เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”

ฆ่า | ซ่อน | อดีต - ตอนที่ 6 เหยื่อ โดย REALPETER @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย,ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฆ่า | ซ่อน | อดีต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ชาย-ชาย,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผู้กอง,ค้อน,18+,วาย,ฆ่า,สารวัตร,ตำรวจ,#BL,ดราม่า,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย

รายละเอียด

เมื่อยี่สิบห้าปีที่เเล้วพ่อของสารวัตรชลฌอนเคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เขารับผิดชอบจนต้องถูกวิสามัญกระทั่งเขาเสียชีวิต ชลฌอนเติบโตขึ้นมาเป็นนายตำรวจ และเข้าได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษที่อดีตลูกน้องของพ่อตนเองเป็นคนมอบหมายให้ ทำให้เขาได้มาพบกับผู้กองน่านน้ำ ลูกชายของเหยื่อที่ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฆาตกรเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว เเต่เเล้วการฆ่าที่โหดเหี้ยมของฆาตรต่อเนื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง แถมยังมีคดีปริศนามากมายเกิดขึ้นไม่เว้นวันให้หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษต้องสะสาง “จำไว้นะฆาตกรสารเลวคนนั้นมันฆ่าเเม่ผมตาย คุณมันลูกฆาตกร” “คุณมันไม่รู้อะไรผู้กอง”

ผู้แต่ง

REALPETER

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 1 ศพ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 2 เบาะเเส,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 3 ฆ่า,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 4 บ้านของฆาตกร,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 5 คดีฆ่าเลียนเเบบ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 6 เหยื่อ,ฆ่า | ซ่อน | อดีต-ตอนที่ 7 คดีใหญ่

เนื้อหา

ตอนที่ 6 เหยื่อ

พ.ศ. 2542

ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักบุรุษนิรนามในชุดกันฝนสีดำผิวด้านนั่งรอรถเมล์บริเวณจุดขึ้นรถ ใบหน้าเรียบนิ่งเงยหน้ามองสายน้ำที่กำลังรวมกลุ่มกันร่วงหล่นลงพื้น จนทำให้ระยะในการมองสั้นลงเพราะความพร่ามัวจากการที่มีฝนตกหนัก ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ ยื่นออกไปพ้นหลังคาหวังจะสัมผัสหยดน้ำเม็ดใหญ่เบื้องหน้า ในเวลานั้นเองใบหน้าที่เคยบึ้งตึงก็ได้แสยะยิ้มขึ้นทั้งที่ไม่มีเรื่องให้น่าขบขัน

“ คุณเลิกโทรมาหาฉันสักที เราหย่ากันแล้วจะติดต่อมาอีกทำไม ”

ขณะนั้นเองรอยยิ้มของชายหนุ่มก็ได้หุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมกับพูดคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์โมโห เขาจ้องมองเธอครู่นึงก่อนที่จะยกยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งให้หญิงสาวคนนั้นกลับ เมื่อเห็นว่าเธอได้ชำเลืองมองมาทางตนเอง

“ มองอะไร ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามชายคนข้างๆ ขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ทันทีที่ได้ยินเสียงถามห้วน มุมปากที่เคยยกยิ้มราวกับผู้ชายใจดีก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเส้นตรง หันไปสบมองใบหน้าหญิงสาวคนข้างๆ ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะเป็นการขอโทษเธอ ที่บังอาจเสียมารยาทแอบมอง

หญิงสาวจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรต่อ เธอกลับไปคุยโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมรณ์อีกครั้ง และเหล่ตามองผู้ชายใส่ชุดกันฝนเป็นระยะ ซึ่งทุกครั้งที่เธอแอบเหลือบมองผู้ชายคนนั้น อีกคนก็กำลังนั่งจ้องมองเหมือนว่ากำลังรอให้เธอหันไปสบตาเช่นกัน

ลำคอขาวกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ด้วยความกังวล เวลานี้เป็นเวลาสี่ทุ่มยังคงเหลือรถเมล์รอบสุดท้าย เธอชั่งใจเล็กน้อยว่าควรจะรอขึ้นรถประจำทาง หรือควรเดินกลับไปทางเดิมเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านดี แต่หลังจากนั้นไม่นานรถเมล์คันสีแดงก็ได้เคลื่อนตัวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า หญิงสาวจึงรีบยกเท้าก้าวขึ้นรถไปทันที แต่ทว่าผู้ชายชุดกันฝนสีดำคนนั้นก็ได้ตามเธอขึ้นมาเช่นกัน หลังจากที่ได้ขึ้นรถเป็นอันเรียบร้อยเธอก็ได้ถอนหายใจโล่งอก เมื่อเห็นว่าบนรถโดยสารมีผู้คนนั่งอยู่บ้างประปราย

