- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
ชาย-ชาย,ครอบครัว,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ (Mprng)- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร – “what the fu*k”
- อย่าแตะต้องท่านแม่นะไอลูกหมานี่!เธอในวัย3ขวบที่พึ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในนิยายเรื่องอะไร เป็นลูกของใครกับใคร –
“what the fuck”
เฟิงมี่
“ฝ่าบาทไม่โปรดสตรีและเด็ก หึ แล้วฟ้าก็ช่างเล่นตลกที่เฟิงมี่เป็น‘เด็กผู้หญิง’”
หยางเหยียนลู่อิง (ท่านแม่)
“วันนี้ข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าเอง”
ลูซินัส (ท่านพ่อ)
...หลังจากนั้น....
“ข้าแนะนำให้ท่านเล่นวิ่งว่าวกับลูกไม่ได้ให้เอาลูกไปทำเป็นว่าวนะท่านพี่!”
ลูชิเอล (ท่านอา)
“อัปลักษณ์จริง...”
หยางไท่ลู่เฟย (ท่านลุง)
คำชี้แจ้ง&ทักทาย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย Boy Love แฟนตาซี อบอุ่นหัวใจ แนวครอบครัวสุขสันต์ หลังเรื่องบู้กระจาย ทั้งเรื่องน้องเฟิงมี่อายุ 3 ขวบค่ะ หุหุ อาจจะแปลกเล็กน้อยที่ตัวละครดำเนินเรื่องเป็นลูกของคู่พระนายค่ะแต่อยากให้ลองรับไปชิมอยู่ครับ😊
(ระหว่างในบางบทจะมีบทบรรยายเนื้อหาในอดีตของพระนายโดยจะใช้สัญลักษณ์ขีดยาวและขึ้นย่อแรกด้วยคำว่า (อดีต) เป็นตัวคั่น ค่ะ)
อย่างไรก็ฝากรับครอบครัวน้องเฟิงมี่ของเราไปพิจารณาด้วยนะคะ 🙏🏻😊
นิยายเรื่องนี้ลงที่แรกที่R&W(แอปฟ้า)ขออนุญาตนำมาโปรโมตใน plotteller (น้องแพนด้าแดง) ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่เอื้อพื้นที่ให้สำหรับนักเขียนตัวน้อยๆได้โปรโมตนิยาย
เรื่องนี้จบแล้วค่ะ มี e-book อยู่ใน meb ค่ะ มีทั้งหมดสองเล่มจบ ตอนนี้จัดโปรลด ถึงวันที่ 1 ก.ย. จาก เล่มล่ะ 289 เหลือเล่มล่ะ 174 บาทครับ ในแต่ล่ะเล่มมีจำนวนหน้า 500+ จำนวนคำ 1xx,xxx ครับ และมีตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ลงในเว็บด้วย ถ้าท่านใดสนใจ และอยากสนับสนุนนักเขียนตัวน้อยๆ สามารถไปอุดหนุนกันได้ค่ะ แน่นอนว่าในเว็บจะลงให้อ่านฟรีจนถึงตอนจบค่ะ แต่จะลงช้าหน่อยนะคะ
ถ้าใครอยากได้เล่ม e-book แบบโปรลดอีก รอตอนช่วงเทศกาลได้ค่ะเเต่จะไม่ได้ราคาเท่ากับตอนเปิดตัวนะคะ ขออภัยด้วยอย่างไรก็กดติดตามกันไว้ได้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่และโปรโมรชั่นดีดี😊❤️
ขอขอบพระคุณการสนับสนุนทุกรูปแบบค่ะ🙏🏻🙇♀️
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 1
จิ้ม ท่านพ่ออย่ารังแกท่านแม่ เล่ม 2 (จบ)
Wah_Cherly
นัก(หัด)เขียน
ก็อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจและสร้างความหงุดหงิดให้กับองค์จักรพรรดิได้ไม่น้อยละสายตาจากลำคอขาวที่ถูกพระองค์ขบเม้นจนเป็นรอยตีตรา ดวงตาแดงดั่งอัญมณีที่แฝงไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเพ่งมองไปยังประตู หวังให้มันทะลุไปเสียดแทงผู้ที่อยู่ด้านหลัง สองครั้งในรอบวันแล้วนะ
“มีอะไรก็ว่าตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา”
กล่าวสั่งด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว เสยผมสีทองที่ตกลงมาปิดหน้าขึ้นอย่างอารมณ์เสีย ทั้งที่ยังคงคร่อมทับร่างผอมบางของหยางเหยียนลู่อิงที่ยกมือปิดบังใบหน้าแดงก่ำของตนเองอยู่ใต้ร่างหนา ร่างกายท่อนบนแม้จะยังไม่เปื่อยเปล่าเช่นองค์จักรพรรดิแต่ก็หลุดลุ่ยจนไม่อาจปกปิดบนแผ่นอกขาวที่เต็มไปด้วยรอยแดงของฝ่ามือและรอยดูดดึง
