- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –
“what the fuck”
เฟิงมี่
“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’”
หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)
“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”
ลูซินัส (ท่านพ่อ)
...หลังจากนั้น....
“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!”
ลูชิเอล (ท่านอา)
“อัปลักษณ์จริง...”
หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)
คำชี้แจ้ง&ทักทาย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊
(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)
อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊
นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย
เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ
ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️
ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇♀️
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)
Wah_Cherly
นัก(หัด)เขียน
เฟิงมี่ถูกปลุกแต่เช้าตรู่เพราะวันนี้ต้องเข้าเมืองกับท่านนาซิส เพื่อไปซื้อขนมตามที่นาซิสเคยให้สัญญาไว้ว่าจะพาเธอไปเมืองท่าถ้ามีเรือสินค้ามาลง
ร่างตุ้ยนุ้ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของเหลวที่จะไหลไปกองได้ตลอดเวลา ยามอาบน้ำท่านแม่ต้องคอยจับไม่ให้หน้าทิ่มน้ำในอ่าง
“ถ้าง่วงนอนก็ไม่ต้องฝืนไปก็ได้นะน้ำผึ้งน้อย หึหึ ดูสิ ตาจะปิดอยู่แล้ว”
ท่านแม่ที่กำลังทำผมให้เธอเอ่ยท้วง มือบางหยอกล้อโดยการเกลี่ยเปลือกตาที่ฝืนปรือขึ้นมอง
“ฮ้าว ไม่เอา จาปาย”
เธอหาวจนน้ำตาเล็ด ส่ายหัวสีทองจนหางเปียที่พึ่งถักเสร็จข้างหนึ่งส่ายไปมา
“ไม่ใช่หลับตลอดทางเหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ”
เธอเคยเข้าเมืองกับท่านนาซิสแต่ทุกครั้งที่ไปก็หลับตลอดเพราะมันค่อนข้างไกลพอสมควร ตื่นอีกทีก็ตอนที่ถึงตลาดจะพูดว่าเมืองก็ไม่ถูกสักทีเดียวมันคล้ายท่าเรือใหญ่และเป็นศูนย์กลางของแคว้นมิซิกิโนะเสียมากกว่าบ้านที่ท่านแม่และเธออยู่เป็นเขตชนบทของแคว้น จากที่เธอได้ยินชาวบ้านพูดกัน แคว้นมิซิกิโนะเป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลมีทางเข้าออกเดียวคือท่าเรือนั่น แคว้นจึงค่อนข้างตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีการส่งบรรณาการให้จักรวรรดิ ออสโทเปียร์เพื่อให้ได้การคุ้มครอง
ที่นี่จึงค่อนข้างสงบสุข นับเป็นแคว้นที่ไม่เตะตาอะไรเมื่อเทียบกับ อาณาจักรและแคว้นที่จักรวรรดิออสโทเปียร์ถือครอง
