หากคุณชอบหอมหวานของเรื่องราวรักโรแมนติก การพบเจอ การงอนง้อที่แสนหวาน คุณจะตกหลุมรักเรื่องนี้ หากคุณชอบความดราม่า ความคมคาย เงื่อนงำ เรื่องนี้จะพาคุณค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในลูปวังวนที่บีบหัวใจจนบทสุดท้าย นิยายวายใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอกที่คิดว่าพระเอกขับรถชนตาย โดยแม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ แต่ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ ความลับและปริศนาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มพูนไป พร้อมๆ กับความหอมหวานของความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน

loveloop : รักติดลูป - ตอนที่ 2 Anger : ระยะโกรธ โดย takerukung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,รัก,ดราม่า,ตลก,คอมเมดี้,อ่านเพลิน,อ่านสบายๆ,boylove ,bl,นายเอกเก่ง,18+,วาย,ออฟฟิศ,น่ารัก,ดรามา,โรแมนติก,พระเอกธงเขียว,พระเอกขี้หึง,พระเอกคลั่งรัก,ย้อนเวลา,ย้อนกลับมา,ดราม่า,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

loveloop : รักติดลูป

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,รัก,ดราม่า,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คอมเมดี้,อ่านเพลิน,อ่านสบายๆ,boylove ,bl,นายเอกเก่ง,18+,วาย,ออฟฟิศ,น่ารัก,ดรามา,โรแมนติก,พระเอกธงเขียว,พระเอกขี้หึง,พระเอกคลั่งรัก,ย้อนเวลา,ย้อนกลับมา,ดราม่า,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

หากคุณชอบหอมหวานของเรื่องราวรักโรแมนติก การพบเจอ การงอนง้อที่แสนหวาน คุณจะตกหลุมรักเรื่องนี้ หากคุณชอบความดราม่า ความคมคาย เงื่อนงำ เรื่องนี้จะพาคุณค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในลูปวังวนที่บีบหัวใจจนบทสุดท้าย นิยายวายใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอกที่คิดว่าพระเอกขับรถชนตาย โดยแม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ แต่ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ ความลับและปริศนาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มพูนไป พร้อมๆ กับความหอมหวานของความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน

ผู้แต่ง

takerukung

เรื่องย่อ

นิยายที่ผูกเรื่องมาเป็นอย่างดีใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอก "ซอล" ที่คิดว่าถูกพระเอก "ศศิน" ขับรถชนตาย โดยนายเอกได้มีโอกาสกลับไปใหม่ใน 3 เดือนก่อนหน้าการตายนั่น


แม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ


แต่ยิ่งวน ก็ยิ่งได้เบาะแสใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในทุกๆ ตอน ทำให้จากที่ดูเหมือนนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ทั่วไป
คุณจะพบว่านิยายเรื่องนี้กำลังพาคุณดำดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์ที่หลากหลายพร้อมกับตัวละครในทุกลูป

นอกจากนี้ Loveloop ยังเต็มไปด้วยการหยิบยกเอาสัญญะ วังวนต่างๆ มาใส่เป็นรายละเอียด easter egg เรื่องลูปและประเด็นทางจิตวิทยาที่ได้ซ่อนเอาไว้อย่างกลมกล่อม ตั้งแต่ชื่อตัวละคร ชื่อตอนไปจนถึงแก่นคิดหลักของเรื่อง ทำให้ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ ยิ่งดำดิ่ง จะยิ่งตกหลุมรักเรื่องนี้จนวางไม่ลง

ลองอ่านแล้วคุณจะค้นพบว่า การพยายามหนีออกจากวังวน อาจเป็นการ การกระโจนเข้าสู่อีกวังวนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

