หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?
แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?
สวัสดีนะครับ ผม เด้ง นะครับ เป็นผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ติดค้างอยู่ต้นบทที่ 6 อยากจะกลับมาเขียนต่อแต่เวลาว่างที่มีตอนนี้เหลือน้อยสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพราะกำลังเตรียมสะสมผลงานวาดภาพให้ได้เยอะๆ อยู่ แหะๆ ก็เลยดองนิยายเรื่องนี้ไว้ซะนานเลย จึงอยากจะใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทดลองลงนิยายดู หากมีเรื่องพูดคุยก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ จะชื่นใจมากๆ ผมหวังไว้ว่าทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจะมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเรื่อยไปครับ
“ทนอีกนิด ห้ามสลบเด็ดขาดนะเจ้าคะท่านดัชเชส” เสียงของหญิงสูงวัยกล่าวดังขึ้นบอกหญิงที่กำลังเบ่งคลอดด้วยเสยงแผ่วให้อดทน จากนั้นก็หันไปคุยกับหมอผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง “หัวเริ่มออกมาแล้ว...ยิดนีร์เตรียมรับเด็ก”
นางคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนย่อลงแล้วตอบรับคำสั่ง “เจ้าค่ะอาจารย์หมอ” ก่อนที่จะรับตัวเด็ก นิ้วมือพลางชี้หาสาวใช้หนึ่งคนในห้องด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาตามหลังซึ่งแสดงถึงความเร่งรีบของเจ้าตัว “สาวใช้ไปเอาผ้านุ่มมา ให้ไวเลย”
“สักครู่ท่านหมอ ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้” หลังจากที่สาวใช้คนเมื่อครู่ออกไปได้ไม่นาน ก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูดูนุ่มฟูเพียงปรายตามองก็รับรู้ได้ว่าสิ่งของชิ้นนี้มีราคามากเพียงใด
อาจารย์หมอยื่นมือขออุปกรณ์ “กรรไกร...” แล้วตัดสายสะดือของแม่และทารกออกจากกัน “...ไหม” นางใช้ไหมที่เหนียวแข็งแรงมัดสายสะดือที่ถึงตัวจนเหลือเพียงขนาดสั้นจู๋จนแน่น
จากนั้นก็ล้วงมือซ้ายเข้าไปตามช่องคลอด มือขวาค่อยๆ กดเบาๆ บริเวณใต้สะดือของดัชเชสแห่งเนบิวลา กระทั่งรกที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของนางก็ออกมาพร้อมๆ กันกับข้อมือที่ดันออกมา
“แฮ่ก! แฮ่ก!” ดัชเชสผู้งดงามหายใจถี่แรงแทบจะวูบหลับแต่ก็ดึงสติกลับมาได้เพราะนางนั้นเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ชินเสียที
อีกด้านหมอหญิงผู้ช่วยก็เอ่ยปากถามสาวใช้ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ “ห้องอาบน้ำอยู่ไหน?”
“ท ท่านหมอโปรดเดินตามข้ามา ข้าจะนำท่านไปเอง” สาวใช้คนเดิมที่หยิบผ้าขนหนูมาตอบกลับอย่างไวแต่ก็ออกอาการร้อนรนอยู่ไม่น้อย
ว่าแล้วทั้งสองก็นำตัวของทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่ถึงนาทีไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องอาบน้ำประจำคฤหาสน์
จู่ๆ ทางอาจารย์หมอเองก็พูดขึ้น ขณะที่ดัชเชสตรงหน้าดูไม่มีสมาธิเสมือนคนที่สติจะหลุดอยู่ตลอดเวลา “หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ นะเจ้าคะท่านดัชเชส แบบนี้จะช่วยท่านทำสมาธิได้...”