“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจพบความเคลื่อนไหวของมังกรแบล็คม่อนหลายตัวกำลังเข้าใกล้เรือ คาดเป็นเพราะกลิ่นเลือดของตัวก่อนหน้า ท่านชายลูชิเอลจึงมีพระประสงค์ให้ใช้เวทเคลื่อนย้ายของพระองค์เพื่อความปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เดี๋ยวเราไป”
ลูซินัสลงขึ้นมานั่งบนขอบเตียง พลางกลอกตาอย่างหน่ายใจ เวทเคลื่อนย้ายจำต้องใช้จอมเวทหลายคนและยิ่งระยะห่างที่มหาศาลกับขนาดของสิ่งเคลื่อนย้ายที่มีขนาดใหญ่อย่างเรือจำต้องใช้พลังเวทมหาศาลบนเรือลำนี้ที่เน้นการเดินทางแบบเรื่อย ๆ ทำให้ไม่ได้เอาจอมเวทมามากนักหรือไม่น้องชายของพระองค์ก็คงเห็นพระองค์เป็นมหาจอมเวทคลังมานาเคลื่อนที่ เลยไม่จำเป็นต้องมีจอมเวทมากมายประจำเรือเหมือนปกติ อีกอย่างมังกรไม่กี่ตัวไม่คณามือองครักษ์พวกนี้หรอก ดูเหมือนพระอนุชาของพระองค์จะอยากถึงพระราชวังเร็ว ๆ เสียมากกว่า
“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ ขอความรุ่งโรจน์จงปรากฏแด่องค์จักรพรรดิ”
“เฮ้อ เอาเถอะถึงเร็วก็ดี เจ้าก็นอนเล่นกับเจ้านี่ไปก่อนแล้วกันหิวก็สั่งพวกองครักษ์หน้าประตู อีกสักพักใหญ่คงเตรียมวงเวทเสร็จคงถึงวังค่ำ ๆ “
“ขอรับ...มังกรพวกนั้นคงได้กลิ่นธาตุแสงจากข้า”
มังกรแบล็คม่อนเป็นมังกรที่ดุร้ายและเก่งกาจพอควรและยังเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของผู้ที่มีธาตุแสง พวกมันอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกที่แสงส่องไปไม่ถึงและช่วงนี้เป็นฤดูจำศีลของมัน นับเป็นโชคดีที่ผู้ที่มีธาตุแสงพบเจอยากมังกรพวกนี้จึงไม่ค่อยถูกพบเจอ หรือมีข่าวว่าถูกพวกมันโจมตีกลางทะเลบ่อยนัก
“อย่าห่วงไป นอนเฝ้าเจ้าก้อนอยู่นี่ไป ข้ากลับมาแล้วต้องเห็นเจ้า”
จักรพรรดิลูซินัสเชยคางของผู้ที่นั่งอยู่บนขอบเตียงให้ขึ้นสบตาตนที่ยืนอยู่ พลางก้มลงครอบครองกลีบปากบางดูดดึงอย่างเอาแต่ใจให้คนตัวบางหันเหความสนใจมาที่จูบแสนทรมาน
“อื้มมม”
หยางเหยียนลู่อิงร้องประท้วงเมื่อคล้ายจะหมดลมหายใจตีไหล่หนาแผ่วเบาให้ผละออก
ความง่วงงุนแสนประหลาดทำให้หยางเหยียนลู่อิงตาพร่ามัว สัมผัสจุมพิตค่อย ๆ โอนอ่อนลงพร้อมกับสติของหยางเหยียนลู่อิง
“เจ้าเองก็หลับไปเถอะ…นอนซะก่อนที่เจ้าจะไม่ได้นอน”
จักรพรรดิจัดเสื้อผ้าและท่าทางของคนรักให้เข้าที่ก้มลงมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากอิ่มไม่ได้ล่วงล้ำแต่อย่างใดผละออกมาจรดจ้องใบหน้าที่พระองค์เฝ้าคิดถึงมานานแรมปี อยากจะสัมผัสคลอเคลียอยู่อย่างนี้เพื่อให้รู้ถึงว่าคนคนนี้ยังคงอยู่ข้างกานพระองค์ อยากให้อยู่ในสายตาตลอดเวลากลัวว่าหากกะพริบตาร่างตรงหน้าจะหายไปตลอดกาล…
“อือ มามี้”
ก้อนสีเหลืองอ้วนกลมที่พระองค์เริ่มคุ้นตากลิ้งหลุน ๆ คลานมานอนซบไหล่ผู้เป็นแม่คล้ายเคยชินที่จะเข้ามาคลอเคลีย
จะว่าไปเจ้านี่ก็ขึ้นมานอนคั่นกลางพระองค์กับลู่อิง ทั้งที่ยังคงหลับ
“ติดแม่เสียจริง…”
ริมฝีปากของค์จักรพรรดิเผลอยกยิ้มอ่อนยามเฝ้ามอง ร่างอ้วนกลมสีเหลือง พระองค์เอื้อมมือหยิบปอยผมสีทองที่พันปรกใบหน้ายามกลิ้งมาหาผู้เป็นแม่ขึ้นทัดใบหูเล็กให้เมื่อเจ้าก้อนกลมทำหน้ารำคาญ
ผู้ที่มาแบ่งความรักจากเจ้า…ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ตวัดผ้าคลุมขึ้นคลุมให้ร่างของคนรักและร่างน้อยอย่างแผ่วเบา
“ข้าคงต้องหัดให้เจ้านอนคนเดียวเสียแล้ว…”
.
