- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –
“what the fuck”
เฟิงมี่
“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’”
หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)
“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”
ลูซินัส (ท่านพ่อ)
...หลังจากนั้น....
“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!”
ลูชิเอล (ท่านอา)
“อัปลักษณ์จริง...”
หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)
คำชี้แจ้ง&ทักทาย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊
(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)
อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊
นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย
เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ
ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️
ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇♀️
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)
Wah_Cherly
นัก(หัด)เขียน
ท่านแม่ของเธอถูกท่านพ่อเวรลากขึ้นมาบนเรือก่อนหน้า ดวงตาสีแดงกวาดมองไปทั่วเรือลำใหญ่แต่ก็ไม่พบร่างงดงามของผู้เป็นแม่ ภายในหัวของเธอแทบอยากจะทุบหัวตัวเองที่ปล่อยปลาย่างไปกับแมวเสียได้
ท่านแม่ต้องกำลังโดนรังแกอยู่แน่!!
ไม่ได้การแล้ว คิดสิคิดสิ
“นาชิกนาชิก มามี้ อยู่หยาย”(นาซิส นาซิส มามี้)
“น่าจะอยู่กับท่านพ่อของคุณหนูนะครับ”
นาซิสเปลี่ยนมาใช้ภาษากลางของออสโทเปียร์ ทำให้เธอต้องเปลี่ยนตาม
“แย้วอยู่หยาย”(แล้วอยู่ไหน)
“อันนี้กระผมก็ไม่ทราบครับ”
นาซิสรู้แต่อยากให้องค์จักรพรรดิมีช่วงเวลาส่วนตัวกับท่านลู่อิงบ้าง จึงเลือกที่จะโกหกเด็กน้อยไป
ใบหน้าของเฟิงมี่จึงบูดบึ้งเบะปากลงจนนาซิสส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้....
“เข้าไปข้างในกันดีกว่านะครับอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อน”
นาซิสอุ้มเธอเข้ามาในตัวเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราพรมสีแดง ปูลาดยาวไปตามทาง แตกต่างจากรูปลักษณ์ภาพนอกมากทีเดียว ตรงกลางมีโต๊ะนั่งเล่นตั้งอยู่ภายใต้โคมไฟระยาคริสตัลที่กระทบกับแสงที่รอดผ่านเข้ามาเป็นประกายระยิบระยับ งดงามสมเป็นเรือที่ประทับของมหาจักรพรรดิ
“อ้าว เลดี้น้อยอยู่นี่เหรอข้านึกว่าอยู่กับท่านลู่อิงเสียอีก...ร่วมดื่มชากับข้าไหม”
นาซิสอุ้มเฟิงมี่มากลางห้องโถงที่ท่านอาลูชิเอลคนสวยของเธอกำลังนั่งดื่มชากับท่านลอร์ดคนหล่อ
เฟิงมี่ที่กำลังมองหาท่านแม่ตามทางทอดยาวของโถงทางเดินที่เลี้ยวไปอีกมุมหนึ่งหันมาหาโต๊ะที่วางขนมทานคู่กับชาใส่ถาดเรียงกันเป็นชั้นอย่างสวยงาม ดวงตาทับทิมสุกสว่างเป็นประกายขึ้นมาทันที พลางพยักหน้ารับอย่างยินดี ลืมสิ้นเรื่องที่ต้องไปช่วยท่านแม่ของเธอ
เค้กตรงหน้าช่างมีแสงยานุภาพนัก!