แววตาใสแจ๋วเสมองผู้ชายชุดกันฝนกำลังเดินผ่านเบาะของเธอไปนั่งอยู่แถวท้ายสุด เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีรถเมล์ได้หยุดจอดข้างทาง เธอยังคงนั่งครุ่นคิดว่าควรจะลงป้ายนี้เลยดีไหม ลองสาดสายตามองดูคนรอบๆ ไม่มีใครลงเลยสักคน แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้น มือบางหยิบมือถือขึ้นมาดูรายชื่อคนที่โทรเข้าปรากฎว่าปลายสายเป็นแม่ของเธอเอง

“ ค่ะแม่ หนูกำลังกลับแล้ว เนี้ยถึงป้ายที่จะลงแล้ว จะรีบกลับนะคะ ”

เมื่อเห็นว่าแม่ได้ตัดสายไปแล้วเธอจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะก้าวลงรถ เธอยังคงแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูหวังว่าจะหลอกให้ผู้ชายน่าสงสัยคนนั้นไม่กล้าทำอะไร

หญิงสาวนั่งใช้ความคิดอยู่สักพักแต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจลงที่ป้ายนี้เพราะแม่ของเธอเป็นหญิงชราและกำลังรอทานข้าวพร้อมเธออยู่ที่ห้อง เรียวขาเล็กวิ่งลงจากรถอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายเท้าของเธอก็ต้องชะงักยืนตัวแข็งทื่อ มือที่ยังยกโทรศัพท์แนบใบหูสั่นจนต้องยกมืออีกข้างมาช่วยประคองไว้ ความรู้สึกที่ว่ามีคนยืนอยู่ด้านหลัง แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง ปากยังคงเเสร้งพร่ำพูดกับมือถือทั้งที่ไม่มีคนอยู่ในสาย สิ่งที่เธอทำได้คือรีบเดินไปให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุดเท่านั้น

“ คุณครับ ”

รองเท้าส้นสูงหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเย็นยะเยือก โทรศัพท์มือถือที่กำอยู่ในมือสั่นไหวจนคนข้างหลังมองออกว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังหวาดกลัว

“ คุณลืมร่มไว้ ”

“ คะ ”

หญิงสาวในชุดทำงานสีฟ้าอ่อนค่อยๆ หันกลับไปมองเจ้าของเสียงทุ้ม

เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองลืมร่มไว้จริงๆ จึงค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปรับร่มจากมือผู้ชายคนนั้น ทันใดนั้นเองใบหน้าขาวซีดมีหยาดน้ำจากสายฝนหยดติ่งลงตามกรอบหน้าก็ค่อยๆ ยกมุมปากแสยะยิ้มขึ้นอย่างน่าขนลุก ทำให้คนที่มองอยู่ถอยเท้ากลับช้าๆ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือจะหล่นลงพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เเต่กระนั้นเธอก็ไม่คิดจะก้มลงเก็บมันขึ้นมา

ร่างกายเปียกปอนปานลูกนกตกน้ำสาวเท้าวิ่งหนีชายนิรนามอย่างไม่คิดชีวิต แม้ว่ารองเท้าส้นสูงของเธอจะหลุดออกจากเท้าไปหนึ่งข้าง เธอก็ยังคงวิ่งกระเพกต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะหยุดถอดรองเท้าอีกข้างออก หญิงสาววิ่งหนีท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เธอไม่รู้หรอกว่าชายคนนั้นมีเจตนาอะไร แต่สิ่งที่เด่นชัดในความรู้สึกของหญิงสาวคือเธอกลัวใบหน้าเยือกเย็นนั้นอย่างห้ามไม่ได้

ร่างกายสั่นเทาหันไปมองทางที่ตัวเองวิ่งหนีอออกมาปารกฎว่าชายคนนั้นได้หายไปแล้วเธอจึงพรูลมหายใจออกจากปาก ภายในใจคิดว่าตัวเองคงจะคิดมาก เเละตื่นกลัวไปเอง เมื่อนึกได้เช่นนั้นเธอก็รู้สึกเสียดายโทรศัพท์เครื่องหรูที่ทำหล่นขึ้นมาทันที

