หูเจียวเจียวทะลุมิติไปเป็นนางร้ายในนิยายที่เพิ่งอ่านไม่นานมานี้ แถมไม่พอนางยังมีจุดจบที่น่าอนาถสุดๆอีกด้วย! แล้วแบบนี้หญิงสาวจะสามารถรับมือกับลูกที่เกลียดเธอ รวมถึงเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองได้หรือไม่!
รัก,แฟนตาซี,ย้อนยุค,ครอบครัว,จีน,นิยายจีนโบราณ,นิยายแปล,ตลก,จีนโบราณ,ย้อนยุค,ปลูกผัก,ทำอาหาร,ทำฟาร์ม,ครอบครัว,เลี้ยงลูก,ตัวร้าย,พระเอกเก่ง,นางเอกเก่ง,ต่างโลก,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ขนเสบียงนับล้าน มาเป็นมาร(ดา)ของเหล่าวายร้ายหูเจียวเจียวทะลุมิติไปเป็นนางร้ายในนิยายที่เพิ่งอ่านไม่นานมานี้ แถมไม่พอนางยังมีจุดจบที่น่าอนาถสุดๆอีกด้วย! แล้วแบบนี้หญิงสาวจะสามารถรับมือกับลูกที่เกลียดเธอ รวมถึงเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองได้หรือไม่!
เมื่อหูเจียวเจียวทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่อง ‘แดนปีศาจมหัศจรรย์’ เธอก็ต้องตกตะลึงเพราะตนได้กลายเป็นตัวประกอบหญิงที่มีนิสัยชั่วร้าย แถมไม่พอนางยังมีจุดจบที่น่าอนาถสุด ๆ อีกด้วย!
นอกจากหญิงชั่วช้าคนนี้จะพลาดท่าไปหลับนอนกับเจ้าจอมวายร้ายที่เป็นลาสบอสแล้ว นางยังให้กำเนิดวายร้ายตัวน้อยแก่เขาอีก 5 ตน!
หญิงสาวผู้โชคร้ายจึงต้องต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกับคนอื่น และเผชิญหน้ากับเด็กทั้ง 5 คนที่ต้องการให้เธอตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
หูเจียวเจียว: ฉันต้องมีจุดจบแบบเดียวกับนางร้ายจริง ๆ เหรอ!
ทว่าพระเจ้าไม่ได้ใจร้ายกับเธอเสียทีเดียว เพราะเธอมาพร้อมกับมิติที่เต็มไปด้วยของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, เสบียงต่าง ๆ, เครื่องมือทำการเกษตร, สิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต, วัสดุก่อสร้าง, อาวุธ, เครื่องมือทางการแพทย์ ทุกอย่างที่เธอต้องการถูกจัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว!
ขอบคุณสวรรค์! ฉันรักมิตินี้มาก!
ก่อนที่จะเอาชนะใจของลูกทั้ง 5 สำเร็จ หญิงสาวเฝ้าคิดอยู่เสมอว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีชีวิตไปได้ตลอดรอดฝั่ง?
แต่หลังจากที่เธอได้รับการยอมรับจากเหล่าเด็กน้อยแล้ว: ท่านพ่อ! ถ้าท่านกล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมของท่านแม่ เราจะให้ท่านแม่หาพ่อคนใหม่!
เจ้าจอมวายร้าย: ???
นี่เขาพลาดอะไรไป? ทำไมลูก ๆ ถึงคิดที่จะให้ภรรยานอกใจเขาอยู่ทุกวัน?
**Content Warning and Trigger Warning**
- การทำร้ายร่างกาย
- การทารุณกรรมเด็ก
- การกักขังหน่วงเหนี่ยว
- ความรุนแรงแบบเลือดโชก ถึงขั้นอวัยวะต่าง ๆ ฉีกขาด
ยามนี้เฟิงอันดื่มด่ำอยู่ในห้วงแห่งความสุขอยู่พักหนึ่ง
ในสายตาของชายหนุ่ม เขาสามารถควบคุมความเป็นความตายของทุกคนได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คนอื่นเป็นคนกระทำ เขาก็จะประนามอีกฝ่ายว่าโหดร้าย!
