- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”

ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng) - บทที่ 8 เธอกับการเดินเรือสุดอลเวง โดย wah_cherly @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”

ผู้แต่ง

wah_cherly

เรื่องย่อ




- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –

“what the fuck”

เฟิงมี่


“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’” 

หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)


“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”

ลูซินัส (ท่านพ่อ)


...หลังจากนั้น.... 


“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!” 

ลูชิเอล (ท่านอา)


“อัปลักษณ์จริง...” 

หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)



คำชี้แจ้ง&ทักทาย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊

(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)

อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊

นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน  plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย


เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ


ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️


ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇‍♀️



ช่องทางการสั่งซื้อ e-book

จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1

จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)










Wah_Cherly

นัก(หัด)เขียน













สารบัญ

ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทนำ บทนำ,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 1 เธอกับการมีแม่ที่สวยจนเรือหาย,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 2 เธอกับความจริงที่พึ่งประจักษ์,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 3 เธอกับวันที่เกือบดี,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 4 เธอกับการพรากจาก,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 5 เธอกับการพานพบ,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 6 เธอกับการตั้งตัวเป็นก้าง,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 7 เธอกับตัวแทนที่สะท้อนอดีต,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 8 เธอกับการเดินเรือสุดอลเวง,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 9 เธอกับการมาถึงแผ่นดินใหญ่แบบ งงๆ,ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)-บทที่ 10 เธอกับการมาถึงพระราชวังและมื้ออาหารแสนสุขสันต์

เนื้อหา

บทที่ 8 เธอกับการเดินเรือสุดอลเวง

บทที่8

เธอกับการเดินเรือสุดอลเวง

ท่านแม่ของเธอถูกท่านพ่อเวรลากขึ้นมาบนเรือก่อนหน้า ดวงตาสีแดงกวาดมองไปทั่วเรือลำใหญ่แต่ก็ไม่พบร่างงดงามของผู้เป็นแม่ ภายในหัวของเธอแทบอยากจะทุบหัวตัวเองที่ปล่อยปลาย่างไปกับแมวเสียได้

ท่านแม่ต้องกำลังโดนรังแกอยู่แน่!!

ไม่ได้การแล้ว คิดสิคิดสิ

“นาชิกนาชิก มามี้ อยู่หยาย”(นาซิส นาซิส มามี้)

“น่าจะอยู่กับท่านพ่อของคุณหนูนะครับ”

นาซิสเปลี่ยนมาใช้ภาษากลางของออสโทเปียร์ ทำให้เธอต้องเปลี่ยนตาม

“แย้วอยู่หยาย”(แล้วอยู่ไหน)

“อันนี้กระผมก็ไม่ทราบครับ”

นาซิสรู้แต่อยากให้องค์จักรพรรดิมีช่วงเวลาส่วนตัวกับท่านลู่อิงบ้าง จึงเลือกที่จะโกหกเด็กน้อยไป

ใบหน้าของเฟิงมี่จึงบูดบึ้งเบะปากลงจนนาซิสส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้....

“เข้าไปข้างในกันดีกว่านะครับอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อน”

นาซิสอุ้มเธอเข้ามาในตัวเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราพรมสีแดง ปูลาดยาวไปตามทาง แตกต่างจากรูปลักษณ์ภาพนอกมากทีเดียว ตรงกลางมีโต๊ะนั่งเล่นตั้งอยู่ภายใต้โคมไฟระยาคริสตัลที่กระทบกับแสงที่รอดผ่านเข้ามาเป็นประกายระยิบระยับ งดงามสมเป็นเรือที่ประทับของมหาจักรพรรดิ

“อ้าว เลดี้น้อยอยู่นี่เหรอข้านึกว่าอยู่กับท่านลู่อิงเสียอีก...ร่วมดื่มชากับข้าไหม”

นาซิสอุ้มเฟิงมี่มากลางห้องโถงที่ท่านอาลูชิเอลคนสวยของเธอกำลังนั่งดื่มชากับท่านลอร์ดคนหล่อ

เฟิงมี่ที่กำลังมองหาท่านแม่ตามทางทอดยาวของโถงทางเดินที่เลี้ยวไปอีกมุมหนึ่งหันมาหาโต๊ะที่วางขนมทานคู่กับชาใส่ถาดเรียงกันเป็นชั้นอย่างสวยงาม ดวงตาทับทิมสุกสว่างเป็นประกายขึ้นมาทันที พลางพยักหน้ารับอย่างยินดี ลืมสิ้นเรื่องที่ต้องไปช่วยท่านแม่ของเธอ

เค้กตรงหน้าช่างมีแสงยานุภาพนัก!