ในตอนนั้นเองลมหายใจเหนื่อยหอบก็ได้ทิ้งช่วงลืมหายใจ ไออุ่นจากด้านหลังของเธอนั้นมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ฝ่าเท้าพุพองจากการเสียดสีกับถนนปูนหวังจะวิ่งหนีแต่ร่างกายของเธอก็ต้องถูกกระชากหัวกลับอย่างแรง ก่อนที่ศีรษะเปียกชุ่มจะสะบัดด้วยแรงกระแทกรุนแรงจนเธอได้เสียงหวีดหวิวราวกับมีจิ้งหรีดหลายล้านตัวแผดร้องในแก้วหู

แววตาหวาดหวั่นสั่นระริกพยายามอ้อนวอนผู้ชายตรงหน้าให้ไว้ชีวิต แต่แล้วความหวังอันริบหรี่ของเธอก็หมดสิ้นลง เมื่อได้สบตากับคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าสายตาของเธอจะเริ่มพร่ามัวบวกกับสายฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องจนบดบังใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเอาไว้ แต่ทว่าวัตถุในมือของชายคนเบื้องหน้ากลับเด่นชัดในดวงตา เพียงชั่วอึดใจศีรษะของเธอก็สั่นสะท้านอีกครั้งและครานี้ทำให้เธอนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง

ชายในชุดกันฝนยืนมองร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะยกมือเช็ดคราบเลือดที่กระเซ็นโดนหน้า แล้วใช้ปลายลิ้นตวัดเลียเลือดบนหลังมือตนเอง เขาเอียงคอมองรอยบุบโบ๋เป็นวงกลมบนหัวของเธอครู่นึงเเละค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ปลายเท้าสีเนียน ดวงตาไร้เเววมนุษย์เสมองปลายค้อนกลมเปื้อนเลือดด้วยความรู้สึกพึงพอใจ น้ำเลือดสีเข้มสผมกับสายฝนส่งกลิ่นคละคลุ้งเตะจมูกจนเขาอดสูดดมกลิ่มหอมหวานของมันไม่ไหว

ชายหนุ่มชุดสีดำเงยหน้าสูดดมกลิ่นคาวเข้าจนเต็มปอดเเละปล่อยลมหายใจออกราวกับว่ามันเป็นสารเสพติดชั้นดี

“ สายตาของเธอมันยั่วยวนฉันมากเลยรู้มั้ย ”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นพลางใช้ปลายนิ้วลูบไล้ฝ่าเท้าเนียนของหญิงสาวอย่างเเผ่วเบา เสมือนสิ่งของที่มีมูลค่ามหาศาลในสายตาของเขา หยดน้ำไหลลงตามหมวกเสื้อกันฝนช่วยล้างคราบเลือดได้เป็นอย่างดีขณะที่เขาบรรจงใช้มีดพกบั่นปลายนิ้วโป้งสวยที่ถูกแต่งแต้มสีเล็บด้วยสีชมพูอ่อน ชิ้นนิ้วสีซีดมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย เเต่ในเสี้ยววินาทีมันก็ถูกชายโรคจิตดูดเลียจนเกลี้ยงเกลา

หลังจากนั้นฝนที่เริ่มจะซาลงก็ได้กระหน่ำเทลงมาอีกครั้ง กระทั่งชายนิรนามคนนั้นได้เดินหายไปพร้อมกับเสียงฮัมเพลงในลำคออย่างสำราญ ทิ้งศพผู้หญิงวัยสามสิบปีให้นอนจมกองเลือดคาวคลุ้งอยู่ตรงนั้น

พ.ศ. 2567

“ได้แล้วครับสารวัตร ” หมวดกันประคองถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาวางไว้ให้หัวหน้าหน่วย “ ว่าแต่ไอ้พายุมันไปไหนของมันเนี้ย ”

สารวัตรหนุ่มยืนกอดอกมองกระดานไวท์บอร์ด ชำเลืองตามองหาพายุตามที่กันเอ่ยถาม ตำรวจหนุ่มยศจ่าบอกว่าจะเอาเครื่องติดตามไปให้ฝ่ายวิเคราะห์เสียงตรวจสอบตั้งแต่พวกเขากลับเข้ามาในหน่วยจนป่านนี้ผ่านไปราวสองชั่วโมงก็ยังไม่กลับมาสักที

“ ว่าแต่ไอ้คนนี้มันเป็นใครกันแน่นะ ” ผู้กองน่านน้ำหมุนเก้าอี้ไปมาอย่างใช้ความคิด “ เอ่อ สารวัตรแล้วประวัติผู้ตายที่พายุหามาได้อะ ”

