ในคริสตศักราช 2034 สภาพอุตสาหกรรมบันเทิงในโลกเปลี่ยนไป มนุษย์เริ่มสูญเสียตำแหน่งในวงการ ฝห้ Virtual Idols ที่เป็นที่นิยม ค่าย GenA Entertainment ก่อตั้งขึ้น เพื่อความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างอุดมการณ์เดิม กับโลกยุคใหม่เพื่อเดินเกมส์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เช่นในยุคทองของไอดอลไทยอย่าง 2024

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา - บทที่ 3 การรับมือนิสัย diva ของศิลปิน โดย เชฟวาวิฬาร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เกิร์ลกรุ๊ป,นักร้อง,ชีวิตประจำวัน,ดราม่า,ต่างโลก,โลกอนาคต,romantic,รักวัยรุ่น,ระบบเกม,ไอดอล,ไซไฟ,อนาคต,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เกิร์ลกรุ๊ป,นักร้อง,ชีวิตประจำวัน,ดราม่า,ต่างโลก,โลกอนาคต,romantic,รักวัยรุ่น,ระบบเกม,ไอดอล,ไซไฟ,อนาคต,แฟนตาซี

รายละเอียด

ในคริสตศักราช 2034 สภาพอุตสาหกรรมบันเทิงในโลกเปลี่ยนไป มนุษย์เริ่มสูญเสียตำแหน่งในวงการ ฝห้ Virtual Idols ที่เป็นที่นิยม ค่าย GenA Entertainment ก่อตั้งขึ้น เพื่อความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างอุดมการณ์เดิม กับโลกยุคใหม่เพื่อเดินเกมส์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เช่นในยุคทองของไอดอลไทยอย่าง 2024

ผู้แต่ง

เชฟวาวิฬาร์

เรื่องย่อ

Prelude 


ปี 2034 โลกจมดิ่งในมหาสมุทรแห่งแสงสีของเทคโนโลยี Virtual Reality อุตสาหกรรมบันเทิงพลิกโฉมหน้าราวกับเนรมิตด้วยเวทมนตร์ Virtual Idols หรือไอดอลเสมือนจริง ผงาดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่กวาดหัวใจผู้คนทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย

อุตสาหกรรมบันเทิงเต็มไปด้วยการแข่งขันดุเดือดราวสงครามไร้เสียง ค่ายเพลงต่างทุ่มสุดตัวสร้างสรรค์ Virtual Idol ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง VI เหล่านี้งดงามสมบูรณ์แบบเกินมนุษย์ธรรมดาจะเอื้อมถึง

แฟนคลับสามารถสัมผัสไอดอลในฝันผ่าน metaverse ของค่ายเพลง ด้วยปฏิสัมพันธ์เฉพาะตัวที่แสนสมจริง ทำให้การรอคอยพบศิลปินตัวจริงอันห่างไกลเกินเอื้อมกลายเป็นเรื่องล้าสมัย แต่ขณะเดียวกัน มันก็ค่อยๆ ดึงมนุษย์ให้ห่างไกลจากกันและกัน

ค่ายเพลงแข่งกันใช้เทคโนโลยี เสียงเพลงใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในโลกถูกรังสรรค์ขึ้นด้วย AI และ Machine Learning ตอบสนองความต้องการของผู้ฟังแต่ละคนอย่างแม่นยำ คอนเสิร์ตในโลกเสมือนเปิดประตูสู่ประสบการณ์ดนตรีที่ตื่นตาตื่นใจ ผู้ชมเสมือนเหาะเหินเดินอากาศรอบเวที และเข้าใกล้ชิดศิลปิน ทว่าเสน่ห์ของการชมคอนเสิร์ตสดค่อยๆ จางหาย พร้อมเส้นแบ่งระหว่างดนตรีและศิลปะที่เลือนรางลง

‘นาลี’ เจอประกาศสมัครงานค่ายเพลงใหม่ที่เพื่อนส่งมาให้ เธอเป็นนักเขียนนิยายฟรีแลนส์ ที่พักหลัง…นวนิยายของเธอไม่ได้รับความนิยมอีก ผู้คนนิยมเสพย์เรื่องแต่งแบบที่สร้างขึ้นจากความชอบและประวัติการอ่านส่วนตัว personal Ai generated contents สื่อผสมระหว่าง anime เกมส์ roleplay และเป็นแบบ interactive ผ่านเทคโนโลยี VR ให้คนสามารถสัมผัสประสบการณ์เหมือนได้เป็นหนึ่งตัวละคร ทำให้รูปแบบการอ่านหนังสือแบบเดิมๆ เริ่มลดความสำคัญลง จนเป็นแค่งานอดิเรกเฉพาะกลุ่มในคนที่ยังอนุรักษ์หนังสือ ใช้เป็นเครื่องมือบำบัด สำหรับผู้มีปัญหาสมาธิสั้น นอนไม่หลับ กับคนชรา 

นาลีไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลศิลปิน หรือการตลาดในธุรกิจบันเทิง แต่ตำแหน่ง creative กับเงินเดือนสตาร์ท 35000 จะช่วยให้เธอผ่านชีวิตช่วงที่กำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจ ห้องถูกตัดไฟ กินมาม่าไม่มีไข่เป็นมื้อเย็นติดต่อกัน 15 วัน และจะมีเงินจ่ายค่าเช่าห้องที่ค้างเจ้าของอพาร์ตเมนต์มา 3 เดือน ใกล้ครบกำหนดจะถูกไล่ออกแล้ว 

เธอจึงตอบตกลงเข้าทำงานในบริษัทเล็กๆที่เพิ่งเริ่มต้น… มีพนักงานบริษัทไม่ถึง 20 คน เป็นผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนไปแล้ว 5 มีศิลปินที่ค่ายเตรียมเปิดตัวอีก 10 คน โดยศิลปินจะทั้งต้องโปรดิวซ์ แต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีเอง 

นาลีตัดก้าวเข้าสู่โลกที่เธอไม่คุ้นเคย รับตำแหน่งครีเอทีฟในบริษัท บทบาทงานหลากหลาย ทั้งคิดแผนโปรโมท สร้างคอนเทนต์การตลาด และดูแลศิลปินราวกับเป็นผู้จัดการวง นั่นหมายถึง ทุกอย่างที่คนในออฟฟิศไม่มีเวลาทำ เธอจะต้องรวบมาเป็นงานตนเองให้ครบจบในหนึ่งเดียว

กลุ่มศิลปินที่นาลีจะต้องดูแล มีกลุ่มศิลปินชายแนว R&B hip-hop 4 มีชื่อวงว่า ‘WOF’ นักแสดงชาย 1 คน ที่พอมีทักษะร้องเพลงได้นิดหน่อย เกิร์ลกรุ๊ปหญิงแนว pop electronic 4 คน ชื่อวง ‘LPs’ นักร้องสาวเสียงทองแนว r&b ที่ต้อง solo เป็นศิลปินเดี่ยว 2 คน รวมศิลปินในค่ายทั้งหมด ชาย 5 หญิง 6 รวม 11 

นาลีจะสามารถพาศิลปินเหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จท่ามกลางยุคสมัยที่ Virtual Idols ครองเมืองได้หรือไม่? เธอจะค้นพบคุณค่าใหม่ของตัวเองในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป? และที่สำคัญ เธอจะสามารถรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ทุกอย่างได้อย่างไร?

เรื่องราวของนาลีในธุรกิจดนตรียุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น..

สารบัญ

GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 1 กลุ่มศิลปินวง Wof กับครีเอทีฟคนใหม่,GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 2 ศิลปินจริง V.S. Virtual idol ,GEN A : พลิกเกมกลธุรกิจมายา-บทที่ 3 การรับมือนิสัย diva ของศิลปิน

เนื้อหา

บทที่ 3 การรับมือนิสัย diva ของศิลปิน

บทที่ 3

สัปดาห์ที่สาม… สู่ช่วงการเตรียมตัวโปรโมตวง Wof ผ่านรายการดังทางอินเตอร์เน็ต นาลียืนอยู่หน้าบอร์ดอัพเดทงานที่เป็นหน้าจออัตโนมัติ เพื่อประชุมร่วมกับนักศึกษาวัย GenA สองคน …มิกิกับโก 

แสงไฟนีออนส่องกระทบกับบอร์ดสัมผัสขนาดใหญ่ที่แสดงข้อมูลวิ่งสลับไปมา แอพฯ ‘secretary’ กำลังจดบันทึก short note สรุปการประชุมแบบอัตโนมัติ จากเสียงของทั้งสาม

"พี่นาลี หนูไปหาข้อมูลมาค่ะ" มิกิเริ่มก่อน… "ความที่ virtual idol สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แถมยังมีฐานแฟนคลับเยอะมาก ถ้าเราเน้นจุดแข็งของมนุษย์จริงๆ คือการแสดงออกทางอารมณ์ที่จริงใจ ความไม่สมบูรณ์แบบที่มันดูเป็นธรรมชาติ ก็คือให้เขาแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมาระหว่างการร้องเพลง เพลงใช้แบบเล่นสด adlips เยอะๆ น่าจะช่วยได้"

“โอเค เห็นด้วยค่ะ” นาลีกดคอมเฟิร์มข้อมูลของ secretary อนุมัติให้ส่งไอเดียนั้นให้ผู้บริหาร ก่อนจะหันไปมองโก เป็นสัญญาณให้เขาออกความเห็นบ้าง

“ผมไปดูฐานแฟนคลับของ Wof นะครับ ถ้าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น Gen Alpha กลุ่มนี้เขาชอบอะไรที่มันใหม่ๆ แปลกๆ และก็ชอบมีส่วนร่วมด้วย"

เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาแสดงแผนภาพประกอบคำอธิบาย

"Gen A เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้มีทักษะในการใช้โซเชียลมีเดียสูงมาก เราควรจะทำกิจกรรมโปรโมทผ่านแพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้กันบ่อยๆ ซึ่งนิยมเสพย์เนื้อหาแบบคลิปความยาวประมาณ 30 วินาที ผมเลยคิดไปว่า เราลองทำคลิปสั้นๆ ให้ Wof ไป Cover Dance กับ virtual idol ดังๆ ดูจะดีมั้ยครับพี่!" 

