ในคริสตศักราช 2034 สภาพอุตสาหกรรมบันเทิงในโลกเปลี่ยนไป มนุษย์เริ่มสูญเสียตำแหน่งในวงการ ฝห้ Virtual Idols ที่เป็นที่นิยม ค่าย GenA Entertainment ก่อตั้งขึ้น เพื่อความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างอุดมการณ์เดิม กับโลกยุคใหม่เพื่อเดินเกมส์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เช่นในยุคทองของไอดอลไทยอย่าง 2024

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา - บทที่ 1 กลุ่มศิลปินวง Wof กับครีเอทีฟคนใหม่ โดย เชฟวาวิฬาร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เกิร์ลกรุ๊ป,นักร้อง,ชีวิตประจำวัน,ดราม่า,ต่างโลก,โลกอนาคต,romantic,รักวัยรุ่น,ระบบเกม,ไอดอล,ไซไฟ,อนาคต,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เกิร์ลกรุ๊ป,นักร้อง,ชีวิตประจำวัน,ดราม่า,ต่างโลก,โลกอนาคต,romantic,รักวัยรุ่น,ระบบเกม,ไอดอล,ไซไฟ,อนาคต,แฟนตาซี

รายละเอียด

ในคริสตศักราช 2034 สภาพอุตสาหกรรมบันเทิงในโลกเปลี่ยนไป มนุษย์เริ่มสูญเสียตำแหน่งในวงการ ฝห้ Virtual Idols ที่เป็นที่นิยม ค่าย GenA Entertainment ก่อตั้งขึ้น เพื่อความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างอุดมการณ์เดิม กับโลกยุคใหม่เพื่อเดินเกมส์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เช่นในยุคทองของไอดอลไทยอย่าง 2024

ผู้แต่ง

เชฟวาวิฬาร์

เรื่องย่อ

Prelude 


ปี 2034 โลกจมดิ่งในมหาสมุทรแห่งแสงสีของเทคโนโลยี Virtual Reality อุตสาหกรรมบันเทิงพลิกโฉมหน้าราวกับเนรมิตด้วยเวทมนตร์ Virtual Idols หรือไอดอลเสมือนจริง ผงาดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่กวาดหัวใจผู้คนทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย

อุตสาหกรรมบันเทิงเต็มไปด้วยการแข่งขันดุเดือดราวสงครามไร้เสียง ค่ายเพลงต่างทุ่มสุดตัวสร้างสรรค์ Virtual Idol ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง VI เหล่านี้งดงามสมบูรณ์แบบเกินมนุษย์ธรรมดาจะเอื้อมถึง

แฟนคลับสามารถสัมผัสไอดอลในฝันผ่าน metaverse ของค่ายเพลง ด้วยปฏิสัมพันธ์เฉพาะตัวที่แสนสมจริง ทำให้การรอคอยพบศิลปินตัวจริงอันห่างไกลเกินเอื้อมกลายเป็นเรื่องล้าสมัย แต่ขณะเดียวกัน มันก็ค่อยๆ ดึงมนุษย์ให้ห่างไกลจากกันและกัน

ค่ายเพลงแข่งกันใช้เทคโนโลยี เสียงเพลงใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในโลกถูกรังสรรค์ขึ้นด้วย AI และ Machine Learning ตอบสนองความต้องการของผู้ฟังแต่ละคนอย่างแม่นยำ คอนเสิร์ตในโลกเสมือนเปิดประตูสู่ประสบการณ์ดนตรีที่ตื่นตาตื่นใจ ผู้ชมเสมือนเหาะเหินเดินอากาศรอบเวที และเข้าใกล้ชิดศิลปิน ทว่าเสน่ห์ของการชมคอนเสิร์ตสดค่อยๆ จางหาย พร้อมเส้นแบ่งระหว่างดนตรีและศิลปะที่เลือนรางลง