ผู้ตายเป็นเพศชายมีชื่อว่านาย สมศักษ์ อายุสามสิบหกปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูกชายเพียงลำพัง มีอาชีพเป็นนักข่าวอิสระ ส่วนอดีตภรรยาของเขาคือนางสาว แพรพรรณ ซึ่งพวกเขาทั้งสองคนได้หย่าร้างกันไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เเต่แม้ว่าฝ่ายหญิงจะมีครอบครัวใหม่เธอก็ยังคงไปมาหาสู่ลูกชายเป็นประจำ แต่สิ่งที่ทำให้ชลฌอนเอะใจคือแพรพรรณได้ถูกแจ้งความคนหายเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ เเละถัดมาไม่กี่เดือนอดีตสามีของเธอก็มาเสียชีวิต เรื่องนี้มันดูเหมาะเจาะเกินไปในความคิดของชลฌอน

“ มีรูปสามีใหม่ของแพรพรรณมั้ยกัน ” สารวัตรหันไปถามลูกน้องที่กำลังยกบะหมี่ซดอยู่บนเก้าอี้

“ มีครับๆ นี่ครับสารวัตร ” เด็กหนุ่มยื่นแผ่นกระดาษโฟโต้ให้ชลฌอน “ ผมก็เปรียบเทียบดูแล้วนะครับ แต่ทั้งสองคนต่างกันมาก สามีคุณแพรพรรณดูตัวเล็กกว่าคนในกล้องวงจรปิดมากๆ ”

“ มีประวัติแพรพรรณมั้ย ”

“ มีครับสารวัตร ”

สารวัตรรับเอกสารจากเด็กหนุ่มขึ้นมาอ่านเช่นเดียวกับผู้กองน่านน้ำก็โน้มตัวเข้ามามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัยของตำรวจ ข้อความสำคัญที่ถูกพิมพ์ไว้คือสถานที่สุดท้ายที่เธอเข้าไป ก่อนจะถูกเเจ้งความคนหายซึ่งคนที่เเจ้งคือนายสมศักษ์ ในเวลานั้นเองหัวคิ้วของชลฌอนก็ต้องย่นเข้าจับแน่นทันที

“ เธอเข้าไปทำอะไรในที่แบบนั้นนะ ” ผู้กองน่านเอ่ยขึ้นเชิงสงสัย

“ ไม่รู้สิพี่ เเต่เห็นว่าในกล้องวงจรปิดมีเเค่ภาพของเธอตอนเดินเข้าไป เเต่ไม่มีตอนที่เธอเดินออกมานะ ” กันตอบรุ่นพี่ก่อนจะซู้ดเส้นบะหมี่เข้าปาก

“ อ้าวพายุมาเเล้วหรอ ได้เรื่องอะไรมั้ย ” น่านน้ำเอ่ยถามคนที่พึ่งเข้ามาใหม่

พายุสั่นหน้าเป็นการตอบ เด็กหนุ่มเดินไปเสียบเเฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์เเล้วเปิดไฟล์เสียงที่พึ่งได้จากฝ่ายวิเคราะห์เสียงให้ทุกคนได้ฟัง

เสียงที่ถูกบันทึกไว้ได้ยินเพียงเสียงร้องโอดครวญของผู้ตายหรือนายสมศักษ์ เเต่ในเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นคนมียศเป็นสารวัตรกลับได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ เเทรกขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ

“ เดี๋ยวนะ ย้อนกลับไปอีกรอบสิ ”

ชลฌอนพยายามฟังเสียงพูดของใครบางคนอีกครั้งเเต่การเปิดเสียงผ่านลำโพงเช่นนี้ทำให้เขาได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จนร่างสูงต้องบอกให้จ่าพายุต่อหูฟังให้

“ มีเสียงผู้ชายอีกคนจริงๆ ด้วย ”

“ ไหนผมฟังหน่อย ”

ผู้กองน่านน้ำดึงหูฟังมาสวมรอบศีรษะก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจะฉายเเววเปล่งประกายลุกวาว น้ำเสียงของชายปริศนาถึงจะเป็นเเค่คำสั้นๆ เเต่ก็ใช้เป็นเบาะเเสให้พวกเขาสืบต่อได้ดีทีเดียว พอรู้เเบบนี้หนึ่งพันบาทที่สารวัตรจ่ายไปร่างบางรู้สึกว่ามันเริ่มคุ้มค่าขึ้นมาเเล้วสิ