ชุดที่เธอใส่วันนี้เป็นชุดที่คล้ายกับชุดของมิโกะในโลกเดิมของเธอด้านหลังเพิ่มลูกเล่นด้วยโบว์อันใหญ่ท่านแม่พันแน่นจนมันเห็นสัดส่วนพุงพุ้ยของเธอ ผมสีทองหยักโศกถูกเปียสองข้างก่อนรวบเก็บให้ง่ายต่อการใส่หมวกคลุม เส้นผมและดวงตาของเธอค่อนข้างโดดเด่นและแตกต่างจากคนที่นี่ที่จะเป็นโทนสีดำและน้ำตาลจึงต้องหาอะไรปิดไว้เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
“ไปดีมาดีนะ อย่าดื้อล่ะเฟิงมี่”
ฝ่ามืออบอุ่นที่คุ้นเคยของท่านแม่ตบปุปุลงที่หัวของเธอ
เธอฝืนความง่วงผละออกจากไหล่ที่เกยคางนอนของท่านนาซิสเอี้ยวไปโบกมือบัยบ่ายและหอมแก้มท่านแม่ แต่เพราะนอนน้ำลายไหลมั้งเลยเหมือนเอาน้ำลายไปป้ายหน้าท่านแม่เสียมากกว่า
ร่างเด็กนี่มันง่วงนอนง่ายจริง ๆ
ถ้าไม่ใช่เวลาตื่นตาเธอก็ลืมตาไม่ขึ้นหรอก พอเห็นท่านแเม่ส่งยิ้มขำพลางลูบแก้มที่เปื้อนมาแกล้งเธอก็รีบเอียวตัวกลับเอาคางเอาแก้มเกยไหล่ท่านนาซิสนอนเหมือนเดิม สภาพเธอต้องอนาถแน่ ๆ ทำไงได้ก็คนมันอยากไปเดือนหนึ่งท่านอานาซิสจะพาไปสักทีนี่น่าแถมขนมที่พ่อค้าจากนอกเมืองเอามาขายก็อร่อยและแปลกตาเธออยู่หลายอย่างวันนี้จะหาหนังสือมาให้ท่านแม่สอนอ่านด้วย
“อันนี้หมวกคลุมหัวของเฟิงมี่ ลำบากท่านนาซิสแย่...ตาไม่เปิดเลยลูกแม่”
ท่านแม่ยื่นหมวกของเธอให้นาซิส
“ขอรับ ไม่เป็นไรหรอกผมเต็มใจ คุณหนูอยากไปผมยินดี ท่านลู่อิงก็ดูแลตัวเองด้วยนะขอรับกว่าผมจะกลับก็คงเย็น ๆ “
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก รีบไปรีบกลับ ไปดีมาดี “
“ขอรับท่านลู่อิง”
.
.
.
“นาซิก “
เธอพูดงึมงำกับบ่าของนาซิส
“ขอรับคุณหนู”
“ยองเพงกลอมยอย”(ร้องเพลงกล่อมหน่อย)
ปกติก็พูดจะไม่ค่อยชัดอยู่แล้วบวกกับความง่วงเข้าไปอีกลิ้นเธอพันกันไปหมดแล้ว สภาพ!
“หึหึ ได้สิขอรับ...”
‘โอ่ นางฟ้าใจดี ช่วยบอกฝันดี หนูน้อยของฉัน’
เสียงทุ้มของนาซิสเริ่มขับร้องเพลงและทำนองที่เริ่มคุ้นหูเธอ ตลอดช่วงสามปีท่านแม่และนาซิสร้องให้ฟังบ่อยเวลากล่อมเธอนอน
‘ช่วยกระซิบบอกฝันดี ให้ฝันร้ายจางหาย’
ลมเย็นยามเช้าพัดลู่มาตามลม แสงของดวงตะวันยังคงไม่โผล่พ้นขอบฟ้า บรรยากาศยามนี้ช่างน่านอนกว่าที่บ้านอีก
‘ฝันร้ายหายไป...ฝันดีจงมา’
ถ้าได้กอดอุ่น ๆ ของท่านแม่มันต้องเป็นอะไรที่ดีมากแน่ ๆ
‘ราตรีสวัสดิ์ หนูน้อยของฉัน นางฟ้าอวยพร...’
แต่ยามนี้แค่อกอุ่น ๆ ของนาซิสเธอก็ใกล้หลับแล้ว ถ้ามีพ่อก็อยากจะมีพ่อเหมือนกับนาซิสซบได้กอดได้อ้อนได้โดยไม่ต้องระแวงแม้ไม่มีความผูกพันกันตามสายเลือดเหมือนท่านแม่...แต่สำหรับเธอ นาซิส...คือคนสำคัญไม่ต่างกันเลย
คนในครอบครัวของเธอ
...ให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปก็คงดี...
มือของเธอที่กำลังกำเสื้อนาซิสร่วงหล่นลง จิตใจล่องลอยเข้าสู่ห้วงของความฝันที่วาดไว้
“ฝันดี..องค์หญิงน้อยของกระหม่อม”
อดีตองครักษ์หนุ่มเอื้อมมือลูบหลังของผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า นับเป็นเกียรติของตนยิ่งที่ได้เลี้ยงดูองค์หญิง...ธิดาขององค์มหาจักรพรรดิ
...