นาซิสเห็นคุณหนูในอ้อมแขนลืมเรื่องท่านลู่อิงตอบรับการเชิญของท่านชายลูชิเอลผู้เป็นอาก็จัดแจงสั่งข้าหลวงให้นำเก้าอี้ที่เพิ่มเบาะรองนั่งให้สูงขึ้นพอดีกับตัวโต๊ะยามเฟิงมี่นั่งมาให้
มือป้อมรับน้ำชาจากมือที่ท่านลอร์ดเซเรนรินให้
“มี่มี่ ขอบคุงค่ะ”
“ข้าชงให้มันเจือจางลง...องค์หญิงยังเด็กคงยังไม่คุ้นชิน”
ถึงจะถูกเจือจางแต่กลิ่นของชาก็ยังคงหอม จมูกเล็กดมกลิ่นชาในถ้วยอย่างชอบใจกลิ่นคล้ายสมุนไพรในถุงหอมที่ท่านแม่ทำให้เลย
“ข้าให้พ่อครัวทำนมผสมน้ำผึ้งมาให้ ลองดูไหมเจ้าน่าจะชอบ”
ท่านอาลูชิเอลคนสวยของเธอผลักแก้วกระเบื้องเคลือบที่มีกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งผสมนมสดมาตรงหน้าเธอ
“มีมี่ขอบคุงค่ะ”
มือป้อมยื่นไปรับมาดื่มพลางก้มหัวขอบคุณ
ความหวานของมันทำให้เด็กน้อยยิ้มอย่างชอบใจ..เธอแพ้ของหวานพอ ๆ กับผู้ชายยิ้มหวานนั่นแหละของหวานช่างดีต่อใจยิ่งนัก
จานขนมหวานมากมายถูกยื่นมาให้เธอพร้อมบอกแนะนำโดยสองผู้สูงศักดิ์ที่ชวนเฟิงมี่ร่วมโต๊ะน้ำชา
นาซิสที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณหนูของเขาเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเมื่อคุณหนูน้อยของตนไม่ปฏิเสธทุกขนมที่ยื่นมาตรงหน้า เฟิงมี่ตักจ้วงกินจนแก้มป่องอูมขึ้นมาจากการยัด...ทานขนมของเธอ ถ้าทานมากไปคืนนี้คงไม่สบายท้องแน่ไม่รู้ด้วยว่าท่านเฟิงมี่จะเมาเรือไหมถ้าเมาด้วยคงเรื่องใหญ่เอาการครั้นจะขัดก็ไม่กล้าดูหน้าเจ้าหญิงน้อยแล้ว ถ้าขัด คงมีงอนต้องให้ท่านลู่อิงมาปรามแล้วแหละ
ร่างขององครักษ์คนเก่งปลีกตัวออกไปเงียบ ๆ เพื่อตามท่านแม่ของเด็กน้อย ตัวกลมที่ยัดขนมไม่กลัวตัวจะแตก...
ถึงแม้ตอนแรกจะบอกว่าไม่ทราบว่าแม่ของเด็กน้อยอยู่ไหนแต่นาซิสก็พอเดาได้ไม่ยากขายาวก้าวไปตามทางทอดยาวของเรือที่คุ้นเคย...หวังว่าจะไม่โดนสั่งกุดหัว ข้อหาขัดจังหวะองค์จักรพรรดิ....
เกิดเป็นนาซิสช่างลำบากนัก....
.
.
