- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –
“what the fuck”
เฟิงมี่
“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’”
หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)
“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”
ลูซินัส (ท่านพ่อ)
...หลังจากนั้น....
“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!”
ลูชิเอล (ท่านอา)
“อัปลักษณ์จริง...”
หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)
คำชี้แจ้ง&ทักทาย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊
(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)
อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊
นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย
เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ
ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️
ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇♀️
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)
Wah_Cherly
นัก(หัด)เขียน
นิยายเรื่อง ล่ารักเชลยศึกออสโทเปียร์ เป็นหนึ่งในนิยายที่เธอซื้อมาอ่านแก้เซ็งแน่นอนมันเป็นนิยายวายตามสไตล์ที่เธอชอบ
จำได้ว่าตอนอ่านด่าพระเอกเกือบทุกบรรทัดที่รังแกนายเอก จับเขามาเป็นเชลยก็ดูแลดี ๆ หน่อยก็ไม่ได้ทั้งที่นายเอกก็ช่วยชีวิตไว้ตอนโดนดาบศัตรูเจื๋อนมาให้เป็นนายบำเรอเฉยได้เสร็จก็โยนไปไว้วังหลังที่มีอสรพิษรอขย้ำเป็นสิบ โดนแกล้งไม่เว้นวัน บ้าแต่สงคราม นาน ๆ กลับมาทีกลับมาแม่งก็ ขืนใจนายเอกลูกเดียวแต่ล่ะฉากที่บรรยายสภาพนายเอกหลังทำเรื่องอย่างว่ากับไอเวรนั่นเหมือนโดนรุมโทรมมาคงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าฉากอย่างว่ามันร้อนแรงแค่ไหนเหตุผลที่นิยายเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ ก็เพราะฉากพวกนั้นนั่นล่ะ...เธอเองก็อ่านข้าม ๆ ไปพอสมควรเพราะไม่ถูกจริตกับพระเอกที่เจ้าชู้ทำตัวเหมือนหมาล่าเนื้อเท่าไร...นายเอกเรื่องนี้ก็ยิ่งกว่าแม่พระมาโปรดตอนโดนพวกนายบำเรอคนอื่นแกล้งก็ไม่เคยเอาไปฟ้องพระเอกเจียมตั่วเจียมตัว! ปล่อยให้เขาแกล้งถ้าไม่มีองครักษ์ที่พระเอกทิ้งไว้ให้คงได้ตายแน่ ๆ
และแน่นอนเธอชิบเรือผีคู่นี้...
เธอไปอ่านอย่างละเอียดอีกทีคือตอนจบของเรื่อง ที่นายเอกหนีออกมากับองครักษ์บอกเลยว่าโค ตะ ระ สะใจ!
อ่านจบแต่เพียงเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้ซื้อเล่มสองมาอ่านต่อเพราะไม่ชอบพระเอก
มโนต่อเอาเองว่านายเอกคู่กับคุณองครักษ์....
ตัดภาพมาที่เรื่องจริงที่เธอกำลังเผชิญ...แล้วช่วยบอกเธอทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องต่อของนิยายเวรตะไลนั่น
“เฟิงมี่ ลูกจะถอนต้นน้ำค้างเล่นอย่างนั้นไม่ได้น่ะ ถ้ามันตายหมดแล้วแม่จะเอาที่ไหนมาทำยา”
เธอมองผู้ชายตรงหน้าด้วยใบหน้าอยากจะร้องไห้
เรือนผมยาวสีน้ำตาลใบหน้างดงามไร้ที่ติ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมาที่เธออย่างรักใคร่ออร่าแม่พระแสนดีที่เปล่งประกาย...
ร่างสูงโปร่งแต่ผอมบางเดินเข้ามาช้อนร่างตุ้ยนุ้ยของเธอขึ้นอุ้มเธอเองก็วาดแขนกอดคออย่างรู้งานเอาคางเกยไหล่บาง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ใบหน้างามล้ำเสียสตรีบางคนยังนึกอิจฉาหันมามองเธออย่างแปลกใจแต่ยังไม่ได้เอ่ยถามเสียงทุ้มของคนคุ้นเคยก็เอ่ยเรียก
“ท่านลู่อิง ผมซื้อเนื้อปลาทะเลจากเมืองท่ามาฝาก...เห็นว่าพรุ่งนี้จะมีพ่อค้าจากในแผ่นดินใหญ่ของออสโทเปียร์ผ่านทางหมู่บ้านพอดีท่านอยากได้อะไรหรือไม่”
ลู่อิง ก็ชื่อ นายเอกในนิยาย
ออสโทเปียร์ ก็ชื่อจักรวรรดิของไอเวรพระเอกนั่น
“ลำบากท่านนาซิสอีกแล้วขอบคุณนะขอรับ”
“ไม่เป็นไรขอรับ...มันเป็นหน้าที่”
นาซิส ก็ชื่อองครักษ์ที่พานายเอกหนี...