นาซิสเห็นคุณหนูในอ้อมแขนลืมเรื่องท่านลู่อิงตอบรับการเชิญของท่านชายลูชิเอลผู้เป็นอาก็จัดแจงสั่งข้าหลวงให้นำเก้าอี้ที่เพิ่มเบาะรองนั่งให้สูงขึ้นพอดีกับตัวโต๊ะยามเฟิงมี่นั่งมาให้

มือป้อมรับน้ำชาจากมือที่ท่านลอร์ดเซเรนรินให้

“มี่มี่ ขอบคุงค่ะ”

“ข้าชงให้มันเจือจางลง...องค์หญิงยังเด็กคงยังไม่คุ้นชิน”

ถึงจะถูกเจือจางแต่กลิ่นของชาก็ยังคงหอม จมูกเล็กดมกลิ่นชาในถ้วยอย่างชอบใจกลิ่นคล้ายสมุนไพรในถุงหอมที่ท่านแม่ทำให้เลย

“ข้าให้พ่อครัวทำนมผสมน้ำผึ้งมาให้ ลองดูไหมเจ้าน่าจะชอบ”

ท่านอาลูชิเอลคนสวยของเธอผลักแก้วกระเบื้องเคลือบที่มีกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งผสมนมสดมาตรงหน้าเธอ

“มีมี่ขอบคุงค่ะ”

มือป้อมยื่นไปรับมาดื่มพลางก้มหัวขอบคุณ

ความหวานของมันทำให้เด็กน้อยยิ้มอย่างชอบใจ..เธอแพ้ของหวานพอ ๆ กับผู้ชายยิ้มหวานนั่นแหละของหวานช่างดีต่อใจยิ่งนัก

จานขนมหวานมากมายถูกยื่นมาให้เธอพร้อมบอกแนะนำโดยสองผู้สูงศักดิ์ที่ชวนเฟิงมี่ร่วมโต๊ะน้ำชา

นาซิสที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณหนูของเขาเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเมื่อคุณหนูน้อยของตนไม่ปฏิเสธทุกขนมที่ยื่นมาตรงหน้า เฟิงมี่ตักจ้วงกินจนแก้มป่องอูมขึ้นมาจากการยัด...ทานขนมของเธอ ถ้าทานมากไปคืนนี้คงไม่สบายท้องแน่ไม่รู้ด้วยว่าท่านเฟิงมี่จะเมาเรือไหมถ้าเมาด้วยคงเรื่องใหญ่เอาการครั้นจะขัดก็ไม่กล้าดูหน้าเจ้าหญิงน้อยแล้ว ถ้าขัด คงมีงอนต้องให้ท่านลู่อิงมาปรามแล้วแหละ

ร่างขององครักษ์คนเก่งปลีกตัวออกไปเงียบ ๆ เพื่อตามท่านแม่ของเด็กน้อย ตัวกลมที่ยัดขนมไม่กลัวตัวจะแตก...

ถึงแม้ตอนแรกจะบอกว่าไม่ทราบว่าแม่ของเด็กน้อยอยู่ไหนแต่นาซิสก็พอเดาได้ไม่ยากขายาวก้าวไปตามทางทอดยาวของเรือที่คุ้นเคย...หวังว่าจะไม่โดนสั่งกุดหัว ข้อหาขัดจังหวะองค์จักรพรรดิ....

เกิดเป็นนาซิสช่างลำบากนัก....

.

.