สารบัญ

loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 0 Pre Loop,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 1 Shock : ระยะปฏิเสธ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 2 Anger : ระยะโกรธ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 3 Bargaining : ระยะต่อรอง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 4 Depression : ระยะเศร้าโศก,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 5 Acceptance : ระยะยอมรับ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 6 Re-Loop,loveloop : รักติดลูป-Special loop ตอนพิเศษ : ความลับชื่อตัวละคร,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 7 Reshock : ระยะช๊อค..อีกครั้ง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 8 Re Anger : ระยะโกรธอีกที,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 9 Re Bargaining : ระยะต่อรองอีกหน,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 10 (NC18+) Re Depression : ระยะพายุดีเปรสชั่น (ที่ไม่ได้แปลว่าเศร้าแต่แปลว่าแซ่บ),loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 11 Re Acception : ยอมรับกันใหม่,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 12 Loop Breaking,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 13 Attraction : ระยะดึงดูด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 14 Reality : ระยะเผชิญความจริง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 15 (NC18+) commitment : ระยะผูกพันธ์ (พันกันนัว 18+ จ้า),loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 16 Intimacy : ระยะใกล้ชิด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 17 Engagement : ระยะผูกมัด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 18 Infinity : ตลอดกาล,loveloop : รักติดลูป-Special Loop II ลูปพิเศษ - เบื้องหลังลูป,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 19 Zero : สูญ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 20 Horizon : เส้นตรงทรงกลม,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 21 Ripple : กระเพื่อม,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 22 (ตอนจบ) Pi π : 3.14

เนื้อหา

ตอนที่ 2 Anger : ระยะโกรธ

ชายหนุ่มร่างสูงกำยำ ดูดีในเสื้อสูทสีดำทับเชิ้ตขาวปลดกระดุมหนึ่งเม็ดเผยแผงอกขาวแน่นชวนมอง ยืนจ้องมองมาที่ซอลด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก แววตาร้ายกาจดั่งสุนัขจิ้งจอกที่กำลังสำรวจลึกเข้าไปถึงภายในร่างกายของเหยื่ออันโอชะ



เขายื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อทักทายกับหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งหนุ่ม



ซอลจ้องเขม็งตอบไปยังดวงตาคู่นั้นที่คอยตามติดหลอกหลอนเขาในหัวมาตลอดวัน รับรู้ได้ถึงแรงสูบฉีดของเลือดร้อนที่ปะทุด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านไหลเวียนในตัว หัวหน้าทีมหนุ่มรวบรวมสติและความยับยั้งชั่งใจที่เหลืออันน้อยนิดบีบนิ้วลงกับเก้าอี้ เพื่อยึดตัวเองไม่ให้โผพุ่งเข้าไปกระทืบไอ้คนตรงหน้าให้เละเทะ เขาก้มหน้าหลบตา เพื่อซ่อนกรามที่ถูกกัดแน่นจนสั่นสะท้าน



ต่อให้ฆ่ามันตายตรงหน้าตอนนี้ ทุกคนคงหาว่าบ้า



จะบอกใครได้ล่ะ



ว่าไอ้เลวนี่คือฆาตกรที่จะมาฆ่าเราในอีกสามเดือน





“เข้ากับคนยากเหรอครับ.. ลูกน้องของพี่ลภเนี่ย” ชายชุดสูทลดมือที่ยื่นออกมาเก้อ เก็บเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนละสายตาจากร่างที่นั่งก้มหน้านิ่งไปยังชายที่อาวุโสมากกว่าตรงหัวโต๊ะ





“หัวหน้าทีมเป็นแบบนี้ ลูกน้องลำบากแย่”





“อ๋อ.. เปล่าๆ ครับ..คุณศศิน พอดีผมเพิ่งบรีฟทีมคุณซอลไป ..อาจกำลังคิดอะไร เหม่อๆ อยู่” บอสรีบแก้ต่างแทนเจ้าหัวหน้าตัวดีที่ทำตัวไม่มีมารยาทใส่ผู้มาเยือน ก่อนที่จะรีบแก้สถานการณ์ด้วยการแนะนำทีมอย่างเป็นทางการ

“เอ้อ คุณซอลและทีม นี่ทีมคุณศศินที่ดูเรื่องภาพลักษณ์หลักของบริษัท จะมาลงโปรเจกต์นี้กับเราด้วย”

หัวหน้าทีมหนุ่มค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองชายในชุดสูทด้วยสายตาที่พยายามข่มให้ดูปกติที่สุด



“สวัสดี”



คนชุดสูทที่ผมปาดเสยไปด้านหลัง เลิกคิ้วดกดำที่อยู่เหนือตาจิ้งจอกขึ้นเบาๆ ริมฝีปากบางยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แนวขานรับว่าในที่สุดก็ได้รับการตอบรับสักที

“ทางคอร์ปอเรทลงแรงไปกับ Z โปรเจกต์กันมากนะครับ หวังว่าทางโปรดักต์มาร์เก็ตติ้งจะจริงจังกับโปรเจกต์นี้มากๆ เช่นกันครับ หมาจิ้งจอกแสยะยิ้มหยอกแกมขู่ใส่คนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตรงหน้า