.
เฟิงมี่สะลึมสะลือตื่นสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือใบหน้าของท่านแม่ กลิ่นหอมอ่อนของท่านแม่ทำให้เฟิงมี่ อดที่จะซบใบหน้าลงไปถูไถอย่างงัวเงียเสียไม่ได้
ท่านแม่ก็หลับกลางวันกับเธอด้วยเหรอนี่ น่าแปลกใจจัง แขนป้อมยกขึ้นกอดร่างที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลับตาลงอีกครั้งคล้ายไม่อยากจะตื่น เป็นท่านแม่ของเจ้าตัวเล็กที่เริ่มตื่นจากนิทราเสียเองจากการขยับหยุกหยิกของเจ้าตัวเล็ก
หยางเหยียนลู่อิงงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงขยับข้างกาย สิ่งแรกที่เห็นเป็นเรือนผมสีทองของลูกสาวที่กำลังหลับซุกตนอยู่ตรงซอกคอ มือเรียวยกขึ้นลูบศีรษะน้อย ยกยิ้มอย่างเอ็นดู
“เวทนิทราสิน่ะ…ไม่ทันตั้งตัวจริง ๆ “
พึมพำแผ่วเบา
“มามี้…ตื่นแย้วหยอ” (มามี้ตื่นแล้วเหรอ)
เสียงยานคางเรียกความสนใจจากหยางเหยียนลู่อิงที่กำลังกวาดสายตาไปรอบห้องมองหาคนที่ร่ายเวทใส่ตน
“ค่ะ…ตื่นแล้วเฟิงมี่ยังง่วงอยู่ไหม”
เด็กน้อยส่ายศีรษะขยี้ตาให้สร่างอาการเมาขี้ตา อ่าแขนให้ผู้เป็นแม่พาไปล้างหน้า
“เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกันเนอะ
เฟิงมี่ที่หายจากอาการง่วงนอนกางแขนให้ท่านแม่จับแต่งชุดทางการได้ถนัดครั้งนี้เป็นชุดกระโปรงโลลิต้าเรียบ ๆ สีชมพูพาสเทลแขนยาวคอปกมีริบบิ้นสีขาวคาดแดงผูกเป็นโบว์แถมยังมีหมวกเข้าชุดอีกตั้งหาก
“มาพร้อมกับชุดเมื่อเช้าน่ะ”
ท่านแม่ร้องตอบแววตาสงสัยของเธอพลางสางผมให้
“มามี้มัดแกะชองข้าง” (มามี้ มัดแกะสองข้าง)
เฟิงมี่เงยหน้าเอ่ยสั่งเมื่อท่านแม่ทำท่าจะถักเปียให้ซึ่งมันใช้เวลานานเธออยากออกไปข้างนอกไว ๆ
“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหญิงน้อย….หึหึ”
ท่านแม่คนงามก้มลงหยอกเย้าเธอโดยการเอาจมูกมาป้ายจมูกเธออย่างที่ชอบทำ
“คิกคิก เอ้กอากกกจักจี้~”
“หึหึแม่ไม่แกล้งแหละ….อ้าวเสร็จแล้ว”
ผมสีทองถูกมัดเป็นรวงด้วยริบบิ้นผูกผมเมื่อเช้ากับอันใหม่ที่ท่านแม่ของเธอไปดึงมาจากเสื้อสักตัวของท่านพ่อ
รองเท้ายังคงเป็นรองเท้าคัดชูคู่เดิมของเมื่อเช้า
“ชอบจังเลยตัวนี้ จับไม่ปล่อยเลยน่ะเรา”
ท่านแม่ร้องถามเมื่อเธอวิ่งกลับมาหลังวิ่งไปเอาคุณกระต่ายบนเตียง
“นาชิกให้มีมี่…มีมี่ชอบนาชิกแล้วก็ชอบคุณกระต่าย”
“ครับ ๆ ชอบมากกว่าแม่หรือเปล่านะ?”
ท่านแม่ยิ้มให้พลางอุ้มเธอที่ส่ายหัวไปมา ขึ้นแนบอกเดิมมายังประตูเพื่อออกไปข้างนอกกัน
“อ้ะ!” หยางเหยียนลู่อิง
“หืม?” เฟิงมี่
“ฝ่าบาทมีรับสั่งไม่ให้พวกท่านออกจากห้อง โปรดกลับเข้าไปด้วยครับ”
หอกถูกนำมากั้นเป็นกากบาทไม่ให้ท่านแม่และเธอออกจากห้อง
ไม่ให้ออก คนนะไม่ใช่สัตว์เลี้ยงจะได้มากักขังกันเจ้าลูกหมานี่ ดวงตากลมแดงของเฟิงมี่หรี่ลงจรดจ้องไปยังทหารที่รายงานอย่างไม่ชอบใจ
‘เหอะ นี่หรือคนชั้นต่ำที่ฝ่าบาทลุ่มหลง เชลยศึกที่แดนตะวันออก.’