อึก....คิดแล้วก็เศร้า
ทุกอย่างมันลงล็อคไปหมดอุส่าคิดว่าเกิดในโลกธรรมดาที่ไม่มีพระเจ้าบ้า(นักเขียน) บงการแล้วเชียว
ดวงตาของเธอทอดมองไปยังทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและดอกหญ้า ยามท่านแม่พาเดินกลับบ้านที่อยู่สุดขอบชายป่าอีกด้าน มีท่านอานาซิสเดินตามมาไม่ห่างพอคิดอีกที...นาซิสในนิยายล่ารักเชลยศึกออสโทเปียร์เป็นหนุ่มใจดีหน้ายิ้มพิมพ์นิยมขององครักษ์ราชาในนิยายเรื่องต่าง ๆ เรือนผมสีดำกับดวงตาสีฟ้าสดใส ตัวสูงโปร่งสมส่วนตามรูปลักษณ์ของผู้ชายที่เป็นทหาร....ปรายมองไปยังร่างที่เดินเยื้องด้านหลัง
มันท่านอานาซิสของเธอชัด ๆ !
ท่านอานาซิสที่เห็นเธอจ้องอยู่ก็ส่งยิ้มหวานมาให้...ถ้าเป็นปกติคงหน้าแดงหลบหน้าซุกท่านแม่ไปแล้วก็ทำไงได้เธอแพ้ผู้ชายอ่อนโยนนิน่าแต่ตอนนี้….
เฮ้อ~
เหมือนทำจิตวิญญาณหล่นหาย
ที่ท่านแม่มาอยู่บ้านในป่าเธอคิดว่าก็คงเพราะไอเวรลูกหมาพระเอกที่เธอไม่ปลื้มอย่างแรงนั่นต้องส่งคนออกตามล่าแน่แน่ท่านแม่ถึงมาหลบซ่อนที่นี่
“นี่ให้คุณหนูขอรับ...”
ดอกหญ้าสีขาวที่ถูกทำเป็นมงกุฎถูกหยิบยื่นให้ เธอเอื้อมมือป้อมไปรับอย่างทุกทีไม่ได้เอ่ยอะไร...วันนี้มีเรื่องให้คิดเยอะไปหมด...ทำไมกันนะได้เกิดใหม่ทั้งทีให้มันสบายอย่างที่ไม่ต้องคิดอะไรได้ไหม!
จากที่ตอนแรกจะปล่อยตัวปล่อยใจไปตามชีวิตมีความสุขกับท่านแม่และท่านอานาซิสกลับต้องมาเครียดวางแผนชีวิตต่อจากนี้อีก นักเขียนบรรลัยนั่นอย่างไรเล่มต่อไปก็ต้องเขียนให้พระนายเจอกันอยู่แล้วซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรอีกเพราะเธอไม่ได้ซื้อเล่มสองมาอ่านไหนจะอุปสรรคทดสอบรักแท้แค่ก ๆ พล็อตเรื่องที่ต้องมีอุปสรรคให้เหล่าตัวเอกฝ่าฟันอีก
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าดูไม่ค่อยสดใสเลยนะขอรับ ท่านลู่อิง”
“อืม นั่นสิ เห็นเงียบมาตั้งแต่ออกจากบ้านท่านยายรินนะแล้ว”
ท่านแม่ผละเธอออกจากอ้อมกอดเพื่อมาดูใบหน้า
“งอนแม่เหรอ แม่ยังไม่ได้ดุเราเลยนะ”
เธอส่ายหัวจนเส้นผมสีทองที่ถูกมัดเป็นก้อนซาลาเปาที่ยามะเสะมัดให้ใหม่หลังเธอดึงทึงผมจนหัวยุ่ง เด้งไปมา ก่อนจะขืนตัวกอดคอซบบ่าท่านแม่เหมือนเดิม
“ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ”
ท่านอานาซิสเอ่ยถามท่านแม่และมองเธออย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเหมือนเคยถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
“ไม่หรอกตัวไม่ร้อน สงสัยคงหมดแรง เลยงอแง ก็วิ่งเล่นมาทั้งวันนี่เนอะ”
...