“เชเยน...ต้านอา ห้ามบอกมามี้น่า”
หลังดื่มนมผสมน้ำผึ้ง แก้วที่5 และชีสเค้กเบอรี่ ชิ้นสุดท้ายหมด ดวงตากลมแดงช้อนมองผู้ร่วมโต๊ะน้ำชาที่สรรหาขนมเค้กเลิศรสมาให้เธอทานพลางเอ่ยร้องว่าไม่ให้บอกท่านแม่ของเธอ
“หืม ทำไมล่ะเลดี้น้อย”
“มามี้ม่ายให้ มีมี่ทานหนมเยอะค่ะ...เดี๋ยวท่องอืด”(มามี้ไม่ให้มีมี่ทานหนมเยอะค่ะ เดี๋ยวท้องอืด)
เธอลูบท้องป่องของตัวเองที่พ่องขึ้นมาเยอะจนตึงไปหมด
มีครั้งหนึ่งหยางเหยียนลู่อิงนำเฟิงมี่ไปฝากไว้กับบ้านของคุณยายรินนะเพื่อเข้าป่าหาสมุมไพรเหมือนทุกทีเพียงแต่วันนั่นยามะเสะเอาขนมที่ได้จากผู้เป็นพ่อที่อยู่แผ่นดินใหญ่ให้เด็กน้อยทานแทบจะกินแทนข้าวทั้งวันกลับมาบ้านก็ทานขนมสุดท้ายอ้วกออกมาเป็นขนมร้อนผู้เป็นแม่ต้องคอยลูบหลังพาไปอ้วกทั้งคืน
เลยโดนสั่งควบคุมขนม
“ถ้ามามี้ยู มามี้จะงอนเพราะงั้น เชเยน กับต้านอาต้องจุจุไว้นะคะ”(ถ้ามามี้รู้ มามี้จะงอนเพราะงั้น เซเรนกับท่านอาต้องจุจุไว้นะคะ)
มือป้อมยกนิ้วชี้เล็กมาวางแนบกับปากตัวเอง พลางทำหน้าจริงจังจนผู้เป็นอา ยกยิ้มเอ็นดู
“ตกลง อาจะจุ๊จุ๊ให้เจ้า”
สองผู้สูงศักดิ์ที่โดนหลานหมาด ๆ เอ่ยขอตกลงแทบจะทันทีเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กน้อย
“หนมอาหย่อยมากเยยค่ะ ขอบคุงที่เชินนะคะ”(ขนมอร่อยมากเลยค่ะ ของคุณที่เชิญนะคะ)
“ไว้วันหลังอาจะชวนมาทานขนมอี---”
เสียงของผู้เป็นอาเงียบหายไป ดวงตาสีเขียวมรกตมองลอดไปยังข้างหลังของเด็กน้อย
“อาว่าอาคงจุ๊จุ๊ให้หลานไม่ได้แล้วล่ะ”
ดวงตาสีแดงสดมองตามดวงตาสีมรกตของผู้มีศักดิ์เป็นอาไปด้านหลังตน
“มามี้ มีมี่กินแต่น้ำเปล่านะคะ!!”
มือป้อมยกชูแก้วน้ำในมือให้ท่านแม่ดู
“รีบเชียว...แม่ยังไม่ว่าอะไรเลยนะ”
หยางเหยียนลู่อิงหมุนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะให้สูงขึ้นของลูกสาวมาเผชิญหน้าตน
“ร้อนตัว..”
น้ำเสียงเรียบ ๆ ที่เฟิงมี่เริ่มคุ้นหูดังขึ้นหลังท่านแม่ของเธอที่ย่อกายลงให้เสมอเธอ มีร่างสูงของผู้เป็นพ่อยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์พิงกำแพงเป็นพื้นหลัง
ดวงตาสีแดงของเด็กน้อยตวัดไปมองอย่างไม่ชอบใจก่อนหันมาหามองท่านแม่อย่างออดอ้อนอย่างรวดเร็ว
“มีมี่ทานไปนิดเดียวเองค่ะ นิดเดียวจริง ๆ นะแค่นี้เองค่ะ”
ฝ่ามือยกขึ้นทำท่าทีประกอบพลางส่งสายตาออดอ้อนผู้เป็นแม่ไม่ให้โกรธ เฟิงมี่รู้จุดอ่อนของท่านแม่มุกนี้ใช้ได้ผลถึง 99% อีก 1% เผื่อท่านแม่มีภูมิต้านทาน
“แม่ยอมเชื่อก็ได้แต่มาเดินย่อยก่อนเลยใกล้เวลานอนกลางวันลูกแล้ว…เฮ้อ เพราะเอาแต่กินกับนอนอย่างนี้หรือเปล่าลูกเลยไม่สูงขึ้นสักทีออกพุงหมด”
“มามี้!”