หญิงตรงหน้าเลิกคิ้วแปลกใจก่อนกลับไปเป็นสีหน้าเดิมแล้วตอบรับเพียงสั้นๆ “อ-อืม...” นัยน์ตาของนางวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะมั่นคงขึ้นมาถึงแม้จะนิดก็ตาม
จากนั้นหลายวัน วันที่อาร์ชอนเทียบุตรชายคนโตของบ้านทไวไลท์กลับมาเยี่ยมน้องชายทารกตัวน้อยที่เพิ่งคลอดนานพอนับวันได้แต่ไม่ถึงสัปดาห์
รถม้าคันงามจอดเทียบรั้วคฤหาสน์สนธยา ม้าขาวทั้งสองที่ลากนำก็หยุด ขณะเดียวกันประตูของรถม้าก็ได้เปิดออก ชายแก่ร่างผอมแต่งกายดูเนี๊ยบเดินลงจากรถก่อนแล้วค่อยๆ รับตัวของอาร์ชอนเทียลงตาม
“เดินระวังขอรับนายน้อย หากสะดุดล้มอาจเป็นแผลแบบครั้งที่แล้วได้นะขอรับ” คนรับใช้ส่วนตัวของอาร์ชอนเทียเอ่ยปากบอกด้วยสีหน้าแลกังวล
ทางฝ่ายของผู้เป็นนายอย่างอาร์ชอนเทียนั้น กลับทำหน้าระรื่นไม่ค่อยรู้สึกรู้สาเสียเท่าไร แม้ครั้งที่แล้วเขาจะเพิ่งหกล้มจนได้แผลมาก็ตาม “ข้ารู้น่า เจ้าไม่ต้องกังวลไปสมิธ ตัวข้าจะไม่เจ็บซ้ำสองหรอก” เด็กชายตัวน้อยย่องเดินลงมาตามขั้นบันไดของรถม้าคันหรูที่ตนนั่ง
“ชายแก่ผู้นี้คงอดทนฟังนายหญิงด่าว่าไม่ไหวแน่ขอรับ” สมิธกล่าว มือและแขนพลางยกขึ้นเตรียมพร้อมรับตัวของอาร์ชอนเทียอย่างช้าๆ
“ถือว่าเจ้าได้เป็นตัวแทนของข้าแล้วไง ตัวแทนที่ท่านแม่ใช้บ่นจนหูชา” อาร์ชอนเทียยิ้มเยาะ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลกลมโตเปลี่ยนเป็นสายตาเจ้าเล่ห์ในทันทีพร้อมวิ่งออกจากสมิธพุ่งตรงเข้าคฤหาสน์ไป
เหล่าทหารยามพากันวิ่งตามอย่างฉับพลันแล้วเอ่ยปากเตือนลั่นตามหลังมา “นายน้อยอาร์ชขอรับ! ระวังสะดุดล้มขอรับ!”
สมิธที่ยืนอยู่ห่างๆ ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาแล้วคิด ชายแก่ผู้นี้ต้องรับกรรมอีกแล้ว...
โถงคฤหาสน์สนธยาที่กว้างขวางมีเพียงสาวใช้แล้วก็พ่อบ้านประปราย อาร์ชอนเทียผู้ย่ำก้าวเข้ามาก็ถูกต้อนรับโดยเหล่าสาวใช้ แม้แต่พ่อบ้านที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูก็ต้องวางกิจกรรมนั้นลงแล้วทำความเคารพ
“ท่านแม่ท่านพ่อล่ะ?” ประโยคคำถามถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่อ่อนหวานของเด็กน้อยผมบลอนด์ทองพลันปรากฏสายตาที่น่าจดจ้อง
แม้นอาร์ชอนเทียจะเกิดมาเป็นเด็กชายแต่ใบหน้ากลับออกไปทางอีฟเนสมากกว่าจิเนียออสผู้เป็นพ่อ เขาไม่ได้มีใบหน้าที่คมสันดุดัน กลับกันเขามีใบหน้าที่อ่อนหวานซึ่งมาพร้อมดวงตากลมโตกับรอยยิ้มขี้เล่นอันบ่งบอกถึงอุปนิสัย
สาวใช้คนหนึ่งย่อเข่าทำความเคารพพร้อมอธิบายอย่างสุภาพ “ทำความเคารพนายน้อยเจ้าค่ะ นายหญิงอยู่ในห้องอาบน้ำ ส่วนท่านดยุกเดินทางไปฟรอนไคล์ตั้งแต่เย็นเมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ”
“อืมมม~” อาร์ชอนเทียลากเสียงยาวสายตาพลางกราดไปทั่วโถงทางเดิน “บริทนี่...ไปไหนเหรอ?”
......