ทางด้านเฟิงเฉิงส่งสายตาเอือมระอามองไปทางใบหน้าขยะแขยงของคนทรยศและพูดกับหูชิงซานว่า
“รีบ ๆ จัดการกันเถอะ”
จิ้งจอกหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมลงมือได้ตลอดเวลา
หลังจากภูตชายทุกคนได้ยินคำพูดของเฟิงเฉิง พวกเขาก็แย่งกันกระโจนเข้าใส่กลุ่มภูตเฟิงหลี
ฉัวะ! ฉึก! สวบ!
เดิมทีภูตเฟิงหลีเป็นภูตที่อ่อนแอจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่าภูตเฟิงหลีที่เคยนึกลำพองใจก็กลายเป็นศพนอนเกลื่อนกลาดบนพื้น ประกอบกับมีเลือดสาดกระเซ็นย้อมพื้นดินราวกับเป็นดอกไม้สีแดงที่บานสะพรั่งท่ามกลางฤดูอันหนาวเหน็บ
ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่พยายามร้องขอชีวิต แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่แสดงความเมตตาเลย
หากไม่จัดการศัตรูให้หมดสิ้นในวันนี้ พวกมันคงหนีไปกบดานเพื่อรอโอกาสที่จะกลับมาแก้แค้นและทำร้ายคนของพวกเขา
กฎแห่งป่ามีเพียงคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดบนโลกใบนี้
ปัจจุบันเฟิงอันเฝ้าดูคนของตัวเองล้มลงคนแล้วคนเล่า แต่เขาก็ทำเพียงซ่อนตัวอยู่หลังทุกคนโดยไม่มีทีท่าว่าจะไปช่วยเหลือใครเลย
เมื่อพวกหูชิงซานเห็นภาพดังกล่าว พวกเขาต่างก็พากันดูถูกเยาะเย้ยผู้ชายคนนั้น
ไอ้สารเลวนั่น แม้แต่กับผู้หญิงเขาก็ไม่กล้าต่อสู้ด้วยซ้ำ
ทางด้านเฟิงเฉิงเหยียดยิ้มให้คนทรยศ ก่อนจะตะโกนบอกกลุ่มภูตเฟิงหลีที่กำลังสิ้นหวังว่า
“นี่คือผู้นําคนดีที่พวกเจ้าเลือกขึ้นมาเองหรือ? ดูสิ เขาใส่ใจพวกเจ้าถึงเพียงนี้ เขาเอาแต่คอยหลบหนีเอาชีวิตรอดไม่สนใจความเป็นความตายของใครทั้งนั้น”
ปัจจุบันมีภูตเฟิงหลีเหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่คน
ทว่าเนื้อตัวของพวกเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของพรรคพวกตัวเอง
พอเหล่าภูตหันไปเห็นผู้นำที่เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังทุกคนพร้อมกับค่อย ๆ ถอยห่างออกไป ดวงตาของพวกเขาก็วาวโรจน์
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสให้ได้กลับตัวอีกแล้ว…
ชั่วอึดใจนั้น กรงเล็บแหลมคมเฉือนผ่านลําคอของภูตเฟิงหลีจนเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเป็นสายน้ำก่อนจะพรมลงบนหิมะกลายเป็นสารอาหารบำรุงต้นไม้
ในขณะเดียวกัน มีแสงเย็นเยียบวูบวาบในดวงตาของหูชิงซาน และร่างจิ้งจอกองอาจก็ตวัดกรงเล็บฟาดไปที่ขาของคนที่กำลังหลบหนี
แคร่ก! แคร่ก!
กระดูกขาของเฟิงอันส่งเสียงแตกส่งผลให้เจ้าตัวล้มลงบนหิมะ ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามตะเกียกตะกายคลานหนีไปบนพื้นหิมะอย่างยากลำบาก
ข้าจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่!
ข้าควรเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ แล้วคนที่สมควรตายควรจะเป็นนังเฟิงเฉิงนั่น!
ยามนี้เฟิงเฉิงที่เห็นท่าทางน่าสมเพชนั้นเดินมาตรงหน้าอดีตคนร่วมเผ่าแล้วเหยียบมือที่กำลังตะกายบนหิมะพร้อมกับเหลือบตามองเขาด้วยดวงตาเย็นชา
“เฟิงอัน เจ้าจะหนีไปไหนอีก?”
“คนของเจ้าตายไปหมดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตามพวกเขาไปลงนรก”
เสียงของหญิงสาวเรียบเฉยมากคล้ายธารน้ำที่ค่อย ๆ ไหลลงมาจากภูเขาหิมะ
“ไม่ เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!”
ดวงตาของเฟิงหลีหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ในขณะที่เขาพยายามดึงมือตัวเองออกจากเท้าของอีกฝ่าย
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนมันก็ไม่ขยับเลย เขาจึงทำได้เพียงแหกปากตะโกนเหมือนคนบ้าเท่านั้น
“ทําไมกัน… พ่อแม่ของข้าถูกคนในครอบครัวของเจ้าฆ่าตายไม่พอ เจ้ายังจะมาฆ่าล้างเผ่าตัวเองอีก ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าทำลายเผ่าของเรา!”
เมื่อเฟิงเฉิงได้ยินเช่นนี้ นางก็ส่งเสียงเยาะเย้ย นี่นางกำลังฟังเรื่องตลกอยู่หรือไง?
“ข้าไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าบอกอะไรเจ้าก่อนที่เขาจะตาย ข้ารู้แค่ว่าเพื่อที่จะยึดตำแหน่งหัวหน้าเผ่า เขาได้ฆ่าคนในเผ่าไปนับไม่ถ้วน แล้วเขาก็ทำให้ไม้เท้าเฟิงหลีใช้การไม่ได้ไปหลาย 10 ปีกว่ามันจะฟื้นตัวกลับมา”
“พ่อของเจ้าตายก็เพราะใช้ไม้เท้าเฟิงหลีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองจนหมด พอถึงเวลาที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนนั้นไม้เท้าก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว เขาจึงตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว”
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะการกระทำของเขาเอง! เขาทำตัวเองทั้งนั้น!”
หากไม่ใช่เพราะเรื่องราวทั้งหมดนี้ แม่ของนางที่ดูแลไม้เท้าเฟิงหลีอย่างระมัดระวังมานานกว่า 10 ปีจะถูกเฟิงเสวี่ยที่มีเฟิงอันเป็นคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างลับ ๆ ฆ่าตายได้อย่างไร
ขณะนี้ในใจของเฟิงเฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้!”
“มันไม่ใช่ความจริง พวกเจ้าฆ่าพ่อของข้า ที่ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ของเผ่า เจ้ามันคนทรยศไปประจบประแจงภูตเผ่าอื่น!”
เฟิงอันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะว่าเขาดื้อรั้นเชื่อเพียงสิ่งที่ตนคิดเท่านั้น
ชายหนุ่มจึงคำรามก้องพร้อมกับพยายามโต้แย้งว่าตนเองบริสุทธิ์อย่างเต็มที่
ส่วนเฟิงเฉิงทำเพียงยืนมองอีกฝ่ายเงียบ ๆ
ปัจจุบันเนื้อตัวของภูตชายที่นอนอยู่ตรงหน้านางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เศษดินโคลนและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมา ซึ่งสภาพที่น่าสังเวชนั้นไม่สมควรถูกเรียกว่าภูตด้วยซ้ำ
จากนั้นหญิงสาวก็หยิบมีดกระดูกที่ถูกขัดจนเงาออกมาจากที่คาดเอว นางเริ่มหมดความอดทนกับชายคนนี้เต็มทีแล้ว ก่อนที่อีกฝ่ายจะตะโกนจบ นางก็ใช้อาวุธในมือแทงเข้าไปที่ขมับของคนตรงหน้า
“อย่าาา—”
ฉึก!!
เสียงของมีคมแทงเข้าเนื้อดังขึ้น ตามด้วยรูม่านตาของเฟิงอันที่ขยายกว้าง
ดวงตาทั้ง 2 เบิกกว้างขึ้นราวกับว่าพวกมันกําลังจะหลุดออกมาจากเบ้าและใบหน้าอันแสนเย็นชาก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
ซึ่งท่าทางสง่างามนั้นมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับรูปลักษณ์ที่น่าผิดหวังของร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
เฟิงอันไม่มีเวลาแม้แต่จะดิ้นรน แล้วเขาก็จากโลกนี้ไปตลอดกาล
ครู่ถัดมา เฟิงเฉิงดึงมีดกระดูกออกมาก่อนจะโยนมันลงบนหิมะ
สิ่งที่เปื้อนเลือดของคนทรยศ นางไม่ต้องการใช้มันอีกต่อไป
“เฟิงเฉิง” หูชิงซานกลายเป็นร่างมนุษย์เดินมาที่ด้านข้างของเฟิงเฉิง พร้อมกับเอาผ้าหนังสัตว์ออกมาเช็ดเลือดที่เปื้อนมือของหญิงสาว
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าคู่ของตนดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เขาก็รีบปลอบโยนนาง
“เจ้าอย่าเศร้าไปเลย หลังจากนี้พวกเราทุกคนจะเป็นคนในเผ่าของเจ้า และพวกเขาจะไม่มีวันทรยศเจ้าเหมือนคนพวกนี้อย่างแน่นอน”
เฟิงหลีสาวขมวดคิ้วพลางหันไปมองจิ้งจอกหนุ่มหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด
เจ้าเอาตาไปมองตรงไหนถึงได้บอกว่าข้าเศร้ากัน?