"ก็คือจะตกฐานแฟนคลับของ VI มาทางเรานั่นแหละ” นาลีลังเลใจกับข้อนี้ เธอมองว่าเป็นยุทธวิธีที่ดูขี้โกงและไร้จริยธรรมไปนิด

“เป็นการสร้างกระแสโปรโมทวงผ่านทางพวก VI น่ะครับ" โกยังพยายามอธิบายแนวคิดของเขาต่อ

“พี่เข้าใจแล้วล่ะ แต่แค่คิดว่าจะหาวิธียังไงให้เราสร้างฐานแฟนคลับใหม่ขึ้นมาเลย แทนที่จะดึงแฟนคลับของคนอื่นมา”

“งั้นก็คงตกได้แต่วัยพี่หรือพวก gen y ครับ ยุคนี้ gen A ไม่ได้มาง่ายๆครับ ถ้าใช้มนุษย์ตก”

นาลีฉุนกึก เหมือนโดนด่าว่า ‘แก่’ โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดคำว่าแก่ออกมา

“ไอเดียของพวกคุณก็ดีทั้งคู่ล่ะค่ะ มิกิเน้นเรื่องการสร้างความแตกต่างให้กับวง” นาลีต้องหาทางชมเพื่อนร่วมงานชายบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียกำลังใจ “โกก็เน้นเรื่องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เราจะนำไอเดียเหล่านี้ไปพัฒนาต่อยอดกันนะคะ โปรเจ็คนี้ ลองเน้นไปที่การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างวง Wof กับแฟนคลับผ่านช่องทางออนไลน์ดูค่ะ” 

เธอกดคอมเฟิร์มให้แอพฯ ‘secretary' บันทึกการประชุมหน้าบอร์ด ซึ่งจะส่งตรงเข้ามือถือให้ผู้บริหาร 4 คน ให้สามารถกดดูเพื่ออัพเดทงานได้ทั้งแบบเรียลไทม์ หรือในเวลาที่แต่ละคนสะดวก 


ในห้องซ้อมที่มีอุปกรณ์ดนตรีและไมโครโฟนตั้งอยู่ เทโดกำลังวอร์มเสียงอย่างตั้งใจ เขาฝึกการใช้เสียงในระดับต่างๆ ทั้งเสียงทุ้ม เสียงกลาง และเสียงสูง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแสดง

นาลีพาเพื่อนร่วมงานทั้งชายและหญิงเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ พวกเขายืนสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังห้อง มองดูเทโดซ้อมร้องด้วยความสนใจ

เทโดเริ่มร้องเพลงด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาแสดงออกถึงพลังเสียงและความสามารถในการควบคุมระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นการซ้อมเพื่อออกรายการทีวีครั้งแรก แต่เขาก็ไม่แสดงอาการประหม่าหรือกังวลให้เห็น

นาลีสังเกตเห็นความมั่นใจที่แผ่ออกมาจากตัวเทโดขณะที่เขาร้องเพลง เธอรู้สึกได้ว่าชายคนนี้มีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ราวกับว่าเขารู้ดีว่าตัวเองมีพรสวรรค์และความสามารถที่โดดเด่น

 หลังจากที่เทโดร้องเพลงจบ นาลีลองเลียบเคียงถามเขา

“เทโด กังวลไหมคะที่จะไปออกรายการ?"

เทโดตอบเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ

"Just a lil' bit."

ถึงเขาจะบอกว่ากังวล แต่สีหน้ากลับดูเหมือนเขาสามารถผ่านงานนี้ไปได้สบายๆ 

“By the way, do you know which agencies those male virtual idols we're gonna perform with…?"