ร่างสูงเดินเรียบไปตามทางภูเขา เมืองหลวงของแคว้นมิซิกิโนะค่อนข้างจะไกลจากบ้านพอสมควร...ป่าที่ต้องผ่านก็ชุกชุมด้วยสัตว์เพราะไม่ค่อยถูกล่าจำต้องระมัดระวังกว่าทุกทีเพราะยามนี้มีองค์หญิงน้อยมาด้วย...เวทเขตแดนถูกกางโดยไม่กลัวเหนื่อยล้าเพื่อป้องกันภัยและการโจมตีจากสัตว์ร้ายที่ย่างกายเข้ามา นาซิสค่อนข้างจะพอใจที่องค์หญิงทรงหลับตลอดทางที่เดินทางมันคงไม่ดีที่จะให้องค์หญิงเห็นภาพที่โหดร้าย บางครั้งก็จำเป็นต้องพึ่งเวทนิทราเหมือนกันเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องทำเสียงดัง
แต่ป่าวันนี้เงียบผิดปกติ...จนนาซิสอดจะขมวดคิ้วเสียไม่ได้
“แปลกจัง...”
เขาไม่เจอสัตว์ใดใดเลยตลอดเส้นทาง...
....
เมื่อพ้นเขตป่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนาซิสจึงวางใจคล้ายเวทลง....จุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่เป็นทางลงของภูเขาพอดี...ดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นเส้นขอบของท้องทะเล
“คุณหนูดูนั่นสิ...ขอรับ”
นาซิสอดที่จะสะกิดเด็กน้อยให้ตื่นขึ้นมาชมภาพแสนงดงามนี้ไม่ได้
เธอที่งัวเงียผละออกจากไหล่ของนาซิสมือป้อมขยี้ตาตัวเองให้สร่างง่วงอีกข้างก็จับไหล่ของนาซิสเป็นที่ยึด
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าทำให้เธออมยิ้ม และอดเสียดายไม่ได้….โลกนี้น่าจะมีกล้องถ่ายรูป เธอจะถ่ายไปให้ท่านแม่ดู
ภาพของแสงดวงอาทิตย์ค่อย ๆ อาบไล้ขอบน้ำทะเลที่เปล่งประกายระยิบระยับจากการสะท้อนแสงแรกของวันราวกับอัญมณีเลอค่า
“ชวย”
“หึ สวยขอรับ”
นาซืสยกยิ้มเอ็นดูกับการพูดไม่ชัดของเด็กสาวตัวน้อย
ก็ลิ้นเธอยังไม่แข็งนี่น่า เฟิงมี่ส่งค้อนงอน ๆ ให้อย่างไม่จริงจังนัก
.
.
.
เมื่อลงจากภูเขานาซิสก็เอาหมวกที่มีผ้าคลุมบาง ๆ ปิดหน้าใส่ให้เธอ ตัวเองก็ใส่หมวกธรรมดาเพื่อปิดบังดวงตาสีฟ้าให้กลมกลืนกับชาวบ้าน
เขตตลาดเมืองท่าของมิซิกิโนะครึกครืนไปด้วยผู้คน นาซิสเดินอุ้มเธอผ่านผู้คนเพื่อเอายาและสมุนไพรของท่านแม่ไปขายที่ร้านประจำ
“อาทิตย์นี้พาหลานมาด้วยหรือพ่อหนุ่ม”
คุณตาเจ้าของร้านยาเอ่ยแซวเมื่อเห็นนาซิสเดินอุ้มเธอเข้าไป เธอเคยมาร้านคุณตาอยู่สองสามครั้งท่านคงพอจำได้ ครั้งแรกที่มาเฟิงมี่ถูกทักว่าเป็นลูกของท่านนาซิส ซึ่ง ท่านนาซิสผู้ซื่อสัตย์ของเธอก็ปฏิเสธอย่างไว ท่านตาร้านยาเลยเออ ออว่าเธอเป็นหลานของนาซิส
“ขอรับ นี่ยาที่เถ้าแก่สั่งขอรับ “