‘นาลี’ เจอประกาศสมัครงานค่ายเพลงใหม่ที่เพื่อนส่งมาให้ เธอเป็นนักเขียนนิยายฟรีแลนส์ ที่พักหลัง…นวนิยายของเธอไม่ได้รับความนิยมอีก ผู้คนนิยมเสพย์เรื่องแต่งแบบที่สร้างขึ้นจากความชอบและประวัติการอ่านส่วนตัว personal Ai generated contents สื่อผสมระหว่าง anime เกมส์ roleplay และเป็นแบบ interactive ผ่านเทคโนโลยี VR ให้คนสามารถสัมผัสประสบการณ์เหมือนได้เป็นหนึ่งตัวละคร ทำให้รูปแบบการอ่านหนังสือแบบเดิมๆ เริ่มลดความสำคัญลง จนเป็นแค่งานอดิเรกเฉพาะกลุ่มในคนที่ยังอนุรักษ์หนังสือ ใช้เป็นเครื่องมือบำบัด สำหรับผู้มีปัญหาสมาธิสั้น นอนไม่หลับ กับคนชรา 

นาลีไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลศิลปิน หรือการตลาดในธุรกิจบันเทิง แต่ตำแหน่ง creative กับเงินเดือนสตาร์ท 35000 จะช่วยให้เธอผ่านชีวิตช่วงที่กำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจ ห้องถูกตัดไฟ กินมาม่าไม่มีไข่เป็นมื้อเย็นติดต่อกัน 15 วัน และจะมีเงินจ่ายค่าเช่าห้องที่ค้างเจ้าของอพาร์ตเมนต์มา 3 เดือน ใกล้ครบกำหนดจะถูกไล่ออกแล้ว 

เธอจึงตอบตกลงเข้าทำงานในบริษัทเล็กๆที่เพิ่งเริ่มต้น… มีพนักงานบริษัทไม่ถึง 20 คน เป็นผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนไปแล้ว 5 มีศิลปินที่ค่ายเตรียมเปิดตัวอีก 10 คน โดยศิลปินจะทั้งต้องโปรดิวซ์ แต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีเอง 

นาลีตัดก้าวเข้าสู่โลกที่เธอไม่คุ้นเคย รับตำแหน่งครีเอทีฟในบริษัท บทบาทงานหลากหลาย ทั้งคิดแผนโปรโมท สร้างคอนเทนต์การตลาด และดูแลศิลปินราวกับเป็นผู้จัดการวง นั่นหมายถึง ทุกอย่างที่คนในออฟฟิศไม่มีเวลาทำ เธอจะต้องรวบมาเป็นงานตนเองให้ครบจบในหนึ่งเดียว

กลุ่มศิลปินที่นาลีจะต้องดูแล มีกลุ่มศิลปินชายแนว R&B hip-hop 4 มีชื่อวงว่า ‘WOF’ นักแสดงชาย 1 คน ที่พอมีทักษะร้องเพลงได้นิดหน่อย เกิร์ลกรุ๊ปหญิงแนว pop electronic 4 คน ชื่อวง ‘LPs’ นักร้องสาวเสียงทองแนว r&b ที่ต้อง solo เป็นศิลปินเดี่ยว 2 คน รวมศิลปินในค่ายทั้งหมด ชาย 5 หญิง 6 รวม 11 

นาลีจะสามารถพาศิลปินเหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จท่ามกลางยุคสมัยที่ Virtual Idols ครองเมืองได้หรือไม่? เธอจะค้นพบคุณค่าใหม่ของตัวเองในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป? และที่สำคัญ เธอจะสามารถรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ทุกอย่างได้อย่างไร?

เรื่องราวของนาลีในธุรกิจดนตรียุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น..