นาลีรู้ว่าเขาต้องการประเมินคู่แข่งว่า VI ที่มาร่วมรายการด้วยมาจากค่ายไหนบ้าง เธอหันไปมองมิกิ ที่ยืนอยู่ไม่ไกล มิกิเข้าใจสัญญาณนั้นทันที รีบอธิบายข้อมูลที่เตรียมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“มี virtual idol ที่จะเดบิวใหม่ ทั้งหมด 3 คน มาร่วมรายการ ค่ะ Zephyr จากค่าย Neon Entertainment ค่ายนี้โดดเด่นด้านเพลงค่ะ เพลงจะติดหูคน และก็มักติดท็อปชาร์ตต่างประเทศด้วย คนที่สองคือ Polaris จากค่าย Starlight Productions ค่ายนี้เค้าเน้นการปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับ และเป็นค่ายที่มีธุรกิจผลิตเกมส์ด้วย โดยเฉพาะแนว interactive จะมีฐานแฟนเกิร์ลเยอะมาก เอ่อ ขอโทษนะคะ”

มิกิพูดคล่องมาตลอดจนเริ่มลืมบท ต้องหยุดดูโพยในมือถือครู่หนึ่ง

“อ้า คนสุดท้ายค่ะ Nova ศิลปินใหม่จากค่าย Cosmic Wave Records แนวดนตรีจะผสมผสาน EDM เข้ากับเพลงป๊อป ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงบนเวทีที่แปลกตา หวือหวา เอฟเฟกต์อลังการค่ะ"

นาลีและเทโดฟังด้วยความสนใจ สีหน้าของเทโดดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่จะมาร่วมรายการ

“Cool! มีแต่ค่ายเก่งๆ ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย” 

“ไม่ใช่ว่าถามเพราะคิดจะย้ายไปค่ายอื่นล่ะ” นาลีแซวเล่น แต่เขากลับตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ 

“Why move? ทำให้ค่ายนี้ใหญ่เท่าพวกเค้า สนุกกว่า”

ความมั่นใจของเขาเริ่มทำให้นาลีรู้สึกกลัว ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่ศิลปินหน้าหล่อ แต่เป็นคนฉลาดและดูทรงพลัง

“ได้ข่าวว่าคุณจะทำ Music Documentary ให้ค่าย”

“ใช่ค่ะ ไหนเราก็มีกล้องสอดแนมอยู่ทุกที่ในตึก ทำไมไม่ลองใช้ฟุจเทจจากกล้องพวกนี้ให้เป็นประโยชน์” นาลีผายมือไปยังกล้องที่อยู่ทั่วห้อง แฃะได้ยินเสียงเทโดขำ “หึๆ” 

…เป็นท่าทางที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่

“ถ้าคุณไม่ชอบไอเดียเรื่องสารคดีเบื้องหลัง แจ้งเราได้นะคะ ฉันเข้าใจค่ะ”

ธรรมชาติศิลปินที่เป็นมนุษย์ทุกคนรักความเป็นส่วนตัว นั่นคือข้อด้อยของศิลปินมนุษย์ ผิดจาก virtual idol ที่สามารถทำแคมเปญไลฟ์สด 24 ชั่วโมง ปีละครั้ง หรือบางค่ายก็ 3 seasons ตั้งแต่ตื่นไปจนถึงนอนหลับ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับแฟนคลับ

“ผมไม่ได้ไม่ชอบสารคดี ผมว่าโอเคที่จะได้เห็นเบื้องหลังการทำงาน กว่าจะได้แต่ละเพลง ที่ผมไม่ชอบ คือ” เขามองไปยังกล้องวงจรปิดแทนการพูด สีหน้าเขาดูอารมณ์ไม่ดี แต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “เห็นคุณจะโปรโมทแคทเปญ เน้นศิลปินมนุษย์เพื่อมนุษย์ ให้เราเป็นตัวแทนการ speak เพื่อสังคม”

“อ๋อ แค่คุยขำๆกับคุณพีไปค่ะ” นาลีกลัวเขาจะไม่เห็นด้วย 

จริงเธอไม่ได้ต้องการแค่นั้น ยังอยากให้เขาเป็นตัวแทนในการพรีเซนต์กิจกรรมเรื่องการหางานและรายได้ทดแทนให้มนุษย์ที่โดน AI แย่งงานซึ่งทวีจำนวนขึ้นทั่วโลก

“ทางทีมผมสนใจ แต่ผมอยากให้เราขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นได้ไหม ไม่ใช่แค่เพื่อมนุษย์ แต่เพื่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และก็สัตว์” 

สิ่งที่เขาพูดทำให้นาลีเริ่มมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

“คุณเป็นคนรักสัตว์เหรอคะ” 

“บ้านผมที่เมกาฯ เลี้ยงหมา แมวอยู่ แต่จริงๆผมชอบสัตว์ทุกชนิดเลยครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะร่วมรณรงค์ในองค์กรพิทักษ์สัตว์”

“อุ๊ย เหมือนกันเลยค่ะ” เธอพูดพร้อมกับเผลอยกมือทัดหูเขินๆ จน ‘โก’ เริ่มหันมามองเธอแปลกๆ

“ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมสนใจ เพราะรำคาญโจ ที่ซื้อเสื้อผ้าเยอะเกิน มันรกห้องน่ะครับ”