นาซิสยื่นถุงห่อยาที่ท่านแมแพ็คและจัดเป็นมัด ๆ ส่งให้คุณตาเจ้าของร้าน เธอที่กำลังนั่งอยู่บนแขนแกร่งกอดคอนาซิส หันไปมองรอบ ๆ ร้านอย่างสำรวจ กลิ่นสมุนไพรที่นี่ค่อนข้างฉุนไม่หอมเหมือนโรงเก็บสมุนไพรของท่านแม่ คงเพราะมีการเอาสมุนไพรมาปรุงยาหลายตัวกลิ่นเลยตีกันมั่วมากและประกอบกับแถบนี้ติดทะเลกลิ่นคาวปลาก็ฉุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เธอดึงถุงหอมของท่านแม่ที่ผูกเอวไว้ขึ้นมาสูดดม
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม สมุนไพรพวกนี้กำลังเป็นที่ต้องการพอดี ช่วงนี้มีคนจากแผ่นดินใหญ่มาล่าสัตว์ในเขตป่าลักซ์ หาซื้อเอายาและสมุนไพรไปเยอะพอสมควร”
“อ่าถึงว่าเมื่อเช้าผ่านป่ามาไม่เจอสัตว์เลย...คงถูกต้อนไปหมด”
“เอานี่เงินค่าสมุนไพร พ่อหนุ่ม”
“ขอบคุณขอรับ เถ้าแก่”
“อือ รอบหน้าเพิ่มหญ้าน้ำค้างมาหน่อยแล้วกัน”
“ได้ ขอรับ ขอบคุณที่อุดหนุนน่ะขอรับ”
นาซิสก้มหัวขอบคุณตามมารยาทเธอเลยต้องโค้งตาม”
“เลี้ยงง่ายจังนะหลานเจ้าไม่ร้องเลย...ขนาดเมื่อเช้าข้าทำยาว่านจระเข้หกกลิ่นฉุนคลุ้งร้านไปหมด เป็นเด็กคนอื่นร้องไห้โวยวายไปแล้ว”
“ขอรับ”
นาซิสยิ้มรับคำชม..
เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้เมื่อทราบที่มาของกลิ่นไม่พึ่งประสงค์..เอาจริง ๆ ถ้าไม่มีถุงหอมของท่านแม่เธอก็ทนไม่ได้เหมือนกันแต่ถ้าให้อยู่นานกว่านี้ก็ไม่เอา รีบออกไปหาขนมดีกว่า
“นาชิกนาชิก หนม หนม”
เธอดึงผมสีดำที่เริ่มยาวประบ่าของนาซิสให้หันมาสนใจ
“รับทราบขอรับ ขนม จะพาไปเดี๋ยวนี้แหละขอรับ”
นาซิสเอาหมากมาใส่เหมือนเดิมก่อนพาเธอเดินออกจากร้าน
“โอ้ะ ขอบคุณขอรับ “
ก่อนที่จะเดินออกจากประตูมีคนในชุดคลุมดำกำลังเดินสวนเข้าแต่เมื่อเห็น นาซิสที่อุ้มเธออยู่ก็หลีกทางให้ก่อนเดินเข้าร้านไป
นาซิสวางเธอลงกับพื้นเพื่อจัดของและเก็บเงินที่ได้มา เธอจึงมองผ่านผ้าคลุมไปยังสองคนที่พึ่งเดินเข้าไปในร้านขายยาหนึ่งในนั้นตวัดผ้าคลุมลงทำให้เห็นเรือนผมสีม่วงแปลกตา...ที่โลกเธอคนผมสีม่วงไม่มีหรอกนอกจากจะย้อมเอา เธอจึงมองเขาอย่างสนใจ
“คุณลูกค้าต้องการยาตัวไหนบ้างหรือขอรับ”
“เราต้องการสมุนไพรสดนะ เถ้าแก่พอมีหรือไม่”
ภาษาท้องถิ่นถูกพูดออกมาด้วยสำนวนแปร่ง ๆ โดยคนที่ยังไม่เปิดผ้าคลุมหัว
“โอ้ พอดีเลย พ่อหนุ่มคนเมื่อกี้พึ่งนำสมุนไพรมาให้ข้าพวกท่านก็ลองเลือกดูได้เลย มีชื่อติดไว้อยู่”
“หืม?”
“มีอะไรหรือท่านชาย...”
“ลายมือนี้มัน...เหมือนกับ..--”
.
