- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –
“what the fuck”
เฟิงมี่
“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’”
หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)
“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”
ลูซินัส (ท่านพ่อ)
...หลังจากนั้น....
“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!”
ลูชิเอล (ท่านอา)
“อัปลักษณ์จริง...”
หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)
คำชี้แจ้ง&ทักทาย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊
(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)
อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊
นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย
เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ
ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️
ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇♀️
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)
Wah_Cherly
นัก(หัด)เขียน
เธองัวเงียตื่นขึ้นเพราะแสงตะวันที่แยงเข้าตา เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเพราะต้องทำตัวเป็นก้างขวางคอไม่ให้เจ้าพ่อเวรกินเต้าหู้ท่านแม่ พอตื่นขึ้นมารู้สึกตัวว่าอยู่บนเตียงเล็กของเธอก็ต้องเดินมึนปีนขึ้นเตียงใหญ่ไปนอนซบท่านแม่ เธอหลับไปจริง ๆ ตอนไหนก็ไม่อาจรู้ ปกติแล้วเธอก็เคยนอนเตียงใหญ่กับท่านแม่บ่อยครั้งอยู่แล้วท่านแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลิ่นหอมจากตัวของท่านแม่ทำให้เธอรู้สึกหลับสบายเลยชอบละเมอไปนอนซบแต่เมื่อคืนคงกลัวว่าคนร่างยักษ์นั่นจะทับเธอแบนมั้งท่านแม่ก็เลยจับเธอไปนอนเตียงเล็กทุกครั้งที่เธอปีนขึ้นมานอนด้วย
แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยการที่เธอนอนเกยซบอกท่านแม่คั่นกลางท่านพ่อแต่มือของคนผู้นั้นก็ยังไม่วายเอื้อมมากอดท่านแม่รวมเธอเข้าไปด้วย…นับถือในความพยายามจริง ๆ
ท่านแม่ที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาลุกจากเตียงขึ้นนั่งตรงขอบเตียงเธอจึงลุกขึ้นตามมองท่านแม่ ยกมือน้อยขยี้ตาคล้ายคนเมาขี้ตา
“เช้าแล้วเหรอ”
เสียงราบเรียบของคนนอนอยู่หลังเธอลุกขึ้นเอ่ยถามเฟิงมี่จึงเอี้ยวตัวหันไปมอง
มือหนายกขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าดวงตาสีแดงสดเปรยขึ้นอย่างเกียจคร้าน...เมื่อคืนเธอไม่ได้สังเกตเจ้าพ่อเวรนี่ไม่ได้ใส่เสื้อนอน...กล้ามหน้าท้องนี่มันสวรรค์ชัด ๆ ...เป็นหุ่นพิมพ์นิยมของพระเอกทุกเรื่องเลยหรือไงความเฟอร์เฟคนี้!
..เฟิงมี่รู้สึกสู้ไม่ไหวจึงหันกลับมานั่งสัปหงกเพราะยังไม่ตื่นดี
“ขอรับ..เฟิงมี่จะนอนต่อก็ได้นะลูกเดี๋ยวแม่มาปลุกไปล้างหน้า”
ท่านแม่ตอบคนถาม..ก่อนก้มลงมาพูดกับเธอฝ่ามือเอื้อมลูบหัวเธอที่คงฟูยุ่งไม่น้อย
“ดูสิตายังไม่ลืมเลยน้ำผึ้งน้อยของแม่ นอนต่อเถอะ”
เธอส่ายหน้าเพราะไม่อยากปล่อยท่านแม่ไว้กับหมาข้างตัว
“ตามใจแล้วกัน เดี๋ยวแม่ไปล้างหน้าก่อนจะมาอุ้มลูกไปอีกที”
เธอพยักหน้ารับท่านแม่จึงลุกขึ้นยืนเตรียมเดินไปล้างหน้า
“อิงอิง”
เสียงของเจ้าพ่อเวรที่มานั่งริมเตียงปลายเท้าเธอเอ่ยเรียกท่านแม่
“ขอ--อือ”
What the fuck!!!
ท่านแม่ถูกดึงไปจูบต่อหน้าต่อตาเธอ!
เฟิงมี่มองด้วยดวงตาเบิกกว้างความง่วงงุนก่อนหน้าปลิวหายไปทันทีเจ้าลูกหมานี่มันไม่กลัวคนเฝ้าปลาเลยหรือไง!
“อรุณสวัสดิ์”
ท่านแม่ที่ใบหน้าแดงซ่านพยักหน้ารับก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งเธอไว้กับไอลูกหมาที่พึ่งขโมยปลาย่างไปกินต่อหน้าต่อตา
ร่างของพ่อเวรที่รู้ว่าเธอมองอยู่หันมาจ้องสบกับดวงตาที่หรี่ลงอย่างไม่ชอบใจของเธอ....ริมฝีปากได้รูปตวัดลิ้นไล่เลียริมฝีปากตัวเองก่อนยกยิ้มมุมปากส่งให้เธออย่างท้าทาย...ดูดูเจ้าลูกหมามันขิง!!!กำมือแน่นแล้วนะสักป๊าบไหม!
เจ้าลูกหมาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินตามท่านแม่เข้าไปในห้องน้ำ
“ท่าน!”