เขาสองคนเป็นรูมเมทกัน

“ถ้าเราต้องเป็นตัวแทนสิ่งแวดล้อม เค้าจะได anti - fast fashion ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อบ่อย ใช้ซ้ำได้ก็ใช้ โจจะได้ไม่ต้องจุกจิกเรื่องเสื้อผ้า”

เข้ากับสิ่งที่นาลีคิดอยู่พอดี เธอรีบสนับสนุน

“ถ้าวงเรา มีการใช้เสื้อผ้าเดิมๆ รียูสซ้ำ ไม่ได้เปลี่ยนตลอด จะช่วยสร้างค่านิยม ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยให้คนได้ด้วยนะคะ”

“แต่เสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้กับค่ายเพลงมากเลยนะครับ” โกอดไม่ได้ที่จะแย้งความคิดเธอ “มีแฟนคลับหลายคนที่แย่งกันประมูลเสื้อผ้าให้ศิลปินที่ตัวเองชอบใส่ โดยเฉพาะ VI” 

“ก็ให้ VI ใส่ไปสิ ผมไม่ใส่” 

เขาตอกกลับ ชนิดที่ทำให้โกหน้าหงาย

“อ่า…” มิกะรู้สึกเป็นหน้าที่จะต้องเปลี่ยนบรรยากาศ “เห็นด้วยเรื่อง fast fashion แต่ถ้าเสื้อผ้าเหมือนเดิมทุกครั้ง มันอาจจะดูเป็นเครื่องแบบไป แล้วแบรนด์ต่างๆก็อาจจะเข้ายาก” 

“ถ้าเป็นเครื่องแบบได้ก็ดีครับ คนจะได้โฟกัสที่งานที่ผมทำ ไม่ใช่ชุดของผม” เขายักไหล่พูด ด้วยสีหน้าไม่แคร์ แต่เธอมองออกว่าเขาชักอารมณ์ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ

นาลีรีบส่งสายตาให้รุ่นน้องสองคนถอยร่นออกไป โกและมิกะรับรู้ถึงสัญญาณไม่สู้ดี รีบปิดปากเงียบเหมือนรูดซิปไปทั้งคู่

“ถ้าคุณมีไอเดียอยากทำอะไร ก็รีบบอกทางเรามาเลยนะคะ รวมถึงถ้าไม่อยากทำอะไร ก็ให้แจ้งมาด้วยค่ะ”

“ไม่ต้องห่วง ถ้าผมไม่อยากทำอะไร ผมจะให้น้องผมทำแทน” 

“หมายถึง แม็คเนทใช่ไหมคะ” เธอนึกถึงชายหนุ่มผมสีอ่อน ตัดทรง wolf cut ประบ่า ที่ดูอ่อนโยนเหมือนเจ้าชายคนนั้น 

ใครๆในบริษัทก็รู้ว่าเขาเป็นคนหัวอ่อนว่าง่าย 

“เรามีทีมไว้เพื่ออะไรล่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา และเสียงกระด้าง ขณะที่มือถือเขาส่งเสียงแจ้งเตือนดัง

'การประชุมผ่านไป 15 นาทีแล้วค่ะ ถึงเวลาที่คุณต้องกลับไปซ้อมต่อ’

นาลีสะดุ้งขึ้นมา แล้วรีบขอตัวลา เพราะรู้ว่ารบกวนเวลางานเขามากเกินไป รวมถึงไม่รู้สึกแปลกใจด้วยที่เขาตั้งคำสั่งล่วงหน้าให้เอไอพูดขอตัวแทน

นาลีพอรู้ว่าคนบุคลิกภาพ introvert ส่วนใหญ่นิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว …แต่เพื่อนร่วมงานชายของเธอดูจะไม่เข้าใจ

“ผมไม่เข้าใจ ถ้ารักความเป็นส่วนตัวขนาดนั้นแล้วมาเป็นศิลปินทำไม” โกหันมาชวนเธอนินทาเทโด หลังเดินทิ้งห่างห้องซ้อมมาพักใหญ่

“เหมือนว่าเค้าเกรงใจพี่ลุค อันนี้พี่ลุคเคยพูดเองในที่ประชุม ที่มีแต่ผู้บริหารด้วยกัน” มิกิแก้ให้ ‘เทโด’ เพราะเธอค่อนข้างจะรู้สึกชื่นชมเขา “เพราะพี่ลุคชวนมา เขาถึงยอมมาทำให้ จริงๆเค้าบอกเค้าเลยวัยที่จะเป็นศิลปินแล้ว เค้าอยากปั้นเด็กรุ่นใหม่ที่อายุ 15-16 มากกว่า”

“นั่นสิ Gen A จะคาดหวังกับวงผู้สูงวัยมากไปรึเปล่าพี่”

จริงพวกเขาเพิ่งจะอายุแค่ 25 เอง แต่สำหรับวงการไอดอล อายุเท่านี้ก็เรียก ‘ลุง’ ได้แล้ว