“ไปขอรับคุณหนู ข้าจัดของเสร็จแล้ว อยากไปที่ไหนก่อนขอรับ”
นาซิสช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มทำให้เธอละสายตาออกจากสองคนนั้น เฟิงมี่เอาคางเกยไหล่นาซิสเพื่อมองทั้งสองคนต่อแต่นาซิสเริ่มเดินออกห่างจึงไม่ได้ยินบทสนทนาพวกนั้นอีก ชายผมม่วงหันมามองทางเธอหน้าตาจัดว่าหล่อพอ ๆ กับนาซิสเลย เผลอ ๆ อาจมากกว่า มีออร่าคาริสม่าสุด ๆ เธอจึงโบกมือส่งให้คนหล่อและเอี้ยวตัวหันมามองทางข้างหน้าเพื่อมองหาขนมที่ต้องการ พอเจอขนมที่น่ากินก็กระตุกดึงปอยผมนาซิสพร้อมชี้มือไปให้นาซิสพาไปยังแผงนั้น
“ขอรับ อันนี้น่ะขอรับ”
“อือ “
เธอที่มีน้ำตาลปั่นอยู่ในปากพยักหน้ารับเมื่อนาซิสหยิบขนมที่หมายตาขึ้นถามความต้องการ
“ต้องทานให้เหลือน้อยที่สุดนะขอรับ ถ้าเอากลับบ้านเยอะขนาดนี้ ท่านลู่อิงจะบ่นเอา”
เธอมองนาซิสด้วยตาเป็นประกาย เขาไม่เคยบ่นเวลากินขนมเยอะ แถมยังส่งเสริมด้วย เวลาท่านแม่สั่งงดขนมเพราะกินจนท้องอืดก็ได้นาซิสแอบเอาให้ลับหลังนี่แหละ
“ยัก ที่สูด!”
เธอยิ้มให้จนแก้มปริ
“ก็แค่วันนี้วันเดียวขอรับ”
“อือ”
วันเดียวไม่มีจริงก็เห็นตามใจกันตลอด นาซิสน่ะตามใจเธอที่หนึ่งเลยมากกว่าท่านแม่อีก
“นี่ ๆ “
เธอดึงปอยผมของนาซิสเมื่อเจอของที่ถูกใจก่อนชี้ไปที่แผงขายชา
“ขอรับ?”
“ชา..ให้มามี้”
ท่านแม่ของเธอชอบทานชาที่มีกลิ่นของดอกไม้กับสมุนไพรบางทีเธอก็เห็น ท่านแม่นำดอกไม้กับสมุนไพรบางชนิดมาตากทำชาดื่มเอง
“ขอรับ “
นาซิสพาเธอเดินเข้าไปใกล้แผงขายชา
“เชิญเลือกได้เลยจ้ะมีอะไรก็สอบถามได้นะคะชาของเรามีทุกชนชาติและสายพันธ์ รสชาติตามต้นตำรับแน่นอน คุณลูกค้ามีอะไรให้ดิฉันช่วยไหม”
เธอมองมันอย่างงงงวยเพราะเลือกไม่ถูก บนแผงวางสินค้าเต็มไปด้วยชาหลากหลายชนิด มีเขียนกำกับบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นชาอะไรแต่เธออ่านไม่ออก!
นาซิสเหมือนจะเข้าใจเธอ
“งั้นเอาเป็นชาดอกแกรนเนอร์ แล้วกันขอรับ”
นาซิสชี้ไปยังกล่องชาที่อยู่มุมข้างบน
“อ้าช่างตาถึงเสียจริงพ่อหนุ่ม รู้จักชาดอกแกรนเนอร์เสียด้วย คนแถบนี้ไม่ค่อยรู้จักกันหรอกนะมันเป็นชาขึ้นชื่อในพระราชวัง ออสโทเปียร์ ว่ากันว่าองค์จักรพรรดิเองก็โปรดปรานมัน ทั้งหมดสิบสองเหรียญเงินจ้ะ”
“เหอะ ๆ ขอรับ”
นาซิสขำแห้ง
“จะว่าไปตอนที่แล่นเรือเข้ามาเห็นเรือสัญลักษณ์จักรวรรดิออสโทเปียร์เทียบท่าอยู่ ทางท่าเรือฝั่งใต้ทหารเดินกันให้ขวักเลย ที่แคว้นมีงานอะไรหรือเปล่าจ้ะ พอดีก็พึ่งมาขายเป็นครั้งแรก”
เฟิงมี่รู้สึกเหมือนว่านาซิสกำลังนิ่งค้างไป..