“ เมียมึง หรอพี่ หมายความว่าไงอะ ” หมวดกันถามรุ่นพี่ขึ้นด้วยความสงสัยหลังจากที่ฟังคลิปเสียงจบเป็นคนสุดท้าย

“ ก็หมายความว่ามันเกี่ยวข้องกับคุณเเพรพรรณน่ะสิ ” น่านน้ำตอบข้อสงสัยให้รุ่นน้อง “ คืนนี้เราไปเเดกเหล้ากันเถอะ ”

มุมปากเล็กยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย กันเเละพายุถึงกับงงในความอารมณ์ดีของพี่ชาย ก่อนหน้านี้ยังเห็นนั่งทำหน้าเครียดอยู่เลย ทว่าชลฌอนรู้ดีว่าคนตัวบางหมายความว่าอย่างไร

สถานที่ที่เเพรรพรรณไปก่อนจะถูกเเจ้งความคนหายคือสถานที่บรรเทิงชื่อดังขนาดใหญ่ในย่านใจกลางเมืองหลวง

“ อย่าบอกนะว่าพี่จะเข้าไปสืบในคลับนี้อะพี่น่าน ” จ่าพายุมีท่าทางตกใจเล็กน้อย

“ ก็ต้องสืบดูสิวะจะได้รู้ว่าไอ้คลับนี่มันมีอะไร ” ผู้กองตอบพายุ

“ งั้นเราควรหาข้อมูลเกี่ยวกับคลับเเห่งนี้ซะก่อน ใช้เวลานานมั้ยพายุ ”

“ หมูๆ ครับสารวัตร ”

นายตำรวจหนุ่มทั้งสี่คนเเยกย้ายกันไปทำหน้าที่ เพื่อเตรียมตัวทำภารกิจในคืนนี้ ส่วนสารวัตรชลฌอนจำเป็นจะต้องไปรายงานสถานการณ์เเละขออนุญาตจากรองผู้บัญชาการตามลำดับขั้นตอนเสียก่อนเขาถึงจะปฏิบัติภารกิจนี้ได้

“ ไปหาพ่อผมใช่มั้ย ” ร่างบางเดินมาดักหน้าอีกฝ่ายเอาไว้

“ อืม ”

“ พ่อ น่านกับทีมจะเข้าไปสืบคดีที่คลับไนท์เดย์คืนนี้นะ พ่ออนุมัติใช่มั้ยครับ ขอบคุณครับ ”

ชลฌอนเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าครู่นึงก่อนที่จะยกยิ้มให้กับความดื้อด้านของผู้กองน่านน้ำ มือเล็กเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงพลางยักคิ้วใส่คนตัวสูงไม่ต่างจากเด็กน้อยขี้กวน

แผนปฏิบัติการในคืนนี้คือน่านน้ำจะเป็นคนเข้าไปขอพบ ไพรัตน์ เจ้าของคลับไนท์เดย์ในฐานะผู้ร่วมธุรกิจคนใหม่ ส่วนสารวัตรมีหน้าที่คุ้มกันผู้กองอีกที เเละหมวดกันพร้อมกำลังเสริมจะรอรับคำสั่งเพื่อบุกเข้าจับกุมเมื่อสารวัตรส่งสัญญาญ ขณะที่จ่าพายุสวมบทบาทเป็นเเฮกเกอร์เจาะเข้ากล้องวงจรปิดเเละคอยระวังหลังให้สารวัตร

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา มาดนักธุรกิจ เดินเข้าไปในคลับพร้อมเเจกรอยยิ้มชวนน่าเข้าหาให้บอดี้การ์ดหน้าคลับ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ในชุดสีดำตรวจดูบัตรวีไอพีที่น่านน้ำยื่นให้ครู่หนึ่งก่อนเขาจะโค้งศรีษะเเละผายมือให้ลูกค้าวีไอพีได้เข้าไปด้านใน

ร่างบางยกยิ้มขณะที่ในใจเอ่ยชมรุ่นน้องอย่างพายุไม่หยุด ไม่อยากเชื่อว่าประวัติเเละกระบวนการทำงานของคลับเเห่งนี้จะถูกเเฮกเกอร์จ่าพายุเจาะเข้าได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

“ น่านน้ำได้ยินมั้ย ”

ชลฌอนกดไมค์จากหูฟังขนาดเล็กเพื่อจะเช็คให้เเน่ใจว่าอีกคนยังปลอดภัย เเม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะมีเป้าหมายเเค่เข้ามาสืบคดีเเละรวบรวมหลักฐาน เเต่เขาก็ไม่วางใจ เเละอดเป็นห่วงลูกน้องไม่ได้อยู่ดี