“จริงจัง..เท่าชีวิตเลยล่ะครับ”  ซอลแยกเขี้ยว จ้องเขม็งกลับอย่างท้าทาย



“ดีใจที่ได้ยินครับ”



ศศินหย่อนตัวนั่งตรงข้ามซอลด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก่อนผายมือให้พัลลภบรีฟโปรเจกต์ให้ทีมต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตลอดการประชุมเต็มไปด้วยบรรยากาศความกดดันและความตึงเครียดที่แผ่ซ่านครอบคลุมทั่วห้องประชุม ไม่เหมือนกับโปรเจกต์ก่อนๆ ที่ทั้งทีมคุยงานกันอย่างสนุกสนาน หยอดมุก ตบมุกกันเล่นเจี๊ยวจ๊าวเหมือนพวกเด็กในสนามเด็กเล่น แม้แต่ไอ้ดอยที่เคยสดใสเบอร์สิบ ตอนนี้ลดเหลือเบอร์สอง คอยส่งยิ้มเจื่อนๆ หัวเราะแห้งๆ ส่งมุกแป้กๆ ให้ทั้งห้องประชุมไม่เงียบเกินไปนัก

พวกเด็กๆ อย่างกิ๊ฟกับบูมก็พากันเข้าใจว่าบรรยากาศแบบนี้คงเป็นเพราะโปรเจกต์ยิ่งใหญ่สำคัญที่ต้องกดดันและจริงจังมากกว่าเดิมหลายล้านเท่า จนไม่มีใครสังเกตสายตาของซอลที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อชายชุดสูทที่นั่งตรงข้าม

บ่อยครั้งที่สายตาจิ้งจอกตวัดมองมาจนเผลอสบตา ซอลได้แต่แก้เก้อทำเป็นมองเหม่อออกไปนอก จนกระทั่ง…



“ดูเหมือนคุณจะมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่าคุณ..อะไรนะ.. ซอลใช่ปะ?”



เอาล่ะ มึงเริ่มก่อนนะ ไอ้ศศิน



“มี!!” คำตอบโพล่งของซอลทำให้คนทั้งห้องสะอึก พัลลภเหงื่อจับแทบเป็นลม

“ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมทีมพีอาร์คอร์ปอเรท ต้องเข้ามา เสื..ก้าวก่าย งานทีมเรามากขนาดนี้”

“คงเพราะโปรเจกต์นี้ มัน “เสือก..ก” เกี่ยวกับภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรไงครับ” ศศินกวนตีนกลับด้วยคำที่ซอลยังไม่กล้าแม้แต่จะพูด

“ผมไม่สะดวกใจร่วมงานด้วย” ซอลหันไปบอกพัลลภด้วยความโมโห

“ขอเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ.. เหตุผลแบบฉลาดๆ” ศศินเอียงคอถามด้วยรอยยิ้มมัจจุราชอย่างนิ่งๆ



คนทั้งห้องต่างตกใจกับท่าทีของซอลที่เคยเป็นคนใจเย็นที่สุด แต่ตอนนี้กลับโมโหคนแปลกหน้าแบบไม่มีเหตุผล

“มันไม่ให้เกียรติกันเกินไป.. ผมทำมากี่โปรเจกต์แล้ว ไม่เคยมีใครต้องมานั่งคุมงาน” ซอลหาเหตุผลทั้งหมดมากอง จะบอกใครได้ไงว่า มันจะฆ่ากูวววววว!!!!



ศศินนั่งจ้องเขม็งมาทางซอล นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะเหมือนกำลังครุ่นคิด

“คุณพัลลภ ฝากคุณเคลียร์กับคุณที่ชื่อซอลนี่หน่อยละกันนะครับ…ไอ้ความไร้วุฒิภาวะแบบนี้ ผมไม่อยากให้เด็กคนอื่นในทีมคุณเห็น..แล้วเอาไปทำเยี่ยงอย่าง”

ซอลนั่งโกรธตัวสั่น ดอยจับบ่าซอลแล้วกระซิบเบาๆ “พี่ซอลใจเย็นนะพี่” ก่อนที่พัลลภจะรับปากและพยายามที่จะรวบรัดการประชุมให้เสร็จโดยไว