เสียงท่านแม่ดังลอยออกมา...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่เข้าไปใหม่กำลังรังแกท่านแม่ของเธอ!
ได้จะเอาใช่ไหมเจ้าพ่อบ้า!
เฟิงมี่ลุกขึ้นยืนบนเตียงด้วยความรีบร้อน...
ปัก!
และลืมไปว่าเธอนอนอยู่เตียงที่ยกสูงของท่านแม่ ไม่ใช่เตียงสานเด็กของตัวเองอย่างเคย ร่างเล็กที่ก้าวเหยียบพื้นที่ว่างเปล่าจึงล้มหน้าฟาดพื้นอย่างจัง...
“....อึก”
เจ็บ....
“เสียงอะไร...เฟิงมี่ลูก!!”
ท่านแม่ชะโงกหน้าออกมาดูจึงเห็นเธอนอนแอ่งแม้งอยู่ที่พื้น ร่างผอมบางในสภาพที่สาบเสื้อแยกออกจนเห็นแผ่นอกขาวรีบวิ่งมาอุ้มเธอขึ้นจากพื้นวางลงบนเตียงนอนเพื่อสำรวจดูแผล
“เจ็บไหมลูก เขียวเลย”
มือเรียวนุ่มลูบผ่านแผล...เธอยกมือปาดหยดน้ำตาออกจากหางตาของตัวเองส่ายหน้าพร้อมกัดฟันยกยิ้มไม่เป็นไรส่งให้...เพราะรู้ดีท่านแม่อ่อนไหวกับคำพูดของเธอ ถ้าบอกว่าเจ็บเตรียมปลอบท่านแม่ที่ร้องไห้แทนเธอได้เลยเจ็บก็ต้องแอ๊บว่าไม่เจ็บ!
“เวทรักษาแม่ใช้กับแผลฟกช้ำกับช้ำในไม่ได้ด้วยสิ...เดี๋ยวแม่เอายามาทาให้แล้วกัน”
ท่านแม่ผลุนผลันออกไป
ลับหลังท่านแม่เฟิงมี่จึงยกมือขึ้นจับแผลกลางหน้าผากกับจมูก ตรงหน้าผากมันนูนขึ้นมาด้วย!
“ซี๊ด...เจ็บ”
เฟิงมี่เตรียมปีนลงเตียงไปส่องกระจกดูรอยช้ำ...จู่ ๆ ร่างก็ลอยหวือขึ้นก่อนจะถูกวางลงที่พื้นแผ่วเบา
ร่างเล็กเงยขึ้นมองสบตากับคนที่จับคอเสื้อ..ใช่จับคอเสื้อเหมือนที่เคยจับเธอยกขึ้นนั่นล่ะ!ช่วยเธอลงจากเตียง
“หึ เขาเดียวก็อัปลักษณ์พอแล้ว...”
อาเด๊ะเขาเดียวมันคืออะไร...ไอพ่อเวรต้องการสื่ออะไรเธอเอียงหน้ามองอย่างงุนงง แต่จะว่าไปสิ่งที่มีเขาก็มีแต่สัตว์นี่หว่า!!
ชายสูงศักดิ์เพียงยกยิ้มมุมปากเดินไปจัดการตัวเองต่อในห้องน้ำ ทิ้งร่างน้อยที่หรี่ตามองพระองค์อย่างไม่ชอบใจไว้ในห้อง
“ทหารนำชุดมาให้ท่านพอดี ข้าวางไว้ตรงตู้หน้าห้องน้ำนะขอรับ”
ท่านแม่กลับมาพร้อมชุดของท่านจักรพรรดิและกระปุกยาทาแก้ฟกช้ำ...
“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยทายาเนอะเฟิงมี่...แม่ลืมคิด”
ท่านแม่เดินเข้ามาอุ้มเธอก่อนเอ่ยถาม...ยิ้มขำกับความโก๊ะของตัวเองที่ห่วงลูกเกินไปลืมขั้นตอนไปหมด
.
.