เสียงบางอย่างดังขึ้นในการรับรู้ของเฟิงมี่ เด็กน้อยลอบกำมือแน่นเมื่อเห็นทหารคนเดิมลอบยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยันแต่ก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของเฟิงมี่ที่จ้องมองอยู่ตลอด ความคิดดูแคลนท่านแม่ของเธอในจิตใจของทหารผู้นั้นส่งผ่านมาให้เด็กน้อยได้รับรู้
“เช่นนั้น…ฝากพวกท่านทูลฝ่าบาทว่าข้า….เฟิงมี่!”
“เป็นใครมีสิกอะไรมาดูแคนผู้อื่น!” (เป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาดูแคลนผู้อื่น)
เด็กน้อยดิ้นลงมายืนด้วยตนเองที่พื้น ก้าวรอดผ่านหอกที่ขว้างกั้นไปเผชิญหน้ากับทหารผู้นั้น
ดวงตาสีแดงทับทิมทอประกายวาววับด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่นโกรธ วงเวทมนตร์ของมนตราที่ตกทอดจากราชวงศ์หมุนวนภายในนัยน์ตาดั่งอัญมณีทับทิม
“อุก!”
ร่างของทหารที่นึกดูแคลนหยางเหยียนลู่อิงทรุดลงแทบคุกเข่ากับพื้นกระอักเลือดออกมาคำโต เหล่าทหารที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องที่ประทับตามคำสั่งชี้ปลายหอกมายังเด็กน้อยด้วยอารามตกใจและหวาดกลัวหยางเหยียนลู่อิงรีบพุ่งตัวมาอุ้มลูกแนบอก เหตุการณ์จึงสงบลงทหารที่กระอักเลือดลุกขึ้นมาอย่างซวนเซมองมายังเด็กสาวด้วยท่าทางตื่นตระหนกและตื่นกลัวทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กรุณากลับเข้าไปในห้องด้วยพ่ะย่ะค่ะ!โอแวน นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“อืม….แค่ก ๆ “
เหล่าทหารที่เหลืออีกสามนายชี้ปลายหอกเป็นเชิงข่มขู่ให้หยางเหยียนลู่อิงกลับเข้าห้องแต่อุณหภูมิร่างกายและจังหวะการเต้นหัวใจของลูกน้อยในอ้อมแขนแปลกออกไป หยางเหยียนลู่อิงตระหนักได้ทันทีว่าลูกของตนไม่ปกติและพอจะคาดเดาสาเหตุได้…..เขาจำต้องพบองค์จักรพรรดิลูซินัสโดยเร็วที่สุด
“ข้าจำต้องพบจักรพรรดิ โดยเร็ว ได้โปรดถอยไปด้วยเถอะ”
หยางเหยียนลู่อิงเอ่ยขอร้อง
“ข้าจะไปทูลองค์จักรพรรดิให้ท่าน”
หยางเหยียนลู่อิงไม่อาจทำใจให้สงบรั้งรออยู่ได้ ร่างกายของเฟิงมี่กำลังเย็นลงไม่อาจยอมกลับเข้าห้อง
เฟิงมี่ที่ซบไหล่ผู้เป็นแม่อยู่ยกหัวขึ้นมาจ้อง เหล่าองครักษ์ที่ยามเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีแดงที่ทอประกายก็เป็นอันต้องทรุดลงกับพื้น
ความสามารถที่เฟิงมี่กำลังใช้อยู่ไม่หลุดจากการคาดเดาของหยางเหยียนลู่อิงที่เคยเห็นองค์จักรพรรดิใช้
เนตรประกาศิตหรือดวงเนตรแห่งออสโทเปียร์ เช่นนี้เหมือนกัน ตามที่หยางเหยียนลู่อิงเคยได้ยิน เนตรสีแดงของราชวงศ์ออสโทเปียร์เป็นเนตรพิเศษผู้ที่ครอบครองมีเพียงผู้ได้เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ออสโทเปียร์มันถูกเรียกอย่างลับ ๆ ว่าดวงตาของปีศาจเล่าลือกันว่าปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ออสโทเปียร์ ทำสัญญากับจ้าวปีศาจเพื่อให้ได้มันมา ความสามารถของดวงเนตรนั้นมีเรื่องเล่ามากมายสุดจะรู้ได้ว่าความสามารถที่แท้จริงของดวงเนตรเป็นเช่นไร ผลเสียของมันก็ด้วยมีเพียงผู้ที่ได้ครอบครองมันเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบได้….
ร่างของอัศวินทรุดลงแทบเท้าของหยางเหยียนลู่อิงที่อุ้มเฟิงมี่อยู่….ดวงตาสีแดงยังคงหลุบมองตามร่างแทบเท้าด้วยใบหน้านิ่ง รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเสมอไม่มีอีกต่อไป มันเย็นชา จนหยางเหยียนลูอิงก็ไม่อยากจะเชื่อ ลูกของเขากำลังไม่ปกติทั้งทางร่างกายและอารมณ์
“อุก แค่ก ๆ “
ร่างของหนึ่งในอัศวินกระอักเลือดออกมาเรียกหยางเหยียนลู่อิงที่กำลังตกใจให้คืนสติ กดศีรษะลูกน้อยให้แนบอกทันที
“เฟิงมี่หยุดเดี๋ยวนี้!”