สารบัญ

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 1 กลุ่มศิลปินวง Wof กับครีเอทีฟคนใหม่,GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 2 ศิลปินจริง V.S. Virtual idol ,GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 3 การรับมือนิสัย diva ของศิลปิน

เนื้อหา

บทที่ 1 กลุ่มศิลปินวง Wof กับครีเอทีฟคนใหม่

บทที่ 1

นาลียืนอยู่หน้าลิฟต์ที่ชั้น 13 ของตึกสำนักงานเก่าแก่ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอสูดหายใจลึกก่อนก้าวออกจากลิฟต์ เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอดังก้องไปตามทางเดินสีขาวที่ดูโทรมและมีกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดฉุน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าค่ายเพลง

เธอเดินผ่านห้องต่างๆ มองเข้าไปในห้องซ้อมเต้นที่มีขนาดเล็ก เห็นกระจกบานใหญ่ที่หลุดล่อนตามมุม ศิลปินสองสามคนกำลังซ้อมเต้นอย่างขะมักเขม้น เธอเห็นคนผมทอง หน้าจีน สวมแว่นสีแดงก่อนเป็นคนแรกด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตา อีกสองคนหันหลังอยู่ และกำลังดูคนผมทองออกแบบท่าเต้น …สามคนนั้นคงเป็นกลุ่มศิลปินที่ต่อไปเธอจะต้องร่วมงานด้วย

ถัดไปคือห้องอัดเสียง นาลีเห็นเครื่องดนตรีเก่าๆ วางอยู่รอบห้อง โปรดิวเซอร์ที่ดูยังอยู่ในวัยหนุ่มรุ่นๆและเด็กกว่าเธอ กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ท่าทางจดจ่อ เธอยังไม่เห็นหน้า เพราะเขาหันหลังให้ประตู

ขณะที่นาลีมองสำรวจสองข้างทางเดินด้วยความสนใจ มาถึงหน้าห้องประชุมกระจกใส ผู้หญิงคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมา 

"สวัสดีค่ะ คุณนาลีใช่ไหมคะ? พี่แยมมี่เองนะคะ" 

นาลีรู้ตัวว่าได้พบกับผู้บริหารหญิงอีกคนของค่ายนี้แล้ว เธอรีบยิ้มให้อย่างนอบน้อม

“ก่อนเริ่มงาน ทางเราอยากให้คุณรู้จักศิลปินของค่ายเพลงเราก่อน” 

แยมมี่พานาลีเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งจัดทุกอย่างไว้รอเธออยู่ ทั้งจอพรีเซนเทชั่นแนะนำศิลปินบริษัท กาแฟยามเช้า และของว่าง

เริ่มด้วยกลุ่มศิลปินชาย ‘WOF’ เป็นอดีตเด็กฝึกในค่ายเพลงชั้นนำระดับโลก ที่ลาออกจากค่ายเดิมมาด้วยปัญหาเรื่องทัศนคติการทำงานไม่ตรงกัน 

สมาชิก ‘WOF’ ผ่านการฟอร์มทีม ฝึกเต้น ฝึกร้อง และแรปมาด้วยกันจนชำนาญ การสร้างวงขึ้นอีกครั้งจึงไม่ยาก แค่ต้องหาคอนเส็ป และแต่งเพลงใหม่ที่ตรงกับแนวทางและลักษณะเฉพาะของศิลปิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ก่อตั้งค่ายชายที่เหลืออีก 3 คน ที่พอจะมีความรู้เรื่องดนตรีและการสร้างสรรค์ผลงานเชิงศิลปะ

ค่าย genA มีแพลนจะเดบิวต์วง ‘WOF' ออกมาก่อน วงอื่นๆ โดยมีแผนจะนำเสนอเป็นแบบ ‘The Comeback Alpha’ กลุ่มศิลปินที่เป็นมนุษย์จริงที่พร้อมจะกลับมาทวงบัลลังก์วงการเพลงอีกครั้ง ด้วยเพลงแนวอิเลคทรอนิกส์ฮิปฮอปและ R&B พร้อมกับการแสดงที่เต็มไปด้วยความสามารถแท้จริง ปราศจากการปรุงแต่งโดย AI ใช้กำลังคนจริงในการร้อง แสดง แต่งเพลง รวมถึงเล่นคอนเสิร์ตแบบออแกนิค เหมือนทวงคืนยุคที่ศิลปินยังเป็นมนุษย์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง 