เธอมองชุดที่ท่านแม่สวมให้อย่างแปลกใจปกติชุดแคว้นมิซิกิโนะที่เธอใส่ประจำจะคล้ายชุดยูกาตะของประเทศญี่ปุ่นในโลกเดิมของเธอ แต่ครั้งนี้เป็นชุดกระโปรงคอเสื้อเป็นปกทหารเรือมีเชือกให้ผูกตรงคอเสื้อชุดเป็นสีน้ำเงินทั้งชุดเพิ่มลวดลายเป็นเส้นตามชายชุดและขอบปกเป็นสีแดงขาวเข้าคู่กับรองเท้าหนังสีน้ำตาลคู่น้อยผมถูกมัดเป็นแกะสองข้างผูกด้วยริบปริ้นสีแดงข้าง ขาวข้าง
“ท่านชายลูชิเอลเตรียมไว้ให้สำหรับเดินทางน่ะมันเป็นชุดเด็กของที่นั่น...แม่เคยเห็นแต่เด็กคนอื่นใส่ว่าน่ารักแล้วพอน้ำผึ้งน้อยของแม่ใส่แล้วน่ารักกว่าที่แม่คิดเสียอีก”
อธิบายเสร็จท่านแม่ก็เลื่อนจมูกโด่งมาป้ายจมูกเธอพลางเริ่มหอมไปทั่วตัวเธออย่างที่ชอบทำ สัมผัสชวนจักจี้ทำให้ต้องหัวเราะพลางสะบัดตัวหนี
“คิก คิก คิก”
“เสร็จหรือยัง
ไม่รู้เสียงหัวเราะของสองแม่ลูกดังไปหรือเปล่าคนที่ออกไปสักพักใหญ่อย่างจักรพรรดิลูซินัสจึงเดินเข้ามาถามไถ่
ร่างสูงสง่าขององค์จักรพรรดิอยู่ในชุดเตรียมเดินทางเสื้อสีขาวมีระบายที่คอเสื้อกางเกงขายาวสีดำสวมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวสีดำที่มีลวดลายวิจิตรสีทองสลัก คนหล่อใส่อะไรมันก็หล่อจริง ๆ ชิ
ท่านพ่อยื่นผ้าคลุมสีดำให้ท่านแม่ สองตัว
“ขอบคุณขอรับ”
ท่านแม่รับมาสวมปิดชุดประจำตัวสีขาวของตัวเอง ก่อนจะสวมอีกฝืนให้เธอ
เสื้อคลุมผืนใหญ่กว่าตัวเธอพอสมควรแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเพราะท่านแม่คงไม่ปล่อยให้เธอเดินเอง
“มามี้..ไปไหน”
เธอเงยหน้าถามท่านแม่เมื่อเดินทางออกนอกป่าเข้าเขตเมืองของแคว้นมิซิกิโนะแต่ไม่ได้ตรงไปที่เรือที่เธอเห็นเมื่อวาน...แต่เป็นทางเข้าปราสาททรงญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือแต่เหมือนหยางเหยียนลู่อิงจะเข้าใจว่าลูกในอ้อมแขนกำลังถามอีกเรื่องหนึ่ง
ท่านแม่ก้มลงมามองเธอก่อนยกยิ้มอ่อนโยนส่งให้....
“แม่ไม่รู้ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่...คนผู้นั้นคือท่านพ่อของเจ้า...”
ท่านแม่มองไปยังคนที่เดินนำหน้าพวกเธอผ่านทหารเข้าไปในตัวปราสาทได้อย่างง่ายดายทั้งที่ไม่มีขบวนทหารองครักษ์ตามติด
“เรากำลังตามท่านพ่อของลูกกลับบ้าน...บ้านจริง ๆ ที่ควรเป็นที่ของลูก....ลูกคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก”
“มีมี่อยู่ไหนก็ได้ที่มีมามี้”
เจ้าของแก้มกลมโผเข้ากอดท่านแม่ของเธอ ฝ่ามืออบอุ่นของผู้เป็นแม่จึงตบปุปุที่หัวที่ถูกคลุมปิดไว้ยิ้มบางให้กับความขี้อ้อนของลูกสาวตัวน้อย
“รออยู่นี่...เซเรน”
คนที่ถูกสองแม่ลูกกล่าวถึงหันมาบอกก่อนจะเดินตามนางกำนัลของที่นี่เดินไปอีกทาง
“ท่านลู่อิงเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ...”
เสียงหนึ่งเอ่ยทักท่านแม่ของเธอจากความเงียบของโถงทางเดินเมื่อหันกลับไปถึงเห็นร่างสูงในชุดเครื่องแบบเหมือนเมื่อวานที่ถูกคลุมทับด้วยชุดคลุมสีดำเช่นเดิม
“ท่านลอร์ดเซเรน?”
ลอร์ดเซเรนเอามือข้างขวาแนบหัวใจและโค้งกายคำนับท่านแม่และเธอก่อนเดินนำไปห้องอีกห้อง
“ให้ฝ่าบาทเข้าไปคนเดียวก็พอพ่ะย่ะค่ะ...แค่ไปเอ่ยขอบใจกษัตริย์ของที่นี่เท่านั้นคงใช้เวลาไม่นานและไม่เป็นการดีที่จะให้พวกเขาเห็นองค์หญิงในเวลานี้”
ลอร์ดเซเรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
“ขอรับ...ขออภัยที่เสียมารยาทแล้ว อรุณสวัสดิ์ท่านลอร์ด”
“เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ..ท่านลูอิง”
ประตูห้องถูกเลือนเปิดให้โดยท่านลอร์ดเมื่อเธอมองเลยรอดผ้าคลุมไปเห็นร่างของคนหัวทองอีกคนนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเตี้ยทรงญี่ปุ่น
“เมื่อคืนท่านชายค่อนข้างจะนอนดึกน่ะพ่ะย่ะค่ะเขาอยู่รอรับของที่สั่งนกเร็วไป....”
“....”เฟิงมี่ก้มมองชุดตัวเองที่ใส่
“...ลำบากท่านลูชิเอลแล้ว”
ให้เดาของที่ว่านั่นคงไม่พ้นชุดที่เธอใส่วันนี้เป็นแน่
“อือ...ท่านลู่อิง ฮ้าว~ ขออภัยในความเสียมารยาท อรุณสวัสดิ์ท่านลู่อิง และเลดี้น้อยของอา”
เจ้าชายคนสวยของเธอดูเหมือนจะยังไม่ตื่นดียกยิ้มมึน ๆ ส่งให้เธอและท่านแม่ที่เดินเข้าไปหาเจ้าตัวที่นั่งอยู่บนเบาะเท้าคางกับโต๊ะไม่ให้ตัวเองหน้าทิ่มโต๊ะ
“เช่นกันท่านลูชิเอล...ขอบคุณสำหรับชุดของเฟิงมี่มากนะขอรับ ลำบากท่านชายแย่”
“ไม่หรอก ไม่หรอก ไหนมาดูซิหลานอาว่าเขาตัดมาให้พอดีตัวไหม.”