ตอนนี้นางแก้แค้นสำเร็จแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ควรชื่นชมยินดีไม่ใช่หรือ?
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะอธิบายให้หูชิงซานฟัง นางก็เห็นว่าคนอื่นยืนที่อยู่รอบ ๆ มองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ พวกเขาไม่รู้สึกผิดหวังกับการที่นางฆ่าภูตร่วมเผ่าของนางเลย
“อืม...”
ช่างมันเถอะ
เฟิงเฉิงคิดว่านางคงไม่สามารถอธิบายความรู้สึกให้ทุกคนฟังได้อย่างชัดเจน ดังนั้นการปล่อยให้พวกเขาเข้าใจไปแบบนี้ก็ดีแล้ว
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นไม่ทำให้สมาชิกในกลุ่มรู้สึกเหนื่อยเลย หลังจากพักผ่อนกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานหูชิงซานก็นำทุกคนออกเดินทางกลับไปยังเผ่า
ส่วนศพของเหล่าภูตเฟิงหลีก็ถูกทิ้งไว้ในป่าให้กลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมด
…
ในเวลาเดียวกัน
ภายในบ้านหิน หลงเหยากําลังเปิดพุงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง ขณะที่ท้องของเขายุบลง ฟองน้ำมูกที่บริเวณจมูกของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น
ทันใดนั้นเองหูเจียวเจียวก็เปิดประตูเข้ามาในบ้าน
เมื่อเธอเห็นว่าลูกคนอื่นยังไม่กลับมา เธอก็หายเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง ก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือและเดินไปที่เตียงของเจ้าของห้อง
“เหยาเอ๋อ ตื่นเถอะ...”
แม่จิ้งจอกเรียกลูกชายคนเล็กพลางบีบแก้มอันอ่อนนุ่มของเขาเล่น
ไม่นานมานี้หญิงสาวตัดสินใจที่จะเรียนรู้วิธีการแปลงร่างจากใครสักคน แล้วคิดว่าการที่เธอจะมาปรึกษาลูกของตัวเองมันคงจะเหมาะสมกว่าการไปปรึกษาเรื่องนี้กับคนนอก
หลงเหยาถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาลูก ๆ ทุกคน แม้ว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เขาก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวมากที่สุด
ตอนนี้หูเจียวเจียวตัดสินใจว่าจะหลอกล่อเด็กน้อยให้สอนเธอแปลงร่าง
ทว่าแม่จิ้งจอกเรียกเจ้าตัวเล็กอยู่หลายครั้ง ทว่าคนที่นอนหลับปุ๋ยกลับไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
เขาทำเพียงแค่พลิกตัวนอนคว่ำเอาตูดชี้ฟ้าและหลับไปอีกครั้ง
“...”
หลังจากจิ้งจอกสาวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่นานเธอก็หยิบอมยิ้มหลากสีออกจากมิติมาฉีกห่อกระดาษแล้วโบกเบา ๆ ที่ปลายจมูกของหลงเหยา
ยามนี้ดวงตาของคนตัวเล็กยังคงปิดอยู่ แต่ปลายจมูกของเขาก็ขยับ 2-3 ครั้งเหมือนหุ่นเชิดที่ขยับศีรษะไปตามอมยิ้มในมือของเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ ผงกหัวขึ้น
แล้วปากสีชมพูก็งับไปที่อมยิ้ม
จังหวะนั้นหูเจียวเจียวจึงรีบดึงอมยิ้มกลับคืนมา
นั่นทำให้หลงเหยางับอากาศเข้าไปเต็มคำ เขาจึงลืมตาขึ้นด้วยความง่วงงุน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบใบหน้าของแม่จิ้งจอกอยู่ใกล้ ๆ