เธอผู้แหกทุกกฎโรงเรียน แต่คู่หมั้นดันเป็นสภานักเรียนที่เธอโคตรเกลียดและไม่ชอบขี้หน้า
รัก,ดราม่า,หญิง-หญิง,โอเมกาเวิร์ส,มัธยมปลาย,คอมเมดี้,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บริษัทแห่งหนึ่ง..
“พรุ่งนี้ฉันจะให้ลูกสาวฉันมาดูตัวลูกสาวแก”
“พรุ่งนี้หรอ ดีเลย..”
“ทำไม ดูรีบร้อนเป็นพิเศษเลยล่ะ”
“ก็ฉันยังไม่บอกมันเรื่องที่ต้องหมั้นเลยน่ะสิ กลับไปจะได้บอกเลย”
“อ้าวว..ฉันนึกว่าแกบอกแล้วซะอีก แล้วทำไมยังไม่บอกอีกล่ะวะ”
“ถ้าขืนฉันบอกไปตอนนั้นนะ มีหวังมันคงบ่นให้ฉันฟังยาวๆ แน่ จะได้บอกวันนี้เลยจะได้ไม่ต้องฟังเสียงบ่นยาวๆ เพราะหลังจากวันนั้นแล้วมันจะได้ไม่บ่น ขี้เกียจฟัง”
“นี่ลูกหรือแม่กันแน่วะ..555”
“ฉันว่าแม่55555”
เขายิ้มและหัวเราะให้คู่สนทนาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเปรียบเทียบลูกของตนว่าเหมือนแม่ของตัวเอง
.
“ฮัดชิ้วว!!”
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้าห้องน้ำแต่กลับจามขึ้นเสียงดังแล้วยกมือขึ้นบีบขยี้จมูกตัวเอง
“โอ้ยย!! ใครนินทาฉันเนี่ยย..”
.
“แต่เมื่อวานฉันบอกยัยเอิร์ทแล้วนะ มันยืนกรานแทบตายว่ายังไงก็จะไม่ยอมหมั้น แต่พอเห็นหน้าลูกแกเท่านั้นแหละ มันรีบตอบตกลงโดยไม่มีการลังเลอะไรเลย แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนมีเล่ห์ในยังไงก็ไม่รู้”
เขาสาทยายเรื่องของลูกสาวของตัวเองให้เพื่อนคู่สนทนาฟัง
“แปลกๆนะลูกแก หรือว่าเค้าเคยเจอกันแล้ววะ”
“ทีแรกฉันก็คิดเหมือนแกเหมือนกัน เอ้าา..เดี๋ยวต้องไปแล้วว่ะ มีประชุมบ่าย”
เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วบอกกับเพื่อน
“แล้วเจอกัน”
“แล้วเจอกัน!!”
จบประโยคชายวัยกลางคนก็เดินออกไปจากห้องของเพื่อนตัวเองที่เป็นถึงประธานบริษัทกิติพัตน์ กรุ๊ป
.
.
.
.
.
.
วันดูตัว...
“เป็นฝ่ายนัดเองแท้ๆ แต่กลับมาทีหลังแล้วให้คนอื่นเค้านั่งรอ มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
นัทธมนบ่นพึมพำอยู่คนเดียวพร้อมแสดงอาการไม่พอใจอย่างมากออกมาปะปนกับความอารมณ์เสียอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย
“บ่นอะไรอยู่คนเดียว”
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามากล่าวทักหญิงสาวตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีไม่น้อย
“เฮ้อะะ!! นี่เธออีกแล้วหรอเนี่ยย..”
เธอสบถขึ้นมาเสียงดังเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังนั่งลงเบื้องหน้าตัวเอง
นี่ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้ก็ไม่รู้ ถึงได้เจอแต่กับยัยบ้านี่ตลอดเลย
“นี่..ใครบอกให้เธอนั่งฮะ!!”
“ชู่ววว..อย่าเสียงดังสิคะ คนมองหมดเล่า แค่คู่หมั้นจะนั่งด้วยแค่นี้ไม่ได้หรอคะรุ่นพี่คนสวย”
เธอฉีกยิ้มออกมา
“อะไรนะ!!”