ท่านแม่ก้มลงมาพยักหน้าให้เธอที่เงยหน้าจากตักขึ้นไปมองเป็นเชิงอนุญาต ร่างตุ้ยนุ้ยลุกขึ้นจากตักผู้เป็นแม่เดินไปหาผู้มีศักดิ์เป็นอา หลังท่านแม่ปลดผ้าคลุมให้
“เลดี้น้อยของอาน่ารักมาก ว่าแล้วว่ามันต้องเข้ากับเจ้า พอดีตัวเลย....กลับไปที่โน่นอามีชุดอีกหลายแบบให้เจ้าด้วยถือเป็นของขวัญวันเกิดแล้วกัน”
เจ้าชายคนสวยของเธอจับตัวเธอหมุนไปมา ยิ้มอย่างชอบใจ...เธอเองก็ยิ้มส่งให้
“มีมี่ขอบคุงเจ้าค่ะ”
เมื่อให้เจ้าของ ของขวัญชิ้นนี้ดูจนพอใจร่างน้อยก็โค้งกายเล็กน้อยขอบคุณตามมารยาทที่ท่านแม่ของเธอสอนได้รับฝ่ามืออบอุ่นของท่านอาที่ยื่นมายืดแก้มป่องของเธอด้วยความมันเขี้ยว
“ข้าเคยจินตนาการมาตลอดว่าท่านพี่ตอนเด็กยิ้มจะมีใบหน้าเป็นเช่นไร...ตอนนี้ข้าว่าข้าคงรู้แล้ว....เลดี้น้อยช่างเหมือนท่านพี่นัก”
ท่านอาคนสวยของเธอจ้องใบหน้าของเธอในอุ้งมือของเขาด้วยนัยน์ตาอ่อนลงมุมปากยกยิ้มเศร้า...เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องในอดีต....
.
.
.
“ เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเอาไปจากนี่อีกหรือไม่”
“ไม่แล้วแหละขอรับ”
หยางเหยียนลู่อิงเอ่ยบอกคนถามที่เดินตามหลังมา
ตอนนี้เธอและคณะเดินทางผู้สูงศักดิ์รวมตัวกันอยู่ตรงท่าเรือที่เป็นตลาดกำลังเดินทางไปที่ที่จอดเรือของจักรวรรดิตามลายทางไม่ได้วุ่นวายด้วยฝูงชนอย่างที่เฟิงมี่คิดนักคงเป็นเพราะการเดินทางของจักรพรรดิครั้งนี้ไม่ได้ถูกป่าวประกาศมีเพียงชนชั้นสูงในเกาะที่รับรู้
ท่าเรือที่ใช้จอดเรือก็ค่อนข้างจะอับสายตาหากไม่ปืนไปดูในที่มุมสูงเหมือนที่ นาซิสทำอีกทั้งยังมีการปล่อยข่าวว่าเป็นพวกชนชั้นสูงขุนนางที่มาล่าสัตว์เท่านั้น คนในเกาะจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากประกอบกับความไม่รู้เรื่องราชวงศ์ สัญลักษณ์ต่าง ๆ จากแผ่นดินใหญ่หากใครมาจากแผ่นดินใหญ่จึงจะรู้ว่าบนเรือมีสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ออสโทเปียร์คู่กับสัญลักษณ์ของจักรวรรดิเป็นโชคที่เกาะแห่งนี้ห่างไกลแผ่นดินใหญ่นาน ๆ ครั้งจึงมีคณะเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ผ่านเข้ามาค้าขายอย่างเช่นเมื่อวาน...
