เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”

ฆ่า | ซ่อน | อดีต - ตอนที่ 5 คดีฆ่าเลียนเเบบ โดย REALPETER @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย,ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฆ่า | ซ่อน | อดีต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย

รายละเอียด

เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”

ผู้แต่ง

REALPETER

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 1 ศพ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 2 เบาะเเส,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 3 ฆ่า,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 4 บ้านของฆาตกร,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 5 คดีฆ่าเลียนเเบบ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 6 เหยื่อ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 7 คดีใหญ่

เนื้อหา

ตอนที่ 5 คดีฆ่าเลียนเเบบ

ร่างกายสูงโปร่งของผู้กองน่านน้ำเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในห้องทำงานด้วยความเร่งรีบ เมื่อเช้าวันนี้มีข่าวการฆาตกรรมเกิดขึ้นในย่านสลัมเเห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งคดีถูกโอนมาให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษรับผิดชอบ โดยคนรับเรื่องคือท่านรองผู้บัญชาการศิวัตรพ่อของน่านน้ำเอง บรรยากาศในห้องทำงานตึงเครียดกันเป็นอย่างมาก เพราะการกระทำเหี้ยมโหดดังกล่าวดันไปสอดคล้องกับคดีเมื่อยี่สิบกว่าปีที่เเล้วอย่างไม่ได้คาดคิด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างเเพร่หลาย ไม่ใช่เเค่ตกเป็นข่าวดังเเต่ยังถูกเบื้องบนเร่งเร้าให้ทางหน่วยสืบสวนรีบปิดคดีโดยเร็วที่สุด

“ มาเเล้วหรอพี่น่าน ” จ่าพายุวิ่งเข้าไปหารุ่นพี่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “ เมื่อเช้าในห้องประชุมสารวัตรดูเครียดมากตั้งเเต่ประชุมเสร็จพวกผมยังไม่เห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเราควรจะทำอะไรกันต่อ สารวัตรไม่เห็นออกคำสั่งอะไรเลย ”

น่านน้ำหันไปมองหน้ารุ่นน้อง “ คนที่ทำร้ายหมวดเอรินเป็นไงบ้าง ”

“ ถูกจับเข้าคุกไปเเล้วครับ ส่วนพี่เอรินตอนนี้ปลอดภัยเเล้วหมอบอกว่าพักฟื้นอีกสักสองอาทิตย์ก็กลับมาทำงานได้เเล้ว ” พายุตอบ

“ พายุ หาเว็บไซต์ที่โพสต์เเจกเงินรางวัลฆ่าโหดด้วยค้อนได้มั้ย ” ร่างบางถามเสียงเรียบ

“ ทำไมหรอครับ มีเบาะเเสอะไรเพิ่มหรอ ”

น่านน้ำส่ายหน้าเล็กน้อย “ ไม่รู้สิเเค่ตงิดใจเเปลกๆ ช่วยหาดูหน่อยนะได้เรื่องยังไงบอกพี่ด้วย ”

“ ได้ครับพี่ ” ชายหนุ่มวิ่งกลับไปนั่งประจำตำเเหน่งของตนเองก่อนที่จะเริ่มทำตามคำสั่งของผู้กอง

ส่วนหมวดกันเองก็ได้คำสั่งให้ลงพื้นที่ไปตรวจดูกล้องบริเวณรอบๆ ย่านสลัมเเห่งนั้นอีกครั้ง ตอนนี้ฆาตกรยังคงลอยนวลเนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ เเถมในย่านเเออัดเช่นนั้นก็ยังไม่มีกล้องวงจรปิดสักตัว จึงเป็นไปได้ยากว่าจะจับตัวคนร้ายได้ในเร็ววันนี้

เมื่อรับหน้าที่ออกคำสั่งเเทนตัวหัวหน้าทีมจนครบทุกคนร่างบางก็ต้องไปตามหาคนเป็นสารวัตรซึ่งตอนนี้หนีการทำหน้าที่ไปอยู่แห่งไหนก็ไม่รู้

ที่เดียวที่น่านน้ำคิดว่าอีกคนจะหนีไปหลบอยู่ได้ คือดาดฟ้าของสำนักงานเท่านั้น ร่างโปร่งจึงเดินขึ้นบันไดไปหาชลฌอนในทันที