เฟิงมี่ทำตาดุใส่ท่านแม่ที่ทำท่าทางปลงตกกับสภาพกลมบ๊อกของเธอ ยู่ปากส่งให้อย่างงอน ๆ ที่โดนแซวแต่ก็กางมือให้ผู้เป็นแม่อุ้มออกมาเดินเล่น
ลมทะเลพัดอ่อนปะทะหน้าของเฟิงมี่แดดเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อออกจากเขตทะเลของแคว้นมิซิกิโนะ
เงาของบางอย่างพาดผ่านไปทั่วทั้งเรื่อคล้ายเกาะบังแดดลอยอยู่เหนือเรือ
“แดดเริ่มแรงเดี๋ยวจะไม่สบายตัวเอา”
“ขอบคุณขอรับ ลำบากท่านแล้ว”
ดูเหมือนเวทบังแดดแสนโอรังจะเป็นอภินันทนาการจากท่านพ่อของเธอที่เดินตามหลังมา ท่านแม่ปล่อยเธอลงเมื่อเธอสะกิดให้ปล่อย เดินเตาะแตะมาได้สักพัก…เฟิงมี่จึงสำเหนียกตัวเองได้ว่าถ้าเดินเองจะไปเห็นทะเลได้อย่างไรกัน!เธอสูงจากขอบเรือสำเภายักษ์นี่เท่าไรกันเชียว เฟิงมึ่จึงหันกลับไปอ้อนท่านแม่ที่เดินคุมอยู่ไม่ไกล
“ไม่ต้องมองแม่อย่างนั้นเลย ไม่อุ้ม เดินย่อยให้พุงยุบก่อน”
“มามี้อะ…มีมี่มองม่ายเหงทาเล” (มามี้อะ มีมี่มองไม่เห็นทะเล)
“ไม่ค่ะ ไม่อุ้ม เดินย่อยก่อน”
เฟิงมี่คอตกเมื่อท่านแม่ไม่ยอมอุ้ม
ร่างเล็กของเด็กน้อยเดินพลางกระโดดเย้งเย้ง ให้เห็นวิวข้างนอกหลังท่านแม่ไม่ได้แพ้ลูกอ้อน เสียงจ๋อมแจ่มข้างเรือเรียกความสนใจของเฟิงมี่ได้เป็นอย่างดี ในหัวน้อยคิดทันทีต้องเป็นปลาหรือไม่ก็โลมาแน่ ๆ ในนิทานเรื่องเจ้าหญิงมักมีโลมามาว่ายข้างเรือตัวเอกอยู่แทบทุกเรื่อง
ดวงตากลมโตสีแดงของเธอสอดส่องไปทั่วเรือเพื่อหาที่ต่อความสูงให้ตัวเองไปสะดุดตากับลังไม้ที่อยู่ข้างขอบเรือพอดี…เธอยกยิ้มก่อนจะวิ่งไปปีนมันขึ้นดูสิ่งด้านล่าง
แก้มกลมเกยกับขอบของเรือ ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อก้มมองด้านล่างให้เห็นที่มาของเสียง….ภาพที่เห็นมีเพียงแต่ฟองอากาศและคลื่นที่แหวกออกจากการเคลื่อนที่ของเรือเท่านั้น…เมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจเฟิงมี่จึงผละตัวออกมาอย่างเซ็ง ๆ คิดจะกระโดดลงจากลังไม้ไปหาท่านแม่ที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลช่วงที่กำลังกระโดด….
ตึง
เรือคล้ายถูกบางอย่างกระแทกอย่างแรง เรือสั่นไหวจนเรือลำใหญ่เอียงไปเล็กน้อย
ท่านแม่มองมาที่เธออย่างตื่นตกใจข้างกายมีผู้เป็นพ่อของเธอประกบอยู่ไม่ห่างตัว
เงาบางอย่างพาดผ่านตัวเฟิงมี่….ในหัวน้อยนึกอย่างรวดเร็ว
พระเจ้าเวรเล่นเธอแล้ว….ทำไมไม่เอะใจที่อยู่ ๆ ก็มีลังไม้โง่ ๆ มาวางกัน!