แต่ไม่ใช่กับเด็กที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหารของจักรวรรดิออสโทเปียร์จนอ่านหนังสือมากมายเพื่อให้สามารถสอบเป็นทหารองครักษ์เมื่ออายุถึงเกณฑ์
อิโนะ ยามะเสะ ย่องเบาลัดเลาะมาตามมุมอับของท่าเรือ
เมื่อวานเขาเห็นคนในตลาดพูดกันว่ามีกลุ่มชนชั้นสูงของจักรวรรดิออสโทเปียร์มาล่าสัตว์ในเขตป่าลักซ์ เขาอยากเห็นว่าชนชั้นสูงพวกนั้นจะมีใบหน้าเป็นอย่างไรและอยากเห็นธงของจักรวรรดิออสโทเปียร์ของจริง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังด้านบนสุดของ เสากระดงเรือลำใหญ่
ธงผืนผ้าสีแดงปักเป็นรูปสิงโตสีทองสองตัวร้องคำรามใส่กันล้อมกรอบด้วยลวดลายวิจิตรของหนามดอกกุหลาบสีทองเช่นกัน
แต่สิ่งทำให้เด็กหนุ่มเบิกตากลมด้วยความตกใจก็คือสีเสื้อของทหารที่เดินกันอยู่ในเรือ
ไม่ว่าจะอ่านหนังสือมากี่เล่มทุกเล่มมีบอกเหมือนกันหมด
สีเสื้อของเครื่องแบบแต่ละหน่วย
สีแดง ทหารรักษาอารักขาดูแลความสงบเรียบร้อยในวังและเขตพระราชฐานอารักขาขุนนางชนชั้นสูง บริเวรรอบ ๆ วัง
สัญลักษณ์ที่ปักบนผ้าคลุมไหล่ข้างขวา ดอกกุหลาบแดงล้อมกรอบสีทอง
สีม่วง ทหารหน่วยสู้รบ แม่ทัพ นายกองทหารที่เคยออกรบ
สัญลักษณ์ที่ปักบนผ้าคลุมไหล่สีม่วงข้างขวา คือดาบที่เสียบบนโล่สีสองที่มีตราของจักรวรรดิ
และหน่วยสุดท้าย สีน้ำเงิน ทหารองครักษ์รักษาพระองค์ คอยอารักขาเชื้อพระวงศ์
สัญลักษณ์ที่บักบนผ้าคลุมไหลสีน้ำเงินข้างขวาคือ โล่สีทองตราของจักรวรรดิล้อมกรอบด้วยดอกกุหลาบสีแดง
ทหารในชุดเครื่องแบบของจักรวรรดิออสโทเปียร์ บนเรือต่างมีชุดคลุมของหน่วยทหารรักษาพระองค์สีน้ำเงินตราสัญลักษณ์ที่เด็กชายเคยเห็นปักสลักเด่นชัด
จากที่เขาเคยศึกษามาราชวงศ์ออสโทเปียร์เวลานี้มีอยู่ด้วยกันสองพระองค์คือองค์จักรพรรดิลูซินัสและเจ้าชายลูชิเอล พระอนุชาคนเดียวขององค์จักรพรรดิ ทั้งสองพระองค์ยังมิได้แต่งตั้งจักรพรรดินีและพระชายา
เรือลำนี้ต้องเป็นที่ประทับของใครคนใดคนหนึ่งแน่แค่คิด ยามาเสะก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นเชื้อพระวงศ์ใกล้ ๆ
.
.
.
เฟิงมี่ทอดสายตามองวิวทิวทัศน์ของทะเลในอ้อมอกของท่านแม่หมวกที่ใช้คลุมหัวค่อนข้างจำกัดมุมมองเธอพอสมควร หลังออกจากปราสาทแคว้นมิซิกิโนะ จักรพรรดิลูซินัสหรือท่านพ่อของเธอก็พาท่านแม่แยกออกมาซื้อของตามคำขอของท่านแม่ เครื่องเทศบางชนิดและสมุนไพรบางอย่างของที่นี่ไม่มีขายที่โน่น ท่านแม่เดินเลยไปท้ายตลาดเพื่อบอกลาท่านยายรินนะ....
ยายรินนะมองแม่ของเธอแล้วยิ้มส่งให้มาแต่ไกลราวกับล่วงรู้บางสิ่งไม่วายโค้งกายเคารพผู้สูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังท่านแม่....
“พร้อมหน้ากันสักทีนะ...หนูลู่อิง...ยายยินดีด้วยต่อจากนี้มีอะไรก็หันหน้าเข้าคุยกันก่อนล่ะ”
ท่านยายกล่าวสั่งสอนท่านแม่ที่ใบหน้าซึมลงจนเธอต้องเอี้ยวตัวไปปลอบ
“ที่แท้ก็มาอยู่กับเจ้า....”
คนตัวสูงข้างหลังพึมพำแผ่วเบา
“ยินดีที่ได้พบพระองค์อีกครั้ง...ทรงโตขึ้นเยอะเลยนะเพคะเหนื่อยแย่เลยซินะ เจ้าชายน้อยของกระหม่อม...”
ท่านแม่กับเธอมองทั้งสองที่คุยเหมือนเคยรู้จักมากันก่อนสลับไปมาอย่างมึนงง
“ข้าเคยเลี้ยงองค์ชายทั้งสองพระองค์มาก่อนที่จะลาออกมามีครอบครัวน่ะ....”
ท่านแม่ร้องอ๋อแผ่วเบาแต่เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“งั้นท่านยายก็รู้มาตลอดว่า...!”
ดวงตากลมสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ใช่จ้ะ....เป็นบุญของกระหม่อมที่ได้เลี้ยงดูองค์หญิงน้อย ...เรือนผมสีทองราวแพรไหมล้ำค่ายากลืมเลือน...ดวงตาสีแดงสดดังอัญมณีเลอค่ามิมีผู้ใดเทียบเคียง”
ท่านยายรินนะยื่นมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบไล้เส้นผมสีทองของเธอแววตายามจ้องมองเธอแฝงไปด้วยความคะนึงหาและอาลัย รอยยิ้มบางถูกส่งมาให้เธอ
“ท่านเฟิงมี่ไปแล้วยายคงเหงาแย่เลย”
น้ำตาคลอที่ดวงตาที่เริ่มขุ่นมัวตามกาลเวลา...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการจากลา...หรือเรื่องราวที่เคยพานพบในอดีตของคนแก่ผู้ผ่านโลกมาหลายช่วงอายุนับแต่แม่...ลูก...สู่หลาน....นับเป็นเกียรติของผู้หญิงที่มีถิ่นกำเนิดแสนธรรมดาเช่นเธอยิ่งนัก...ที่ได้มีโอกาสเลี้ยงดูพวกเขา...
