูกทำร้าย เมื่อคนตรงหน้าบอกว่าเอรินได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเเล้วเรียบร้อยร่างหนาจึงกลับมาเค้นถามชายชุดดำอีกครั้ง
“ เเล้วมึงทำไปทำไม ” สารวัตรกระชากผมอีกฝ่ายให้เงยหน้าสบตา
“ โอ้ย! คือ คือว่าผมเห็นในเน็ต ” ชายคนนั้นตอบเสียงสั่น
“ เห็นในเน็ตหรอ ” น่านน้ำพูดขึ้นเชิงคำถาม
“ ครับ คือว่าวันก่อนผมเห็นข่าวที่มีคนเอาค้อนทุบหัวคนตาย เเล้วในเว็บไซต์มันมีคนโพสต์เเจกรางวัลให้กับคนที่ฆ่าคนด้วยค้อนได้โหดที่สุดคือผมเเค่ต้องการเงินเท่านั้นเอง อึก! ”
ส้นเท้าหนักอึ้งของสารวัตรยันเข้าหน้าอกคนตรงหน้าจนคนที่โดนถีบสำลักเเละไอออกมาเพราะความจุกเเน่น
“ มึงเคยฆ่าคนมั้ย ” ชลฌอนนั่งลงข้างๆ ผู้ชายชุดดำเป็นครั้งที่สอง “ กูถามว่ามึงเคยฆ่าคนมั้ย! ”
“ ไม่ ไม่เคยครับ ”
“ หึ มึงมันอ่อนหัดเกินกว่าจะไปเลียนเเบบฆาตกรคนนั้นได้ ”
ผู้กองน่านน้ำทำได้เพียงยืนดูเหตุการณ์ ถึงเเม้ว่าในหัวของเขากำลังสับสนว่าทำไมชายชุดดำถึงได้มาเลียนแบบฆาตกรต่อเนื่องในอดีตแบบนี้ จริงอยู่ที่เหตุการณ์ครั้งนั้นเคยตกเป็นข่าวใหญ่โตระดับประเทศ แต่ฆาตกรก็ได้ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้มีการโพสต์ข้อความเเบบนั้นในเว็บไซต์ คนที่ทำต้องการให้การฆ่าในอดีตกลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีกโดยบุคคลอื่นอย่างนั้นหรือ
ถึงจะไม่เข้าใจมากแค่ไหน เเต่ตอนนี้ร่างบางรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ควรวอกแวกจากคดี ที่สำคัญในเวลานี้เขาควรจับตัวคนร้ายไปดำเนินคดีตามหน้าที่มากกว่า
“ พอเถอะสารวัตร ”
นายตำรวจยศผู้กองเดินผ่านไหล่ของคนเป็นหัวหน้าเข้าไปจับกุมคนร้ายตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนที่จะใส่กุญเเจมือเเล้วเเจ้งไปยังหน่วยงาน พวกเขานั่งรอไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเสียงรถปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้วิ่งเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้า น่านน้ำจึงส่งตัวคนก่อเหตุให้นายตำรวจจัดการต่อ เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีที่หน่วยสืบสวนพิเศษจำเป็นต้องทำ
เมื่อส่งตัวคนร้ายเสร็จสรรพคนร่างบางได้หันกลับไปมองสารวัตรที่ยังคงนั่งเหม่อลอยมาสักพักใหญ่ตั้งเเต่ได้ยินว่ามีคนโพสต์ข้อความดังกล่าวลงเว็บไซต์ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะสะกิดเรียกสติคนตรงหน้าพร้อมกับการเเสยะยิ้มเย้ยหยัน
“ คิดถึงพ่อคุณอยู่หรอสารวัตร ”
ชลฌอนที่ได้ยินเงยหน้าสบตากับคนอายุน้อยกว่าด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เขารู้ว่าน่านน้ำกำลังหมายถึงพ่อของเขาที่เคยถูกออกหมายจับในข้อหาฆาตกรรม เเละอาวุธที่ใช้ก่อเหตุคือค้อนอย่างที่คนร้ายคนเมื่อกี้ใช้ ร่างสูงกระชากคอเสื้อของน่านน้ำจนคนตัวเล็กกว่าเซจวนจะล้ม เรียกได้ว่าตอนนี้คนตัวสูงกำลังโกรธสุดขีด โกรธน่านน้ำที่เอาเเต่ว่าให้พ่อของเขา โกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ตอนนี้ตนเองเป็นตำรวจเเท้ๆ