ร่างชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกำลังนั่งมองท้องฟ้ากว้างใหญ่มีก้อนเมฆลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่เบื้องหน้า ก้านนิ้วเรียวยาวยังคงคีบบุหรี่อยู่คามือก่อนที่จะยกมันขึ้นมาดูดเเล้วค่อยๆ ปล่อยควันสีขาวขุ่นออกจากปากช้าๆ เพื่อระบายความเครียด น้อยครั้งที่ชลฌอนจะสูบบุหรี่เช่นนี้ ร่างสูงจะสูบเฉพาะช่วงเวลาที่มีเรื่องคิดมากอย่างตอนนี้เท่านั้น

“ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะชลฌอน ”

สารวัตรหนุ่มหันหลังไปมองผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามานั่งลงที่ว่างข้างๆ น่านน้ำหย่อนตัวนั่งลงได้สักพักก่อนที่จะก้มหน้ามองดูเศษบุหรี่สามมวนที่กองอยู่บนพื้น เเละยังมีอีกหนึ่งตัวที่อีกคนกำลังสูบมันจนเกือบจะหมดไปอีกมวน

“ คุณขึ้นมาทำไมผู้กอง ” ร่างสูงหันหน้าไปถามคนข้างๆ

“ ทุกคนรอคุณอยู่สารวัตร ”

“ รวมถึงคุณด้วยมั้ย ”

เเววตาเรียบนิ่งของคนตัวบางสบมองนัยน์ตาที่วูบไหวของชลฌอนอย่างไม่ละสายตา น่านน้ำดูออกว่าตอนนี้ชลฌอนกำลังเครียดเเละสับสนเป็นอย่างมาก ไหนจะคดีในอดีตของพ่อ เเถมตอนนี้ยังมีคดีที่คล้ายๆ กันเกิดขึ้น อีกฝ่ายต้องคิดหนักเป็นธรรมดาผู้กองจึงไม่อยากกวนประสาทสารวัตรในตอนนี้เท่าไหร่นัก

“ คุณว่ามันจะเป็นการฆ่าเลียนเเบบหรือเป็นคนร้ายเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางยกบุหรี่ในมือขึ้นสูบ

คนถูกถามส่ายหน้าเล็กน้อย “ ผมไม่รู้หรอก เเต่มันก็เป็นไปได้ที่จะเป็นการฆ่าเลียนเเบบ คุณจำที่คนร้ายคนเมื่อคืนพูดได้มั้ย เรื่องเงินรางวัล ”

“ ผมจำได้ ” ชลฌอนดูดบุหรี่รอบสุดท้ายก่อนจะทิ้งมันลงเเล้วใช้เท้าขยี้เพื่อดับไฟ “ เเล้วคุณรอผมเหมือนคนอื่นๆ มั้ยผู้กอง ”

“ ใครมันจะไปรอคุณ ” ร่างบางชักสีหน้าใส่อีกคน

“ หึ ”

คนร่างสูงส่งเสียงขำเอ็นดูคนอายุน้อยกว่าผ่านลำคอ ไม่คิดเลยว่าการที่ได้แกล้งอีกคนจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ชลฌอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าตามผู้กองหนุ่มลงไปชั้นล่าง ถึงเเม้ว่าน่านน้ำจะไม่ได้เเสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน เเต่ชลฌอนรับรู้ความรู้สึกนั้นได้

โดยปกติเเล้วอีกคนไม่เคยเเยเเเสเขาเลยด้วยซ้ำ เเต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะคนร่างบางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อน ทั้งที่เจ้าตัวมักจะทำท่าทางเหมือนไม่ชอบขี้หน้าของชลฌอนอยู่เป็นประจำแท้ๆ

นายตำรวจสองนายเดินตามหลังกันลงมาจากดาดฟ้า อารมณ์ขุ่นมัวของสารวัตรก่อนหน้านี้เริ่มคลายออกไปที่ละนิดเมื่อเขาเริ่มที่จะคิดได้ว่า ณ เวลานี้เขาควรมีกระจิตกระใจอยู่กับคดีปัจจุบันมากกว่าการไปยึดติดกับเรื่องราวในอดีต

เเต่แล้วชลฌอนก็ต้องหยุดชะงักเท้า เมื่อถูกท่านรองเรียกให้เข้าไปพบเป็นการส่วนตัว

ได้ยินดังนั้นน่านน้ำก็ได้จ้องหน้าผู้เป็นบิดาอย่างนึกสงสัย เเต่ศิวัตรกลับไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรลูกชายออกไปคนอายุมากเพียงเเค่วาดรอยยิ้มอ่อนโยนเพื่อให้ลูกชายรู้สึกวางใจ

