หากคุณชอบหอมหวานของเรื่องราวรักโรแมนติก การพบเจอ การงอนง้อที่แสนหวาน คุณจะตกหลุมรักเรื่องนี้
หากคุณชอบความดราม่า ความคมคาย เงื่อนงำ เรื่องนี้จะพาคุณค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในลูปวังวนที่บีบหัวใจจนบทสุดท้าย
นิยายวายใน concept เก๋ๆ ว่าด้วยเรื่องลูปเวลา ซึ่งก็คือ วังวน ซ้ำๆ ของการวนลูปกลับไปแก้ไขอดีตของนายเอกที่คิดว่าพระเอกขับรถชนตาย โดยแม้ว่าจะกลับมาใหม่ เขาก็คงยังติดอยู่ในวังวนเกิดตายซ้ำๆ แต่ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ ความลับและปริศนาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มพูนไป พร้อมๆ กับความหอมหวานของความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน
ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,รัก,ดราม่า,ตลก,คอมเมดี้,อ่านเพลิน,อ่านสบายๆ,boylove ,bl,นายเอกเก่ง,18+,วาย,ออฟฟิศ,น่ารัก,ดรามา,โรแมนติก,พระเอกธงเขียว,พระเอกขี้หึง,พระเอกคลั่งรัก,ย้อนเวลา,ย้อนกลับมา,ดราม่า,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เปรี้ยง!
นั่นไงกูว่าแล้ว!! ฟ้าผ่าเลยมึง!
ซอลรีบผละตัวถอยออกจากร่างใหญ่ตรงหน้า
“มึงทำไรเนี่ย!” คนถูกขโมยจูบโวยวายหนัก
ศศินยิ้มกริ่ม “มึงจะได้เข้าใจไง ว่ากูไม่ฆ่ามึงหรอก”
“ไม่มีทาง! มึงเกลียดกูไม่ใช่เหรอ เลิกปั่นหัวกูได้ละ กูรู้ทัน”
“กูเคยพูดเหรอ? เท่าที่รู้กูแค่หมั่นไส้อารมณ์ร้ายๆ ของมึงแค่นั้น” ศศินพ่นลมขำออกมา “น่ายั่วโมโหเล่นดี”
“มึงไม่ต้องพูดพล่ามเลย กูรู้ว่ามึงมาจับผิดกูที่แผนก แถมยังไปรายงานผู้บริหารอีก”
ศศินขำในลำคอ “กูจะบอกอะไรให้นะซอล ถ้ามึงเลิกนิสัยชอบตีความมโนไปเองของมึงไปได้เนี่ย ชีวิตมึงจะสงบสุขมากกว่านี้” ชายหนุ่มส่ายหน้าแบบไม่ไหวจะเคลียร์ “เห็นกูเดินมามืดๆ ก็หาว่ากูจะฆ่าบ้าง แล้วนี่ไปได้ยินอะไรมาถึงหาว่ากูเกลียดจนอยากทำลายมึง”
ไอ้หมาป่าโน้มตัวเขาหาซอล พร้อมเอามือจับคางมาเกตติ้งหนุ่มเชยขึ้นมาใกล้ๆ “เท่าที่กูรู้ มึงเองต่างหากที่ทำตัวไม่น่ารักกับกูก่อน”
ซอลปัดมือทิ้ง พลางหลบตายั่วโมโหคู่นั้น เออว่ะ เป็นมันเองที่เกรี้ยวกราดใส่ไอ้ศศินก่อนเพราะรู้ว่าเดี๋ยวไอ้ตัวใหญ่นั่น มันจะเป็นคนทำให้ซอลต้องตาย ทั้งๆ ที่ตอนที่เจอมันครั้งแรกนั้น ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
“ไม่รู้หละ.. มึงรีบนอนเลยนะ!”
ซอลที่ตอนนี้หูแดงก่ำรีบล้มตัวนอนเอาผ้าคลุมโปง เพื่อจะหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนในห้อง
ภายใต้ผ้าห่ม ใบหน้าที่แดงระเรื่อครุ่นคิดสับสนไม่หยุดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
…เมื่อกี๊มันอะไรกัน!…
ทำไมคนที่ดูจะเกลียดกันเหมือนจะฆ่ากันได้ จู่ๆ ถึงได้พุ่งตัวมาจูบ
หรือมันเป็นแผนให้ตายใจ?