“ซึ่ง… มันก็เป็นความคิดที่เชยและค่อนข้างดั้งเดิมเนอะ” แยมมี่พึมพำออกมาระหว่างนำเสนอ “แต่ทำไงได้ ในเมื่อพวกเขาอยากทำกัน ก็ต้อง …ลองดูแหละ”

…หมายถึงผู้บริหาร 3 คนที่เหลือ ซึ่งนาลีได้ข่าวว่าพวกเขาเป็นญาติกัน ลงเงินร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทนี้ขึ้น 

แยมมี่ดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับธุรกิจนี้ แต่ต้องมาช่วย เพราะแฟนเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหาร 


เสร็จจากการแนะนำศิลปินทั้งหมดในค่ายและเป้าหมายการดำเนินงานคร่าวๆของบริษัท แยมมี่ก็พานาลีเดินไปดูห้องทำงานเธอ ตกแต่งเรียบง่าย ค่อนข้างเล็กสำหรับแผนกที่มีทั้งหมดสามคน แต่ถือว่าพอดีสำหรับเธอ นอกจากโต๊ะทำงานของเธอที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกครีเอทีฟ ยังมีโต๊ะทำงานเล็กๆอีกสองตัว 

“จะมีเด็กนักศึกษาฝึกงาน 2 คน มาช่วยคุณด้วยนะคะ เป็นเด็กผู้หญิงชื่อ มิกะ ผู้ชายชื่อ โก แต่วันนี้เค้าไม่อยู่ ติดเรียน เด็กสองคนจะเข้างานแค่จันทร์ พุธบ่าย และก็ศุกร์” 

“ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้มีลูกน้องกับเขาด้วย” เธอพูดเขินๆ 

“ต้องมีสิคะ คุณทำงานคนเดียวไม่ไหวหรอก” แยมมี่พูดเหมือนเตือนให้เธอทำใจล่วงหน้าว่าจะต้องเจองานหนัก

นาลีนั่งลงตรงที่นั่งหน้าโต๊ะทำงาน ซึ่งอยู่ติดหน้าต่าง มองออกไปเห็นตึกและถนนหนทางมหานครแบบ 180 องศา ชีวิตการทำงานแบบมนุษย์ออฟฟิศจริงจังของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้น หลังจากเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์มาเกือบ 10 ปี 

“ให้เริ่มงานเลยไหมคะ” เธอหันมาถามผู้บริหารหญิง อีกฝ่ายยิ้มรับในความกระตือรือร้นของเธอ 

"สถานการณ์ตอนนี้ คือศิลปินของเราอาศัยอยู่กระจัดกระจายคนละที่ บางคนก็ยังอยู่ต่างประเทศ ทางเราอยากให้พวกเขามาอยู่รวมกันในบริเวณใกล้ๆ กับตึกบริษัท เพื่อความสะดวกในการทำงาน"

นาลีพยักหน้ารับ …งานแรกที่ต้องทำคือ จัดสรรที่พักใกล้ค่ายเพลงให้พวกเขา


นาลีขับรถวนเวียนอยู่ในละแวกใกล้บริษัท ส่องหาตึกแถวหรืออาคารให้เช่าที่เหมาะสมสำหรับศิลปินของเธอ เธอจดรายละเอียดทุกอย่าง ทั้งราคาค่าเช่า สิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อม และที่สำคัญคือความปลอดภัย เพราะเธอต้องการให้ศิลปินทุกคนรู้สึกปลอดภัยและสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน

นาลีสะดุดตากับตึกแถวสามชั้นหลังหนึ่ง ตึกดูเก่าแต่มีเสน่ห์ มีระเบียงกว้างขวาง เหมาะจะทำเป็นสตูดิโอซ้อมดนตรีได้ เธอจึงจอดรถแล้วเดินเข้าไปสอบถามกับเจ้าของ