“เชเยน...ต้านอา ห้ามบอกมามี้น่า”

หลังดื่มนมผสมน้ำผึ้ง แก้วที่5 และชีสเค้กเบอรี่ ชิ้นสุดท้ายหมด ดวงตากลมแดงช้อนมองผู้ร่วมโต๊ะน้ำชาที่สรรหาขนมเค้กเลิศรสมาให้เธอทานพลางเอ่ยร้องว่าไม่ให้บอกท่านแม่ของเธอ

“หืม ทำไมล่ะเลดี้น้อย”

“มามี้ม่ายให้ มีมี่ทานหนมเยอะค่ะ...เดี๋ยวท่องอืด”(มามี้ไม่ให้มีมี่ทานหนมเยอะค่ะ เดี๋ยวท้องอืด)

เธอลูบท้องป่องของตัวเองที่พ่องขึ้นมาเยอะจนตึงไปหมด

มีครั้งหนึ่งหยางเหยียนลู่อิงนำเฟิงมี่ไปฝากไว้กับบ้านของคุณยายรินนะเพื่อเข้าป่าหาสมุมไพรเหมือนทุกทีเพียงแต่วันนั่นยามะเสะเอาขนมที่ได้จากผู้เป็นพ่อที่อยู่แผ่นดินใหญ่ให้เด็กน้อยทานแทบจะกินแทนข้าวทั้งวันกลับมาบ้านก็ทานขนมสุดท้ายอ้วกออกมาเป็นขนมร้อนผู้เป็นแม่ต้องคอยลูบหลังพาไปอ้วกทั้งคืน

เลยโดนสั่งควบคุมขนม

“ถ้ามามี้ยู มามี้จะงอนเพราะงั้น เชเยน กับต้านอาต้องจุจุไว้นะคะ”(ถ้ามามี้รู้ มามี้จะงอนเพราะงั้น เซเรนกับท่านอาต้องจุจุไว้นะคะ)

มือป้อมยกนิ้วชี้เล็กมาวางแนบกับปากตัวเอง พลางทำหน้าจริงจังจนผู้เป็นอา ยกยิ้มเอ็นดู

“ตกลง อาจะจุ๊จุ๊ให้เจ้า”

สองผู้สูงศักดิ์ที่โดนหลานหมาด ๆ เอ่ยขอตกลงแทบจะทันทีเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กน้อย

“หนมอาหย่อยมากเยยค่ะ ขอบคุงที่เชินนะคะ”(ขนมอร่อยมากเลยค่ะ ของคุณที่เชิญนะคะ)

“ไว้วันหลังอาจะชวนมาทานขนมอี---”

เสียงของผู้เป็นอาเงียบหายไป ดวงตาสีเขียวมรกตมองลอดไปยังข้างหลังของเด็กน้อย

“อาว่าอาคงจุ๊จุ๊ให้หลานไม่ได้แล้วล่ะ”

ดวงตาสีแดงสดมองตามดวงตาสีมรกตของผู้มีศักดิ์เป็นอาไปด้านหลังตน

“มามี้ มีมี่กินแต่น้ำเปล่านะคะ!!”

มือป้อมยกชูแก้วน้ำในมือให้ท่านแม่ดู

“รีบเชียว...แม่ยังไม่ว่าอะไรเลยนะ”

หยางเหยียนลู่อิงหมุนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะให้สูงขึ้นของลูกสาวมาเผชิญหน้าตน

“ร้อนตัว..”

น้ำเสียงเรียบ ๆ ที่เฟิงมี่เริ่มคุ้นหูดังขึ้นหลังท่านแม่ของเธอที่ย่อกายลงให้เสมอเธอ มีร่างสูงของผู้เป็นพ่อยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์พิงกำแพงเป็นพื้นหลัง

ดวงตาสีแดงของเด็กน้อยตวัดไปมองอย่างไม่ชอบใจก่อนหันมาหามองท่านแม่อย่างออดอ้อนอย่างรวดเร็ว

“มีมี่ทานไปนิดเดียวเองค่ะ นิดเดียวจริง ๆ นะแค่นี้เองค่ะ”