ชลฌอนทำท่าวันทยาหัตถ์ผู้ที่มียศมากกว่าก่อนที่จะเอามือลงเมื่อได้รับอนุญาต

“ ฌอน ที่ลุงรับคดีนี้มาทำเพราะอยากเเก้ต่างให้พ่อนาย ประชาชนเอาแต่โยงไปมั่วจนตอนนี้เบื้องบนเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ฌอนเข้าใจลุงใช่มั้ย ”

“ ผมเข้าใจลุงครับ ”

“ นายรู้ใช่มั้ยว่าถ้ามันเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนจริงๆ นายจะต้องออกจากภารกิจนี้ ”

“ ครับ ” ใบหน้าเรียบนิ่งพยักหน้าขณะที่เอ่ยตอบรองศิวัตร

“ นอกจากเจ้าน่านไม่มีใครรู้เรื่องใช่มั้ย ”

ชลฌอนชั่งใจชั่วครู่ “ มีหมวดเอรินครับ ”

“ ผู้หมวดเอรินอย่างงั้นหรอ ทำไมเธอถึง ” ศิวัตรมีสีหน้าสงสัยเเละกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ เธอเป็นลูกของหมวดสันติครับ ”

“ ว่าไงนะ ” ท่านรองยืนอึ้งไปพักใหญ่

หมวดสันติเป็นรุ่นพี่ที่เคยทำงานอยู่ทีมเดียวกัน เเต่ถูกฆ่าตายขณะปฏิบัติหน้าที่ ศิวัตรไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ครวญครางในวันนั้นจะเติบโตมาเป็นผู้หมวดเอริน แถมตอนนี้เธอยังได้มาอยู่ในทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษอีกต่างหากเรื่องนี้มันจะบังเอิญไปหรือไม่

“ ผมจะไม่ให้เธอเข้ามาเกี่ยวด้วยเด็ดขาด ลุงวางใจเถอะครับ ”

ศิวัตรพยักหน้าเข้าใจ “ ลุงรู้ว่านายไม่มีวันเอาใครเข้ามาเอี่ยวด้วยอยู่เเล้ว ลุงอยากให้นายตั้งใจทำคดีนี้ให้ดีที่สุด ลุงหวังว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับคดีเมื่อตอนนั้นนะ ”

“ ครับ ถ้าไม่มีอะไรเเล้วผมขอตัวนะครับ ”

“ เดี๋ยวฌอน ” คนอายุมากกว่าเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ตนเอ็นดูไม่ต่างจากลูกชายเเท้ๆ ก่อนจะวางฝ่ามือบนบ่าหนาเบาๆ “ ลุงฝากน้องด้วยนะ รายนั้นอาจจะหัวรั้นไปบ้างเเต่อย่าถือสาเจ้าน่านมันเลยนะ ”

“ ครับคุณลุง ”

ชลฌอนเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของท่านรองผู้บัญชาการ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้เจอกับผู้กองน่านน้ำที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างนอก เเววตาตื่นตระหนกเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวสูงด้วยความหนีไม่ทัน ร่างสูงได้เเต่ส่ายหัวเอือมระอากับความอยากรู้อยากเห็นของอีกคน เขาอาศัยพละกำลังที่มากกว่าคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามหลังออกมาจากหน้าห้อง

“ ได้ยินอะไรไปบ้างน่านน้ำ ”

“ ปะ เปล่า ”

“ ได้ยินหมดเเล้วสินะ ” ใบหน้าคมคายยื่นเข้าไปใกล้จนน่านน้ำถอยหน้าหนีเเต่ยิ่งอีกฝ่ายพยายามหนีเขามากเท่าไหร่สุดท้ายก็ถูกฝ่ามือใหญ่รั้งท้ายทอยเอาไว้อยู่ดี “ อย่าดื้อให้มากเดี๋ยวจะโดนพี่ดุเข้าใจมั้ยครับน้องน่านน้ำ ”

น่านน้ำจิปาก หมุนตัวออกจากการกักกุมก่อนจะผลักหน้าอกอีกคนออกให้ห่างสุดเเรงจนตัวเซ “ พี่เหี้ยไร ผมเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ชายโว้ย ”

ชลฌอนเลิกคิ้วขึ้นมองอาการคนหัวเสีย “ โอเคครับ น้องน่านน้ำ ”

“ นี่! ”