“เอะอะเสียงดังอะไรกัน”
ลูชิเอล ที่ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากทางฝั่งที่พักขององค์จักรพรรดิอดจะเดินมาดูไม่ได้ ตอนนี้ผู้ที่มีเวทมนตร์กำลังรวมตัวอยู่ที่ห้องขับเคลื่อนเพื่อใช้เวทเคลื่อนย้าย องค์จักรพรรดิ ลอร์ดเซเรน และนาซิสเองก็อยู่ที่นั่น
ดวงตาสีเขียวมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมึนงง เหตุใดทหารองครักษ์พวกนี้ถึงไปกองอยู่กับพื้น ท่านลู่อิงเองก็มีใบหน้าวิตกคล้ายจะร้องไห้อยู่แล้ว
“ท่านลูชิเอล ช่วยด้วย”
หยางเหยียนลู่อิงร้องบอกเมื่อเห็นร่างของผู้ที่พอจะช่วยเหลือตนได้
กลิ่นคาวของเลือดบาง ๆ ที่ลอยมาตามอากาศทำให้ลูชิเอลขมวดคิ้ว ดวงตารอบสำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว
“เฟิงมี่ใช้เนตรประกาศิต ข้าเรียกนางเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัว”
“ห้ะ! เลดี้น้อยพึ่งจะสามขวบเองเป็นไปไม่ได้ท่านพี่กว่าจะใช้เนตรได้ก็สิบขวบโน้น! ..โอะตัวเย็นเฉียบเลยต้องรีบพาไปหาท่านพี่ข้าจะนำท่านไปเอง”
ลูชิเอลรับร่างของเฟิงมี่มาอุ้มแทน ดวงตาสีแดงที่ตัวเองคุ้นเคยกับวงเวทในดวงตา สบเข้ากับดวงตาของเขาที่ไม่ทันระวังความหนาวเหน็บเสียดแทงเข้ามาให้นึกถึงอดีตที่ไม่ดีของตนจนเผลอชะงักไป หยางเหยียนลู่อิงที่พอเดาฤทธิ์ของดวงเนตรนี้ออกฉีกชายชุดของตัวเองผูกปิดดวงตาของเฟิงมี่เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กเผลอไปทำร้ายใคร ลูชิเอลที่ได้สติสะบัดหัวตัวเองไล่ภาพฝันร้ายพวกนั้นออกจากหัว ออกวิ่งไปหาคนที่พอจะแก้เรื่องพวกนี้ได้
“อย่าสบตานาง!”
สองร่างวิ่งผ่านกลุ่มทหารที่มองมาอย่างงง ๆ ปนตกใจที่เจ้าชายลูชิเอลวิ่งอุ้มเด็กผู้หญิงผมสีทองที่เล่าลือกันว่าเป็นเจ้าหญิงวิ่งผ่านตนไปเสียงตะโกนร้อนรนบอกให้หลีกทางขององค์ชายเองก็ทำให้เหล่าทหารแตกตื่นไม่น้อยเพราะเจ้าชายผู้นี้มักเต็มไปด้วยความร่าเริงอยู่เสมอ
“เปิดประตูเร็ว !”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เอะอะอะไรลูชิเอล หนวก…เกิดอะไรขึ้น”
จักรพรรดิลูซินัสที่เสร็จจากการร่ายเวทเปิดประตูกำลังกลับไปที่ห้องพัก ดวงตาสีแดงหรี่ลงมองร่างคุ้นตาที่ถูกอุ้มมาโดยน้องชายอย่างสับสนสองเท้าก้าวเร็วไปหาอย่างรวดเร็ว พระองค์ไม่ค้านเลยว่าตัวเองกำลังตกใจและร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาเนิ่นนานแม้ในสนามรบก็ไม่เคยทำให้รู้สึกว้าวุ่นใจได้ขนานนี้เลย
“เลดี้น้อย ใช้เนตรนั่น บ้าจริงเฟิงมี่พึ่งจะสามขวบเองควบคุมเนตรบ้านั่นไม่ได้หรอก”
“เฟิงมี่จะเป็นอะไรหรือเปล่า ข้า ข้าสามารถช่วยอะไรได้ไหม”
หยางเหยียนลู่อิงวิ่งตามเข้ามาติด ๆ ใบหน้าซีดเผือดด้วยความวิตกกังวล
“วางลง”
ลูชิเอลทำตามที่พี่ชายสั่งอย่างรวดเร็ว วางร่างของเฟิงมี่บนเก้าอี้บุนวมถอยห่างให้พี่ชายได้ดูอาการของเจ้าตัวน้อย
“พวกเจ้าหลับตาลงซะ”
ลูซินัสกล่าวสั่งอีกครั้ง ก่อนเลื่อนเปิดผ้าที่ปกปิดดวงตาของเด็กน้อยออกดวงตาสีแดงวูบแสงด้วยวงเวทรูปดาวแปดแฉกที่ทอประกายอยู่ จ้องสบกัน
“หึ เจ้ายังไม่โตพอจะใช้เนตรนี่หรอกเจ้าก้อน”
กริชถูกเรียกด้วยเวทของพระองค์ กรีดลงที่ปลายนิ้วของพระองค์ เลือดสีแดงสดที่ปลายนิ้วถูกจรดลงที่หน้าฝากของเฟิงมี่ วาดเป็นวงเวทที่นานมาแล้วเคยถูกสอนไว้ ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้วาดมัน