“สวัสดีค่ะ ตึกให้เช่าใช่มั้ยคะ” นาลีทักทายเจ้าของที่กำลังรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน

“ใช่จ้ะ หนูสนใจจะเช่าเหรอ” เจ้าของตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

นาลีพาเจ้าของเดินชมภายในตึก เธอเดินดูห้องนอนแต่ละห้อง ห้องครัว ห้องน้ำ และพื้นที่ส่วนกลางอย่างละเอียด ตึกหลังนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะแบ่งห้องให้ศิลปิน และพนักงานบริษัทได้หลายคน มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับทำสตูดิโอซ้อมดนตรี ฟิตเนส ห้องนั่งเล่นส่วนกลาง และมีส่วนส่วนตัวที่มีบรรยากาศมิดชิด 

“สวยค่ะ พวกศิลปินน่าจะชอบอยู่นะคะ” บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ สบายตา น่าจะเอื้อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

“ถ้าหนูสนใจจะเช่าทั้งตึกเลยก็ได้นะ ป้าให้ราคารายปีเลย” เจ้าของเสนอ

“ราคาเช่าทั้งตึกรายปีเท่าไหร่คะ” นาลีถาม

เจ้าของแจ้งราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ใบหน้าของนาลีเปลี่ยนสีเล็กน้อย 

“ต้องขออนุมัติงบประมาณจากบริษัทก่อนนะคะ คงจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง” นาลีบอกกับเจ้าของ

“ไม่เป็นไรจ้ะ เอาเวลาที่หนูสะดวกเลย” เจ้าของตอบรับด้วยรอยยิ้ม

นาลีกลับไปที่บริษัทเพื่อไปคุยกับแยมมี่ เรื่องแผนการเช่าตึกให้เป็นที่พักอาศัยสำหรับศิลปิน 

แยมมี่ดูลังเลกับราคาที่ค่อนข้างจะสูงจัด เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจที่ดูมีแววรอดยาก 

แยมมี่เอาไปถามญาติผู้พี่ ‘โบเวน’ ผู้บริหารหรือหุ้นส่วนคนที่อายุมากสุดของ Gen A เขาพูดมาแค่คำเดียว

“เช่าๆไปเหอะ เท่าไหร่ก็เอา ธุรกิจค่ายเพลง เค้าเปิดเอาไว้ให้เจ๊งอยู่แล้ว ไม่ได้เอากำไร” 

“อีพี่โบแม่ง ไม่เคยปรึกษาอะไรได้เลย” แยมมี่บ่นพึมพำกับนาลีขณะพาเธอเดินไปหา ‘ลุค’ โปรดิวเซอร์หนุ่มที่เธอเห็นในห้องอัดเมื่อตอนเช้า 

จากคำแนะนำของแยมมี่ทำให้เธอรู้ว่าเขาคือผู้บริหารที่อายุน้อยสุด หรือหุ้นส่วนคนที่สามของบริษัท ทำหน้าที่คุมส่วนของเพลงเป็นหลัก เพราะมีแต่ความสนใจด้านดนตรี และไม่มีหัวธุรกิจ

“ราคาเท่าไหร่นะ”

แยมมี่บอกราคาไป

“โหย แค่นั้นเอง ยังต้องลังเลไรอีก เช่าไปเลยสิ” เขาทำหน้าเหมือนกำลังฟังเรื่องไร้สาระ

นาลีมีอาการมึนชาไปกับคำว่า ‘ราคาแค่นั้น’ และเมื่อแยมมี่พาเธอเดินออกมาจากห้องทำงานเขา เธอก็ได้รู้ชัดจากคำอธิบาย

“ไม่ต้องไปสนใจไอ้นั่น พวกเด็กรวย มันเป็นคนเดียวที่ขับซูเปอร์คามาทำงาน แบบเปลี่ยนเดือนละคัน”