“ ได้ยิน ต่อจากนี้ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นนะสารวัตร พวกนี้มันจับตามองผมตลอดเวลา ”

ร่างสูงเดินตามเเผ่นหลังเเคบอยู่ห่างๆ “ อืม ผมตามดูคุณอยู่ไม่ต้องกลัว ”

“ ใครกลัว ”

น่านน้ำคลี่ยิ้มให้กับผู้ชายที่ออกมาต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตร คลับเเห่งนี้ดูเหมือนเป็นสถานที่บันเทิงสำหรับไฮโซทั่วไป เเต่ที่เเปลกไปคือทางเข้าสำหรับลูกค้าวีไอพี ร่างโปร่งเดินตามผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาของผู้จัดการร้านเข้าไปด้านในคลับที่ไม่ใช่ด้านบน หรือหน้าเวที เเต่เป็นด้านในที่เดินทะลุลึกเข้าไปหลังคลับอีกที ซึ่งเเน่นอนว่าชลฌอนไม่สามารถตามเข้าไปด้านในได้

ร่างสูงชำเลืองตามองคนตัวบางค่อยๆ หายเข้าไปจนสุดสายตาด้วยความเป็นห่วง เเต่เขาไม่สามารถบุ่มบ่ามเข้าไปได้ ไม่อย่างนั้นคนที่อันตรายที่สุดจะเป็นน่านน้ำเสียเอง

“ พายุเห็นผู้กองมั้ย ” มือใหญ่กดไมค์หูฟังพูดอีกรอบ

“ ครับสารวัตร พี่น่านเข้าไปในห้อง เเต่ว่าด้านในไม่มีกล้อง ผมเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ”

“ อืม ”

สารวัตรหนุ่มได้เเต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นด้านใน ขณะที่เขายืนอยู่นั้นก็ได้มีผู้หญิงเข้ามาคลอเคลียด้วยทุกห้านาที จนชลฌอนต้องถอยออกมาสุ่มดูตรงหน้าเค้าน์เตอร์บาร์เเทน

ทางด้านของน่านน้ำที่ได้นั่งลงบนโซฟาหรู คนเบื้องหน้าเขาเป็นผู้ชายอายุอานามประมาณห้าสิบปีกำลังส่งรอยยิ้มหยาดเยิ้มมาทางผู้กองหนุ่ม ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่รู้สึกขนลุกซู่ ดูไม่ยากเลยว่าคนตรงหน้าคือเกย์เเก่บ้ากามดีๆ นี่เอง

“ ชื่อน่านน้ำหรอเรา ”

น่านน้ำรับเเก้วแอลกอฮอล์จากอีกคนตามมารยาท “ ใช่ครับ คุณ ไพรัตน์ นี่ยังดูหนุ่มอยู่เลยนะครับ ”

“ ปากหวานจังนะเรา ว่าเเต่ทำไมถึงสนใจทำธุรกิจกับพี่ละ ”

มือเรียววางเเก้วลงบนโต๊ะก่อนจะพูดตอบ “ ผมทราบมาว่าที่นี่มักมีสาวๆ สวยๆ เข้ามาไม่ซ้ำหน้า คิดว่าพี่ไพรัตน์คงจะเอ็นดูผมบ้าง ถึงผมจะไม่สวยเท่าสาวๆ เหล่านั้นก็เถอะ ”

ว่าจบคนอายุมากกว่าก็ได้ปล่อยเสียงหัวเราะชอบใจอย่างมีอารมณ์ขัน “ น้องน่านน้ำนี่ ไปหัดคำพูดพวกนี้มาจากไหนกันนะ ”

“ ผมเห็นว่าพี่ไพรัตน์อารมณ์ดีผมก็มีความสุขเเล้วครับ ”

“ เเล้วน้องน่านน้ำมีข้อเสนออะไรมาให้พี่ละ ” นิ้วมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามอายุลากผ่านหน้าขาเรียวไปอย่างช้าๆ “ ถ้ามีข้อเสนอที่น่าสนใจพี่อาจจะร่วมทำธุรกิจกับเราก็ได้นะ ”

ผู้กองหนุ่มรีบกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่มันจะเคลื่อนมาถึงจุดสงวน “ ผมอยากคุยธุรกิจก่อน ถ้าคุยเสร็จอย่างอื่นผมไม่ติดเลยครับ ”