เลือดซึมเข้าไปในกายของเด็กน้อยเกิดเป็นปรานสีแดง รูปดอกกุหลาบดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ออสโทเปียร์
“ต่อแต่นี้เจ้าจะเป็นที่สตรีเพียงผู้เดียวที่ได้รับการจุมพิตจากข้า เจ้าก้อน ดีใจไว้ซะ”
จักรพรรดิลูซินัสเลือนใบหน้าจรดริมฝีปากลงบนปรานกุหลาบสีแดง มันเรืองแสงสีทองก่อนจะเลือนหายไปเมื่อพระองค์ถอนริมฝีปากออก
พระองค์ที่ผละออกมา มองใบหน้าของเด็กน้อยที่มองพระองค์อยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมของเด็กน้อยเบิกกว้างมองพระองค์อย่างตกใจ เฟิงมี่พึ่งรู้สึกตัวจำได้แค่กำลังจะตวาดด่าทหารนิสัยเสียคนนั้นภาพก็ตัดไปรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าพ่อบ้าจุ๊บเหม่งอยู่
ใบหน้าเล่อล่า นั่นทำให้พระองค์อดยิ้มขันเสียไม่ได้ เพราะเจ้าตัวน้อยทำท่าทีราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต ยกมือขึ้นจับที่รอยจูบของพระองค์
“ลืมตาได้แล้ว”
“เฟิงมี่เจ็บตรงไหนไหมลูก”
ทันทีที่สามารถลืมตาได้หยางเหยียนลู่อิงวิ่งตรงดิ่งถลาเข้าไปหาลูกน้อยอย่างรวดเร็วดวงตากลมสีน้ำตาคลอด้วยน้ำตาเล็กน้อยพลิกหาบาดแผลไปทั่วแม้เฟิงมี่จะส่ายหัวปฏิเสธแล้วก็ตาม
“ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้านั่นไม่เจ็บตรงไหนเลยด้วยซ้ำ เป็นข้าเสียอีก”
จักรพรรดิลูซินัสพูดขึ้นพร้อมกับยกมือที่ถูกกรีดขึ้นคล้ายให้หยางเหยียนลู่อิงหันไปสนใจ แต่เจ้าตัวน้อยดันอ่านเกมของพระองค์ออก
“มีมี่ปวดตัวคะ เหมือนจะไม่ชะบายเยย” (มีมี่ปวดตัวค่ะ เหมือนจะไม่สบายเลย)
ว่าแล้วเจ้าตัวน้อยก็ทิ้งตัวกอดคอผู้เป็นแม่ไว้ไม่ให้หันไปสนใจผู้เป็นบิดา ดูก็รู้ว่าพ่อของเธอเรียกร้องความสนใจแผลแค่นั้น ไม่สะกิดต่อมความเจ็บปวดของจักรพรรดิชาตินักรบผู้บ้าคลั่งสงครามได้หรอก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ว่าท่านพี่สามารถสยบเนตรนั่นได้อย่างไรเหรอ”
ลูชิเอลที่คล้ายจะเห็นสงครามขนาดย่อมของพ่อลูก จำต้องเข้ามาห้ามทัพด้วยการเอ่ยถามเรื่องที่ตัวเองสงสัย
“ท่านแม่เคยผนึกเนตรนี่ให้ข้าตอนอายุพอ ๆ กับเจ้านี่และสอนข้าไว้”
เวทบทนี้ไม่เคยถูกเขียนลงบันทึกที่ใดมันถูกถ่ายทอดจากผู้มีดวงเนตรสีแดงอัญมณีรุ่นแล้วรุ่นเล่า เป็นเวทที่สามารถผนึกดวงเนตรได้แม้จะเพียงชั่วคราวก็ตาม
“กราบทูลฝ่าบาทตอนนี้เข้าสู่น่านน้ำท่าเรือของจักรวรรดิแล้วพ่ะย่ะค่ะ หัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์จัดทหารคุ้มกันที่ฝั่งเป็นสองเท่าตามพระบัญชาทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“อืม เทียบท่าได้เลย แล้วก็จับตัวองครักษ์ที่อารักขาอยู่หน้าห้องพักของข้า ไปคุมขังที่คุกกลางรอการสืบสวนจากข้า”
“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ขอความรุ่งโรจน์จงปรากฏแด่องค์จักรพรรดิ”