น่านน้ำบีบที่ข้อมืออีกคน ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก่อนเขาเองก็จะไม่ทนมันเหมือนกัน ทั้งที่คนตรงหน้ารู้ดีว่าพ่อของตัวเองเป็นคนฆ่าเเม่ของเขา เเต่ชลฌอนกลับทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยสำนึกผิด เเละไม่เคยคิดจะขอโทษด้วยซ้ำ
เเววตาวาวโรจน์ด้วยโทสะจ้องมองกันอย่างไม่วางตา
“ คุณอยากรู้มากใช่มั้ยว่าในห้องนั้นมันคืออะไร ”
น่านน้ำขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ ใช่ ผมอยากรู้ว่าพ่อคุณฆ่าเเม่ผมทำไม ”
“ ได้ งั้นผมจะให้คุณดูน่านน้ำ ”
ผู้กองน่านน้ำถูกคนตัวโตกว่ากระชากเเขนให้เดินตามขึ้นไปบนชั้นสอง เเม้ว่าอารมณ์โกรธเคืองของทั้งสองจะยังไม่ลดลงเท่าไหร่ เเต่ในเมื่อต่างฝ่ายต่างอยากรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรจึงต้องยอมกลับมาที่บ้านชลฌอนด้วยกันอีกครั้ง
ฝ่ามือใหญ่ดันตู้นาฬิกาเพื่อเปิดสวิตช์ ส่วนมืออีกข้างยังคงจับข้อมือบางเอาไว้เเน่นไม่ยอมปล่อย ถึงเเม้อีกฝ่ายจะพยายามสะบัดออกเท่าไหร่ก็ตาม ร่างสูงพาอีกคนเข้ามาในลิฟต์ เมื่อตู้นาฬิกาปิดกลับเข้าที่โดยอัตโนมัติเรียบร้อยร่างสูงจึงกดปุ่มสั่งการให้ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่างช้าๆ
ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กเเคบเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่านรอบห้อง เเละโต๊ะทำงานเปล่า พร้อมกับเก้าอี้หนึ่งตัวตั้งอยู่ตรงกลางห้องโถง ชลฌอนจูงเเขนคนข้างๆ ไม่ยอมปล่อย เขาพาน่านน้ำเดินไปที่ชั้นหนังสือฝั่งซ้ายมือเเล้วดึงเอาเอกสารสำคัญออกมาให้อีกคนได้ดู
“ อะไร ” น่านน้ำเอ่ยเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นคนตรงหน้ายื่นเเฟ้มเอกสารมาให้
“ อยากรู้ไม่ใช่หรอ ” ชลฌอนตอบด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะปล่อยมือออกจากข้อมือเล็ก
ผู้กองน่านน้ำค่อยๆ ยื่นมือออกไปรับเอกสารตรงหน้าด้วยความสองจิตสองใจ เขาอยากรู้ความจริงเเต่เขาก็กลัวความจริงเช่นกัน ร่างบางชั่งใจอยู่นานหลายนาทีกว่าจะตัดสินใจเปิดเอกสารในมือดู เเต่เเล้วสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนก็บังเกิดขึ้น
เเละสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้น มันเหมือนยิ่งทำให้คนตัวบางรู้สึกไม่ยุติธรรมมากกว่าเก่ากับการสูญเสียแม่ของเขา
“ นี่มัน ” น่านน้ำเงยขึ้นสบตาผู้ชายที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ก่อนเเล้ว “ มันหมายความว่ายังไง ”
“ คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอน่านน้ำ ”
“ ผมไม่เข้าใจ ” ใบหน้าเล็กส่ายไปมา “ ทำไมถึง ”
ชลฌอนเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมขึ้น “ เมื่อยี่สิบปีก่อนพ่อของเราทำคดีนี้ด้วยกัน หลังจากนั้นเเม่ของคุณก็ตายเหมือนกับเหยื่อที่ฆาตกรเคยฆ่า พ่อผมเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้เเต่สุดท้ายพ่อกลับถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรซะเองจนเขาต้องถูกยิงตาย ”
แฟ้มเอกสารหลุดออกจากมือบาง “ เป็นไปไม่ได้ ”
“ หลังจากที่พ่อผมถูกวิสามัญคุณลุงก็ได้อุปถัมภ์ผมมาตลอด ถ้าพ่อผมฆ่าเเม่ของคุณจริงๆ ทำไมพ่อคุณถึงต้องมาส่งเสียผมละผู้กอง ”