แต่ไอ้คนที่ดันสาระแนสงสัยอย่างไอ้ดอย มันดันวิ่งเข้ามาดึงแขนหลังเลิกประชุม

“พี่กะเค้ารู้จักกันมาก่อนเหรอ”

“ไม่รู้จัก”

“ผมนึกว่าพวกพี่มีเรื่องกันมาก่อน พูดจากันยังกะเคยตีกันมาสมัยอยู่อนุบาล”

เหอะ ไม่ใช่แค่ตี..เคยฆ่ากันมาก่อนต่างหากโว้ย แค่คิดในใจก็ยิ่งเกลียดไอ้เวรนั่นเข้าไส้ การที่ได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มคิดว่าพระเจ้าคงมีเหตุผลบางอย่างให้เขาได้มีโอกาสทำมันอีกครั้ง

และแน่นอน เหตุผลนั้นจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจาก

.

.

การแก้แค้น



แต่แน่นอนมันคงไม่ใช่แค่การวิ่งไปเตะตูด ไอ้หน้าหยิ่งที่เดินเท่ออกห้องประชุมไปทางลิฟต์โน่นหรอก คนอย่างมันต้องชดใช้มากกว่านั้น



ชีวิตแลกชีวิต

และนี่คือสิ่งที่ซอลปฏิญาณตัวว่าจะเป็นเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้



หลังเลิกงาน ซอลเดินเบลออย่างเหนื่อยล้าออกจากรถไฟฟ้ามุ่งหน้าไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเขา ทุกอย่างยังคงเหมือนกับทุกวันเดิมๆ กิจวัตรประจำวันของพนักงานออฟฟิศที่ไปกลับในเส้นทางเดินวนไปเรื่อยๆ ถ้านับว่าเป็นวันทำงานธรรมดาๆ วันหนึ่ง วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันที่หนักหน่วงอยู่เหมือนกัน

ทั้งประชุมบ่ายสุดโหดแล้ว ยังต้องมานั่งคอนเฟอเรนซ์คอลเถียงกับตาลุงหมอผู้ตั้งตัวเป็นหมอชาวบ้าน แต่จริงๆ เป็นแค่เจ้าของไร่สมุนไพร แต่ดันเป็นไร่ที่ทางบริษัทรับซื้อมาเป็นวัตถุดิบ อีตาลุงนี่พยายามยัดเยียดให้ใช้มะระขี้นกมาสื่อสารว่าเป็นส่วนผสมหลักของน้ำสมุนไพรรสใหม่

“มันโขมมมมมมมมมม” ใช่แล้วเขายังต้องฟังเสียงไอ้ดอยและน้องๆ ในทีมกรี๊ดโหวกเหวกโวยวายบ่นระบายอารมณ์หลังจากจบการคอลอีกเป็นชั่วโมง ทำให้วันที่ 19 มกรานี้ ถ้าจำไม่ผิด หลังจากเลิกงานแล้ว คราวก่อนเขาพุ่งตัวกลับห้องอย่างไว ก่อนที่จะรีบอาบน้ำและมานอนดูซีรีส์เรื่องเดิมซ้ำๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าเหมือนในทุกๆ วัน

แต่คราวนี้…

วันนี้มันดันไม่ธรรมดาน่ะสิ

การได้เบียร์สักป๋องสองป๋อง มันถึงจะสาสมกับวันบ้าๆ แบบนี้ ว่าแล้วก่อนเดินเข้าประตูอะพาร์ตเมนต์ ซอลเลยเลือกที่จะไม่ทำแบบวันที่ 19 มกราเดิมที่เคยเกิดขึ้น

เขาเลี้ยวซ้ายแว่บเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ตรงชั้นหนึ่งของตึก บรรยากาศภายในร้านมีคนประปราย บ้างก็เดินจับจ่ายซื้อของกันปกติ ซอลมุ่งตรงไปยังจุดหมายอันเป็นตู้เย็นที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงด้านในสุดของร้าน เลือกหยิบเบียร์ยี่ห้อโปรดที่มักซื้อไปกระดกคนเดียวที่ห้อง

สองกระป๋อง พอไหมวะ…ที่ห้องมีไส้กรอกที่ใกล้หมดอายุแล้วนี่หว่า เอาไปเพิ่มอีกสักสองสามกระป๋องละกัน