ดวงตาสีแดงทับทิมของเธอเลือนสบกับผู้เป็นพ่อที่มองมา
แรงกอดรัดของบ้างสิ่งที่น่าขยะแขยงที่เอวของเธอคล้ายระฆังเริ่มสัญญาณ
‘อีเว้นคุณพ่อ’ !!!
ดวงตาสีแดงของเฟิงมี่ดำมืด….พระเจ้าบัดซบ (นักเขียน) เธอไม่ใช่เครื่องเรียกคะแนนให้พระเอกนะยะ!
ฉั่ว
เสียงของคมดาบตัดขาดบางสิ่งอย่างรวดเร็ว ยังไม่มีใครได้ส่งเสียงร้องเลยด้วยซ้ำ….เลือดสีแดงสดของสิ่งนั้นสาดกระจายไปทั่ว ร่างของเธอร่วงหล่นก่อนจะถูกแรงบางอย่างผลักเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่เข้ามารับ ท่านแม่กอดรัดและกดเธอไว้ไม่ให้หันไปมองเห็นสิ่งรอบตัว เสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังกึ่งก้องอยู่ในหัวของเฟิงมี่
“ชู่ปลอดภัยแล้วเด็กดี”
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวนั้นกำลังถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดไหน
ทำไมเธอดูเหมือนไม่กลัวอย่างงั้นเหรอ….ชาติที่แล้วตอนเป็นนักแสดงโดนแอนตี้แฟนเอาเลือดไก่สาดหน้าคาวคลุ้งกว่านี้เยอะ อีกอย่างพระเจ้า(นักเขียน)ไม่ปล่อยให้เธอตายง่าย ๆ หรอกแต่อาจจะให้เจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอกใช้ประโยชน์เรียกคะแนนความเป็นพ่ออย่างไรเล่า!
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ท่านแม่เลิกกดหัวเธอไว้จึงสามารถเอาหน้าออกจากอกของท่านแม่ได้แต่ถึงอย่างไรก็มีร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อบังเอาไว้อยู่ดี เฟิงมี่จึงไม่รู้สภาพข้างหลังนั่นเป็นอย่างไร ร่างสูงของผู้เป็นพ่อเธอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกลิ่นคาวของเลือด
“อุแหวะ”
ของที่มาจุกอยู่ที่คอพากันมาไหลบ่าออกทันที…แน่นอนว่ามันต้องพุงไปเลอะคนที่เฟิงมี่หันไปมอง
ดวงตาสีเดียวกันมองเธออย่างลึกลับ เฟิงมี่เองก็มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว
แค่ช่วยเธอเท่านี้อย่าคิดจะได้สายตาชื่นชมจากเธอเชียว….แรงผลักนั่นไม่น้อยเลยสักนิด!…มือป้อมยกขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองที่เปื้อน ก่อนหันไปซบบ่าผู้เป็นแม่เหมือนเดิมหลบเลี่ยงสายตาวาววับของคุณพระเอกผู้มีศักดิ์เป็นพ่อ
เธอเปล่ากลัวน่ะบอกเลยแค่แสบตา!
“มามี้มีมี่กลัว”
กล่าวเรียกสติผู้เป็นแม่ให้ตื่นจากภวังค์ ทำตัวเองให้สั่นกลัว
“เออ…ข้าว่าเราควรแยกกันไป..ข้าจะพานางไปล้างตัวเอง”
“อือ..ไปเถอะ”
.