ฝ่ามือยกขึ้นทำท่าทีประกอบพลางส่งสายตาออดอ้อนผู้เป็นแม่ไม่ให้โกรธ เฟิงมี่รู้จุดอ่อนของท่านแม่มุกนี้ใช้ได้ผลถึง 99% อีก 1% เผื่อท่านแม่มีภูมิต้านทาน

“แม่ยอมเชื่อก็ได้แต่มาเดินย่อยก่อนเลยใกล้เวลานอนกลางวันลูกแล้ว…เฮ้อ เพราะเอาแต่กินกับนอนอย่างนี้หรือเปล่าลูกเลยไม่สูงขึ้นสักทีออกพุงหมด”

“มามี้!”

เฟิงมี่ทำตาดุใส่ท่านแม่ที่ทำท่าทางปลงตกกับสภาพกลมบ๊อกของเธอ ยู่ปากส่งให้อย่างงอน ๆ ที่โดนแซวแต่ก็กางมือให้ผู้เป็นแม่อุ้มออกมาเดินเล่น

ลมทะเลพัดอ่อนปะทะหน้าของเฟิงมี่แดดเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อออกจากเขตทะเลของแคว้นมิซิกิโนะ

เงาของบางอย่างพาดผ่านไปทั่วทั้งเรื่อคล้ายเกาะบังแดดลอยอยู่เหนือเรือ

“แดดเริ่มแรงเดี๋ยวจะไม่สบายตัวเอา”

“ขอบคุณขอรับ ลำบากท่านแล้ว”

ดูเหมือนเวทบังแดดแสนโอรังจะเป็นอภินันทนาการจากท่านพ่อของเธอที่เดินตามหลังมา ท่านแม่ปล่อยเธอลงเมื่อเธอสะกิดให้ปล่อย เดินเตาะแตะมาได้สักพัก…เฟิงมี่จึงสำเหนียกตัวเองได้ว่าถ้าเดินเองจะไปเห็นทะเลได้อย่างไรกัน!เธอสูงจากขอบเรือสำเภายักษ์นี่เท่าไรกันเชียว เฟิงมึ่จึงหันกลับไปอ้อนท่านแม่ที่เดินคุมอยู่ไม่ไกล

“ไม่ต้องมองแม่อย่างนั้นเลย ไม่อุ้ม เดินย่อยให้พุงยุบก่อน”

“มามี้อะ…มีมี่มองม่ายเหงทาเล” (มามี้อะ มีมี่มองไม่เห็นทะเล)

“ไม่ค่ะ ไม่อุ้ม เดินย่อยก่อน”

เฟิงมี่คอตกเมื่อท่านแม่ไม่ยอมอุ้ม

ร่างเล็กของเด็กน้อยเดินพลางกระโดดเย้งเย้ง ให้เห็นวิวข้างนอกหลังท่านแม่ไม่ได้แพ้ลูกอ้อน เสียงจ๋อมแจ่มข้างเรือเรียกความสนใจของเฟิงมี่ได้เป็นอย่างดี ในหัวน้อยคิดทันทีต้องเป็นปลาหรือไม่ก็โลมาแน่ ๆ ในนิทานเรื่องเจ้าหญิงมักมีโลมามาว่ายข้างเรือตัวเอกอยู่แทบทุกเรื่อง

ดวงตากลมโตสีแดงของเธอสอดส่องไปทั่วเรือเพื่อหาที่ต่อความสูงให้ตัวเองไปสะดุดตากับลังไม้ที่อยู่ข้างขอบเรือพอดี…เธอยกยิ้มก่อนจะวิ่งไปปีนมันขึ้นดูสิ่งด้านล่าง

แก้มกลมเกยกับขอบของเรือ ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อก้มมองด้านล่างให้เห็นที่มาของเสียง….ภาพที่เห็นมีเพียงแต่ฟองอากาศและคลื่นที่แหวกออกจากการเคลื่อนที่ของเรือเท่านั้น…เมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจเฟิงมี่จึงผละตัวออกมาอย่างเซ็ง ๆ คิดจะกระโดดลงจากลังไม้ไปหาท่านแม่ที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลช่วงที่กำลังกระโดด….