คำถามเหล่านั้นทำเหล่าคนรับใช้หน้าเจื่อนราวโดนทำร้ายแผลใจ แล้วทันใดนั้นเบื้องหลังของสภาพดูไม่จืดของสาวใช้ตรงหน้าอาร์ชอนเทีย ก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงเย้ายวนของหญิงสาวสวมหน้ากากสีทองสภาพสกปรกซึ่งปิดโฉมใบหน้าไว้อยู่
“บริทนี่อยู่ในช่วงลาพักเจ้าค่ะนายน้อยอาร์ช” เมื่อหญิงผู้นั้นกล่าวจบก็รวบผมสีเขียวใบเฟิร์นยาวปิดบ่าไว้ข้างหลังจนเปิดให้เห็นต้นคอที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
อาร์ชอนเทียถอยร่น คิ้วทั้งสองขมวดเป็นปมอย่างฉับพลันด้วยความระแวง “จ เจ้าเป็นใคร?!”
ทางหญิงมีครองเรือมผมสีเฟิร์นก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่พบปฏิกิริยาเช่นนั้นของนคุณชายตรงหน้า “ดูเหมือนว่านายน้อยจะจำดิฉันไม่ได้” นางย่อเข่าลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันแล้วกล่าวต่อพร้อมกับการคลายหน้ากากทองเลอะเขรอะขระ “แล้วแบบนี้จำได้หรือยังเจ้าคะ?”
ยามเมื่อหน้ากากใบนั้นถูกถอดออก นัยน์ตาของเด็กน้อยอาร์ชอนเทียก็ลุกวาวพลอยเป็นประกายระยิระยับ จึงโผลเข้ากอดอย่างไม่ระแวงเหมือนเมื่อครู่
“แบคดิช!” เสียงที่เปล่งดังของทั้งสองปะทะกันระหว่างนายน้อยคฤหาสน์สนธยากับผู้ที่อาวุโสที่สุดในคฤหาสน์อย่างสมิธที่เดินตามหลังต้อยๆ ถึงจะพูดคำเดียวกันแต่น้ำเสียงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
น้ำเสียงของอาร์ชอนเทียที่น่ารักนุ่มฟูฟังแล้วละมุนหูแทบจะถูกกลบด้วยความไม่พอใจของสมิธที่มีต่อแบคดิชในตอนนี้
ชายแก่กัดฟันแน่นเขม่นตาเขียวเกรี้ยวใส่แบคดิชแต่ก็ข่มอารมณ์ไว้จนอยู่หมัด จนทางหญิงสาวผู้แข็งแกร่งเช่นแบคดิชนั้นยังกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ขณะโอบกอดกับเด็กน้อยผมบลอนด์ทองผู้น่าเอ็นดูตรงหน้า
ครั้นสมิธอดกลั้นก็แค่นเสียงแหบแห้งทอดคำสั่ง “สาวใช้พานายน้อยไปอาบน้ำ! ส่วนแบคดิชตามข้ามา!”
“รับสั่งหัวหน้า...”
ระหว่างทางเดินออกมานอกตัวคฤหาสน์ ทั้งสองกลับไม่ปริปากออกมาเลยสักประโยค กระทั่งฝ่าเท้าย้ำก้าวบนลานหญ้ากว้างไม่ไกลจากจุดเดิมที่จากมา
เพี๊ยะ!!!
เสียงตบดังลั่นจนหน้าสั่น แก้มซ้ายของแบคดิชเองก็ปรากฏรอยแดงประทับเป็นรูปฝ่ามือ ใบหน้าที่แดงระเรื่อแทบซีดไปในทันทีที่โดนกระทำ สายตาของนางที่ปรายตามองกลับส่องให้เห็นความแปลกใจ
“ข้าบอกเจ้าไปแล้วแบคดิช! ห้ามนำของเช่นนั้นมาอยู่ต่อหน้านายน้อย!”
หญิงสาวได้แค่ก้มหน้ากัดฟันขอโทษ “ข้าขออภัยท่านลุง...”
ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าประจำตัวของอาร์ชอนเทีย
“นี่!” เด็กชายตะโกนเรียกสาวใช้เคียงกายจนอีกฝ่ายหันขวับ “ข้าอยากพบหน้าน้องข้า”
สายตาออดอ้อนของอาร์ชอนเทียทำเอาสาวใช้หวั่นไหวไม่น้อย คำสั่งที่ได้รับมาให้นำตัวนายน้อยไปอาบน้ำคงต้องเลื่อนไปสักครู่แล้วแทนที่ด้วยการพบหน้าของบุตรชายลำดับสองของดยุกทไวไลท์
ทั้งสองแอบย่องเข้าห้องส่วนตัวของนายน้อยสองอย่างเงียบเชียบในนาทีถัดมา ทุกก้าวเดินเสมือนว่ากำลังผันตัวเป็นมือลอบสังหารอาชีพ
ยามเมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับพบเด็กสาววัยกำลังโตยืนแกว่งเตียงไม้ไปมาด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข อาร์ชอนเทียที่เพิ่งเคยพบรอยยิ้มสดใสนั่นครั้งแรกก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากทักทาย
“นี่!” เสียงตะโกนเรียกนั่นทำให้เด็กสาวแทบสะดุ้งโหยง
เด็กสาวตรงหน้าของอาร์ชอนเทียนั้นเป็นเด็กที่มีหน้าตาธรรมดาสามัญ ทว่าเส้นผมสีเทาขี้เถ้าของนางพบเห็นได้ไม่มากนัก ท่าที่นั่งยองหลบสายตาหลังเตียงโยกแลดูเหมือนกระต่ายน้อยขี้อายเหลือเกิน
“เจ้าน่ะ! น้องข้าล่ะ?” อาร์ชอนเทียเปิดปากถามด้วยสายตาที่มุ่งมั่นส่งตรงไปยังเด็กสาวผมสีเทาประบ่า
คู่สนทนาเหลือบมองพร้อมกล่าวด้วยเสียงสั่นในท่าหดหัว “ย อยู่ในเตียง...”
“อย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะนายน้อย พอดีนางเพิ่งเข้าเป็นสาวใช้ฝึกหัดไม่นานมานี้เองเจ้าค่ะ” คนใช้หญิงที่เดินตามเข้ามาอธิบายปนเปไปกับการร้องขอแทนเด็กสาว
อาร์ชอนเทียในชุดทางการสีขาวเงยหน้ามองแล้วบอกกับสาวใช้ข้างกาย “ข้าไม่ว่าหรอก” ก่อนที่จะเกาะเตียงแล้วเขย่งเท้าทำทางมองดูเด็กตัวน้อยในเตียงโยกไม้ “หู้ว~ น้องชายข้าก็น่ารักนะนี่” พร้อมกล่าวชมออกมาหน้าระรื่น ริมฝีปากก็แสดงรอยยิ้มพึงพอใจอย่างอบอุ่น
“นายน้อยเจ้าคะให้ดิฉันอุ้มเอาดีกว่าไหมเจ้าคะ?” สาวใช้ที่เห็นอาร์ชอนเทียทำเช่นนั้นจึงขออาสาอุ้ม
“ช่างเหอะน่า...” อาร์ชอนเทียปฏิเสธไปแล้วนำนิ้วจิ้มแก้มของน้องชายในสายเลือด “สีผมเหมือนกับข้าเลย สีตาก็คล้ายกับท่านแม่”
ทันใดนั้นเองเมื่อจบประโยคเสียงแทรกของเด็กสาวเมื่อครู่ก็ดังขึ้น “สี...สีอะไร?”
ทั้งอาร์ชอนเทียและสาวใช้ต่างไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าร่างของเด็กผมเทาขี้เถ้าได้เดินเข้ามาใกล้ราวกับว่าไร้ตัวตนชั่วอึดใจ
“จ-เจ้าไม่รู้จักเหรอ ออกจะตัวโตกว่าข้าด้วยซ้ำ” อาร์ชอนเทียถามปนเสียด ใบหน้าเหยเก
สาวน้อยโต้ด้วยการส่ายหน้าไปมาซึ่งเป็นคำตอบแก่คำถามของอาร์ชอนเทียในรอบนี้
เป็นอีกครั้งที่สาวใช้อธิบายแทรกขึ้นมาอย่างฉับไว “เกรย์เป็นตาบอดสีเจ้าค่ะ เหมือนว่าเกิดมาก็เห็นได้แค่ภาพขาวดำ จึงจำแนกสีไม่ได้น่ะเจ้าค่ะ”
“...งั้นเหรอ...” อาร์ชอนเทียพึมพำ ก่อนที่จะนำนิ้วจิ้มแก้มของทารกตรงหน้าอย่างเบามืออีกครั้ง “น้องข้ายังไม่มีชื่อเลย...” หลังกล่าวจบก็ตบท้ายด้วยหน้าหง่อย
ขณะนั้นทารกในเตียงก็พลางคิดอารมณ์เสีย นี่ก็รอบที่สามสิบเจ็ดแล้วที่ข้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้