หากคุณชอบหอมหวานของเรื่องราวรักโรแมนติก การพบเจอ การงอนง้อที่แสนหวาน คุณจะตกหลุมรักเรื่องนี้ หากคุณชอบความดราม่า ความคมคาย เงื่อนงำ เรื่องนี้จะพาคุณค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในลูปวังวนที่บีบหัวใจจนบทสุดท้าย นิยายวายใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอกที่คิดว่าพระเอกขับรถชนตาย โดยแม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ แต่ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ ความลับและปริศนาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มพูนไป พร้อมๆ กับความหอมหวานของความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน

loveloop : รักติดลูป - ตอนที่ 3 Bargaining : ระยะต่อรอง โดย takerukung @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,รัก,ดราม่า,ตลก,คอมเมดี้,อ่านเพลิน,อ่านสบายๆ,boylove ,bl,นายเอกเก่ง,18+,วาย,ออฟฟิศ,น่ารัก,ดรามา,โรแมนติก,พระเอกธงเขียว,พระเอกขี้หึง,พระเอกคลั่งรัก,ย้อนเวลา,ย้อนกลับมา,ดราม่า,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

loveloop : รักติดลูป

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,รัก,ดราม่า,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คอมเมดี้,อ่านเพลิน,อ่านสบายๆ,boylove ,bl,นายเอกเก่ง,18+,วาย,ออฟฟิศ,น่ารัก,ดรามา,โรแมนติก,พระเอกธงเขียว,พระเอกขี้หึง,พระเอกคลั่งรัก,ย้อนเวลา,ย้อนกลับมา,ดราม่า,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

หากคุณชอบหอมหวานของเรื่องราวรักโรแมนติก การพบเจอ การงอนง้อที่แสนหวาน คุณจะตกหลุมรักเรื่องนี้ หากคุณชอบความดราม่า ความคมคาย เงื่อนงำ เรื่องนี้จะพาคุณค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในลูปวังวนที่บีบหัวใจจนบทสุดท้าย นิยายวายใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอกที่คิดว่าพระเอกขับรถชนตาย โดยแม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ แต่ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ ความลับและปริศนาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มพูนไป พร้อมๆ กับความหอมหวานของความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน

ผู้แต่ง

takerukung

เรื่องย่อ

นิยายที่ผูกเรื่องมาเป็นอย่างดีใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอก "ซอล" ที่คิดว่าถูกพระเอก "ศศิน" ขับรถชนตาย โดยนายเอกได้มีโอกาสกลับไปใหม่ใน 3 เดือนก่อนหน้าการตายนั่น


แม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ


แต่ยิ่งวน ก็ยิ่งได้เบาะแสใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาในทุกๆ ตอน ทำให้จากที่ดูเหมือนนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ทั่วไป
คุณจะพบว่านิยายเรื่องนี้กำลังพาคุณดำดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์ที่หลากหลายพร้อมกับตัวละครในทุกลูป

นอกจากนี้ Loveloop ยังเต็มไปด้วยการหยิบยกเอาสัญญะ วังวนต่างๆ มาใส่เป็นรายละเอียด easter egg เรื่องลูปและประเด็นทางจิตวิทยาที่ได้ซ่อนเอาไว้อย่างกลมกล่อม ตั้งแต่ชื่อตัวละคร ชื่อตอนไปจนถึงแก่นคิดหลักของเรื่อง ทำให้ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ ยิ่งดำดิ่ง จะยิ่งตกหลุมรักเรื่องนี้จนวางไม่ลง

ลองอ่านแล้วคุณจะค้นพบว่า การพยายามหนีออกจากวังวน อาจเป็นการ การกระโจนเข้าสู่อีกวังวนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