ตึง

เรือคล้ายถูกบางอย่างกระแทกอย่างแรง เรือสั่นไหวจนเรือลำใหญ่เอียงไปเล็กน้อย

ท่านแม่มองมาที่เธออย่างตื่นตกใจข้างกายมีผู้เป็นพ่อของเธอประกบอยู่ไม่ห่างตัว

เงาบางอย่างพาดผ่านตัวเฟิงมี่….ในหัวน้อยนึกอย่างรวดเร็ว

พระเจ้าเวรเล่นเธอแล้ว….ทำไมไม่เอะใจที่อยู่ ๆ ก็มีลังไม้โง่ ๆ มาวางกัน!

ดวงตาสีแดงทับทิมของเธอเลือนสบกับผู้เป็นพ่อที่มองมา

แรงกอดรัดของบ้างสิ่งที่น่าขยะแขยงที่เอวของเธอคล้ายระฆังเริ่มสัญญาณ

‘อีเว้นคุณพ่อ’ !!!

ดวงตาสีแดงของเฟิงมี่ดำมืด….พระเจ้าบัดซบ (นักเขียน) เธอไม่ใช่เครื่องเรียกคะแนนให้พระเอกนะยะ!

ฉั่ว

เสียงของคมดาบตัดขาดบางสิ่งอย่างรวดเร็ว ยังไม่มีใครได้ส่งเสียงร้องเลยด้วยซ้ำ….เลือดสีแดงสดของสิ่งนั้นสาดกระจายไปทั่ว ร่างของเธอร่วงหล่นก่อนจะถูกแรงบางอย่างผลักเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่เข้ามารับ ท่านแม่กอดรัดและกดเธอไว้ไม่ให้หันไปมองเห็นสิ่งรอบตัว เสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังกึ่งก้องอยู่ในหัวของเฟิงมี่

“ชู่ปลอดภัยแล้วเด็กดี”

กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวนั้นกำลังถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดไหน

ทำไมเธอดูเหมือนไม่กลัวอย่างงั้นเหรอ….ชาติที่แล้วตอนเป็นนักแสดงโดนแอนตี้แฟนเอาเลือดไก่สาดหน้าคาวคลุ้งกว่านี้เยอะ อีกอย่างพระเจ้า(นักเขียน)ไม่ปล่อยให้เธอตายง่าย ๆ หรอกแต่อาจจะให้เจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอกใช้ประโยชน์เรียกคะแนนความเป็นพ่ออย่างไรเล่า!

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

ท่านแม่เลิกกดหัวเธอไว้จึงสามารถเอาหน้าออกจากอกของท่านแม่ได้แต่ถึงอย่างไรก็มีร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อบังเอาไว้อยู่ดี เฟิงมี่จึงไม่รู้สภาพข้างหลังนั่นเป็นอย่างไร ร่างสูงของผู้เป็นพ่อเธอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกลิ่นคาวของเลือด

“อุแหวะ”

ของที่มาจุกอยู่ที่คอพากันมาไหลบ่าออกทันที…แน่นอนว่ามันต้องพุงไปเลอะคนที่เฟิงมี่หันไปมอง

ดวงตาสีเดียวกันมองเธออย่างลึกลับ เฟิงมี่เองก็มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว

แค่ช่วยเธอเท่านี้อย่าคิดจะได้สายตาชื่นชมจากเธอเชียว….แรงผลักนั่นไม่น้อยเลยสักนิด!…มือป้อมยกขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองที่เปื้อน ก่อนหันไปซบบ่าผู้เป็นแม่เหมือนเดิมหลบเลี่ยงสายตาวาววับของคุณพระเอกผู้มีศักดิ์เป็นพ่อ

เธอเปล่ากลัวน่ะบอกเลยแค่แสบตา!

“มามี้มีมี่กลัว”

กล่าวเรียกสติผู้เป็นแม่ให้ตื่นจากภวังค์ ทำตัวเองให้สั่นกลัว

“เออ…ข้าว่าเราควรแยกกันไป..ข้าจะพานางไปล้างตัวเอง”

“อือ..ไปเถอะ”

.