ไอ้ความเลยเถิดนี่ล่ะ ทำให้ซอลเลือกที่จะหอบเบียร์ห้ากระป๋องเต็มไม้เต็มมือถอยหลังออกมาจากตู้เย็นจนกระทั่ง



พลั่ก…



หลังของเขาไปชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าอย่างจัง จนกระป๋องเบียร์ตกพื้นอย่างแรง แรงดันในกระป๋องทำให้แอลกอฮอล์สีทองอร่ามฟูฟ่อง พุ่งพ่นฟองสีขาวเปรอะเลอะไปทั่วร้าน

“โอ๊ยยย ขอโทษครับ ขอโทษ”

ซอลรีบโค้งขอโทษชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็วขณะหอบกระป๋องเบียร์ที่เหลืออยู่ในอ้อมแขนไว้แน่น ก่อนจะเห็นว่า ทั้งตัวเองและเขาคนนั้นเนื้อตัวเลอะไปด้วยเบียร์เละเทะแค่ไหน

ชายร่างสูงผมยาวประบ่าแบบเซอร์ๆ ส่งยิ้มขำๆ เป็นการตอบซอลว่า ไม่ได้ซีเรียสกับคราบเบียร์ที่เลอะแฉะไปบนเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์สีอ่อนของเขา ใบหน้าที่เป็นมิตรมีเคราเล็กน้อยของชายหนุ่มแปลกหน้าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ก้มตัวลงไปเก็บกระป๋องเบียร์ที่ตกรั่วบนพื้นขึ้นมาส่ายกระป๋องเบาๆ ให้สัมผัสได้ว่ายังคงเหลือของเหลวในกระป๋องอยู่

“ไม่ต้องซีเรียสครับ มันยังเหลืออยู่” เขาหยอกพลางหัวเราะเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับว่า อุบัติเหตุเล็กน้อยตรงหน้า เป็นสิ่งที่มาเติมเต็มวันนี้ของหนุ่มมาดเซอร์คนนี้ให้มีสีสันมากขึ้น

“งั้นผมจ่ายป๋องนี้ละกันนะครับ” ชายแปลกหน้าจู่ๆ ก็จะจ่ายค่ากระป๋องบู้บี้ในมือขึ้นมา

“เฮ้ย พี่ผมทำตกเดี๋ยวผมจ่ายเองครับ ไม่เป็นไร” 

“ไม่เป็นไร ผมกินป๋องนึงไม่หมดอยู่ละ เหลือแค่นี้กำลังดีเลย”

“ห๊ะ?” ชายหนุ่มงงกับไอ้คนแปลกหน้าคนนี้มากจนแสดงออกทางสีหน้าที่สามารถอ่านได้อย่างชัดเจนว่า ไม่เคยเจอคนแปลกแบบมึงมาก่อนในชีวิตนี้ รู้ตัวบ้างไหม

“คุณไปหยิบกระป๋องใหม่นะ เหลือแค่นี้ไม่น่าจะพอหรอก” เขาพูดพลางมองกระป๋องเบียร์อื่นๆ อีกหลายกระป๋องที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของซอล ในขณะที่หูของซอลเริ่มแดงด้วยความอายที่ถูกจับได้ว่าเป็นสุดยอดนักกินเบียร์ตัวยงจากคนแปลกหน้า

ชายแปลกหน้าถือกระป๋องบุบไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน พร้อมลูกอมมินต์แบบเย็น 1 ห่อ ก่อนพูดคุยทำท่าทางชี้ๆ กับน้องพนักงาน คงจะบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงนี้ เพราะไม่กี่อึดใจน้องพนักงานก็ถือไม้ถูพื้นวิ่งมาถูพื้นที่เลอะเทอะให้ จนซอลแทบจะก้มกราบขอโทษขอโพยไม่ทัน

หลังจากหยิบกระป๋องใหม่ไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์เรียบร้อย ซอลเดินออกจากร้านก็พบว่าหนุ่มผมเซอร์คนนั้นนั่งกระดกเบียร์กระป๋องเบี้ยวๆ อยู่แบบชิลๆ ที่โต๊ะหน้าร้านสะดวกซื้อ แม้เสื้อสีอ่อนโอเวอร์ไซซ์ของเขาจะเลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นของเบียร์ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจกับมันมาก ขายาวภายใต้กางเกงยีนส์ฟอกที่ขาดเซอร์เป็นแนวยาวแบบตั้งใจกำลังนั่งไขว่ห้างด้วยความอารมณ์ดี