คนคนนี้จะไว้ใจได้จริงๆ เหรอ
ในเมื่อความจริงที่มันเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ซอลประสบเองเต็มสองตา
ซอลที่นอนไม่หลับหันหลังให้กับศศินที่นอนอยู่อีกฝั่งของเตียง 6 ฟุต ที่ดูจะเล็กลงถนัดตาถ้าเทียบกับร่างของชายสองคน ความครุ่นคิดทำให้มาเกตติ้งหนุ่มขยับตัวกระสับกระส่ายไปมาตลอดคืน จนกระทั่ง..
มือใหญ่ของคนที่นอนข้างๆ เอื้อมมาคว้ามือบางของเขาเอาไว้
นิ้วเรียวยาวสอดประสานนิ้วต่อนิ้ว ให้อุ้งมือแนบชิดส่งความอบอุ่นให้มือสั่นเทานั่นสงบลงพร้อมพายุความคิดในหัวชายหนุ่มค่อยๆ ดับไปกลายเป็นเสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาแทนที่
ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
คำคำนี้น่าจะบรรยายความรู้สึกของซอลได้ดีที่สุด ในตอนนี้ที่เขารู้สึกสงบและปลอดภัยขณะนอนจับมือแน่นอยู่ข้างๆ ศศิน ไอ้หมาจิ้งจอกคนนี้ จนผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้นซอลตื่นมาด้วยเสียงไก่ขันที่ดังมาจากฟาร์มไก่ข้างๆ งัวเงียตื่นขึ้นมาก็พบว่า ศศินคงตื่นและออกไปข้างนอกก่อนแล้ว “ทำไมไม่รู้จักปลุกวะ”
ซอลเด้งตัวรีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนออกไปพบว่าศศินกำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่กับป้าพิณลุงศร
“เอ้าคุณซอล มาๆ กินข้าวกัน” ป้าพิณเรียกซอลพร้อมตักข้าวต้มร้อนๆ วางไว้ตรงที่ว่างข้างๆ ศศิน ซอลจำต้องหย่อนตัวนั่งตรงที่ว่างนั้น ในขณะที่ศศินส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองมาพร้อมๆ กับเอามือขวาของตัวเองที่เท้าคางอยู่เลื่อนขึ้นมาตรงปากและจุ๊บเบาๆ พร้อมหอมดมยั่วโมโหซอลเล่นๆ
.
มือนั้นที่นอนจับกันทั้งคืน
.
ซอลแก้มแดงระเรื่อรีบจ้วงข้าวต้มใส่ปาก ก่อนร้องลั่นเพราะมันร้อนจนแทบลวกลิ้น
ศศินขำเบาๆ “อย่ามัวแต่เล่น.. รีบกิน เดี๋ยวไปบ้านโน้นกัน”
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ ศศินและซอลเลือกหยิบขวดเครื่องดื่ม Z ที่เหลืออยู่ พากันเดินลัดเลาะไปตามทางที่เดือนมาเมื่อคืน ผ่านคูน้ำที่ตอนนี้เห็นชัดเจนแล้วว่า มันไม่ได้ลึกอย่างที่คิด ความสูงก็แค่ประมาณครึ่งตัวคนแถม ตกลงไปก็แค่ตกน้ำที่ลึกแค่หัวเข่า ไอ้หมาศศินมันดราม่าอย่างกะตกเหว
“ก็มันมืดนี่หว่า” มันแก้ตัวใหญ่
เลยจากคูน้ำนั่นไปก็ถึงท้ายไร่ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ของคนงานที่มีบรรดาเด็กๆ สามสี่คน ทั้งเด็กเล็กวัยรุ่นวิ่งเล่นกันอยู่
“ลูกคนงานของลุงศรน่ะ เมื่อคืนจะเอา product มาให้เขาลองกินกันดู แต่ลื่นซะก่อนตรงนี้” มันชี้ให้ดูหลักฐานรอยโคลนที่ร่างยักษ์ของมันไถลทิ้งไว้ …ถึงว่าจู่ๆ ก็หายวับไปที่แท้ลงไปวัดพื้นเล่นนี่เอง