หยางเหยียนลู่อิงพาเฟิงมี่มาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ร่างเล็กของเด็กน้อยนั่งนิ่งให้ผู้เป็นแม่หวีผมให้อยู่หน้ากระจกบานใหญ่

“หายกลัวหรือยังน้ำผึ้งน้อย…แม่อยู่ตรงนี้”

หยางเหยียนลู่อิงเอาคางเกยหัวลูกสาวก้มจูบปลอบขวัญเมื่อเห็นเด็กน้อยนิ่งเงียบผิดปกติ

“แม่ผิดเองที่ไม่อุ้มเราจนเกิดอันตราย….หายงอนนะคะคนเก่ง”

เฟิงมี่ตื่นจากภวังค์ที่ครุ่นคิดเนื้อเรื่องต่อจากนี้ว่ามันจะดำเนินไปทิศทางใด…แต่ที่แน่ ๆ เธอจะรั้งตัวท่านแม่ไว้ข้างตัวตลอดเวลาไม่ให้เจ้าพ่อบ้าทำคะแนนได้เลยสักแต้ม…ร่างน้อยของเฟิงมี่เงยหน้าส่งยิ้มหวานให้อย่างที่ชอบทำ

“มีมี่เปางองมามี้ค่ะ มีมี่ง่วงแย้ว มามี้เย้านิชานให้ฟังน่อยสิคะ” (มีมี่เปล่างอนมามี้ค่ะ มีมี่ง่วงแล้ว มามี้เล่านิทานให้ฟังหน่อยสิคะ)

เฟิงมี่เงยหน้าสบตาท่านแม่พร้อมส่งสายตาหมาอ้อน

“น้าคร้า~”

“ได้สิ..น้ำผึ้งน้อยของแม่อยากฟังเรื่องอะไร”

ท่านแม่อุ้มเธอไปวางไว้บนเตียงนุ่มแสนโอร่าที่ตั้งอยู่อีกมุม

“อยากเอาเรื่องคุณเต่ากับกระต่าย”

แม้เธอจะเคยโตเป็นผู้ใหญ่แล้วครั้งหนึ่งแต่ตอนนี้เธอยังคงเป็นเด็กมันคงไม่น่าเกลียดอีกทั้งการฟังนิทานหรือเรื่องเล่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลย

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…”

ท่านแม่เริ่มเล่าเมื่อเธอนอนหนุนตักจ้องสบตากับท่านแม่พลางกอดตุ๊กตากระต่ายไว้ในอ้อมแขนเสียงนุ่มทุ้มเล่าโดยไม่ลืมที่จะใส่อารมณ์ร่วมให้นิทานมีสีสันขึ้นมามันค่อย ๆ ขับกล่อมให้เธอหลับได้อย่างไม่ยากเย็นทั้งที่ตั้งใจว่าจะแค่แกล้งหลับกลับกลายเป็นจิตใจค่อย ๆ จมดิ่งสู่ห่วงนิทราต้องเป็นเพราะเธอหลับกลางวันเป็นประจำแน่ ๆ หรือไม่ร่างกายของเด็กคงถูกตั้งค่าให้หลับง่ายเช่นนี้

สัมผัสแผ่วเบาจุมพิตที่หน้าผากเธอ

“ฝันดี น้ำผึ้งน้อยของแม่”

.

.

“หลับไปแล้วหรือ”

จักรพรรดิลูซินัส ที่กลับจากการสั่งการพลทหารองครักษ์ และอาบน้ำชำระคราบเลือดและอ้วกของเจ้าเด็กตัวกลมจนหมดเดินเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องส่วนพระองค์ แต่ตอนนี้มีผู้ร่วมใช้ห้องเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน

“ขอรับได้เวลานอนกลางวันพอดี ข้าไม่รู้ว่าส่วนไหนของเรือใช้ได้เลยพานางมาอาบน้ำที่ห้องของท่านหวังว่าท่านจะไม่ถือสา”