“โอ๋ โอ๋ ไม่ย้องชิ เดี๋ยวไม่ชวยน่ะ”(โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องสิเดี๋ยวไม่สวยน่ะ)
ฝ่ามือเล็กป้อมยื่นมาเกลี่ยน้ำตาให้หญิงชราพลางยกยิ้มจนดวงตาสีแดงหรี่ลงดูเปล่งปลั่งราวกับทับทิมน้ำงามแสนอบอุ่น...
....นางช่างเหมือนพระองค์ยิ่งนัก....ท่านหญิงพัลนิเซียของหม่อมฉัน...
.
.
.
“อย่างนี้ท่านนาซิสก็คงรู้ว่าท่านยายรินนะเคยเป็นนางข้าหลวงมาก่อน...ถึงว่าตอนนั้นพาหนีมาที่นี่”
ท่านแม่พึมพำแผ่วเบาคล้ายคุยกับตัวเองแต่ก็ไม่รอดหูคนที่เดินประกบหลังตนมาติด ๆ
“ตระกูลอิโนะเป็นตระกูลที่หลายชั่วอายุคนเป็นดาบให้กับออสโทเปียร์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นแค่อาณาจักรออสโทเปียร์ก่อนที่จะกลายเป็นจักรวรรดิข้าเองก็พึ่งรู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้...องครักษ์นั่นคงรู้จักกับลูกหลานของรินนะ”
ท่านแม่พยักหน้ารับ
“จะว่าไปเด็กคนนั้นก็อยากเป็นทหารองครักษ์เหมือนผู้เป็นพ่อ...”
เหมือนท่านแม่ของเธอจะพูดถึงยามะเสะ เพื่อนผู้ชอบเล่าเรื่องกล่อมนอนกลางวันของเธอแค่ก ๆ หมายถึงเพื่อนเล่นน่ะ
เฟิงเองก็พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ลาอีกฝ่ายเสียด้วยสิตอนไปหายายรินนะก็ไม่เห็นอยู่บ้าน ไปเที่ยวเล่นไหนนะ
เดินมาไม่นานก็เดินมาถึงท่าจอดเรือที่เหล่าทหารเริ่มขนเสบียงขึ้นเรืออย่างขยันขันแข็งดวงตากลมสีทับทิมสอดส่องไปทั่วอย่างสนใจจนสะดุดกลับร่าง ๆ หนึ่งไวเท่าความคิดมือป้อมสะกิดคนอุ้มพลางชี้ไปยังร่างของคนที่ยืนยิ้มส่งให้มาแต่ไกล
“มามี้ นาชิก นาชิก! “
“ขอรับ ขอรับ กำลังเดินเร็วอยู่นี่ไงคะเฟิงมี่”
“มามี้ ยงยง”
พอเดินมาใกล้ขึ้นเหมือนท่านแม่ของเธอยังเดินเร็วไม่ทันใจเธอ เฟิงมี่สะกิดขอลงเดินเองผู้เป็นแม่ก็ไม่ขัดเพราะลูกน้อยดิ้นไปมาหยางเหยียนลู่อิงก็กลัวจะทำลูกตกเช่นกัน
“นาชิก!นาชิก! “
เฟิงมี่วิ่งหน้าบานมาแต่ไกล...ไปหาคนที่หายหน้าไปตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะกอดหมับเข้ากับคอของคนที่ย่อตัวลง คอยรอรับเผื่อเธอจะสะดุดขาตัวเองล้ม ผ้าคลุมที่ใช้หมวกปิดหัวถูกเธอสลัดทิ้งตั้งแต่เกือบสะดุดล้มครั้งที่2ให้ท่านแม่ที่เดินตามหลังมาช่วยเก็บให้
“นาชิกมาช้า...ไหนว่าจะตามมา”
เธอยู่ปากงอน ๆ ส่งให้นาซิส
ตัดพ้อถึงเรื่องเมื่อวานที่อีกฝ่ายบอกจะตามมา...อารมณ์เด็กก็คงประมาณนี้ล่ะมั้งแต่เอาเข้าจริง
เฟิงมี่ก็โกรธอีกฝ่ายอยู่นิดหนึ่งที่พูดเหมือนจะตายเพื่อเธอโดยไม่เสียดายชีวิต สำหรับเธอทุกชีวิตล้วนมีค่า
“ต้องขออภัยขอรับ....”