น่านน้ำที่ได้ฟังถึงกับตัวชาวาบ ถ้าเรื่องเป็นอย่างที่สารวัตรพูดจริงๆ มีสิทธิเป็นไปได้ว่าฆาตกรตัวจริงยังคงลอยนวล ที่สำคัญมันอาจจะยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่แม่ของน่านน้ำได้จากไป
ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะยังเป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาแต่ความรู้สึกในวันที่รู้ว่ามารดาตายจากเขาไปแล้ว มันยังคงติดอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจไม่เคยจางหายเลยสักนิด
ในทุกๆ วันน่านน้ำเฝ้าแต่คิดว่า เขาอยากเห็นหน้าลูกชายของไอ้สารเลวที่ฆ่าคุณแม่ตาย จนกระทั่งวันหนึ่งคนๆ นั้นก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเขา ซึ่งคนนั้นก็คือชลฌอน กิตติระกุล หัวหน้าหน่วยคนใหม่
ที่ร่างบางต้องคอยจับตามองสารวัตรและทำตัวเหมือนขวานผ่าซากก็เพราะน่านน้ำคิดว่าชลฌอนคือลูกของฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขามาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้กองหนุ่มรู้มากลับเปลี่ยนไปคนละทิศคนละทางกับสิ่งที่เขาได้เห็น
ถึงกระนั้นน่านน้ำยังคงไม่คิดจะเชื่อเอกสารตรงหน้าของเขาทั้งหมด เพราะว่าบางทีชลฌอนอาจจะจงใจปั่นหัวเขาเล่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้เขาเปลี่ยนความคิดจากสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วก็ได้…
“ คุณคงไม่คิดว่าผมจะเชื่อตัวหนังสือพวกนี้หรอกนะ ”
ชลฌอนคิดไว้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปได้ยากมากที่คนอย่างผู้กองน่านน้ำจะปักใจเชื่อของพวกนี้ ร่างสูงจึงลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินไปคลี่เล่มหนังสือแถวในสุด ก่อนที่เขาจะเดินกลับมาหาอีกคนและยื่นเล่มสมุดบันทึกปกแข็งสีกรมเข้มให้คนตรงหน้า
ซึ่งมันคือสมุดบันทึกที่พ่อของชลฌอนทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจะถูกยิงตาย
“ นี่คือสมุดบันทึกของพ่อผมตั้งแต่เริ่มทำคดีนี้แรกๆ ”
น่านน้ำมองมันก่อนจะยอมรับสมุดไปดู “ ถ้าพ่อคุณไม่ใช่ฆาตกรแล้วใครละที่เป็นฆาตกรตัวจริง ”
ชลฌอนส่ายหน้า “ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ ”
ร่างบางขมวดคิ้ว “ พูดแบบนี้แสดงว่าคุณมีคนที่คิดว่าเป็นฆาตกรอยู่เเล้วใช่มั้ยสารวัตร ”
ชลฌอนพยักหน้าตอบ คนที่เขาคิดว่าเป็นฆาตกรตัวจริงย่อมมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าถึงคนๆ นั้นได้หรือไม่
เรียวคิ้วโค้งขมวดยุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่ออ่านไปถึงประโยคที่ถูกเขียนไว้บนสมุด ประโยคนั้นถูกเขียนเอาไว้ว่า
‘ ฆาตกรเป็นผู้ชายอายุราวสามสิบปีมักจะเลือกเยื่อที่ตัวเล็กกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เป็นไปได้ว่าคนร้ายน่าจะสูงหนึ่งร้อยเเปดสิบห้าขึ้นไปและอาจจะเป็นตำรวจ ’
น่านน้ำเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่สูงกว่า “ คุณคงไม่คิดว่าเป็นพ่อผมหรอกใช่มั้ย ”
“ ไม่ใช่คุณลุงหรอกคุณไม่ต้องคิดมาก ที่ผมให้คุณดูข้อมูลพวกนี้เพราะผมเชื่อใจคุณนะผู้กอง และอยากให้คุณเลิกโทษว่าเป็นความผิดของพ่อผมสักที คุณได้ดูหมดทุกอย่างแล้วคุณคงออกไปได้แล้วใช่ไหม ”