องค์จักรพรรดิจับจูง หยางเยียนลูอิงที่อุ้มเธออยู่ ออกมายังหัวเรือ เมื่อมองจากตรงนี้จะเห็นแผ่นดินขนาดใหญ่รออยู่เบื้องหน้า ปราสาทหลังโต กำลังอาบไล่ด้วยแสงของดวงตะวันที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้า มองดูเหมือนแผ่นดินสีทองกำลังตั้งอยู่เบื้องหน้าเธอ งดงามจนอยากจะเก็บภาพไว้ ไปอวดใครหลาย ๆ คนว่าเธอได้เห็นภาพที่ราวกับภาพวาดในความฝันนี้จริง ๆ ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิออสโทเปียร์เธอได้ประจักรด้วยตาแล้ว สมฉายาแผ่นดินสีทองแห่งแดนตะวันตกจริง ๆ เมื่อเรือเทียบฝั่ง สถาปัตยกรรมต่าง ๆ เริ่มเด่นชัดให้เฟิงมี่ได้ชื่นชมอย่างเต็มตา เมืองหลวงของออสโทเปียร์เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าที่เธอคิด บ้านเรือนราวกับหลุดไปยังยุคกลางแถบตะวันตกของโลกเก่าเธอ แคว้นมิซิกิโนะ ดูเป็นแคว้นทุรกันดารไปในทันทีเมื่อเทียบกับความเจริญของที่นี่
กริ้ง~~กริ้ง~
เสียงของหอนาฬิกาตีกังวานมาจากท่าเรือเมื่อเรือขององค์จักรพรรดิเทียบท่า เมื่อมองลงจากเรือ ทหารได้กันเหล่าประชาชนที่มารอรับไว้ เฟิงมี่มองดูแล้วไม่ได้มากอะไรทุกคนดูเป็นชาวเมืองที่อาศัยอยู่แถบนี้เสียส่วนใหญ่คงเพราะการกลับมาขององค์จักรพรรดิไม่ได้ถูกประการออกไป ประชาชนเพียงเห็นเหล่าทหารมาเคลียร์พื้นที่ท่าเรือหลวงกันแน่นเต็มท่าเรือก็เพียงมายืนดูว่าพวกเขามารอรับใคร แต่ถึงกระนั้นเมื่อเห็นธงของราชวงศ์ที่โบกสะบัดมาแต่ไกลก็เรียกประชากรให้มามุงดูได้อย่างรวดเร็ว สำหรับพวกเขาที่ไม่ได้ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ย่อมเป็นบุญตาที่ได้เห็น ราชวงศ์ที่ทำให้เขาอยู่ดีมีสุข นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองและรวบรวมเมืองเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งเป็นแผ่นดินทองที่ทุกคนต้องหวั่นเกรง
เฟิงมี่ถูกมารดาจับใส่ชุดคลุมอีกครั้ง ท่านแม่อุ้มเธอเดินตามหลังผู้เป็นบิดา และมีเจ้าชายลูชิเอลและท่านลอร์ดเซเรนเดินตามกันลงจากเรือไปขึ้นรถม้าที่ถูกเตรียมไว้ ตลอดทางมีทหารองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังอย่างหนาแน่น
….
“ข้าว่าต้องเป็นเรือขององค์จักรพรรดิข้าเคยเห็นองครักษ์คนนั้นอยู่ข้างพระองค์ตอนนำทัพปราบกบฏชิว”
“ปกติพระองค์ไม่ค่อยให้องครักษ์มาอารักขา เยอะขนานนี้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าเจ้าเห็น องค์จักรพรรดิหรือไม่”
“ทหารพวกนี้ก็กันเราออกมาไกลกว่าปกติด้วย”
“นั่นนะสิ เกิดอะไรขึ้นกับองค์จักรพรรดิหรือเปล่า”
เหล่าชาวเมืองเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เมื่อมองเห็นความผิดปกติ หลายอย่างที่เกิดขึ้น หลายคนเริ่มแสดงความเป็นห่วงจักรพรรดิของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่เขามีต่อองค์จักรพรรดิ
“นั่นองค์จักรพรรดิกับพระอนุชา พระองค์ทรงปลอดภัยขอบคุณองค์มหาเทพ”
เรือนผมสีทองของจักรพรรดิลูซินัสและเจ้าชายลูชิเอลยังคงเด่นสะดุดตาแม้อยู่ไกลออกไป เมื่อเห็นว่าสองพระองค์ยังคงปลอดภัยเหล่าประชาชนก็ต่างโล่งใจและตะโกนสรรเสริญและอวยพรให้แก่องค์จักรพรรดิและเจ้าชายของพวกเขา
ลูชิเอลและลอร์ดเซเรน แยกตัวไปขึ้นรถม้าอีกคัน เฟิงมี่ที่ลงมาเหยียบเมืองหลวงของจักรวรรดิออสโทเปียร์ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นไปหมด มือป้อมปัดผ้าคลุมออกจากตัวปีนจากตักไปเกาะหน้าต่างของรถม้าอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดินั่งตรงข้ามเฟิงมี่และท่านแม่ของเธอ
“เดี๋ยวสิเฟิงมี่ เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก ลงมานั่งดี ๆ เลย”
“มามี้เมืองชวยมัก ๆ เยย” (มามี้ เมืองชวยมาก ๆ เลย)