ฝ่ามืออบอุ่นของท่านแม่วางลูบหัวลูบหลังเธอ
“เป็นอะไร หืม คนเก่ง ของแม่ หน้าบึ้งตั้งแต่เมื่อเย็น อาบน้ำแล้วยังไม่สบายตัวอีกหรือ”
ท่านแม่ที่กำลังจับแขนป้อมของเธอยัดใส่แขนเสื้อชุดนอนสีขาวเอ่ยถามพลางจับยกอุ้มไปไว้หน้ากระจกเพื่อหวีผมให้เธอเมื่อแต่งตัวเสร็จ
ภาพที่สะท้อนผ่านกระจกทำให้เธออยากจะแค่นยิ้ม เลือนผมสีทองกับดวงตากลมเป็นประกายสีแดงดังทับทิม ครั้งแรกที่เห็นรู้สึกชอบมันมาก ๆ แต่ตอนนี้นะเหรอเหอะ ๆ เอารูปลักษณ์เดิมของเธอมายังจะสบายใจกว่าเยอะถึงจะไม่สวยเท่าร่างนี้ก็ตาม...เล่นเหมือนเจ้าพระเอกเวรนั่นราวกับโคกกันออกมากลัวนักอ่านจะไม่รู้ว่าเธอลูกใครหรือไงกัน!
เข้าสำนวน เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น
เกลียดไอเวรนั่นเลยได้ไอเวรนั่นเป็นพ่อ....ดีจริง!
ดวงตาสีแดงหรี่ลงมาอย่างเซ็งจิตก่อนเลื่อนไปสะดุดกับบางสิ่งที่สะท้อนผ่านกระจก เป็นรอยตีตราที่เธอข้องใจมาตลอดสามปีแต่ตอนนี้กระจ่างจนอยากให้มันขุ่นเหมือนเดิมเสียจริง
การไม่รู้จะรู้สึกสบายใจกว่าเยอะ!
มือป้อมของเธอเอื้อมไปลูบรอยตีตราของเหล็กร้อนสัญลักษณ์ของจักรวรรดิออสโทเปียร์ที่โผล่พ้นสาบเสื้อชุดของท่านแม่ ตำแหน่งอกข้างซ้าย
“มามี้...เจ็บเป่า”
“เจ็บอะไร หืม”
ร่างของเธอถูกหมุนให้เผชิญกับหน้ากับนายเอกคนงามของเรื่องที่กลายเป็นท่านแม่สุดที่รักของเธอ
ร่างของท่านแม่คุกเข่าอยู่หน้าเธอเพื่อให้สนทนากันง่ายขึ้นส่วนสูงของเธอที่นั่งอยู่บนโต๊ะพอดีกับรอยตีตรานั่น
มือของเธอยกขึ้นลูบผ่านมันก่อนวางทาบมันเอาไว้
ท่านแม่ดูชะงักค้างไปก่อนจะวาดยิ้มตอบเธอกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ
“ไม่เจ็บเลยคนดี...ไม่เจ็บเลย”
หึ...โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย คงเป็นลักษณะของนายเอกทุกเรื่องหรือเปล่านะ
ไม่เจ็บแล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ
....ร่างเล็กของเธอถูกดึงรั้งไปกอด
เจ็บก็พูดออกมาสิ
....เธอเป็นลูกของท่านแม่น่ะ....ชาตินี้น่ะท่านแม่เป็นแม่ของเธอ เด็กที่โหยหาความรักจากครอบครัวมาทั้งชีวิตน่ะ...เมื่อได้มันมา...แล้วจะยอมสูญเสียมันไปได้ง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน
ต่อให้เป็นพระเอกเวรนั่นก็อย่าหวังว่าจะได้ท่านแม่ไปง่าย ๆ ...หาเจอแล้วไงเจอกันแล้วไงบุพเพวาสนานักเขียนอะไรนั่นเธอไม่สนหรอกจะกีดกันให้หมด..พ่อเธอ เธอเลือกเองได้เว้ย! ถ้าโตก่อนมันเจอก็ดีไปจะไปเจื๋อนคอทิ้งแม่ง อย่างไรร่างนี้ก็คงต้องมีไม้ตายบ้างล่ะว่ะลูกพระเอกกับนายเอกของเรื่องเลยนะไม่เมพก็จะทำให้เมพเอง
จะไม่ให้ใครหน้าไหนมารังแกท่านแม่ได้!