“ชู่ววว!! เอิร์ทบอกแล้วไงคะว่าอย่าเสียงดังอ่ะ”
“อย่าบอกนะว่า..คนที่พ่อจะให้ฉันหมั้นด้วยเป็นผู้หญิง นี่พ่อเขาคิดอะไรของเขาอยู่นะถึงให้ลูกตัวเองหมั้นกับผู้หญิงอ่ะ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นจะไม่ว่า แต่นี่ดันเป็นผู้หญิงแบบเธอ คือมันแบบ....”
เธอไม่พูดต่อเพียงแต่ทำเป็นท่าทางที่ไม่พอใจปะปนไปกับความดูถูกอีกฝ่าย แล้วมองแบบหยามๆ
“ทำไมคะ..ผู้หญิงอย่างเรานี่มันทำไม...”
เธอกล่าวแล้วเอ่ยหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกยิ้มมุมปากเพื่อจะยียวนกวนประสาทคู่สนทนาตรงหน้า
“พูดจากวนประสาท กวนบาทา ชอบยั่วโมโหคนอื่น เจอทีไรก็มีแต่เรื่องซวยกับซวยทุกที..ไม่มีเรื่องไหนดีเลยสักเรื่องเดียว โฮ้ยยย!!”
เธอกล่าวจนจบแล้วกอดอกตัวเองหันหน้าไปออกไปมองข้างนอกร้านผ่านกระจกสีใสอย่างอารมณ์เสีย
ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะเนี้ยยย!!
“ว่าไป๊..ถึงรูปร่างภายนอกของเอิร์ทเนี่ยจะเป็นผู้หญิงน้าาา แต่ภายในที่ซ้อนไว้อยู่อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้น้าา..ใครจะไปรู้ ฮึ่ฮึ่ฮึ่!!”
เธอหัวเราะอย่างมีเล่ห์ในแฝงอยู่
มันจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะ โรคจิตรึเปล่าวะเนี่ยย!!
“โรคจิตวะ!!”
“อ้าวๆ..อยู่ดีๆมาว่ากันโรคจิตได้ไงกันเล่า”
“อยากว่า..จะทำไม ถ้าให้ฉันต้องมาหมั้นกับคนอย่างเธอนะ ฉันยอมไปเอากับหมีควายในป่าซะยังจะดีกว่ามาหมั้นกับเธอ แบบนั้นคงจะดีกว่าเยอะ!!”
“ก็เอาดิ!!”
“นี่! อย่ามาท้าฉันนะ”
“เปล่าท้าน้าาา!! แต่ว่านะ ก็คงต้องถามหมีควายก่อนว่ามันจะเอากับรุ่นพี่รึเปล่า”
เธอกล่าวปฏิเสธต่อด้วยประโยคคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่ต้องการยั่วโมโหอีกฝ่ายแทนพร้อมทั้งยิ้มให้เป็นเล่ห์ลมคมใน
“ยัยบ้านี่..”
ดูมันๆ ยังจะมายิ้มได้อีก เวรกรรมอะไรของฉันนักหนาเนี้ย ชาตินี้จะหนีไม่พ้นเลยหรือไง
.
.
แต่หลังจากสิ้นสุดวันนั้นฉันก็ต้องมาเจอกับอีพี่เอิร์ทอะไรนั่นอีกที่หน้าโรงเรียน หรือแม้กระทั้งคาบที่ต้องเดินเรียนหรือพักเที่ยงเลิกเรียนที่ต้องเจอกันแทบทุกวัน
แต่วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องใส่ชุดพละ ฉันก็ไม่ต้องทำอะไรมากแค่ต้องใส่ถุงเท้าสั้นไม่ยัดเสื้อเข้าข้างในไม่ผู้โบว์โรงเรียนก็เท่านั้น แต่ฉันซะอย่างไม่ใส่แม่งเลยถุงเท้า..แม่งเข้าโรงเรียนเลย ค่อยไปใส่ข้างในเลยทีเดียว นี่ฉันดูเลวไปมั้ยอ่ะ555 ไม่หรอก..
ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าพวกสภานักเรียนจะเป็นยังไง โดยเฉพาะอีพี่เอิร์ทนั่นมันจะทำยังไงกับฉัน
ฉันเดินไปไหว้พวกสภาพที่มายืนรับไหว้อยู่3-4คน แต่แปลก..ที่ว่าเช้านี้ไม่เจอยังนั่นเลยฉันจึงมองซ้ายมองขวาเพื่อจะหาว่ายัยนั่นอยู่ไหน
“มองหาใครหรอพี่”
เสียงฮ้าวของชายหนุ่มสภานักเรียนรุ่นน้องคนหนึ่งกล่าวดังขึ้น
“อ้ออ..เปล่า เปล่าา..เปล่า...”