เสียงบ่นพึมพำไล่ตามหลังสารวัตรหนุ่มไปทางลาดจอดรถ ทันใดนั้นเองชลฌอนได้หันกลับไปมองคนที่เอาเเต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามไม่ดูตาม้าตาเรืออะไร ว่าเขาหยุดเดินมาสักพักใหญ่แล้ว จนสุดท้ายหน้าผากเนียนก็ได้ชนเข้ากับเเผ่นหลังกว้างเกือบจะล้มหงายหลัง ยังดีที่ชลฌอนคว้าเอวอีกฝ่ายไว้ได้ทัน เเต่มีหรือที่คนอย่างน่านน้ำจะยอมให้ผู้ชายตัวโตตรงหน้าแตะต้องตัวได้นาน ร่างบางดีดตัวออกจากวงแขนหนาในทันควัน เเละไม่ลืมที่จะชักสีหน้าไม่พอใจใส่คนตรงหน้า

“ จะไปกับผมหรอ ” ชลฌอนเชิดหน้าไปที่รถของตนเอง

ผู้กองหนุ่มเอี้ยวตัวมองรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองไล่ความเจ็บไปพลาง

วันนี้ชลฌอนขับมอเตอร์ไซค์มา เพราะได้ข่าวว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นจากรุ่นน้องตั้งเเต่เช้าตรู่ ทำให้ร่างสูงไม่มีเวลาเลือกกุญเเจรถก่อนออกมา เเละด้วยความเคยชินที่ตอนอยู่ต่างประเทศเขามักจะขับมอเตอร์ไซค์เป็นประจำ ทำให้เคยชินกับการหยิบกุญเเจมอเตอร์ไซค์ติดมือมามากกว่าจะเป็นรถยนต์ ร่างสูงก้าวขาขึ้นคร่อมรถคันใหญ่คู่ใจ ไม่วายหันไปมองหน้าคนข้างๆ เชิงคำถาม

“ ว่าไงผู้กอง ” หมวดกันน็อคใบที่มีขนาดเล็กกว่าอีกอันยื่นไปให้คนตรงหน้า “ ขึ้นมาเถอะไม่ต้องคิดอะไรเเล้ว ”

ผู้กองยอมรับหมวกกันน็อคมาสวมเเล้ววาดขาขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เเต่โดยดี

ชลฌอนเช็คความเรียบร้อยก่อนที่จะบิดคันเร่งเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าสำนักงาน สถานที่ที่ถูกตั้งเป้าหมายไว้คือหมู่บ้านในสลัมซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ขณะที่ทั้งสองขับรถออกมาได้ไม่นานก็ได้มีสายโทรศัพท์เข้ามาหาน่านน้ำ ซึ่งปลายสายคือจ่าพายุรุ่นน้องที่ประจำอยู่ในหน่วยเเทนเอริน พายุเเจ้งข้อมูลว่าเว็บไซต์ดังกล่าวถูกลบออกไปเเล้ว เพราะเจ้าตัวพยายามค้นหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักครั้ง น่านน้ำที่ได้ยินเช่นนั้นจึงได้เเต่ขานรับรายงานรุ่นน้องกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และมอบหมายให้อีกฝ่ายสืบประวัติผู้ตายโดยละเอียดเป็นอันดับถัดมา

ในเมื่อเบาะเเสเเรกไม่สามารถใช้การได้ สิ่งที่ทั้งสองคนต้องทำคือการลงพื้นที่เพื่อสอบถามปากต่อปากกับชาวบ้านในละเเวกนั้นให้ได้มากที่สุด มันจะเป็นไปหรือที่จะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เลยสักคน ทั้งที่ชุมชนเเห่งนี้มีผู้คนเพ่นพ่านอยู่ตลอดเวลา... น่านน้ำนึกในใจ

รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าชุมชนแออัดเเห่งนั้น มองเข้าไปด้านในพบว่ามีเทปกั้นบริเวณที่พบศพแปะเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ว่าห้ามให้ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งกับบริเวณนั้นโดยเด็ดขาด

ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินเข้าไปขอสอบถามข้อมูลต่างๆ จากชาวบ้านตามที่ตั้งใจกันไว้

“ มันจะไม่มีคนเห็นจริงๆ หรอวะ ” น่านน้ำสบถอย่างหัวเสีย

พวกเขาเดินถามชาวบ้านมาทั้งวันเเต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย นอกจากคำพูดเหน็บเเนม ก่นด่าตำรวจว่าทำงานห่วยเเตก ยอมปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ ยิ่งคนที่หัวร้อนง่ายอย่างผู้กองน่านน้ำได้ยินยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ จนสารวัตรต้องลากตัวออกมาสงบสติอยู่ด้านนอก