หยางเหยียนลู่อิงเงยหน้าขึ้นจากการก้มลูบหัวลูกสาวตอบด้วยรอยยิ้มบางเพราะไม่รู้ว่าห้องไหนสามารถใช้ได้บ้างจึงพาลูกน้อยมายังห้องที่เคยถูกพามา

“ไม่เป็นไร”

ร่างสูงใหญ่เดินไปทิ้งกายนั่งข้างหลังคนรักแผ่วเบาคล้ายกลัวคนที่หลับไปแล้วจะตื่นขึ้นมาเอื้อมมือสวมกอดร่างผอมบางพลางเอาคางเกยไหล่ จ้องมองร่างกลมที่นอนหนุนตักของหยางเหยียนลู่อิง แก้มกลมถูกนอนทับจนเกยขึ้นมาริมฝีปากบางจิ้มลิ้มยกยิ้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในห่วงของฝันดี

“เจ้านี่ไม่ร้องเลย แถมยังหลับอย่างสบายใจ หึ”

มือหนายกขึ้นจิ้มลงบนแก้มป่องแผ่วเบา พระองค์ค่อนข้างแปลกใจที่เฟิงมี่ไม่แม้แต่จะร้องไห้หรือร้องโวยวายสักนิด ความหวาดกลัวไม่ได้ปรากฏอยู่ในแววตาของเด็กคนนี้เลย….

“อื่อ”

เฟิงมี่เมื่อถูกกวนยามหลับก็ร้องครางพลางเอียงหน้าที่โดนแกล้งถูไถกับตักผู้เป็นแม่

“หึ นางไม่เคยกลัวสิ่งใด นานแล้วที่ข้าไม่เคยเห็นนางร้องจะมีร้องก็เพราะข้าร้องเมื่อตอนนั้น…คงตั้งแต่นางเริ่มพูดออกเสียงได้ ตอนนางเกิดก็ร้องเพียงชั่วครู่เท่านั้น จะร้องอีกก็ต่อเมื่อหิวหรือขับถ่าย…เลี้ยงเฟิงมี่ข้าไม่เหนื่อยเลยนางเลี้ยงง่ายมาก”

หยางเหยียนลู่อิงเล่าบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พลางลูบหัวกล่อมลูกน้อยที่ถูกก่อกวน

“ท่านก็เห็นต่อให้เป็นแผลนางยังไม่ร้องไห้เลย เป็นข้าที่ร้องเองเสียด้วยซ้ำ หึหึ”

จักรพรรดิยกยิ้มมุมปากเลิกก่อกวนแก้มกลมขององค์หญิงน้อย ทอดมองร่างน้อยที่ถูกหยางเหยียนลู่อิงอุ้มไปนอนอีกฝั่งและหันมาก่อกวนผู้เป็นมารดาของร่างน้อยแทน มือหนาไล่ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของลู่อิงพลางไล่จมูกคมสันหายใจรดรินต้นคอขาวจนเจ้าของร่างรู้สึกสั่นสะท้าน

“อื้อ ท่านหยุดเดี๋ยวนี้นะ เฟิงมี่กำลังนอน”

หยางเหยียนลู่อิงร้องประท้วงแผ่วเบางตะครุบมือหนาที่กำลังสัมผัสยอดอกของตนอย่างห้ามปราม

“ดูเหมือนข้าจะโดนแบ่งความรักจากเจ้าไปเสียแล้วอิงอิง ข้าเป็นพวกขี้อิจฉาเสียด้วยสิ ว่ากันว่ามารดามักมีน้ำนมให้นมบุตรหากเจ้านี่ได้ดื่มนมเจ้าข้าก็ควรได้ดื่ม…ไม่ต้องอายเจ้าก้อนนี่คงหลับไปสักพักข้าไม่ให้มาขัดข้าได้อีกหรอก”

เวทนิทราเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ยากแต่กลับถูกใช้ด้วยเรื่องพันนี้หยางเหยียนลู่อิงหมดคำค้านจักรพรรดิบ้ากามผู้นี้แล้ว

“ท่านมัน…อืมมมข้าไม่มีแล้ว”

“นั้นแสดงว่าเคยมีสิน่ะ หึหึ”

.