หยางเหยียนลู่อิงพาเฟิงมี่มาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ร่างเล็กของเด็กน้อยนั่งนิ่งให้ผู้เป็นแม่หวีผมให้อยู่หน้ากระจกบานใหญ่
“หายกลัวหรือยังน้ำผึ้งน้อย…แม่อยู่ตรงนี้”
หยางเหยียนลู่อิงเอาคางเกยหัวลูกสาวก้มจูบปลอบขวัญเมื่อเห็นเด็กน้อยนิ่งเงียบผิดปกติ
“แม่ผิดเองที่ไม่อุ้มเราจนเกิดอันตราย….หายงอนนะคะคนเก่ง”
เฟิงมี่ตื่นจากภวังค์ที่ครุ่นคิดเนื้อเรื่องต่อจากนี้ว่ามันจะดำเนินไปทิศทางใด…แต่ที่แน่ ๆ เธอจะรั้งตัวท่านแม่ไว้ข้างตัวตลอดเวลาไม่ให้เจ้าพ่อบ้าทำคะแนนได้เลยสักแต้ม…ร่างน้อยของเฟิงมี่เงยหน้าส่งยิ้มหวานให้อย่างที่ชอบทำ
“มีมี่เปางองมามี้ค่ะ มีมี่ง่วงแย้ว มามี้เย้านิชานให้ฟังน่อยสิคะ” (มีมี่เปล่างอนมามี้ค่ะ มีมี่ง่วงแล้ว มามี้เล่านิทานให้ฟังหน่อยสิคะ)
เฟิงมี่เงยหน้าสบตาท่านแม่พร้อมส่งสายตาหมาอ้อน
“น้าคร้า~”
“ได้สิ..น้ำผึ้งน้อยของแม่อยากฟังเรื่องอะไร”
ท่านแม่อุ้มเธอไปวางไว้บนเตียงนุ่มแสนโอร่าที่ตั้งอยู่อีกมุม
“อยากเอาเรื่องคุณเต่ากับกระต่าย”
แม้เธอจะเคยโตเป็นผู้ใหญ่แล้วครั้งหนึ่งแต่ตอนนี้เธอยังคงเป็นเด็กมันคงไม่น่าเกลียดอีกทั้งการฟังนิทานหรือเรื่องเล่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลย
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…”
ท่านแม่เริ่มเล่าเมื่อเธอนอนหนุนตักจ้องสบตากับท่านแม่พลางกอดตุ๊กตากระต่ายไว้ในอ้อมแขนเสียงนุ่มทุ้มเล่าโดยไม่ลืมที่จะใส่อารมณ์ร่วมให้นิทานมีสีสันขึ้นมามันค่อย ๆ ขับกล่อมให้เธอหลับได้อย่างไม่ยากเย็นทั้งที่ตั้งใจว่าจะแค่แกล้งหลับกลับกลายเป็นจิตใจค่อย ๆ จมดิ่งสู่ห่วงนิทราต้องเป็นเพราะเธอหลับกลางวันเป็นประจำแน่ ๆ หรือไม่ร่างกายของเด็กคงถูกตั้งค่าให้หลับง่ายเช่นนี้
สัมผัสแผ่วเบาจุมพิตที่หน้าผากเธอ
“ฝันดี น้ำผึ้งน้อยของแม่”
.
.