ดวงตาสีฟ้าของนาซิสหมองลง จนเธอต้องเลิกแกล้งก่อนที่ท่านองครักษ์คนเก่งจะซึมมากกว่านี้
“ให้อภัย เพราะ นาชิกให้ปี้กะต่ายมาแตน”(ให้อภัยเพราะนาซิสให้พี่กระต่ายมาแทน)
ว่าพลางยกตุ๊กตากระต่ายในมือให้อีกฝ่ายดู ท่านองครักษ์จึงหลุดยิ้มออกมาออกมาเธอเองก็ยิ้มสดใสส่งให้จนเห็นฟันแทบทุกซีกเลยมั้ง เสียงฝีเท้าของคนสองคนมาหยุดยืนข้างหลังเธอ
“ขอถวายเกียรติและพระพรแด่องค์จักรพรรดิ”
เฟิงมี่หันไปสบตากับท่านพ่อที่นาซิสกำลังทำความเคารพสูงสุดโดยการคุกเข่าลงข้างหน้ามือขวากุมที่ตำแหน่งหัวใจ...ดวงตาสีแดงปรายมองนาซิสด้วยใบหน้าว่างเปล่าไม่แสดงความคิดใด ท่านแม่ที่อยู่ข้างเองก็คงเริ่มใจไม่ดีที่เห็นคนข้างกายไม่ตรัสสิ่งใด
“ท่านลูซินัส อย่างไรนาซิสก็ช่วยข้าเลี้ยงดูเฟิงมี่มาตลอดสามปีหากไม่ได้ท่านนาซิสข้ากับนางคงลำบากมากกว่านี้...”
“แต่เขาก็มีความผิดโทษฐานกระทำนอกเหนือคำสั่ง พาเจ้าหลบหนีไปจากข้า...”
องค์จักรพรรดิลูซินัสก้าวแย้งเสียงราบเรียบจ้องมองร่างที่ยังคงคุกเข่า
“....” หยางเหยียนลู่อิง
“....” นาซิส
เฟิงมี่ที่เห็นนาซิสโดนจ้องจนจะพรุนก็ก้าวเดินมาขวางหน้านาซิสจ้องตากับจักรพรรดิลูซินัสที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
“จ้องนาชิก ทามมัย นาชิกมีอะยัยติกน่าหยอ นัย นัย” (จ้องนาซิส ทำไม นาซิสมีอะไรติดหน้าเหรอ ไหน ไหน”
เธอเอ่ยถามคนที่กำลังจ้องมองนาซิสพลางหันตัวไปสำรวจใบหน้าของนาซิส
“องค์หญิง...” นาซิส
“...ในเมื่อเจ้าอยากเป็นพี่เลี้ยงเด็กข้าก็จะให้เจ้าเป็นพี่เลี้ยงเด็กสมใจเจ้า...ปลดองครักษ์นาซิสออกจากตำแหน่งองครักษ์ประจำองค์จักรพรรดิ ไปเป็นองครักษ์ของเจ้าก้อนนี่ก็แล้วกัน...”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา ขอถวายเกียรติแด่องค์จักรพรรดิ ให้สัตย์สาบานต่อองค์มหาเทพ จะปกปักองค์หญิงด้วย ชีวิต”
“ค่อยแต่งตั้งกันอีกทีแล้วกัน...”
จักรพรรดิลูซินัสกล่าวปัดพลางจับจูงมือท่านแม่ลากขึ้นเรือไปเหมือนคนไม่สบอารมณ์บางสิ่ง
“นาชิกยองไห้ทามมัย”
นาซิสที่เงยหน้าขึ้นมามองเธอปลายหางตามีน้ำตาคลออยู่ทำให้เธอตกใจรีบเอื้อมมือไปลูบมันออกให้
“ผมดีใจที่ได้อยู่กับคุณหนูน่ะขอรับ...ฝากตัวด้วยนะขอรับ”
องครักษ์นาซิสยิ้มอ่อนส่งให้เธอ เธอที่แพ้รอยยิ้มแบบนี้หัวใจกระตุกยิก ๆ พี่ชายจะพาน้องหลงไปมากกว่านี้ไม่ได้!!!
เมื่อทำอะไรไม่ได้ปนเขินหนักเข้าก็โน้มกายทิ้งตัวกอดอีกฝ่ายทำทีให้อุ้ม ฝังใบหน้าที่แดงซ่านลงบนผ้าคลุมที่นาซิสใส่
เสียงเอะอะตรงริมท่าเรือที่เธอเดินผ่านมาทำให้หันไปมอง นาซิสเองก็หันมองตามเช่นกัน
“นาชิก นาชิก ยามะ ยามะ “
“ ขอรับ จะพาไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอรับ”
นาซิสถูกมือป้อมของเธอตีพลางชี้ไปที่ยามะเสะที่กำลังถูกทหารในเครื่องแบบหิ้วคอเสื้ออยู่
“ยามะ ยามะ”
เธอร้องเรียกชื่อเด็กชายที่ดิ้นอยู่ในมือทหาร
“ท่านหญิง..ท่านลอร์ดนาซิส”
ทหารที่เห็นเธอกับนาซิสโค้งกายทำความเคารพและปล่อยตัวเด็กชายลง
“ท่านหญิง...จะคุยกับเขาน่ะ”
ทหารตอบรับโค้งกายก้าวถอยออกไป
“ท่านอานาซิส เฟิงมี่เป็นองค์หญิงธิดาขององค์จักรพรรดิลูซินัสจริง ๆ เหรอขอรับ!”
ยามะเสะถามด้วยใบหน้าตื่นพลางจ้องมาที่เธอ...