ชลฌอนยืนปาดเหงื่ออยู่สักพัก สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ รู้สึกผิดปกติกับบ้านหลังหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก บ้านหลังนั้นไม่มีคนอาศัยอยู่พอได้สอบถามชาวบ้าน พวกเขากลับตอบแค่ว่าไม่รู้ และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่บ้านนั้นเท่าไหร่ สารวัตรยืนครุ่นคิดอยู่นาน จนกระทั่งหันไปเจอหญิงชราคนหนึ่งกำลังเดินโซเซ เหมือนกับคนที่มีอาการเหม่อลอยออกไปทางถนนใหญ่ ร่างสูงที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งไปคว้าตัวคุณยายเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับคุณยายขึ้น

“ ยาย มาทำอะไรเเถวนี้ครับเนี้ย ” น่านน้ำวิ่งไปก้มตัวถามหลังจากที่วิ่งเข้ามาถึงตัวยายชรา “ อันตรายนะยายเเล้วลูกหลานไปไหนครับ ”

ฝ่ามือเหี่ยวย่นของคนอายุแปดสิบตบบ่าชายหนุ่มแผ่วเบา “ หาของ ยายมาหาของลูกเอ้ย ”

สารวัตรหนุ่มขมวดคิ้ว “ ของอะไรครับยายเดี๋ยวพวกผมช่วยหา ”

“ เเม่! เดินออกมาอีกเเล้วนะมันอันตรายนะรู้มั้ยเดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่าหรอก ” ผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีวิ่งเข้ามารับตัวยายชราจากสองหนุ่ม “ ขอบคุณนะคะคุณที่จับเเม่ฉันไว้ให้ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ” เป็นผู้กองน่านที่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ อ่อ คุณยายบอกว่าออกมาหาของอะไรสักอย่าง ให้พวกผมหาช่วยมั้ยครับ ”

“ อ๋อ เครื่องติดตามตัวคนเเก่ที่เป็นอัลไซเมอร์น่ะค่ะ มันหายไปตั้งเเต่เมื่อวาน เเต่ว่าหาเจอเเล้วละ ตกอยู่ใกล้ๆ ที่เกิดเหตุตรงนั้น ”

“ หาเจอตอนไหนครับ ” ชลฌอนเอ่ยถาม

“ เจอเมื่อเช้านี้ค่ะ ตรงข้างทางตรงนั้นน่ะ ” เธอชี้ไปบริเวณป่าหญ้าใกล้ที่เกิดเหตุ “ ตอนเเรกนึกว่าจะหายไปเเล้วเพราะมันเเบตหมดไปตอนไหนไม่รู้ ”

ชลฌอนยืนใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่

เครื่องติดตามตัวที่หายไปตั้งเเต่เมื่อวาน มันหายไปอยู่เเถวบริเวณที่เกิดเหตุพอดิบพอดีเเบบนี้ใช่เรื่องที่ดีหรือเปล่านะ...สารวัตรคิด

“ เดี๋ยวครับ ” ชายหนุ่มรีบห้ามผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังพาคุณยายเดินกลับเข้าบ้านเอาไว้ “ เครื่องติดตามที่ทำหล่นบันทึกเสียงได้มั้ยครับ ”

ผู้กองหนุ่มที่ได้ยินคำถามจากปากสารวัตรก็ได้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ

เเต่เเล้วพวกเขาก็ต้องเดินตามคุณยายกลับไปที่บ้าน บ้านไม้ทรุดโทรมใกล้จะพังตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าสร้างความเวทนาให้กับนายตำรวจหนุ่มทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนตั่งไม้อย่างอดไม่ได้ ความเลื่อมล้ำที่ไม่เคยหายไปจากประเทศนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสลัมแห่งนี้ช่างแตกต่างจากในเมืองอย่างกับอยู่กันคนละโลก

นั่งรอไม่กี่นาทีเครื่องติดตามที่ว่าก็ได้ถูกยื่นมาให้ชลฌอนได้ดู สายตาเรียบเฉยพลิกสำรวจเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ทุกองศาอย่างตั้งใจ