“สมัยนี้มันยิ่งยากขึ้นนะ จะเดบิวในวัยเท่านี้ ในยุคทองของ VI”

เขาพูดอย่างใส่อารมณ์ ขณะเดินออกจากลิฟท์เพื่อไปนั่งร้านกาแฟด้วยกัน

“จริง… คนรุ่นใหม่ตอนนี้ชอบอยู่ใน metaverse กันมากกว่าโลกจริงที่มีแต่ฝุ่น 2pm ทุกอย่างแพง แต่เงินไม่พอใช้อยู่แล้ว”

นาลีพยักหน้า ถึงแม้โกจะดูเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่เขาก็มองเห็นความจริงหลายอย่าง มนุษย์เราเข้าสู่ยุคที่ไม่ต้องการพึ่งพาอะไรก็ตามจากมนุษย์ด้วยกันอีกต่อไป พวกเขาต้องการที่จะหลบอยู่ในหลุมหลบภัยเฉพาะตัว ที่สามารถตั้งค่าให้เป็นไปตามต้องการได้อย่าง ‘metaverse’ และใช้เวลากับศิลปินที่ไม่มีวันเมินคอมเมนต์ของพวกเขา ตอบทุกคำถามแม้แต่คำด่า ไม่มีวันอารมณ์เสียใส่ตอนไลฟ์ หรือมีพฤติกรรมให้ผิดหวัง …รวมถึงตายได้ อย่าง virtual idol 

บุคลิก ‘diva’ แบบศิลปินรุ่นพ่อแม่ เป็นตัวของตัวเองสูง เข้าถึงยาก ซึ่งไม่อินเทรนด์แล้วในปัจจุบันที่วัยรุ่นเริ่มมองว่า ‘ศิลปิน’ คือผู้สร้างความสุข ต้องคอยรับใช้ และเอาใจพวกเขา 

เท่าที่สัมผัสเพียงผิวเผิน ‘เทโด’ ดูเป็นจำพวกนั้น และทำให้อนาคตของวง Wof ดูน่ากังวลขึ้นมาทันที 


ขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟ นาลีชวนเพื่อนร่วมงานคุยเรื่องสัพเพเหระ มหาวิทยาลัย และชีวิตของเขา เธอรู้ว่าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวผู้ร่วมงานมากเกินไปในช่วงที่เพิ่งทำงานใหม่ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าควรจะคุยเรื่องงานในช่วงพักของพวกเขา โดยเฉพาะในร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเมล็ดกาแฟคั่ว ตกแต่งผนักด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม และเปิดซาวด์ธรรมชาติที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

“เคยฝันอยากทำงานในวงการเพลงมาก่อนมั้ยคะ?”

“หนูชอบฟังเพลงมากเลยค่ะ และชอบที่ได้ทำงานกับศิลปินตัวเป็นๆด้วย ทุกวันนี้ศิลปินกลายไปเป็นโปรแกรมเมอร์กันหมด แต่หนูอะ ชอบศิลปินที่เป็นมนุษย์มากกว่าค่ะ"

“ดีนะที่ได้งานที่ชอบ” นาลีเคยเป็นแบบมิกิมาก่อน เธอเคยชอบการเขียนนวนิยาย ก่อนที่โลก metaverse จะเข้ามากลืนกินทุกอย่าง แม้แต่เธอยังติดการเข้า metaverse ทุกคืนก่อนนอน มากกว่าจะอ่านนิยาย หรือหนังสือสักเล่ม 

“แล้วโกล่ะคะ”

“ผมก็… อ่า อ่าดีครับ” โกดูไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยเท่ามิกิ 

แต่เมื่อคุยไปสักพัก ก็เริ่มลื่นไหล ทำให้นาลีรู้ว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงมากนัก 

“เพื่อนผู้ชายผมยังไม่ค่อยมีเลย ผมคุยกับคนที่มหา’ลัย ก็แค่… พอให้ทำงานเป็นทีมกับคนอื่นได้นิดหน่อยครับ” 

เด็กเจน alpha มีปัญหาเรื่องขาดเพื่อนสนิท และขาดทักษะการเข้าสังคมแบบเผชิญหน้า

“แล้วใน metaverse มีเพื่อนไหมคะ”

“ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติครับ เป็นคนที่อยู่ไกลมาก แบบว่าคงไม่มีทางมาเจอกันในชีวิตจริงได้ ซึ่งแบบนั้น ผมสะดวกใจมากกว่า” 

“เวลาเข้าไปใน multiverse พี่เข้าไปก็ไม่ได้คุยกับใคร พี่แค่ไปเสพย์ธรรมชาติ เดินเที่ยวดูวิว และคุยกับคุรุ” 

“พ่อผมนี่เข้าไปคุยกับคุรุอย่างเดียว ไม่รู้จะเครียดอะไรนักหนา”