สารบัญ

loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 0 Pre Loop,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 1 Shock : ระยะปฏิเสธ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 2 Anger : ระยะโกรธ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 3 Bargaining : ระยะต่อรอง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 4 Depression : ระยะเศร้าโศก,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 5 Acceptance : ระยะยอมรับ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 6 Re-Loop,loveloop : รักติดลูป-Special loop ตอนพิเศษ : ความลับชื่อตัวละคร,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 7 Reshock : ระยะช๊อค..อีกครั้ง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 8 Re Anger : ระยะโกรธอีกที,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 9 Re Bargaining : ระยะต่อรองอีกหน,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 10 (NC18+) Re Depression : ระยะพายุดีเปรสชั่น (ที่ไม่ได้แปลว่าเศร้าแต่แปลว่าแซ่บ),loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 11 Re Acception : ยอมรับกันใหม่,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 12 Loop Breaking,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 13 Attraction : ระยะดึงดูด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 14 Reality : ระยะเผชิญความจริง,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 15 (NC18+) commitment : ระยะผูกพันธ์ (พันกันนัว 18+ จ้า),loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 16 Intimacy : ระยะใกล้ชิด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 17 Engagement : ระยะผูกมัด,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 18 Infinity : ตลอดกาล,loveloop : รักติดลูป-Special Loop II ลูปพิเศษ - เบื้องหลังลูป,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 19 Zero : สูญ,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 20 Horizon : เส้นตรงทรงกลม,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 21 Ripple : กระเพื่อม,loveloop : รักติดลูป-ตอนที่ 22 (ตอนจบ) Pi π : 3.14

เนื้อหา

ตอนที่ 3 Bargaining : ระยะต่อรอง

Second Chance – โอกาสที่สอง

ถ้าคุณได้มันมาอีกครั้ง คุณจะทำยังไงกับมัน



สำหรับซอล ชีวิตทุกวันมันก็เหมือน restart เริ่มใหม่บนเตียงนอนนี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

ลาเต้เย็นหวานน้อยจากคาเฟ่ประจำก่อนถึงที่ทำงานในทุกเช้า

Playlist เดิมๆ ใน Spotify ที่วนในหูฟังทุกวัน

หรือการกลับมาดูหนังเก่าเรื่องโปรดเดิมๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งต่อให้ย้อนกลับมากี่ครั้งเท่าไหร่ ลูปชีวิตมันจะมีอะไรไปนอกจากนี้

จะว่าซอลเป็นคนที่ยึดติดก็ได้ ทั้งกิจวัตรประจำวัน เรื่องงาน หรือความรัก ถ้าชอบอะไรแล้วก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนใจเท่าไหร่ คงเพราะเห็นว่ามันเป็นพื้นที่ปลอดภัย เซฟโซนที่เหมาะกับคนอย่างตัวเองนั่นแหละ

ทุกวันใหม่ ชายหนุ่มจึงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เหมือนกำลังพยายามยื้อและต่อรองกับชะตาตัวเอง

การแก้แค้น ไอ้ศศิน มันเลยต้องมีขั้นมีตอน และรอบคอบมากๆ



แต่แผนคืออะไรน่ะเหรอ?

.

.

ยังไม่ได้คิดหรอก

ก็คนมันเพิ่งเคยตายครั้งแรกนี่หว่า

แต่อย่างกับวอนหาเรื่อง ไอ้ศศินช่วงนี้มันขึ้นมาที่แผนกนี้บ่อย ทำอย่างกับมาตรวจดูงานทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ บางทีก็เข้าไปคุยกับบอสพัลลภ ซึ่งพอถามบอสก็บอกว่ามาคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป พวกเมนูเด็ด ร้านอาหารดังย่านนี้ หรือปริมาณงานในแผนก
ซึ่งอย่างที่บอก… ไม่จำเป็นด้วยซ้ำปะ

มันคงมาวางมาด ว่าเป็นคนมาจากบริษัทแม่คอยจับตาดูอยู่ชัวร์

“พี่ซอล หมอมะระขี้นกมันโทรมาอีกแล้วววว” กิ๊ฟวิ่งหน้าตั้งถือโทรศัพท์มายื่นให้อย่างร้อนรน ซอลผละสายตาที่จ้องคนชุดสูทผ่านกระจกใสกั้นห้องพี่พัลลภมายังมือถือในมือกิ๊ฟ

“มีอะไรอีกก”

“ก็ตื๊อเรื่องมะระขี้นกไม่เลิก กิ๊ฟบอกเค้าไปแล้วว่ามันไม่ได้เป็นจุดเด่นของโปรดักต์เราจะให้สื่อสารออกไปแบบนั้นได้ยังไง”

ซอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้ลุงหมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร แค่มีเส้นสายยัดสวนตัวเองให้เป็นคู่ค้ากับบริษัทได้ก็ชักจะเอาใหญ่ มาติดต่อบีบบังคับโดยตรงกับแผนกในบริษัทขนาดนี้มันเกินไปมาก ชายหนุ่มคิดก่อนที่จะรับสายที่ปลายสายตะเบ็งเสียงมาด้วยอารมณ์ “มะระขี้นกมันไม่ดียังไง พวกคุณเองก็มีใส่ไปในส่วนผสมไม่ใช่เหรอ แค่พูดขึ้นมาว่ามันเป็นวัตถุดิบหลักแค่นี้จะตายรึยังไง!”

“คุณหมอครับ ฟังผมนะ เราใส่ไปแค่ 0.05% ซึ่งมันน้อยมากถ้าเทียบกับเปอร์เซ็นต์น้ำผึ้งมานูก้าที่อยู่ในขวด จะให้เราเปลี่ยนจากการตั้งชื่อว่า สมุนไพรน้ำผึ้งมานูก้า เป็นสมุนไพรน้ำมะระขี้นกมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมเคยบอกเหตุผลไปหมดแล้ว ทั้งในแง่กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หรือแง่การตลาด”

“ก็ตอนนี้ไร่ผมมะระขี้นกมันล้น ถ้าคุณแค่โฆษณาออกไปมันจะขายได้ ไม่เข้าใจรึไง”

“ผมคิดว่าอันนั้น เป็นสิ่งที่ลุงต้องบริหารจัดการนะครับ”

ไอ้หมอเก๊ เงียบไปสักพักจนในที่สุดมันก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา

“ถ้าไม่ช่วยกูนะ กูจะไปโพสต์แน่ว่าบริษัทพวกมึง กดราคาวัตถุดิบไร่กู มึงคอยดู”

จู่ๆ ซอลก็นึกได้ ...

โอ๊ย! ไอ้หมอ กูจำได้แล้วช่วงต้นเดือนกุมภาก่อนจะโดนรถชน มึงนั่นเองเป็นคนไปโพสต์ว่า อินไฟไนท์กดราคา จนชาวสวนทั่วประเทศลุกฮือเป็นข่าวใหญ่โต ทั้งบริษัทต้องลำบากแก้ข่าวกันจ้าละหวั่น ก่อนที่จะรู้ความจริงว่าเป็นข่าวมั่วก็เสียหายหลายล้านแถมตามจับตัวคนโพสต์ไม่เจอ

“อินไฟไนท์ไม่เคยกดราคาวัตถุดิบ ใครๆ ก็รู้ดี ลุงเองก็รู้อยู่แก่ใจ”

“มึงรู้ กูรู้แล้วไง ชาวบ้านไม่รู้ กูปั่นแป๊บเดียว แล้วมาดูกันว่า โซเชียลจะเลือกใครระหว่างบริษัทนายทุนยักษ์ใหญ่กับชาวไร่ ชาวสวนตาดำๆ หึหึ”

“แล้วแต่มึงเลย ไอ้หมอปลอม ความรู้เท่าหางอึ่งแต่หลอกชาวบ้านว่าเป็นหมอ สักวันเหอะมึง..”

“มึงรอเลย..” ไอ้หมอแก่ทิ้งท้ายก่อนตัดสายไป



เออดิวะ ไอ้เห้….!

ซอลตะโกนลั่นใส่โทรศัพท์ด้วยอารมณ์โกรธที่พุ่งทะยาน



แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมา ก็ต้องพบกับสายตาเย็นยะเยือกของร่างใหญ่ที่จ้องมองเขาอยู่ในระยะประชิด



เชี่ย.. ไอ้ศศิน มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ



“คุณซอลมากับผม ที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้” ร่างใหญ่สั่งด้วยเสียงเรียบดุจคมมีด

ประตูกระจกห้องประชุมถูกปิดลง ไล่หลังหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งหนุ่มที่เดินตามหลังแผ่นหลังกว้างของชายร่างสูงกว่าเข้าไปในห้อง มู่ลี่บังตาถูกรูดปิดลงราวกับไม่ต้องการให้พนักงานภายนอกเห็นความโหดร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้องนี้