เด็กน้อยถูกความงดงามของสถาปัตยกรรมดึงดูดไปเสียแล้วไม่ได้สนใจเสียงห้ามปรามของผู้เป็นมารดาเลยสักนิด
“ปล่อยไปเถอะ”
“ข้ากลัวประชาชนจะสังเกตเห็นนาง”
“..หึ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องรู้”
องค์จักรพรรดิจ้องมองหยางเหยียนลู่อิงที่ดูจะคิดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว
“แต่ข้าว่าไม่เหมาะสม…”
“อิงอิง เจ้านี่เป็นลูกของข้า ข้าเป็นจักรพรรดิ และเจ้าเป็นคนรักของข้ามีอะไรไม่เหมาะสมกัน”
ห้ะ! เกิดอะไรขึ้น เฟิงมี่มีที่หันมาก็เห็นท่านแม่ของตัวเองหน้าแดงก่ำเอามือปิดหน้าตัวเอง ก็มองอย่างงงงวย แต่ก็หันไปมองค้อนผู้เป็นพ่อไว้ก่อนเพราะอย่างไงสาเหตุก็มาจากคนนี้แน่
“แม่เจ้าแค่เขินน่ะ”
องค์จักรพรรดิลูซินัสที่รับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาเอ่ยตอบพลางเท้าคางกับขอบหน้าต่างที่เฟิงมี่เกาะอยู่ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือ ขบวนทหารที่ล้อมหน้าล้อมหลังมาส่งยังประตูวังที่ใช้เป็นเส้นทางที่ทอดยาวไปถึงพระราชวังกับท่าเรือเพื่อไม่ให้กีดขวางจราจรในตัวเมืองและสะดวกต่อการเดินทาง
เฟิงมี่เลยได้ชมวิวสมใจ เพราะทางเป็นเนินสูง ตามขอบของภูเขามันสูงพอให้สามารถชมวิวและแสงไฟยามค่ำคืนของเมืองหลวงออสโทเปียร์ได้
แสงของดวงอาทิตย์เหลือเพียงครึ่งดวง
การเดินทางข้ามมหาสมุทรที่เฟิงมี่คิดว่าต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะถึงแผ่นดินใหญ่ กลับใช้เวลาเพียงแค่เธอเผลอหลับกลางวันก็มาถึงแล้วด้วยอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์และพระเจ้า (นักเขียน)
อดีต..
.
.
“ลูซินัส ลูกไม่เป็นอะไรน่ะ”
ราชินีแห่งอาณาจักรออสโทเปียร์ทอดสายตามองลูกน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ข้างต้นไม้สูง
“เสด็จแม่ ไม่โกรธบางหรือพ่ะย่ะค่ะ ทรงไม่คิดจะคัดค้านหรือพ่ะย่ะค่ะ “
“โกรธแล้วทำเช่นไรได้เล่า เสด็จพ่อเจ้าไม่ได้ทำผิดต่ออาณาจักรแม่จะไปคัดค้านได้เช่นไร”
“แต่เขาทำผิดต่อท่าน ข้าอยากจะฉีกมันให้เป็นชิ้น ๆ ผู้ที่ทำให้ท่านต้องร้องไห้ข้าไม่ให้อภัย ไม่อภัยให้”
เจ้าชายตัวน้อยตวาดเสียงดังอย่างไม่อาจอดทนต่อความโกรธพลังเวทที่มีไอสีดำท่วมท้นออกมาจากร่างน้อย จนราชินีต้องสั่งให้ข้ารับใช้ถอยออกห่าง มีเพียงพระองค์ที่ก้าวเดินต่อไปหาลูกน้อย คุกเข่าลงให้เสมอกับเจ้าชายตัวน้อย คว้าร่างที่กำลังสั่นเทาหันเข้ากอดซบอกตน จับใบหน้าน้อยให้เงยขึ้นสบตาของตัวเอง ดวงตาอัญมณีทับทิมของลูกรักเหม่อมองออกไปเพราะสติของเจ้าของได้หลุดลอยออกไปตามความเกลียดชัง คราบเลือดที่ไหลเป็นทางจากดวงตาคู่นั้นทำให้คนเป็นแม่รู้สึกเจ็บปวด
“เจ้ากำลังทำให้คนอื่นบาดเจ็บนะ เนตรนี่แม่จะขอผนึกมันเอาไว้ก่อน....แม่เป็นราชินีก็ไม่ต่างจากต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่จำต้องลู่ไปตามลมที่พัดเข้าใส่...ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้หรอกนะเมื่อเจ้าโตขึ้นก็จะรู้ด้วยตัวเอง”
ลูซินัสที่ได้คืนสติ มองเสด็จแม่ที่ยกยิ้มเศร้า ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
'ถ้าเช่นนั้นข้าจะเติบโตเป็นต้นไม้ที่ไม่มีลมใดกล้าพัดผ่านและจะเป็นพายุที่โหมกระหน่ำใส่พวกที่ข้าเกลียดชัง'