“แต่เค้าให้คำปรึกษาดีจริงๆนะคะ แล้วก็ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปหา therapist เยอะ คนก็เลยนิยมกัน” มิกเสริมด้วยความที่พ่อแม่ของเธอก็เล่น multiverse ในแง่ของการคุยกับคุรุเหมือนกัน

“ผมว่ากลุ่ม gen y หลายคนติ่งคุรุแบบไม่ลืมหูลืมตา”

โกคงหมายถึง กลุ่มประชากรซึ่งอยู่ในวัย 50-60 ปี เป็นพ่อแม่ของ gen alpha อย่างพวกเขา เป็นกลุ่มที่ประสบภาวะการต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบบพลิกโฉมหน้ามากที่สุด สิ่งที่พวกเขาคุ้นเคย อย่างหนังสือ โรงภาพยนตร์ และโทรทัศน์ หมดความสำคัญไป การทำมาหากินแบบเดิมๆทำเอาชีวิตฝืดเคือง แต่หนี้สินจากรถ บ้าน อละทุนการศึกษาของลูกไม่เคยหมดไป

“บริจาคเงินกันเข้าไปถล่มทลาย” เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บใจ “ขนาดบ้านไม่ค่อยมีเงิน พ่อผมยังคอยเอาเงินไปเปย์ server อยู่เรื่อย”

ในยุคที่สิ่งพึ่งพิงทางจิตวิญญาณแบบเดิมสูญหาย

“คือ บ้านผมค่อนข้างลำบากน่ะครับ พ่อเลยอยากให้ผมรีบหางานทำเร็วๆ ที่นี่เป็นที่เดียวที่รับผม ผมเลยต้องคว้าโอกาส ไม่ได้สนใจเรื่องศิลปะหรืองานเพลงอะไรหรอกครับ ผมสนเรื่องการตลาดมากกว่า"

“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ชอบงานที่ทำมั้ย?"

“ก็สนุกดีครับ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย” สีหน้าเขาเหมือนแค่ตอบไปตามพิธี แต่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง

“ปกติโกเล่นแพลตฟอร์มไหนเหรอ” มิกิชวนคุยบ้าง

“ผมเล่น tanathos แล้วมิกิล่ะ”

“เราเล่น eros แต่เราไม่ค่อยเข้าหรอก นานๆเข้าที”

“ถ้าอย่างนั้นแล้วก่อนนอนทำอะไรคะ”

“หนูชอบดูหนังค่ะ หนูสามารถดูหนังยาว 90 นาทีโดยไม่กด pause เลยนะคะ” มิกิพูดอย่างภูมิใจ 

“ผมเคยพยายามหลายครั้งละ หลับก่อนทุกที” โกมีสีหน้ายอมแพ้

“แล้วพี่ล่ะครับ”

“พี่ไม่ได้เล่น platform ที่คนนิยมกัน พี่เล่น eden อย่างเดียวเลย”

“อ้อ มันเป็น platform แนวผ่อนคลาย แม่ผมก็เล่น” 

นาลีสังเกตอาการของโกอยู่ตลอด เมื่อคุยเรื่องส่วนตัว เขามีสีหน้าคับแค้นใจ เมื่อคุยเรื่องงานที่ทำในบริษัท เขามีสีหน้าเบื่อหน่าย แต่เมื่อคุยถึงเรื่อง multiverse เขากลับมีชีวิตชีวา และคุยได้ต่อไปแบบไม่รู้เบื่อ

….ปัญหาของคนยุคปัจจุบัน ไม่อาจเชื่อมต่อติดกับโลกภายนอก กับมนุษย์ด้วยกัน จึงหันหาโลกในจินตนาการ ล่องลอยอยู่ในนั้นราวกับเป็นชีวิตที่จริงมากกว่า ชีวิตที่ต้องผลักตัวไปทางนั้นที ทางนี้ที ตามแรงบีบอัดของสภาพแวดล้อม ขณะที่ใน multiverse เราสามารถกำหนดและมีทางเลือกให้ชีวิตมากกว่า

นาลีรู้ดี เพราะแม้แต่ตัวเธอเอง ก็ประสบภาวะเสพย์ติด multiverse อยู่เหมือนกัน


ในค่ำคืนอันเงียบสงบ นาลีหลับตาลงและเข้าสู่โลก multiverse ที่เธอคุ้นเคย

แว่น VR พาเธอล่องเข้าไปในสวนอันงดงามราวสวรรค์จำลอง ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมท้องฟ้า ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามสายลม

ไม่ไกลนัก มีน้ำตกสูงตระหง่านไหลลงมาสู่ลำธารใสเย็น ริมน้ำตกนั้น ยืนร่างของชายชราในชุดคลุมสีขาว ผมและเคราสีเงินยาวพลิ้วไหวตามแรงลม นี่คือ "ซอฟอส" คุรุผู้เป็นตัวแทนของโสเครตีสในโลกเสมือนนีั