“ เปิดฟังเสียงได้มั้ยครับ ” สารวัตรถาม

“ โอ้ย คุณมันไม่มีอะไรหร๊อกเเบตมันหมดไปเเล้ว ” เธอตอบเสียงสูง

“ งั้นผมซื้อต่อได้มั้ย ” ร่างสูงพลิกดูของในมือ

“ ให้เท่าไหร่ละคุณ ”

“ พี่อยากได้เท่าไหร่ ”

“ พันนึงได้มั้ยละ ” หญิงวัยกลางคนกระซิบบอกราคา

สารวัตรร่างสูงพยักหน้าก่อนจะล้วงเอากระเป๋าตังในกางเกงออกมา น่านน้ำที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบรั้งมือสารวัตรเอาไว้เป็นการห้าม ดูจากเครื่องติดตามอันเก๋ากึ๊กเครื่องนั้นเเล้ว หนึ่งพันบาทร่างบางคิดว่ามันแอบเเพงไปหน่อยหรือเปล่า ฝ่ามือใหญ่ตบมือผู้กองเเผ่วเบาเเล้วยกยิ้มให้ หลังจากนั้นธนบัตรหนึ่งพันบาทได้ยื่นออกไปให้ผู้หญิงวัยกลางคน

เครื่องติดตามขนาดเล็กถูกสารวัตรชลฌอนพลิกเล่นอยู่ในมือ เขาไม่รู้หรอกว่าที่จ่ายไปนั้นจะได้อะไรกลับคืนมาบ้างมั้ย เเต่ยังไงเขาก็ต้องวัดดวงดู ถ้าดวงดีก็อาจจะได้เบาะเเสเพิ่มเติม เเต่ถ้าดวงซวยก็คิดซะว่าให้ค่าขนมคุณยายไปเเล้วกัน คิดได้เช่นนั้นร่างสูงจึงยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู พบว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงเขาจะต้องเข้าไปดูศพที่หน่วยนิติเวชตามที่ลุงหมอนัดเอาไว้ตั้งเเต่เกิดเรื่อง เนื่องจากคดีนี้ไม่ใช่คดีที่หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษทำตั้งแต่แรกจึงไม่ได้เห็นสภาพศพอย่างชัดเจนด้วยตาด้วยเอง

“ นี่สารวัตร คุณคิดจริงๆ หรอว่าไอ้เครื่องกะโหลกกะลานี้จะทำอะไรได้ ” น่านน้ำบ่นให้คนข้างๆ ขณะที่กำลังเดินกลับมาหารถ “ ดูดิ นี่มันหาซื้อได้ตามเเอพขายของออนไลน์ทั่วไปราคาแค่ไม่กี่ตัง เเต่คุณไปซื้อต่อเป็นพันอะนะ ”

ชลฌอนหยุดเดิน เสมองมือเรียวที่เเย่งเครื่องติดตามออกไปจากมือเขา เเล้วกำลังชูเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กขึ้นโชว์ แถมปากเล็กก็ยังบ่นไม่หยุดตั้งเเต่เดินออกมา ไม่มีความเมื่อยปากบ้างเลยหรือไร…ชลฌอนนึก

“ ไม่เหนื่อยบ้างหรอผู้กอง ” สารวัตรเอียงคอถาม

“ เหนื่อยอะไร ”

นิ้วมือยาวยื่นออกไปบีบปากเล็กตรงหน้าเบาๆ เพื่อจะเเกล้ง “ ปากนี่บ่นผมเก่งจังนะ ”

“ โอ้ย ผมเจ็บนะ ” น่านน้ำปัดมืออีกคนทิ้ง “ ก็ คุณมันทึ่มไง ”

ว่าจบน่านน้ำก็ก้าวขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ไปทันที ไม่รอให้คนอายุมากกว่าได้แก้ต่างอะไรต่อ ขืนยืนอยู่ต่อมีหวังได้กลายเป็นตุ๊กตาลิงห้อยหลังรถอีกเเน่ๆ

คิ้วหนาเลิกขึ้นแทนคำถามเมื่อเห็นผู้กองน่านน้ำขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับพร้อมกับสวมหมวกกันน็อคเสร็จสรรพ แถมยังกวักมือเรียกให้คนตัวสูงขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเเทนตำเเหน่งเดิมของตัวเอง ฌอนส่ายหน้าระอาให้ความดื้อความซนของคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะวาดขาขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนซ้อนอย่างเลือกไม่ได้ 

เเละเเน่นอนว่าชลฌอนใช้โอกาสนี้กอดเอวคนตรงหน้าไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะโดนบ่นสารพัดสารเพยังไง คนขี้เเกล้งก็ตีหน้าซื่อทำเป็นหูทวนลม

นายตำรวจหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องผ่าชันสูตรพลิกศพ ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของทั้งสองคือร่างเปลือยเปล่าที่นอนเเน่นิ่งอยู่บนเตียงโลหะ บนร่างกายของผู้ตายถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาด

“ มาเเล้วหรอชลฌอน สวัสดีผู้กองน่านน้ำ ” หมอวันชัย หรือที่ชลฌอนเรียกว่าลุงหมอส่งยิ้มทักทายชายหนุ่มทั้งสองคน

วันชัยคือนายเเพทย์ที่รับหน้าที่ผ่าชันสูตรพลิกศพที่ถูกฆ่าตายอย่างเป็นปริศนา สิ่งไหนที่ตำรวจไม่รู้เเต่หมอชันสูตรย่อมรู้เสมอ เพราะศพไม่สามารถหลอกลวงผลชันสูตรได้ หมอวันชัยเป็นคนที่คุ้นเคยกับการถูกฆ่าเเบบนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเขาคือหมอที่ชันสูตรพลิกศพในคดีค้อนสายฝนเมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้ว ชลฌอนจึงได้ตัดสินใจเลือกอาจารย์หมอท่านนี้ให้มาเป็นคนผ่าพลิกศพในคดีนั้นเอง

“ กะโหลกศีรษะข้างขวาถูกทุบด้วยค้อนหัวหงอนจนเเตกเป็นรอยบุบ แถมตามร่างกายมีรอยค้อนทุบเช่นเดียวกัน ซี่โครงหักไปทิ่มปอดสองท่อน กระดูกแขนข้างขวาหักเพราะคาดว่าผู้ตายใช้แขนป้องกันตัวเองระหว่างถูกทำร้าย ” อาจารย์หมออธิบายพร้อมกับชี้ให้ชลฌอนได้ดูบาดเเผลด้วยตาตัวเอง “ ตามร่างกายไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เป็นไปได้ว่าเหยื่อถูกโจมตีจากด้านหลัง และเป็นไปได้อีกว่าคนที่ลงมือจะถนัดข้างขวา ”

“ มีรอยอื่นมั้ยครับ ” สารวัตรเอ่ยถาม

“ ไม่มี ” วันชัยส่ายหน้าก่อนจะเดินอ้อมไปที่ข้อเท้าของศพ “ นิ้วเท้ายังอยู่ครบไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนเเน่นอน ดูจากบาดเเผลของเหยื่อเเล้วผมคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นผู้ชายสูงราวๆ ร้อยหกสิบ ”

น่านน้ำขมวดคิ้ว “ อะไรทำให้หมอคิดเเบบนั้นละครับ ”

“ องศาของค้อน ” ชลฌอนเอ่ยเสียงเรียบ

“ ใช่เเล้วสารวัตร มาดูนี่สิผู้กอง ” ชายวัยหกสิบปลายๆ โน้มตัวชี้ตรงรอยบุบบนกะโหลกของศพให้น่านน้ำได้สังเกตดู “ ผู้ตายเป็นผู้ชายสูงร้อยเเปดสิบทำให้คนร้ายต้องเหวียงค้อนสูงกว่าตนเอง รอยนี้คือรอยเเรกที่ถูกตีจากด้านหลังเพื่อให้เหยื่อเสียการทรงตัว ส่วนรอยพวกนี้คือรอยที่ถูกค้อนฝั่งหัวกลมทุบซ้ำๆ จนกะโหลกเเตก เเล้วคุณดูนี่ รอยที่เป็นทรงเเหลมบ่งบอกว่าอาวุธที่คนร้ายใช้คือค้อนหัวหงอนอย่างเเน่นอน ”

“ เพราะระหว่างที่มันทุบ อาจมีจังหวะที่ปลายค้อนพลิกด้านได้ใช่มั้ย ”

“ เก่งมากผู้กอง ” วันชัยตบบ่าเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาชลฌอน “ ไม่ใช่คนคนนั้นเเน่นอน ”

ร่างสูงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเชื่อผลชันสูตรของลุงหมอโดยไม่มีข้อโต้เเย้งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะศพที่อยู่ตรงหน้าถูกทุบตีไปทั่วตามร่างกาย รอยฟอกช้ำเป็นจ้ำสีเขียวเต็มตัว เป็นการฆ่าที่มีความเเค้นมากกว่าจะเป็นการฆ่าให้ตายเพียงสองครั้งอย่างที่คนร้ายในอดีตเคยทำไว้