ภาพความอำมหิตของสายตาคู่เดียวกันนี้ที่หลังพวงมาลัยในคืนนั้น ซ้อนทับขึ้นมาในหัว ยิ่งทำให้การเผชิญหน้ากับเขาในครั้งนี้ของซอลเป็นเรื่องน่าขนลุกมากขึ้น

“หัวหน้าอย่างคุณ รับมือกับสถานการณ์นั้นแบบนี้เหรอ” เครื่องประหารเริ่มเดินเครื่อง

“ผมรู้ต้องทำยังไง”

“คุณรู้ไหมสิ่งที่คุณเพิ่งทำไป มันกระทบกับบริษัทขนาดไหน”

“ผมพยายามปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทให้ดีที่สุดแล้ว” ซอลเถียงด้วยเสียงที่นิ่งเรียบพยายามกดความโมโหเอาไว้

“คุณก็พูดง่ายนิ แล้วใครมันต้องตามเช็ด” ร่างใหญ่ย่างเท้าเข้ามาประชิดตัวมาร์เก็ตติ้งหนุ่มที่ถอยหลังไปจนติดโต๊ะ “พวกดูแลภาพลักษณ์องค์กรอย่างผมนี่ไง”

“ใช่.. มันงานพวกคุณนี่..” ซอลจ้องเข้าไปในแววตาสุนัขจิ้งจอก “จริงๆ แล้วผมไม่จำเป็นต้องคุยติดต่อกับไอ้หมอแก่ ที่เป็นคู่ค้าวัตถุดิบด้วยซ้ำ ไม่ใช่หน้าที่ผมที่ต้องลงไปเจรจาเพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กร ผมมีหน้าที่ที่จะทำยังไงให้ขายน้ำพวกนั้นได้ต่างหาก เผื่อคุณยังไม่เข้าใจ”

ซอลสู้ยิบตา งัดเอาทุกเหตุผลมาฟาดกลับไอ้คนตัวสูงที่ค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่น Bleu de Chanel อ่อนๆ ลอยเย้ายวนออกมาจากซอกคอหนาของชายหนุ่มร่างสูงกว่า

“แต่คุณก็ทำลายภาพลักษณ์องค์กรไปแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่คุณ” ศศินแสยะยิ้มมุมปากราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ ในขณะที่จ้องลึกเข้าไปในแววตาหัวหน้าทีมหนุ่มเหมือนกับจะกลืนกินคนข้างหน้าลงไปให้ได้

ทั้งคู่ใช้ความนิ่งเงียบ เพื่อกดดันอีกฝ่ายให้ยอมถอย

จนกระทั่ง..

“ผมรับผิดชอบเอง!” ซอลจ้องตอบ นิ่ง และหนักแน่น

“ดีใจที่ได้ยินครับ” ศศินถอยตัวออกไปอย่างผ่อนคลายด้วยความพอใจที่ได้ยินในสิ่งที่ต้องการแล้ว

“ผมจะรอดูความรับผิดชอบของคุณ” ไอ้หมาจิ้งจอกหันมาบอกอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเปิดประตูออกห้องไป



เฮ้ออออออ…



ซอลเดินคอตก กลับมาทิ้งตัวลงโปะที่โต๊ะของตัวเองในแผนก เด็กๆ สามคนในทีมวิ่งกรูกันเข้ามาชาร์จเติมพลังให้กับหัวหน้าทีมหนุ่มอย่างเร่งด่วนอย่างกับเหล่าเจ้าหน้าที่ในห้องไอซียู ไอ้ดอยพุ่งมานวดไหล่ กิ๊ฟเสิร์ฟน้ำ ขณะที่บูมหอบขนมมากองไว้เต็มโต๊ะ

“ลูกพี่เก่งมาก อย่างน้อยพี่ก็ได้จัดการไอ้หมอแก่นั่นนะพี่” ดอยให้กำลังใจในขณะใช้มือสับคอให้ซอล อย่างกับพี่เลี้ยงนักมวยตอนพักยก