“หลับไปแล้วหรือ”
จักรพรรดิลูซินัส ที่กลับจากการสั่งการพลทหารองครักษ์ และอาบน้ำชำระคราบเลือดและอ้วกของเจ้าเด็กตัวกลมจนหมดเดินเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องส่วนพระองค์ แต่ตอนนี้มีผู้ร่วมใช้ห้องเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน
“ขอรับได้เวลานอนกลางวันพอดี ข้าไม่รู้ว่าส่วนไหนของเรือใช้ได้เลยพานางมาอาบน้ำที่ห้องของท่านหวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
หยางเหยียนลู่อิงเงยหน้าขึ้นจากการก้มลูบหัวลูกสาวตอบด้วยรอยยิ้มบางเพราะไม่รู้ว่าห้องไหนสามารถใช้ได้บ้างจึงพาลูกน้อยมายังห้องที่เคยถูกพามา
“ไม่เป็นไร”
ร่างสูงใหญ่เดินไปทิ้งกายนั่งข้างหลังคนรักแผ่วเบาคล้ายกลัวคนที่หลับไปแล้วจะตื่นขึ้นมาเอื้อมมือสวมกอดร่างผอมบางพลางเอาคางเกยไหล่ จ้องมองร่างกลมที่นอนหนุนตักของหยางเหยียนลู่อิง แก้มกลมถูกนอนทับจนเกยขึ้นมาริมฝีปากบางจิ้มลิ้มยกยิ้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในห่วงของฝันดี
“เจ้านี่ไม่ร้องเลย แถมยังหลับอย่างสบายใจ หึ”
มือหนายกขึ้นจิ้มลงบนแก้มป่องแผ่วเบา พระองค์ค่อนข้างแปลกใจที่เฟิงมี่ไม่แม้แต่จะร้องไห้หรือร้องโวยวายสักนิด ความหวาดกลัวไม่ได้ปรากฏอยู่ในแววตาของเด็กคนนี้เลย….
“อื่อ”
เฟิงมี่เมื่อถูกกวนยามหลับก็ร้องครางพลางเอียงหน้าที่โดนแกล้งถูไถกับตักผู้เป็นแม่
“หึ นางไม่เคยกลัวสิ่งใด นานแล้วที่ข้าไม่เคยเห็นนางร้องจะมีร้องก็เพราะข้าร้องเมื่อตอนนั้น…คงตั้งแต่นางเริ่มพูดออกเสียงได้ ตอนนางเกิดก็ร้องเพียงชั่วครู่เท่านั้น จะร้องอีกก็ต่อเมื่อหิวหรือขับถ่าย…เลี้ยงเฟิงมี่ข้าไม่เหนื่อยเลยนางเลี้ยงง่ายมาก”
หยางเหยียนลู่อิงเล่าบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พลางลูบหัวกล่อมลูกน้อยที่ถูกก่อกวน
“ท่านก็เห็นต่อให้เป็นแผลนางยังไม่ร้องไห้เลย เป็นข้าที่ร้องเองเสียด้วยซ้ำ หึหึ”
จักรพรรดิยกยิ้มมุมปากเลิกก่อกวนแก้มกลมขององค์หญิงน้อย ทอดมองร่างน้อยที่ถูกหยางเหยียนลู่อิงอุ้มไปนอนอีกฝั่งและหันมาก่อกวนผู้เป็นมารดาของร่างน้อยแทน มือหนาไล่ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของลู่อิงพลางไล่จมูกคมสันหายใจรดรินต้นคอขาวจนเจ้าของร่างรู้สึกสั่นสะท้าน
“อื้อ ท่านหยุดเดี๋ยวนี้นะ เฟิงมี่กำลังนอน”
หยางเหยียนลู่อิงร้องประท้วงแผ่วเบางตะครุบมือหนาที่กำลังสัมผัสยอดอกของตนอย่างห้ามปราม
“ดูเหมือนข้าจะโดนแบ่งความรักจากเจ้าไปเสียแล้วอิงอิง ข้าเป็นพวกขี้อิจฉาเสียด้วยสิ ว่ากันว่ามารดามักมีน้ำนมให้นมบุตรหากเจ้านี่ได้ดื่มนมเจ้าข้าก็ควรได้ดื่ม…ไม่ต้องอายเจ้าก้อนนี่คงหลับไปสักพักข้าไม่ให้มาขัดข้าได้อีกหรอก”
เวทนิทราเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ยากแต่กลับถูกใช้ด้วยเรื่องพันนี้หยางเหยียนลู่อิงหมดคำค้านจักรพรรดิบ้ากามผู้นี้แล้ว
“ท่านมัน…อืมมมข้าไม่มีแล้ว”
“นั้นแสดงว่าเคยมีสิน่ะ หึหึ”
.