ฉันตอบกลับรุ่นน้องสภานักเรียนคนนั้นไปแล้วรีบเดินเข้าโรงเรียน
“เดี๋ยวก่อนพี่...”
ชายหนุ่มคนนั้นเรียกเธออีกครั้ง เธอจึงหยุดยืนแล้วหันไปมองหน้าเขา
“คะ!!”
“ถุงเท้าทำไมไม่ใส่”
“ค่อยไปใส่ข้างในก็ได้ป่ะน้อง..”
ฉันกล่าวแล้วล้วงมือเข้าไปข้างกระเป๋าเป้แล้วหยิบถุงเท้าขึ้นมาโชว์ให้ดูคู่หนึ่ง
“หรือถ้าจะให้ใส่ตรงนี้เลยเอามั้ยล่ะ”
เธอทำท่าเหมือนจะนั่งลง
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง..ผมแค่ถามดูเฉยๆ”
ก็นึกว่าจะให้ฉันนั่งใส่ตรงนี้จริงๆซะอีก แล้วฉันก็หันกลับเตรียมจะเดิน แต่ทว่าา...
“แล้วโบว์ผูกผมล่ะ”
หญิงสาวคนหนึ่งโพล่งปากพูดกระซิบขึ้นมาข้างหูของเธออย่างคุ้นหูคุ้นด้วยน้ำเสียงการพูด ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นเป็นใคร
“ทำหล่นข้างทาง..จะไปตามเก็บให้มั้ยล่ะ”
เชี่ยย!! นึกว่าจะไม่มาซะอีกตายล่ะกู โดนยัยนี่จับอีกแน่ๆ มายืนตรงหน้าฉันซะขนาดนี้เนี่ยย..
“อ้ออ..หรอคะ!! แล้วนี่อะไร”
เธอกล่าวแล้วเหลือบตามองไปในกระเป๋าของอีกคน แล้วหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
“เชี่ยยย!!”
เธออุทานออกมาแล้วคว้าเอาโบว์ผูกผม ก่อนรีบวิ่งแต่ไม่ทันโดนคว้าข้อมือแล้วโดนดึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเธอต้องชนเข้ากับคนที่ดึงเธอไว้จนล้มลงนอนกับพื้น จนคนทั่วบริเวณนั้นหันมามองกันและในขณะนั้นอาจารย์ก็ได้เดินมาเห็นพอดี
ทั้งสองร่างนอนทับกันบนพื้นใบจนแทบจะจูบกันได้อยู่แล้ว แต่หน้าดันอยู่ห่างกันเพียงเสี้ยวปลายจมูกเท่านั้น และจ้องตากันดังต้องมนตราอยู่ครู่หนึ่ง
“เธอสองคนทำอะไรกัน...”
เสียงอาจารณ์ใหญ่ดังขึ้นจนเธอทั้งสองคนต้องหลุดจากพวังแล้วรีบลุกขึ้นแล้วรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย
“มี..”
“ไม่มีค่ะ”
ทั้งสองพูดพร้อมกันแต่คนละคำตอบ จนอีกคนหันไปมองหน้าคนตอบปฏิเสธอย่างเจ้าเล่ห์
“ตกลงมีหรือไม่มีกันแน่”
“ไม่มีค่ะ! แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
อาจารย์ใหญ่ได้ฟังดังนั้นก็เอามือคัดหลัง
พอยัยนั่นพูดจบอาจารย์ใหญ่ก็ยืนมองหน้าเราสองคนอย่างเข้มขึมก่อนจะเดินไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โฮ้ววว..โล่งงงง!!”
“โล่งเรื่องอะไร..”
“เรื่องของฉัน..ชิ!!”
นัทธมนกล่าวแล้วจิปากพร้อมกับรีบเดินหนี พิชญาจึงเดินตามไปและเพื่อนของพิชญาที่เป็นสภานักเรียนด้วยกันจึงมองตามหลังไปด้วย
“นี่..เดี๋ยวก่อนเซ้.....”
เธอดึงคนข้างหน้าหันกลับมา
“อะไรอีกวะฮะ!!”
“เลิกเรียนเอิร์ทไปส่งมะ... OK! เลิกเรียนนี้เจอกัน”