ไม่ติดกับผีสิวะ... น่านน้ำสบถในหัว

ไพรัตน์ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ นิ้วชี้ทาเล็บสีชมพูบานเย็นกวักเรียกให้ลูกน้องนำสินค้าเข้ามาให้น่านน้ำได้เลือกดู จากเเววตาที่เคยเป็นมิตรของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้เห็นสินค้าที่ไพรัตน์กล่าวถึง

หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวย เเต่ผมเผ้ากลับรกรุงรัง พวกเธอเหล่านั้นถูกขังไว้ในกรงไม่ต่างจากสุนัขจรจัด

ถึงตอนนี้น่านน้ำจะรู้สึกขยะเเขยงพวกเดนมนุษย์ตรงหน้ามากขนาดไหน เเต่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมันยังค้ำคอไม่ให้ตำรวจรวจหนุ่มกวนน้ำให้ขุน เพราะเดี๋ยวจะเกิดเป็นเรื่องใหญ่เอาได้

“ ว่าเเต่น้องน่านจะเอาไปลงประเทศไหนละ ”

“ ประเทศจีนครับ ”

น่านน้ำตอบขณะที่มือก็ได้เลื่อนดูวีดีโอไปพลาง ไม่ใช่ให้ตัวเองดู เเต่เพื่อให้กล้องที่ติดอยู่บนกระดุมได้บันทึกเก็บไปเป็นหลักฐานต่างหาก

“ เอากี่คนละหื้ม ”

รู้ตัวอีกทีร่างกายของชายหนุ่มก็ถูกคนเเก่กว่าลวนลามไปเเล้วทั่วสารทิศ ฝ่ามือหยาบลูบไล้ขึ้นลงตามหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบาง เเละค่อยๆ รูดเนคไทลง เเสดงออกชัดเจนว่าต้องการร่วมรักกับผู้กองหมุ่นอย่างไม่คิดจะปิดบัง

“ เอ่อ พี่ไพรัตน์อย่ารีบสิครับผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ย ”

“ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ ” ไพรัตน์ตอบเสียงหวาน

ทันทีที่เข้ามาในห้องน้ำ น่านน้ำก็ได้ปัดไล่สัมผัสน่าขนลุกออกจากตัวด้วยความรังเกียจ ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดหรือเหยียดคนที่เป็นเกย์เเต่ร่างบางเกลียดคนที่มีนิสัยเเบบไพรัตน์ ทั้งขยะเเขยงเเละรู้สึกโสโครก ปากเล็กอ้าออกกอบโกยเอาอากาศให้เต็มปอด ทำใจอยู่สักพักเขาจึงพาตัวเองออกไปนั่งลงที่เดิม

หวังว่าสารวัตรจะยังคงอยู่คุ้มกันเขานะ

“ ดื่มหน่อยสิน้องน่านน้ำ รังเกียจพี่หรอหื้ม ”

อยากจะตอบว่ารังเกียจมาก เเต่ก็กลัวจะมีปัญหาใหญ่ตามมา มือบางจึงทำได้เพียงยกเเก้วน้ำสีอำพันขึ้นเเนบริมฝีปาก โดยที่มีมือของไพรัตน์ดันเเก้วขึ้นเชิงบังคับให้น่านน้ำยกดื่มเข้าไปจนหมด

สารวัตรที่ยังคงชะเง้อมองไปทางที่คนตัวบางหายเข้าไปเป็นช่วงๆ เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเเต่อีกคนยังไม่ออกมาสักที ยิ่งสร้างความกระวนกระวายใจให้เขาอยู่ไม่น้อย จนร่างสูงเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในคลับ เเต่ในเสี้ยวลมหายใจนั้นสายตาของเขากลับหันไปปะทะเข้ากับเเผ่นหลังของใครบางคน ชลฌอนรีบเเหวกผู้คนเพื่อตามคนคนนั้นไปในทันที

เเผ่นหลังที่คุ้นเคยในอดีต ผู้ชายที่สังหารพ่อของเขาทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้

“ สารวัตร ”

ชลฌอนไม่ได้ยินเรียกของจ่าพายุอีกต่อไป ตอนนี้เขาโฟกัสเเค่ผู้ชายคนนั้น จนลืมไปชั่วขณะว่าภารกิจในคืนนี้คืออะไร หูฟังที่เคยติดอยู่บนใบหูหล่นไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ ร่างสูงวิ่งตามคนอายุเเก่กว่าจนไปถึงลานจอดรถด้านหลังคลับ เเต่สุดท้ายเขาก็วิ่งไปไม่ทัน เพราะคนผู้นั้นดันขึ้นรถออกไปเสียก่อน