“อย่างที่เธอเข้าใจนั่นล่ะยามะเสะ...เอาเป็นว่าช่วยเก็บเป็นความลับจนกว่าจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการได้หรือไม่...ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของท่านหญิงน้อย”
“เป็นเกียรติอย่างยิงขอรับ!.ข้าน้อยจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่พบเห็นหรือได้ยิน ณ ที่แห่งนี้เป็นอันขาด! เลือดนี้สละเพื่อราชวงศ์ กายนี้สละเพื่อแผ่นดิน ลมหายใจมอบแด่ออสโทเปียร์ องค์มหาเทพเป็นพยาน! “
เด็กชายเอามือกุมไว้ที่ตำแหน่งหัวใจเลียนแบบท่าทำความเคารพของจักรวรรดิ
“สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของผม”
นาซิสส่งมือไปลูบหัวของยามะเสะ
“ขอโทษที่ไม่ได้สอนเรื่องรูปลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ มันค่อนข้างจะเด่นชัด”
“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ...ถึงว่าท่านย่าฉีกหนังสือไปหลายหน้าเรื่องลักษณะเด่นของเชื้อพระวงศ์แต่ละราชวงศ์”
ยามะเสะพยักหน้ารับ แม้แต่ท่านย่าเองก็ปิดบังเขาคงมีเหตุผลพอควร
“ยามะ ยามะ “
เฟิงมี่ที่เหมือนเป็นส่วนเกินเรียกร้องความสนใจ
“ขอรับ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้มใจดีเช่นทุกครั้ง
“ บัยบาย”
เธอยกมือขึ้นโบกให้เด็กชายแต่ดูเหมือนคนรับสารจะไม่เข้าใจจึงต้องอธิบาย
“บัยบาย แปงว่า ลาก่อน”(บายบายแปลว่าลาก่อน)
“ภาษาอะไรอีกล่ะนั่น”
เด็กชายที่เฟิงมี่เคยพูดคำว่า what the fuck อัดหน้ากล่าวแซวด้วยรอยยิ้ม จนเฟิงมี่รู้สึกคันแก้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมของตัวเอง
“ลาก่อนเช่นกันไว้พบกันเช่นกัน”เมื่อเขาเป็นองครักษ์ได้จะต้องได้พบอีกฝ่ายแน่
ยามะเสะยกมือขึ้นเลียนแบบเด็กสาวที่เขาผูกพันราวกับเป็นน้องสาวและได้มีโอกาสเลี้ยงดูอีกฝ่ายมา ยามเมื่อรู้ว่าเด็กสาวมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิทำให้รู้สึกตกใจไม่น้อย
ใครจะไปรู้ว่า เด็กน้อยแก้มป่องตากลมชอบชวนเขาเล่นขายของ พอเขาอ่านหนังสือให้ฟังก็นั่งสัปหงก หลับ พอเหลือบตาไปมองก็ทำหน้าตื่นเหมือนตั้งใจฟังเขาเล่าดูแล้วช่างน่าขันจะกลายเป็นองค์หญิงแสนสูงศักดิ์หนึ่งในผู้ที่เขาใฝ่ฝันจะพบเห็น
“เราจะกลับปราสาทหลักของออสโทเปียร์กันเจ้ามีอะไรจะฝากถึงท่าน เรียวสุเกะ หรือไม่”
“ท่านพ่อ เหรอขอรับ...นั้นช่วยฝากสิ่งนี้ไปให้ได้หรือเปล่าขอรับ “
สมุดบันทึกเล่มเล็กถูกยื่นให้นาซิสรับไปเก็บไว้
“อืม แล้วพบกันเมื่อบ่าเจ้ามียศประดับนะ”นาซิส
“ขอรับ”
.
.
.
สมอถูกถอนขึ้น ใบเรือถูกกลางออก เรือสำเภาลำใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่าเรือแคว้นมิซิกิโนะ ปลายทางคือแผ่นดินใหญ่ พระราชวังแห่งจักรวรรดิออสโทเปียร์ ศูนย์กลางของจักรวรรดิออสโทเปียร์
เธอที่ถูกอุ้มโดยนาซิสมองออกไปยังท่าเรือที่ค่อยไกลห่างจนลับสายตา ถึงบอกว่าท่านแม่อยู่ไหนเธออยู่นั่น ทำทีเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เธอเกิดและเติบโต ความผูกพันย่อมมีอย่างแน่นอน เธอได้แต่สัญญากับตัวเองในใจว่าจะต้องกลับมาเยือนอีกครั้งให้ได้!....
แต่จะว่าไป....
ท่านแม่อยู่ไหน!
...
..
(อดีต)
.
.
“วันนี้ลูกจะทำผมให้เสด็จแม่”
เด็กชายวัย7ขวบในชุดลำลองของชนชั้นสูงหยิบแปรงหวีผมสีทองในมือของตัวเองแน่นจ้องสบกับดวงตาสีแดงทับทิมเช่นเดียวกับดวงตาของผู้เป็นแม่
“หืม เจ้านี่น่ะ ลูซินัส “
ถึงแม้จะแปลกใจแต่เรือนผมสีทองก็ถูกมือบางเลือนปลดผ้าผูกผมออกให้ผมยาวสลายร่วงหล่นตามความยาวดังแพรไหมน้ำงาม
แม้ก่อนหน้านี้นางข้าหลวงจะเข้ามาทำผมให้แล้วก็ตาม