เธอกระชับอ้อมกอดที่กอดไม่รอบตัวของท่านแม่ให้แน่นขึ้นดวงตาสีแดงเรืองรองอย่างตั้งมั่น
แต่ก่อนอื่นต้องปลอบท่านแม่ก่อน
“โอ๋ โอ๋ มายยอง อึก อืออออ”
แล้วไงเธอถึงร้องไห้กัน ยิ่งพอท่านแม่เงยหน้าขึ้นมามองจนเห็นน้ำตาและดวงตากลมสีน้ำตาลที่แดงระเรื่อนั่นเธอก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ คงเป็นอารมณ์ความผูกพันของร่างด้วยสินะ เห็นท่านแม่เจ็บก็เจ็บปวดตาม
ท่านแม่หยุดร้องไห้มากอดปลอบเธอแทนกว่าจะหยุดร้องก็ตอนที่เธอหลับไป....
.....
หยางเหยียนลู่อิง เช็ดใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาให้ลูกด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นก่อนอุ้มไปนอนบนเตียงที่สานพอดีตัวเด็กน้อย ภายในปูด้วยฝูกนุ่มที่อดีตองครักษ์รักษาพระองค์ นาซิส หามาให้
จัดท่าทางให้เด็กสาวเข้าที่ก็หันมาจัดการตัวเอง มือเรียวลูบสัญลักษณ์ที่ตีตราบนกายตัวเองด้วยดวงตาเหม่ยลอย...สัญลักษณ์ที่บอกว่าเขาเป็นของผู้ใดและชาตินี้ไม่มีวันเป็นของใครได้อีก...หากมันผู้ใดยุ่งเกี่ยวต้องเจอกับความตายที่แสนทรมาน ในข้อหาแตะต้องของขององค์มหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ ออสโทเปียร์ผู้ครอง 13 อาณาจักร 27 แคว้น 5 มหาสมุทร
ร่างที่จมอยู่กับความคิดเดินออกมานั่งดูดาวนอกชานบ้านเพื่อดับไฟในบ้านให้ลูกน้อยนอนหลับสบายตา
“ท่านลู่อิง ยังไม่นอนอีกหรือ นี่ดึกมากแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้านอนไม่หลับ น่ะ แล้วท่านนาซิสล่ะ?”
ร่างในชุดคลุมสีขาวเดินไปทิ้งกายบนแคไม้สาน เว้นที่ไว้ให้อีกคน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่เหม่อมองไปยังหมู่ดาว
“กระหม่อม พึ่งลาดตระเวนตรวจตรารอบ ๆ เสร็จ พ่ะย่ะค่ะ”
นาซิสเดินไปนั่งตรงขั้นบันไดของชานบ้านที่ยกขึ้นมาแทนเพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทและล่วงเกินแม้ยามนี้จะไร้ยศในทางนิตินัยแต่หยางเหยียนลู่อิงมียศศักดิ์ใดนาซิสล้วนทราบดี
“ขอบใจท่านนาซิสมากเลย ถ้าไม่ได้ท่านข้ากับเฟิงมี่คงลำบาก”
“กระหม่อมเต็มใจ”
“กี่ปีแล้วนะ...ท่านยังคงพูดจาเช่นนั้นกับข้าอยู่เลย มันคงไม่นานหรอกมั้ง...”
“....”
“ความรู้สึกของข้ากำลังบอกว่า...เขาเข้ามาใกล้ ใกล้เข้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ข้ากลัวหรือเกินท่านนาซิสว่าคนผู้นั้นจะพรากเฟิงมี่ไปจากข้า...ข้ากลัวใจเขาหรือเกิน”
“...”