นาลีเลือกเป็นผีเสื้อตัวจิ๋วใน multiverse สวยงามทว่ายากจะสังเกตเพราะกลมกลืนกับ effect ในฉาก เธอกำลังบินเข้าไปหาซอฟอสเพื่อจะแชตปรึกษาเรื่องราวในชีวิตเหมือนทุกวัน 

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างลึกซึ้ง จู่ๆ ก็มีเสียงกิ่งไม้หักดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ก่อนหมาป่ายักษ์ใหญ่สีเทาเงินกำลังเยื้องย่างเข้ามาอย่างสง่างาม และดูน่าเกรงขาม

นาลีรีบลุกขึ้นและบินไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ จากที่ซ่อน เธอแอบมอง หมาป่าค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ซอฟอสมากขึ้น แล้วทั้งสองก็เริ่มสนทนากันเป็นข้อความภาษาอังกฤษ แต่แว่น VR ที่เธอสวมอยู่ ได้แปลบทสนทนาเป็นภาษาไทยอัตโนมัติ 

"อึดอัดใจกับที่ทำงานมากครับ”

เสียงทุ้มต่ำของหมาป่าผสานกับเสียงนุ่มใสของซอฟอส ลอยมาเข้าหูนาลีเป็นระยะ

"น้องชายก็ดูจะหมดใจจากงาน อยากกลับบ้านแล้ว แต่เพื่อนผมบอกมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าจะเลิกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ก็เหมือนความพยายามที่ผ่านมาหมดความหมาย และจะเป็นการทำให้คนอื่นที่เค้าคาดหวังในเราเสียใจด้วย”

ซอฟอสฟังด้วยท่าทีสนใจ "เราทุกคนต้องเผชิญกับความกดดันและคาดหวังจากผู้อื่นทั้งนั้นนะ ตราบใดที่ยังข้องเกี่ยวกันอยู่ในสังคม" 

“ผมรู้สึกเหนื่อยกับการต้องทำอะไรมากมาย แต่งเพลง ประคับประคองคนในทีม และต้องไปเจอทีมงานที่ไม่รู้จัก สิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ผมกลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็กลัวการร่วมงานกับคนใหม่ๆ แค่กับครอบครัวตัวเอง ผมยังรู้สึก… ยากเลย”

หมาป่าสีเทากล่าวต่อไปด้วยท่าทางทุกข์ใจ

“ผมแค่ต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ใช่เพื่อแบกรับความคาดหวังของคนอื่น”

"อืมมม ความรู้สึกหนักอึ้งที่เธอแบกอยู่ ทำให้เธอยิ่งตระหนักว่าแท้จริง …เธอต้องการอะไรในชีวิต” ซอฟอสกล่าว

หลายอย่างในบทสนทนานั้น ทำให้นาลีค่อยๆมั่น.ตว่าหมาป่าสีเงินในโลก ‘eden’ คือเทโด และยังเธอให้เธอได้รู้ว่า ใจจริงเขาอยากเป็นโปรดิวเซอร์ และชอบงานผลิตเพลงอยู่เบื้องหลังมากกว่า 

นอกจากนี้ เธอยังได้รู้อีกว่าเขาวางแผนระยะสั้นแค่จะทำให้วง Wof ดังพอจะพาบริษัทไปรอด แล้วจากนั้น เขาจะถอยไปคุมเบื้องหลัง เพื่อปั้นศิลปินหน้าใหม่ออกมา 

นาลีถอดแว่น VR ออกในคืนนั้นด้วยความตึงเครียดจนนอนไม่หลับ เธอรู้แล้วว่างานนี้มีแต่เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง… ถ้าเทโดไม่ดัง บริษัทจะไม่มีงบเดินหน้า ในการสร้างศิลปินต่อ ขณะเดียวกัน ถ้าเขาดัง ตัวเขาก็อาจจะถูกแขวนเอาไว้ในความกดดันที่เขาไม่ต้องการ อยู่ในจุดที่ต้องฝืนตนเอง เผชิญหน้ากับมหาชน 

เขาอายุแค่ 25 เธออายุ 29 แต่ความกดดันที่เขาเผชิญ มากกว่าเธอหลายเท่า ความมั่นใจที่เขาแสดงให้เห็นที่บริษัทนั้น เป็นแค่การพยายามทำให้ทุกคนสบายใจ 

ความต้องมาเป็นศิลปินในค่าย ต้องทำตัวเป็นสินค้า …แต่งหน้า สวมเสื้อผ้าแฟชั่น และถูกจับตามองด้วยกล้องวงจรปิดตลอดเวลา คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา

เขากำลังกลั้นใจและฝืนความเป็นตัวเองอยู่อย่างทรหด ในที่สุดเธอก็รู้สึกขอบคุณ 

'โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่สติแตก’ 

นาลีขอแค่ให้เขาประคองตัวแบบนี้ต่อไปได้ จนจบโปรเจ็คต์ก็พอ