ซอล อดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพไอ้หมายักษ์จอมหยิ่งกลิ้งล้มไม่เป็นท่าตรงนี้
ศศินกระแอมเล็กน้อย ก่อนเดินนำหนีเข้าไปหาเด็กๆ
วัยรุ่นที่ได้ลองชิม Z ต่างก็ถูกอกถูกใจรสชาติของเครื่องดื่มใหม่นี้กันถ้วนหน้า ด้วยความที่ไม่หวานเกินไป แถมยังมีวิตามินดีต่อสุขภาพ มันสามารถเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนที่ติดน้ำอัดลมได้เป็นอย่างดี
“จริงๆ ถ้าเราสื่อสารแบบนี้ออกไป มันดูเป็นนวัตกรรมใหม่ที่แคร์สังคมได้มากเลยนะ” ซอลนั่งดูเด็กๆ พลางคิดถึงโจทย์การตลาดที่เขากำลังจะทำ
“ใช่ไหมล่ะ ถึงบอกไงว่านี่มันก้าวใหม่ของวงการ” ศศินเสริมขึ้น “กูบอกฝั่งบริหารไปแล้วว่าโปรเจคนี้ ให้ขึ้นตรงกับมึงนะ ฝ่ายบริหารจะไม่เข้ามายุ่งกับรายละเอียดแคมเปญ แค่จะช่วยตรวจเช็คในตอนไฟนอลให้เท่านั้นว่ามีอะไรที่เสี่ยงเกินไปไหม”
อ๋อ งั้นที่วันนั้นมันไปนั่งคุยกับคุณนภา ก็เรื่องนี้หรอกเหรอ
“คนเก่ง แม้กระทั่งปากอย่างมึงอะ กูว่าเอาอยู่” ศศินหลิ่วตากวนตีนใส่ซอลต่ออย่างไม่ยั้ง
ซอลมองกลับด้วยสายตายียวน ก่อนหยิบคำคมติดปากของไอ้หมาโบ้มาตอบมัน
“ดีใจที่ได้ยินครับ”
ศศินขำก๊ากกับการเก็บทุกเม็ดแบบไม่ยอมคนของมาเกตติ้งหนุ่มคนนี้
ตกบ่ายวันนั้น ศศินและซอลเก็บข้าวเก็บของและบอกลาคุณลุงคุณป้าก่อนที่จะขึ้นรถขับกลับกรุงเทพ ระหว่างทางกลับกรุงเทพ คนขับที่อารมณ์ดีภายใต้แว่นกันแดดสีดำ โยกตัวเบาๆ ไปกับเพลงที่ดังออกมาจากลำโพงในรถ ในขณะที่แอร์พัดเย็นสบายทำให้ผู้โดยสารที่นอนหลับไม่ค่อยสนิทเมื่อคืน กลับนอนหลับปุ๋ยน่าเอ็นดูบนเบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างสบายใจ จนลืมไปแล้วว่าเคยเกลียดและกลัวยานพาหนะคันนี้ หรือชายคนขับคนนี้มากแค่ไหน
เช้าวันต่อมา ซอลตื่นขึ้นบนที่นอนในอพาร์ตเมนต์ตัวเอง โอ้ย! สัปดาห์นี้ไม่ได้หยุดเลยนี่หว่า นี่ต้องแหกตาไปทำงานแล้วเจอกับไอ้ศศินอีกแล้วเหรอ
เพิ่งจะเห็นหน้ามันครั้งสุดท้ายไม่ถึง 24 ชม.เลยนะโว้ย
ว่าแต่
เมื่อซอลลองมาคิดๆ ดูแล้ว
ก่อนตายคราวก่อน ซอลไม่เคยต้องไปต่างจังหวัดกับไอ้ศศินแบบนี้เลยนี่หว่า แสดงว่าคำพูดหรือการกระทำอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปในคราวนี้ มันส่งผลให้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนไปด้วย
งั้นความตายที่ต้องเจอ…
มันอาจไม่มีแล้วก็ได้!!
วันนี้ซอลเลยเข้างานอย่างอารมณ์ดีกว่าที่เคย เขานั่งดูดลาเต้เย็นหวานน้อย ในขณะที่เล่าไอเดียที่ได้จากการลงพื้นที่ให้เหล่าน้องๆ ในทีมฟัง จนกระทั่ง..