“ไหนจะท่าน คนผู้นั้นคงไม่ฟังสิ่งใด ข้าพาท่านมาลำบากโดยแท้ ข้าคงได้แต่กล่าวขอโทษท่านไปชั่วชีวิตข้าแน่หากท่านเป็นอะไรไป”
หยางเหยียนลู่อิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสนเศร้าดวงตาเหม่อมองไปยังที่แสนไกล
“ท่านลู่อิงทุกสิ่งที่กระหม่อมทำล้วนทำด้วยเจตจำนงของกระหม่อม หาได้เป็นความผิดของท่านลู่อิง กระหม่อมเองก็ทำเพื่อจักรวรรดิ อารักขาเชื้อพระวงศ์ ปกป้องเชื้อพระวงศ์ สละชีพเพื่อจักรวรรดิล้วนเป็นงานของกระหม่อม อย่าได้โทษตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ เหตุที่ช่วยพระองค์หนีกระหม่อมและพระองค์ก็ล้วนทราบดี....ฝ่าบาทมิโปรดสตรีและเด็ก”
เสียงของอดีตองครักษ์ตอบอย่างตรงไปตรงมาปลายเสียงแผ่วลงก่อนจะเงียบหายไป
“หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’...”
หยางเหยียนลู่อิงอดจะยิ้มเศร้าให้กับชะตาของลูกสาวตัวน้อย
“ข้าก็คงได้แค่อ้อนวอนฟ้าให้ช่วยประวิงเวลาออกไปให้นางได้เติบโตมากกว่านี้...พึ่งตัวเองได้..เก่งกาจมากกว่านี้...ยามต้องพบเขาแม้ข้าจะไม่ยากให้นางพบเขาก็ตาม แต่วาสนายากตัดขาด...หากเสียเฟิงมี่ไปข้าคงไม่อาจอยู่เป็นผู้เป็นคน”
“ข้าขอสาบานต่อองค์มหาเทพข้าจะปกป้อง ‘องค์หญิง’ด้วยชีวิต เลือดนี้หลั่งเพื่อราชวงศ์ กายนี้สละเพื่อแผ่นดิน ลมหายใจมอบแด่ออสโทเปียร์ องค์มหาเทพเป็นพยาน”
นาซิสก้าวถอยหลังนั่งคุกเข่าลง วางมือขวาไว้ที่ตำแหน่งหัวใจให้คำมั่นสาบานต่อมหาเทพที่เป็นที่เคารพบูชาของจักรวรรดิ
(อดีต)
.
.
“ได้โปรดเสด็จกลับพระราชฐานด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านลู่อิง”
“ท่านนาซิส!”
“หากพระองค์ขัดขืนกระหม่อมคงต้องขออนุญาตล่วงเกิน”
“เดี๋ยวก่อนท่านนาซิส...ยามนี้ข้าไม่อาจกลับไปได้...อีกแล้ว”
“....”
“ได้โปรด”
“กระหม่อมเองก็ไม่อาจขัดพระบัญชาได้เช่นกัน..มาเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อยากทำร้ายพระองค์”
“ข้าท้อง!”
“...หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะพระองค์เป็นชาย...”
“หึ ตระกูลข้าสืบเชื้อสายมาจากภูตมีบุตรและธิดายาก บุรุษทุกคนในตระกูลจึงล้วนตั้งครรภ์ได้เพื่อไม่ให้ตระกูลล่มสลาย...ข้าเป็นหมอข้ารู้ดีว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับตน....”
“...ท่าน”
“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะเจ้ารู้ดีไม่ต่างจากข้าว่าฝ่าบาทไม่ประสงค์สิ่งใด ประสงค์สิ่งใดและเคยกระทำสิ่งใด...หากพระองค์รู้คงไม่ปล่อยไว้...”
“ข้า...”
“ได้โปรด...ท่านนาซิสให้เด็กคนนี้ได้มีโอกาสลืมตาดูโลกและหากเขาเป็นอะไรไปข้าคง...”
“งั้นเชิญทางนี้เถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้ทางลัด ยามนี้ฝ่าบาทสั่งคนกระจายกำลังไปทั่ววังแล้ว”
“ขอบคุณท่านนาซิส หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนบุญคุณท่าน”
“ไม่บังอาจมันเป็นหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งในบทสนทนาที่ถูกเก็บซ่อนในนิยายล่ารักเชลยศึกออสโทเปียร์