“แค่นี้กิ๊ฟว่า มันก็ไม่กล้าโทรมาตอแยเซ้าซี้เราแล้วล่ะค่ะ” กิ๊ฟลบเบอร์อีหมอทิ้งจากมือถือเหมือนสาวมั่นที่เพิ่งเลิกกะแฟน ในขณะที่บูมแกะขนมป้อนเข้าปากซอลไม่หยุด

“เออ ไม่ต้องห่วง.. กูจัดการละ” ซอลบอกน้องในทีมให้มั่นใจ ในขณะที่สายตาลึกๆ พยายามซ่อนความกังวลเอาไว้อยู่

“งั้นเราไปหาอะไรสนุกๆ กินไหมครับเที่ยงนี้” ไอ้บูมออกไอเดียเรื่องกินตามเคย

“ก็ดี ไม่ได้ไปกินอะไรดีๆ กันนานละ ไปนะพี่ซอลลล” กิ๊ฟอ้อนพี่มันอีกคน สุดท้ายก็ 3 ต่อหนึ่ง ซอลที่ไม่สามารถทัดทานอำนาจของเด็กรุ่นใหม่ได้เลยต้องตามน้ำไป

ทั้งทีมพากันไปยังห้างประจำใกล้ออฟฟิศที่มีร้านอาหารดูดีหลายระดับ ตั้งแต่ราคาเอื้อมถึงไปจนถึงหรูหราหมาเห่าอัดแน่นไว้เพียบ ซึ่งแน่นอนร้านที่ชาวคณะกำลังจะไป อยู่ในระดับหมาไม่เห่า แต่เอื้อมถึง

ทีมที่ออกอาการดี๊ด๊าเป็นพิเศษเพราะไม่ได้ออกไปไหนกันเลยในแรมปี พากันมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นบนสุดของห้าง ในขณะที่ซอลเดินตามต้อยๆ เพราะง่วงเกินกว่าจะดี๊ด๊าไหว

สายตาก็เหลือบไปเห็น คุณนภา บอร์ดบริหารระดับสูงของบริษัทกำลังเดินเลี้ยวเข้าร้านอาหารหรูร้านนึง มีชายคนหนึ่งเดินตามหลังเข้าร้านไป

โหว เจ้แกแอบมากินข้าวกะหนุ่มที่ไหนเนี่ย ซอลคิดลามปามแซวผู้ใหญ่อยู่ในใจ

ก่อนที่จะเห็นหน้าชายหนุ่มที่เดินตามหลังคุณนภา

.

.

ไอ้หมา..ศศิน



ซอลยืนจ้องอยู่นาน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของสองคนนั้นในร้าน ในขณะที่เหล่าเด็กๆ ในทีมเดินนำเข้าร้านไปโดยไม่รู้ตัวกันว่า หัวหน้าพวกมันกำลังสาระแนเรื่องชาวบ้านอยู่

ศศินยื่นเอกสารเป็นปึกๆ ให้นภาดูอะไรบางอย่าง ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความซีเรียส ซอลพยายามอ่านปากของทั้งคู่แต่ก็ไม่ค่อยได้ใจความ

นภาขยับปากเป็นรูปคำว่า..



…มาร์เก็ตติ้ง…



หรือจะพูดถึงแผนกของเรา

เชี่ย.. หรือจริงๆ ไอ้ศศินมาคอยสอดแนมแผนกเรากลับเอาไปรายงานตึกใหญ่

ถึงว่ามันมาที่ชั้นมาร์เก็ตติ้งบ่อยๆ เกินความจำเป็น



คราวนี้เป็นทีไอ้ศศินขยับปากพูด



อะ..ลี..บง..

อะไรวะ

พูดอะไรของแม่ง..



ก่อน..อะลี..บง..



คืออะไรวะ

เห้ย..

.

.

เดี๋ยวนะ..

ไอ้เชี่ย…

.

ซอล..รพีพงษ์

ชื่อกูนี่หว่า!!!

มึงรายงานกูเหรอ ไอ้เวรเอ๊ย!!!