คนเเก่กว่ายกยิ้มสุขุมเเล้วเลื่อนผ้าปกคลุมร่างผู้ตายไว้เช่นเดิม

“ เดี๋ยวตามลุงไปที่ห้องก่อนนะฌอน ”

“ ครับลุงหมอ ”

ชลฌอนชำเลืองตามองคนข้างๆ สักพัก สายตาของอีกคนบ่งบอกว่ามีบางอย่างที่อยากพูดออกมา เเต่น่านน้ำยังคงเก็บมันเอาไว้ไม่ยอมเอ่ยปาก ดังนั้นร่างสูงจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงรอให้เสร็จธุระกับลุงหมอเสียก่อนกระมังถึงจะยอมเปิดปาก

เมื่อเดินตามคนอายุมากเข้ามาถึงห้องทำงาน เล่มเอกสารสีขาวที่ถูกคัดลอกมาอีกทีได้ยื่นออกไปให้ชายหนุ่มผู้มีศักย์เป็นเสมือนหลานชาย ชลฌอนคือลูกชายของรุ่นน้องของวันชัยที่เคยทำคดีเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน เเละในตอนนั้นเขาคือคนที่รับหน้าที่ชันสูตรศพในคดีค้อนสายฝน

“ ที่ฌอนขอลุงไว้ จริงๆ ลุงว่าจะเอาไปให้ที่บ้านเเต่ลุงไม่มีโอกาสสักที ”

เเววตาเรียบเฉยจ้องมองเล่มสีขาวชั่วครู่ก่อนจะรับมันมาถือไว้ข้างตัว

“ เเล้วนี่จะกลับหน่วยกันเลยใช่มั้ย ” วันชัยมองชายหนุ่มทั้งสองคนสลับกัน

ขณะนั้นเองเสียงเรียกเข้ามือถือของหัวหน้าหน่วยก็ได้ดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนที่ยืนอยู่ ชลฌอนล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงเเละอ่านรายชื่อบุคคลปลายสาย เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หมวดกันที่โทรเข้ามานิ้วโป้งยาวจึงปัดหน้าจอรับสายทันที

“ สารวัตรครับมีชายคนนึงทำตัวน่าสงสัยเดินผ่านกล้องไปตอนเวลาตีสี่ ” หมวดกันรายงานหัวหน้าทันที

“ เห็นหน้ามันมั้ย ”

“ ไม่เห็นเลยครับมันเเต่งตัวมิดชิดมาก ” ปลายสายพูดตอบ “ ผมจะตามดูเส้นทางที่มันใช้นะครับ ”

“ โอเค เดี๋ยวผมให้คนไปเสริม ระวังตัวด้วยนะหมวดกัน ”

“ รับทราบครับสารวัตร ”

โทรศัพท์มือถือถูกเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิม ก่อนที่พวกเข้าทั้งสองคนจะขอตัวกลับก่อน วันชัยนั้นรู้ดีว่าช่วงนี้หน่วยสืบสวนพิเศษกำลังยุ่งกันมากเขาจึงพยักหน้าตอบตำรวจหนุ่มไฟเเรงสองนายด้วยรอยยิ้มบางเบาเป็นการรับรู้

“ เดี๋ยวผมขับเองน่านน้ำ ” ชลฌอนคว้ากุญเเจรถจากมืออีกคนเเล้วรีบสาวเท้าขึ้นนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์

ผู้กองน่านน้ำกำลังจะอ้าปากด่าเเต่สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยให้มันผ่านไปก่อน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายดูเร่งรีบจนผิดวิสัย ร่างบางจึงยอมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายก่อนที่จะถูกคนด้านหน้าถึงข้อมือไปกอดรอบเอวหนาเอาไว้พร้อมกับออกคำสั่งให้คนซ้อนเกาะเเน่นๆ

ภายในห้องปฏิบัติงานของหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษชุลมุนวุ่นวายกับการสืบคดีฆาตกรรมด้วยค้อนหัวหงอน จนตอนนี้เวลาผ่านไปจนจะหมดวัน เจ้าหน้าที่ทุกนายพากับกลับบ้านไปพักผ่อนจนหมด เหลือเพียงนายตำรวจที่เข้าเวรเเละกลุ่มนายตำรวจของหน่วยสืบสวนที่ยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดพัก

“ ได้แล้วครับสารวัตร ”