“ สารวัตร! วิ่งออกมาทำไมพี่น่านถูกพาตัวไปเเล้ว! ทำอะไรของพี่วะ! ” หมวดกันวิ่งออกมาจากที่ซ่อนก่อนที่จะกระชากไหล่ของหัวหน้าทีมด้วยความโมโหสุดขีด

ชลฌอนเบิกตากว้าง ตัวของเขาชาวาบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินรุ่นน้องเอ่ยว่าตนเอง เขาลืมน่านน้ำไปเสียสนิทได้ยังไง ร่างสูงวิ่งกลับเข้าไปในคลับอีกครั้งเเต่ก่อนที่เขาจะไปสารวัตรหนุ่มไม่ลืมที่จะดึงเอาหูฟังจากผู้หมวดกันติดตัวมาด้วย

“ พายุ น่านน้ำอยู่ไหน ” สารวัตรขมวดคิ้วเพราะความเครียดเอ่ยถามลูกน้องเสียงนิ่ง

“ สารวัตรพี่น่านถูกพาตัวไปทางหลังคลับอีกฝั่งกำลังถูกพาเข้าห้องไปเเล้ว ”

“ เเฮกดูได้อีกมั้ย ”

“ ไม่ได้เลยครับ สารวัตรบุกเลยมั้ยครับ ”

ตำรวจหนุ่มรีบวิ่งไปยังที่ที่พายุบอกว่าคนร่างบางถูกพาตัวไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเป็นห่วงน่านน้ำมากๆ ไม่คิดว่าการที่เขาคลาดกับอีกคนจะทำให้เรื่องกลายเป็นเเบบนี้

“ อย่าพึ่งบุก รอคำสั่งผม ” ร่างสูงตะโกนผ่านไมค์ขนาดจิ๋ว

“ เเต่ว่าสารวัตร ”

“ ผมบอกว่ารอคำสั่งไงวะ! ”

ชลฌอนวิ่งสุดความเร็วจนกระทั่งมาถึงทางเดินที่พายุบอก ด้วยความสูงร้องเก้าสิบแปดของชายหนุ่มทำให้สารวัตรใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็มาถึงที่หมาย สายตาเรียบนิ่งจ้องมองดูลูกน้องของไพรัตน์ที่กำลังยืนเฝ้าบานประตูอยู่ ขณะที่หัวสมองยังคงทำหน้าที่คิดหาทางเข้าไปช่วยผู้กอง

เเต่เเล้วทางที่ชลฌอนคิดได้ตอนนี้คือบุกเข้าไปเลยเดี๋ยวนั้น

ร่างสูงวิ่งเข้าไปหาชายฉกรรจ์สองคนนั้น ก่อนที่เขาจะใช้ฝ่าเท้ายันเข้าหน้าอกหนึ่งในนั้นจนหงายหลัง ร่างสูงไม่ต้องการเสียเวลากับลูกสมุนสองคนนี้มาก จึงเล็งเป้าไปที่หลอดลมของฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำให้อีกฝ่ายสลบลงตรงนั้นในการโจมตีเพียงครั้งเดียว หลังจากที่จัดการบอดี้การ์ดทั้งสองคนเสร็จสิ้น ชลฌอนได้ทำการเคาะประตูเรียกคนด้านในให้มาเปิดประตูต้อนรับ

เพราะดูจากโครงสร้างของห้องเเล้วเป็นเรื่องยากที่เขาจะพังเข้าไปได้ง่ายๆ

“ มีอะ โอ้ย! ” ไพรัตน์ล้มหงายหลังเพราะฝ่าเท้าหนักถีบเข้ากลางอกเต็มเเรง “ มะ มึงเป็นใครวะ ”

“ พ่อมึงไง ”

ชลฌอนจับคนเเก่กว่าใส่กุญเเจมือติดไว้กับขาโต๊ะเสร็จเเล้วจึงเดินเข้าไปหาลูกน้องที่ถูกพาตัวมา

เเละเเล้วก้อนน้ำลายเฮือกใหญ่ในลำคอก็ต้องถูกกลืนลงอย่างลืมตัว เมื่อเห็นร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายดิ้นพร่าอยู่บนเตียง ถึงเเม้จะพร่ำบอกตนเองเสมอว่าน่านน้ำเป็นเหมือนน้องชาย เเต่พอได้เห็นเเววตาเว้าวอนของคนตรงหน้าสิ่งที่เคยนิ่งเฉยก็เริ่มเต้นระรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เเละอาการของน่านน้ำบ่งบอกว่าอีกคนโดนยาอย่างเเน่นอน