ตกเย็นเลิกจากงาน ซอลเลือกที่จะเดินเตร็ดเตร่จากรถไฟฟ้า อ้อมไปทางสวนสาธารณะใกล้บ้าน เดินฟัง playlist แบบ lo-fi ใน Spotify จ้องมองท้องฟ้าสีวานิลลาที่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีลาเวนเดอร์

การวนกลับมาใหม่ในอีกชีวิตครั้งนี้ จะว่าหนักกว่าก่อนตายก็ดูเหมือนจะหนัก แต่อย่างน้อยรอบนี้ ซอล ก็ได้ทำและเรียนรู้
ที่จะสู้กว่าเดิมบ้าง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีละกัน

ว่าแต่ไอ้นั่นมันรายงานอะไรกูวะ

เรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ



หรือ บริษัทมีอะไรบางอย่างที่ปิดบังพวกเราอยู่?

.

.

ซอลนั่งจิบเบียร์คิดวนคนเดียวในสวนสาธารณะ รู้ตัวอีกทีบรรยากาศรอบตัวก็มืดสนิท รอบๆ แทบไม่มีคนเหลืออยู่ จะมีก็แค่เงาของกลุ่มวัยรุ่นนั่งสุมหัวกันตะคุ่มๆ อยู่ไกลๆ

เพื่อที่จะไม่รู้สึกวังเวงไป ซอลจึงคอยมองคนกลุ่มนั้นไว้ในขณะพยายามจิบเบียร์ให้หมดก่อนจะลุกกลับบ้าน จู่ๆ ความเคลื่อนไหวก็เกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นนั้น

ชายในกลุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นเดินตรงมาทางซอล



“อ้าว ซอลเองเหรอนึกว่าใคร” ชายหนุ่มมาดเซอร์ที่คุ้นตาเดินตรงเข้ามาหาซอล

“อ้าว เบสต์มาทำไรเนี่ย”

“อ๋อ มาคุยกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะ”

….

“เรากำลังจะกลับแล้ว..กลับด้วยกันมั้ย” เบสต์ชี้ไปทางมอเตอร์ไซค์สีดำเงาวับคันใหญ่ที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้

“จริงๆ เราเดินกลับได้ ใกล้ๆ นี่เอง”

“มาเหอะ ทางเดียวกัน” เบสต์จับแขนซอลกึ่งลากไปยังทางที่มอเตอร์ไซค์จอดอยู่ ก่อนพยักหัวให้หนึ่งในแก๊งเพื่อนหนึ่งที แล้วสตาร์ตรถออกไป

ลมเย็นๆ ของคืนในเดือนกุมภาพันธ์ปะทะกับหน้าขณะเบสต์ขับพาซอลซ้อนท้ายมุ่งหน้าไปทางอะพาร์ตเมนต์ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ที่ต้องขับวนอ้อมสวน ความเย็นของเหล่าต้นไม้ก็ทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดีสุดๆ เส้นผมที่พลิ้วเบาของชายหนุ่มคนขับ เล็ดลอดออกจากการทับของหมวกกันน็อก มาหยอกเย้าทักทายกับใบหูของซอลจนบางทีก็จั๊กจี้

จู่ๆ ใจซอลก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ในขณะที่มอเตอร์ไซค์ขับผ่านยังฉากที่คุ้นตา



ริมถนน ณ จุดลับสายตานี้..

คือจุดที่ซอลเคยถูกชน



ซอลหลับตาปี๋ เอาหน้าซุกกับแผ่นหลังของชายคนขับโดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังนั้นสั่นตามเสียงหัวเราะ หึหึ อย่างเอ็นดูในลำคอ

จนถึงวันนี้ ที่ผ่านมาหลายวันแล้ว

ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงตามหลอกหลอนซอล



ยิ่งใกล้วันเกิดเหตุมากขึ้นเท่าไหร่

ยิ่งรู้ตัวว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา



ทำให้ซอลรับรู้ว่า

การที่ได้วนลูปกลับมาอยู่ในช่วงเวลาก่อนตายอีกครั้ง

จุดที่แย่ที่สุดของมัน

คือการตกอยู่ใน



วังวนแห่งความกลัวที่หลอนอยู่ในหัวไม่รู้จบ

.

.