“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ซอลเดินเฉียดเขาไปย้ำว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ

“เอามั้ย” หนุ่มเซอร์ยื่นซองลูกอมมินต์ให้เขาตรงหน้า

ซอลรีบส่ายหน้าแบบอัตโนมัติ เพราะแม่สอนแต่เด็กว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้า

“กินกับเบียร์ แล้วเย็นสะใจมากอะ” ชายผมยาวดึงมือกลับหยิบเอาลูกอมมินต์โยนเข้าปาก ก่อนกระดกเบียร์ตามเข้าไปแล้วหลับตาร้องอ๊าห์ เบาๆ ให้สมกับความเย็นที่แผ่ซ่านในปาก

“ถ้าชอบแบบนี้ ไม่ลองสเปียร์มินต์ดริ้งค์ ของ อินไฟไนท์ดูล่ะครับ ผสมวอดก้าหรือจินมันเย็นดีนะครับ” จังหวะขายของของสุดยอดมาร์เก็ตติ้งอย่างซอลนี่โคตรเฉียบจนอยากให้มีใครสักคนแอบถ่ายเก็บไว้จะได้ไปอวดบอสขอขึ้นเงินเดือน

“ไม่อะ”

เอ้า ไอ้นี่! มาร์เก็ตติ้งหนุ่มโดนเบรกเอี๊ยดแทบแหกโค้ง



“ผมชอบดื่มเบียร์มากกว่า…นั่งกินด้วยกันสิครับ” หนุ่มเซอร์ดึงเก้าอี้ข้างๆ ให้หนุ่มซอลลงไปนั่ง

“ครับผม ผมซอลครับ” ซอลแนะนำตัวก่อนค่อยๆ นั่งลงไป

“ผมโดเรมีครับ” ไอ้หนุ่มนั่นอมยิ้มตอบกลับมา

“ล้อเล่นน่ะครับ พยายามหาชื่อคล้องจอง ..แบบโดเรมีฟาซอลไง” ไอ้หนุ่มพยายามอธิบายมุกแป้กของมัน ในขณะที่ซอลหัวเราะหึหึเบาๆ ให้ไม่เป็นการเสียมารยาทมากนัก เพราะจริงๆ แล้วคำว่า ซอลไม่ได้หมายถึงตัวโน้ตดนตรี พ่อแม่ไม่ได้ไปเจอกันที่เทศกาลดนตรีโคเชลล่าโว้ย แต่ซอลเกิดจากทริปฮันนีมูน

ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนต่างหาก Søl พระอาทิตย์ภาษานอร์เวย์อะ ยูวโน๊วววว?

“ผมเบสต์ครับผม” ในที่สุดไอ้ผมยาวก็แนะนำตัวจริงจังสักที “คุณอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์นี่เหรอครับ ทำไมไม่เคยเห็นเลย”

เอ้า มันจะไปเคยเห็นกันได้ไงตึกนี่มีตั้งกี่ร้อยห้อง อันนี้ซอลแค่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกไปหรอก

“อ๋อ วันๆ ผมทำแต่งานน่ะครับ ไม่ได้ออกไปไหน”

“ไม่แปลกหรอกครับ ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกะใครในตึกนี่เหมือนกัน อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้จักซอลละหนึ่งคน วันไหนน้ำไหลไฟดับจะได้มีเพื่อน”

เอ้อ ไอ้นี่มันพลิ้วจังวะ พูดจายังกะสนิทซี้กันมานาน

เออ แต่ก็จริงเท่าที่อยู่มาสี่ห้าปีนอกจากลุงยามหน้าตึกแล้วยังไม่เคยรู้จักใครในตึกนี่สักคน มีคนรู้จักไว้สักคนก็ไม่เสียหาย



“ยินดีที่ได้รู้จักเลยครับ เบสต์”



สองคนนั่งกินเบียร์ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ผลัดกันเล่าวีรกรรมตัวเองที่เคยมีกับลุงยามหน้าตึก ภายใต้วันหนักๆ การเจอเพื่อนบ้านใหม่คนนี้เลยทำให้ซอลหัวเราะได้บ้าง จนอยากจะขอบคุณตัวเองที่เลือกเดินเลี้ยวออกมาจากเส้นทางเดินประจำวันของตัวเองในคืนนี้