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ”
เธอเงยหน้ามองนาซิสเมื่อเห็นว่าไม่ได้ก้มลงมาพูดกับเธอ ใบหน้าที่เคร่งเครียดของนาซิสทำให้เธอไม่กล้าปริปากถาม ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามท่าเรือตามทางที่เหมือนจะคุ้นชิน
ท่าจอดเรือ
เมื่อก้มลงไปมองจากมุมนี้ จะเห็นเรือจอดเทียบท่ามากมาย
หนึ่งในนั้นมีเรือลำใหญ่ที่เด่นสะดุดตาขึ้นมา
ธงตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิสิงโตทองขู่ร้องคำรามใส่กันกับลายเส้นวิจิตรของดอกกุหลาบสีทองพันล้อมเป็นกรอบไม่คุ้นตาที่สลักลงบนผ้าสีแดง
วางเรียงรายทางขึ้นเรือโบกสะบัดไปตามลมของทะเล
ทหารในเครื่องแบบที่คล้ายกับชุดทหารของอังกฤษในชาติที่แล้วของเธอเดินลาดตระเวนไปมาเต็มท่าเรือ
“ไม่จริง...”
นาซิสพึมพำแผ่วเบา
”ท่านลู่อิง!”
ร่างของนาซิสออกวิ่งทันทีเมื่อเรียกสติที่ฟุ้งซ่านกลับมา กระชับอ้อมกอดที่อุ้มเธอให้แน่นขึ้น
เธอตระหนักรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
บ้าน่า! ยังไม่ทันเพิ่มสกิลเลย!
อย่าบอกนะว่า....ไอพ่อเวรมาแล้ว!
(อดีต)
“อีกเจ็ดวันข้าจะไปล่าสัตว์ ที่แคว้น นาเนียร์ เจ้าจะไปด้วยหรือไม่”
ร่างผอมบางที่เดินมาเติมชาให้ถูกฉุดรั้งให้นั่งบนตักแกร่ง สันจมูกโด่งของเจ้าของเลือนผมสีทองไล่ไปตามลำคอขาวยามเอ่ยถาม พลางสูดดมกลิ่นหอมอ่อนจากร่างบนตักกระชับเอวบางให้แนบกับตน
กลิ่นหอมอ่อนของคนผู้นี้กำลังทำเขาคลั่ง
“อ้ะ”
เอวบางถูกยกขึ้นนั่งบนโต๊ะทรงงาน ที่เอกสารถูกเจ้าของโต๊ะกวาดตกเกลื่อนพื้น มือหนาปลดชุดของคนตรงหน้าอย่างชำนาญ เหตุผลที่เขาชอบให้คนตรงหน้าใส่ชุดบ้านเกิดเพราะมันถอดง่ายนี่แหละ
“ฝ่าบาท ที่นี่มัน....อื้อ”
ริมฝีปากที่กำลังเอ่ยถ่วงจำต้องปิดเพื่อกั้นเสียงครางของตนยามได้ยินเสียของทหารที่เดินผ่านหน้าห้อง
“หึหึ ข้าไม่สนแล้วไยเจ้าต้องสน”
เสียงกระซิบแหบพร่าถูกพูดที่ข้างหู สัมผัสเปียกชื้นไล่ไปตามใบหูจนต้องกดปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงดังให้ทหารที่อารักขาอยู่หน้าประตูได้ยินเข้า
“อ้า”
ความทรมานถูกหยิบยื่นให้โดยไม่บอกกล่าว...สุดท้ายก็เผลอปล่อยเสียงร้องให้หลุดรอดไป ดวงตากลมสีน้ำตาลตวัดขึ้นมองค้อนคนขี้แกล้งอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงด้วยความเขินอายอย่างช่วยไม่ได้
แม้จะถูกมองอย่างหมิ่นเกียรติคนสูงศักดิ์กลับขยับยิ้มอย่างชอบใจไม่ถือสาหาความ
“เอาเป็นว่าข้าเลือกให้แล้วกัน...ในป่ากับเจ้าคงจะดีไม่น้อย....”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว....อ้ะ!”
ฉากหนึ่งในนิยายล่ารักเชลยศึกออสโทเปียร์