.

...

 



(อดีต)

.

.

“ท่านทำอะไรน่ะ!”

ร่างผอมบางแต่สูงโปร่ง ร้องอย่างตกใจเมื่อในมือของผู้สูงศักดิ์ถือกระถางต้นไม้คุ้นตา ที่เขาใช้ปลูกสมุนไพรสำคัญไว้

“ข้าไม่ชอบมัน..”หยางเหยียนลู่อิงเอาแต่ดูแลมัน มันได้อยู่ใกล้อิงอิงมากกว่าเขาเสียอีก...

“...ก่อนที่ท่านจะทิ้งมันข้าขอถามเหตุผลได้หรือไม่” หยางเหยียนลู่อิงปลงตกเมื่อเผลอคิดว่าสมุนไพรตรงหน้าจะถูกทิ้งแต่ก็นั่นแหละเขาทำอะไรพลการไม่ได้ปรึกษาคนตรงหน้าก่อน...สมุนไพรนี่ก็นับเป็นหนึ่งในสมุนไพรอันตราย

“ข้าอิจฉามัน...”

“..ห้ะ!?อะไรนะขอรับ”

หยางเหยียนลู่อิงคล้ายรู้สึกตัวเองหูเพี้ยน

“ก็เจ้าเอาแต่สนใจมัน”

หยางเหยียนลู่อิงยกมือขึ้นกุมขมับ เขานึกว่าองค์จักรพรรดิไม่ชอบเจ้าสมุนไพรนี่เสียอีกเพราะหน้าตาของมันค่อนข้างน่าเกลียดถ้ายังโตไม่เต็มที่อีกอย่าง..

“มันกินพลังเวทเพื่อเติบโต ข้าจำต้องคอยป้อนไอเวทแก่มัน...”

“ที่เจ้าหมดแรงเป็นลมบ่อย ๆ ก็เป็นเพราะเจ้านี่อย่างนั้นหรือ!...อิงอิงใครให้เจ้าเลี้ยงของอย่างนี้กันฮะ...ข้าตามใจเจ้าเกินไปแล้วสินะ!”

“ข้าขอโทษ...ข้าอ่านเจอในตำราสมุนไพร ดอกของมันสามารถปรุงเป็นยาลบรอยแผลเป็นได้...”

หยางเหยียนลู่อิงยกมือแตะตรงตำแหน่งหัวใจขององค์จักรพรรดิบอกเล่าถึงเจตนาของตัวเองที่อยากลบรอยแผลเป็นที่องค์จักรพรรดิทำหน้าเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมัน....

“...นี่เจ้าจะทำให้ข้าหลงเจ้าไปถึงไหนกันอิงอิง...”

องค์จักรพรรดิวางเจ้ากระถางดอกไม้เจ้าปัญหาลงบนโต๊ะข้างกายอย่างเบามือ ก่อนจะรวบคนตัวบางที่ทำหน้าเศร้ามากอดจนจมอก

“ต่อไปใช้พลังเวทของข้า...”

เขามีพลังเวทแข็งแกร่งกว่าหยางเหยียนลู่อิงมาก อีกทั้งยาที่คนรักจะทำก็เป็นยาที่ทำขึ้นเพื่อเขาใช้พลังเวทจากเขาน่ะถูกแล้ว

“สมุนไพรนี่ดูดซับแต่เวทธาตุแสง...”

องค์จักรพรรดิที่ใช้เวทได้ทุกธาตุยกเว้นเพียงแต่ธาตุแสง..ตวัดตาไปมองเจ้าสมุนไพรช่างเลือกด้วยสายตาว่างเปล่า...ถ้าไม่ติดว่าอิงอิงต้องเสียพลังเวทไปมากกว่ามันจะโตขนาดนี้จักรพรรดิลูซินัสจะจับมันเผาด้วยเพลิงนิลไม่ให้เหลือซากอย่างแน่นอน!

ฉากหนึ่งในนิยายล่ารักเชลยศึกออสโทเปียร์