กลิ่น Bleu de Chanel ลอยมาเตะจมูก
ซอลรู้สึกถึงความร้อนผ่าวแผ่ซ่านขึ้นมาจากหลัง ไล่ขึ้นมาถึงหูจนแดงก่ำ ก่อนที่หลังจะถอยไปชนกับแผงหน้าอกกำยำของศศินที่ยืนอยู่
“โอ๊ะ พี่ปวดฉี่” ซอลรีบบอกน้องๆ ก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไป
ตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้เป็นอะไร ซอลยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากะไอ้ลูกหมา ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา แค่อยู่ใกล้ๆ หรือได้กลิ่นฟีโรโมนจากตัวมันเมื่อไหร่ หน้าก็จะเริ่มแดงจนกลัวว่าคนจะจับได้ทุกครั้ง
ทั้งวันเลยต้องเหนื่อยกับการหลบหน้า หาข้ออ้างไม่ข้องแวะกับไอ้ศศิน จนกระทั่ง
“ผมอยากให้คุณซอลลงไปดูฟุตเทจที่เราถ่ายกันมาที่ห้องตัดต่อกับผมหน่อย” ศศินเดินเข้ามาวางอำนาจเสียงดุที่แผนก ทำให้ซอลต้องเดินตามคำขอร้องกึ่งคำสั่งนั่นลงไปอย่างเสียไม่ได้
ทั้งสองเบียดตัวเข้าไปในห้องแผนกตัดต่อขนาดกะทัดรัด เอี้ยวตัวดูหน้าจอมอนิเตอร์จากด้านหลังคนตัด ในขณะที่ศศินยืนซ้อนหลังซอลอีกทีแล้วเอี้ยวตัวเอามือสอดผ่านไหล่ของคนตรงหน้า ไปทำทีชี้จอสั่งคนตัดโน่นนี่ ยังกะไม่ได้ตั้งใจ จนซอลต้องคอยทำปากไล่ให้ไปยืนไกลๆ ตลอดเวลา
แต่ไอ้ศศินมันยอมซะที่ไหน
ไอ้หมาโบ้ยิ่งโน้มตัวลงมาจนหน้าใกล้กับหน้ามาร์เกตติ้งหนุ่มจนแทบจะติด
ตื้ด… ตื้ด… ตื้ด…
คุณพระ! โทรศัพท์ช่วยชีวิต
ไอ้ดอยโทรมาเพราะหาไฟล์ไม่เจอ
ซอลเลยรีบขอตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง
หลุดจากเงื้อมมือของสุนัขจิ้งจอกได้อย่างหวุดหวิด
ในที่สุดคลิป PR ก็ตัดต่อเสร็จ ด้วยการใช้คลิปที่ถ่ายจากมือถือของคุณลุงคุณป้าที่เสริมให้มู้ดของคลิปโดยรวมดูมีความจริงใจมากขึ้นมาตัดยำรวมกัน การปล่อยคลิปนี้ออกไปพร้อมคำแถลงการณ์ของบริษัท จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างแน่นอน
เย็นนั้น หลังจากเรื่องราววุ่นวายของไอ้หมอแก่จบลง ซอลก็เดินทอดน่องกลับบ้านด้วยความสบายใจ เขาไปแวะนั่งจิบเบียร์ในสวนสาธารณะที่เดิม ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นที่ประจำใหม่ของเขาคนนี้ไปแล้ว
ท้องฟ้าสีม่วงค่อยๆ มืดลง พร้อมลมเย็นที่โชยมากระทบหน้า
ทำให้ซอลผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือน
ทุกอย่างตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไป
แม้แต่..
ตอนที่นึกถึงหน้าไอ้ศศินคราวนี้ มันไม่ใช่อารมณ์โกรธหรือโมโหแบบเดิม
แต่มันเป็นความรู้สึกใหม่
ที่ทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง
และหน้าร้อนผ่าว
เหมือนอย่างตอนนี้ ที่จู่ๆ มันก็โทรมา..