.
...
(อดีต)
.
.
“ท่านทำอะไรน่ะ!”
ร่างผอมบางแต่สูงโปร่ง ร้องอย่างตกใจเมื่อในมือของผู้สูงศักดิ์ถือกระถางต้นไม้คุ้นตา ที่เขาใช้ปลูกสมุนไพรสำคัญไว้
“ข้าไม่ชอบมัน..”หยางเหยียนลู่อิงเอาแต่ดูแลมัน มันได้อยู่ใกล้อิงอิงมากกว่าเขาเสียอีก...
“...ก่อนที่ท่านจะทิ้งมันข้าขอถามเหตุผลได้หรือไม่” หยางเหยียนลู่อิงปลงตกเมื่อเผลอคิดว่าสมุนไพรตรงหน้าจะถูกทิ้งแต่ก็นั่นแหละเขาทำอะไรพลการไม่ได้ปรึกษาคนตรงหน้าก่อน...สมุนไพรนี่ก็นับเป็นหนึ่งในสมุนไพรอันตราย
“ข้าอิจฉามัน...”
“..ห้ะ!?อะไรนะขอรับ”
หยางเหยียนลู่อิงคล้ายรู้สึกตัวเองหูเพี้ยน
“ก็เจ้าเอาแต่สนใจมัน”
หยางเหยียนลู่อิงยกมือขึ้นกุมขมับ เขานึกว่าองค์จักรพรรดิไม่ชอบเจ้าสมุนไพรนี่เสียอีกเพราะหน้าตาของมันค่อนข้างน่าเกลียดถ้ายังโตไม่เต็มที่อีกอย่าง..
“มันกินพลังเวทเพื่อเติบโต ข้าจำต้องคอยป้อนไอเวทแก่มัน...”
“ที่เจ้าหมดแรงเป็นลมบ่อย ๆ ก็เป็นเพราะเจ้านี่อย่างนั้นหรือ!...อิงอิงใครให้เจ้าเลี้ยงของอย่างนี้กันฮะ...ข้าตามใจเจ้าเกินไปแล้วสินะ!”
“ข้าขอโทษ...ข้าอ่านเจอในตำราสมุนไพร ดอกของมันสามารถปรุงเป็นยาลบรอยแผลเป็นได้...”
หยางเหยียนลู่อิงยกมือแตะตรงตำแหน่งหัวใจขององค์จักรพรรดิบอกเล่าถึงเจตนาของตัวเองที่อยากลบรอยแผลเป็นที่องค์จักรพรรดิทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมัน....
“...นี่เจ้าจะทำให้ข้าหลงเจ้าไปถึงไหนกันอิงอิง...”
องค์จักรพรรดิวางเจ้ากระถางดอกไม้เจ้าปัญหาลงบนโต๊ะข้างกายอย่างเบามือ ก่อนจะรวบคนตัวบางที่ทำหน้าเศร้ามากอดจนจมอก
“ต่อไปใช้พลังเวทของข้า...”
เขามีพลังเวทแข็งแกร่งกว่าหยางเหยียนลู่อิงมาก อีกทั้งยาที่คนรักจะทำก็เป็นยาที่ทำขึ้นเพื่อเขาใช้พลังเวทจากเขาน่ะถูกแล้ว
“สมุนไพรนี่ดูดซับแต่เวทธาตุแสง...”
องค์จักรพรรดิที่ใช้เวทได้ทุกธาตุยกเว้นเพียงแต่ธาตุแสง..ตวัดตาไปมองเจ้าสมุนไพรช่างเลือกด้วยสายตาว่างเปล่า...ถ้าไม่ติดว่าอิงอิงต้องเสียพลังเวทไปมากกว่ามันจะโตขนาดนี้จักรพรรดิลูซินัสจะจับมันเผาด้วยเพลิงนิลไม่ให้เหลือซากอย่างแน่นอน!