“อ่า… ไม่ธรรมดา” นาลีพูดขณะเดินตามแยมมี่ไปตามทางเดินสีขาว 

พลัน! เธอเห็นร่างสูงโปร่งของคนหนึ่งเพิ่งเดินขึ้นมาในออฟฟิศ เขาใส่เสื้อกีฬาและกางเกงวอร์มสีดำ และสวมหมวกสีขาวปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แยมมี่รีบหันมากระซิบ

“นี่แหละ ลอตเตอรี่ใบแรกของบริษัท ค่ายเราจะรอดหรือขาดทุน ขึ้นกะคนนี้ เทโด” …ก่อนตะโกนร้องทักชายหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตา มองพื้น เดินเร็วๆ เหมือนมีอะไรให้ครุ่นคิดมากกว่าจะสนใจใคร 

“เท็ด ไปทำอะไรมา ไมเพิ่งเข้าบริษัท” 

เขาเงยหน้าขึ้น เผยใบหน้าที่สมบูรณ์แบบให้นาลีเห็น ทั้งที่เคยเจอในรูปและวิดีโอแนะนำตัวมาก่อนแล้ว แต่ความเจิดจรัสเรืองรองเทียบเท่าตัวจริงไม่ได้ นั่นอาจเป็นใบหน้าผู้ชายที่ดูดีที่สุดที่เธอเคยเจอในชีวิตจริง 

“เป็นไง ใกล้เคียง VI เลยไหม นี่คนจริงแท้ๆนะเนี่ย” 

สีหน้าเธอคงออกชัดจนแยมมี่หันมาแซว

“พวกนั้นอยู่ไหน” เขาถามถึงสมาชิกวง แทบไม่มองหน้าเธอเลย 

“ตอนเช้าเห็นมาซ้อมเต้นกัน บ่ายลงไปไหนละไม่รู้”

“ลุคล่ะ” เขาถามอีก 

“อยู่ในห้องอัด” 

“เค!” เขาทำท่าจะเดินไป แต่แยมที่เรียกไว้ 

“อย่าเพิ่งสิ กำลังจะแนะนำพนักงานใหมาให้รู้จัก นี่พี่นาลีนะ เค้าเป็นรุ่นพี่เรา ต่อไปนี้จะมาทำตำแหน่งครีเอทีฟในบริษัท”

“โอ้!” เหมือนเขาเพิ่งจะมองเห็นว่ามี ‘เธอ’ อีกคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เขามีท่าทีตกใจก่อนจะรีบยื่นมือมาขอเช็คแฮนด์ “nice to mee you… ครับ”

สำเนียงภาษาอังกฤษของเขาฟังดูเหมือนเจ้าของภาษา นั่นเพราะว่าเขาเกิดและเติบโตที่เมืองนอก 

“ค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ” เธอรีบยื่นมือไปจับตอบและพูดด้วยท่าทีขัดเขิน

เขาจ้องเธอนิ่งสักพัก… ก่อนจะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แปลกพิกล ก่อนที่เขาจะผงกหัวให้แล้วแยกตัวไปทำงาน 

“หล่อมากกเลยค่ะ” นาลีหันไปชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา

“หล่อสุดในบริษัทแล้วล่ะ ถ้ามีหล่อใกล้เคียงกับคนนี้อีก…ก็ โซน แต่นั่นเค้าอยากเดบิวในฐานะนักแสดง” 

“คนเมื่อกี๊ก็เป็นพระเอกได้นะคะ” นาลีกล่าว

“เทโดไม่ถนัดการแสดง สนแค่เรื่องดนตรีอย่างเดียว” แยมมี่ให้ข้อมูลเพิ่ม 

นาลียังติดใจรอยยิ้มแปลกๆของเขา ซึ่งดูจะไม่ใช่อาการพิศวาส มันเป็นอาการเอ็นดูปนขำขัน แล้วต่อมาเธอก็รู้สาเหตุใต้รอยยิ้มนั้น