“มีไร” ซอลรับสายเก๊กเสียงห้วน
“ถึงห้องยัง”
“ยัง มานั่งเล่นที่สวนอะ มีไร”
“เปล่า กูแค่อยากขอบคุณมึง นึกว่าอยู่แถวที่ทำงานเลยจะชวนไปกินข้าว”
เหอะ.. ไอ้นี่มาไม้ไหนอีกวะ ซอลเดินคุยโทรศัพท์เตร็ดเตร่อยู่ในสวน เดินลึกเข้าไปจนกระทั่งรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในมุมมืดไร้วี่แววผู้คน ดีนะที่ยังมีไอ้ศศินคุยเป็นเพื่อน
“มึงมีแผนอะไร กูรู้นะ” ซอลเดินคุยไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นเงาผู้คนกลุ่มนึง กำลังคุย กันอยู่
เอ๊ะ..หรือจะเป็นเบสต์
ชายในกลุ่มนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นซอลและเดินตรงเข้ามาหา
ปรากฏว่า
ไม่ใช่เบสต์
แต่เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ซอลจำได้ว่าเหมือนจะอยู่ในกลุ่มที่อยู่กับเบสต์คราวก่อน
ในมือของวัยรุ่นคนนั้น..กำมีดแน่น มันพุ่งตัววิ่งเข้าหาซอล
ฉิบหายแล้ว
ซอลวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่เหลือวิ่งตามซอลไม่ลดละ
มันต้องทำอะไรผิดกฎหมายอยู่แน่ๆ
เรื่องนี้ซอลเชื่อ 99% ไม่มโนแล้ว
ซอลใช้แรงทั้งหมดที่มีสาวเท้าเร่งความเร็วมุ่งหน้าออกจากสวน
สองข้างทางเปลี่ยวไร้รถและผู้คน
ในขณะที่ซอลจ้ำเท้ามุ่งหน้าไปทางถนนเส้นที่นำไปสู่อพาร์ตเมนท์ของตัวเอง
ซอลสูดลมหายใจหอบ แฮ่ก
พ่นลมแรงในขณะที่กัดฟันวิ่งต่ออย่างไม่หยุดหย่อน
ชีวิตมันผ่านพ้นจุดแย่ๆ มาแล้วไง
มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้
เราจะตายไม่ได้
และแล้วสิ่งที่ซอลไม่อยากเห็นก็มาอยู่ตรงหน้า
รถ Porsche มัจจุราชสีดำคันเดิมขับพุ่งตรงมายังถนนเส้นนี้
สายตาดำกริบของชายร่างใหญ่คนขับจับจ้องมาที่เขาอย่างแน่วแน่
.
ไม่สิมันไม่ได้เป็นสายตาที่จะจ้องเอาชีวิต
มันเป็นสายตา
.
.
ที่มุ่งมั่นมาหาซอล
รถเก๋งคันนั้นพุ่งมาก่อนตบไฟสูงถี่ๆ ราวกับเตือนให้ระวัง
.
โครม!
ร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มลอยละล่องอยู่กลางอากาศ เคลื่อนที่ไปตามโมเมนตัมของการกระแทกอย่างรุนแรงจากรถเก๋งสีดำขลับ ที่สะท้อนเงามืดของท้องฟ้ายามราตรี
ก่อนจะทุกอย่างจะดับวูบ ดวงตากลมโตมองลอดผ่านแผงกระจกหน้ารถที่แตกละเอียดไปสอดประสานกับดวงตาดำมืดอันเย็นยะเยือกของชายหนุ่มเจ้าของรถเก๋งคู่กรณี
ดวงตานั้นจับจ้องไปเบื้องหน้า
หากแต่คราวนี้ซอลเพิ่งรู้ว่าเจ้าของดวงตานี้ไม่ได้ “จงใจทำ”
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในวินาทีนี้ แทนที่จะจ้องเข้าไปในแววตาที่ดำมืดดูไร้วิญญาณนั้น ซอลเลือกที่จะมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ตัว จนเจอรถมอเตอร์ไซค์คันโต ที่เพิ่งบิดเซจากการกระแทกคนให้หล่นจากพื้นฟุตบาทไปชนกับรถที่วิ่งมาตรงถนนด้านหน้า
มอเตอร์ไซค์ไร้ป้ายทะเบียน ที่พาเขารับลมเมื่อเดือนกุมภา
ผมยาวที่ปลิวลอดออกมาจากหมวกกันน๊อก
.
.
กับแผ่นหลังของไอ้เบสต์ที่ค่อยๆ ลับหายไปจากโค้งตรงนั้น
ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดลง..
ภายในรถเก๋งคันนั้น
แววตาดำมืดของคนในรถเก๋งคันดำยังจับจ้องที่เดิมไม่ไหวติง
ดวงตาที่เหมือนความรู้สึกถูกเด็ดทิ้งแล้ว หลุดลอยออกไปไกล ค่อยๆ สั่นสะท้าน
ภายใต้แววตาจิ้งจอกนั้น
.. น้ำตาสีใสเอ่อล้น
หยดไหลเป็นทางหล่นร่วง
จากใบหน้าที่ช๊อคนิ่ง ไม่ไหวติง