เมื่อเธอรอประชุมกับ ‘พีพี’ เรื่องอนุมัติงบเช่าตึกหอพักเสร็จ แล้วออกมาจากห้องผู้บริหารก็ได้พบกับศิลปินวง ‘WOF’ ทั้งกลุ่ม ที่ยืนออกันอยู่ตรงตู้กดน้ำริมทางเดิน เมื่อเธอปรากฏตัว เทโด ก็พยักเพยิดให้สมาชิกวงหันมามองเธอทั้งหมด

ไคโจหัวเราะพรืดออกมา ขณะที่จีโอมองเธอแบบเพ่งพิจารณา 

“มีอะไรกัน จ้องพี่เค้าทำไม” พีพี หนึ่งในผู้บริหารถามศิลปินในค่ายเขา 

พวกเขามองหน้ากัน แล้วให้เทโดเป็นคนบอก แต่เขาเม้มปากเงียบ เพราะดูจะเกรงใจเธอ

ไคโจ หนุ่มหัวทอง ตัดสินใจพูดกับทุกคนเป็นภาษาอังกฤษ ว่าเธอหน้าเหมือนแม่ของไทโด

ไคโตะพูดจบ ทุกคนก็เหมือนกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ส่งเสียงคิกคักกัน ขณะที่เธอหน้าแดงเรื่อ แมคเน็ท หนึ่งในสมาชิก WOF ดูออกว่าเธอกระอักกระอ่วน เข้ามาคุยเปลี่ยนบรรยากาศ

“พี่จะมาทำงานที่นี่ใช่ไหม พวกเราอาจจะน่าปวดหัวหน่อย ฝากตัวด้วยครับ” เขาพูดจาสุภาพนอบน้อม มีผมสีน้ำตาล และผิวสองสีที่ดูเปล่งปลั้ง ทั้งน้ำเสียง และใบหน้าเขา ดูอ่อนละมุนราวกับเทวดา

“อะไรกัน พี่เค้าเพิ่งจะ 29 ยังไม่แก่เท่าแม่พวกมึงซะหน่อย” พีพีหยอกกลุ่มศิลปินด้วยท่าทีสนิทสนม

จีโอหันมาบอกเป็นภาษาอังกฤษอีก

‘หน้าเหมือนแม่ตอนยังสาว’

สิ้นเสียงจีโอ …เทโดและไคโจ ขำครื้นขึ้นอีก นาลีชักระแวง รีบอยากไปส่องกระจก เช็คว่าวันนี้เธอแต่งตัวหรือทำผมมาดูเกินอายุหรือเปล่า 

“พี่เค้าอุตส่าห์ไปหาหอพักให้พวกมึงนะ” พีพีพูดอีก

“ใช่ ขอบคุณซะสิ” แยมมี่เร่ง

เหล่าสมาชิกวง WOF ทั้งส่งเสียง ‘ขอบคุณ’ และ ‘thank you’ ปนเปกัน พอไคโจลงท้ายด้วย ‘mom!’ บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้นอีก ทุกคนขำ …ไม่เว้นแม้ผู้บริหารทั้งสอง 

“ต่อไปนี้เรียกแม่ก็ด้ายยย ฮ่าๆๆ” นาลีแสร้งทำเป็นขำไปด้วย ทั้งที่สีหน้าเจื่อนจืด

“เค mom!”

นาลี ไม่เคยคิดว่าตนเองแก่ เพราะเพิ่งอายุแค่ 29 กระทั่งเจอคนอายุอ่อนกว่าไม่ถึง 10 ปี เรียกแม่ เธอก็เผลอพิจารณาสังขารตนเองอย่างเคร่งเครียด 

ศิลปินวง WOF ยังคงมองมาที่เธออย่างสนุก เหมือนสายตาพวกขี้แกล้งในโรงเรียนที่เธอไม่เคยเห็นมาตั้งแต่จบชั้นประถม 

นาลีหนาวหวาดๆว่าจะทำงานนี้ไม่ได้นาน