หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง) - บทที่ หนึ่ง การย้อนกลับครั้งที่สามสิบเจ็ด โดย คุณเด้ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี

รายละเอียด

หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ผู้แต่ง

คุณเด้ง

เรื่องย่อ

*หากเจอคำผิดหรือชื่อตัวละครเขียนไม่เหมือนเดิม ติได้เลยนะครับ จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง


สวัสดีนะครับ ผม เด้ง นะครับ เป็นผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ติดค้างอยู่ต้นบทที่ 6 อยากจะกลับมาเขียนต่อแต่เวลาว่างที่มีตอนนี้เหลือน้อยสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพราะกำลังเตรียมสะสมผลงานวาดภาพให้ได้เยอะๆ อยู่ แหะๆ ก็เลยดองนิยายเรื่องนี้ไว้ซะนานเลย จึงอยากจะใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทดลองลงนิยายดู หากมีเรื่องพูดคุยก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ จะชื่นใจมากๆ ผมหวังไว้ว่าทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจะมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเรื่อยไปครับ





สารบัญ

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-อารัมภบท นับหนึ่งอีกครา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง การย้อนกลับครั้งที่สามสิบเจ็ด,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง ภูตเงา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง นามของทรราช,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย □□□...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง หมู่เมฆบดบัง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง ผ้าสีขาวย้อมแดง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง มือของข้าถูกกุมไว้,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม ตัวตนที่น่าหวั่นเกรง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม คล้ายว่า...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม จดหมาย 100 ปี,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย มีไว้ให้เจ้า,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ หมู่บ้านตีนเขา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ เริงระบำ

เนื้อหา

บทที่ หนึ่ง การย้อนกลับครั้งที่สามสิบเจ็ด

“ทนอีกนิด ห้ามสลบเด็ดขาดนะเจ้าคะท่านดัชเชส” เสียงของหญิงสูงวัยกล่าวดังขึ้นบอกหญิงที่กำลังเบ่งคลอดด้วยเสยงแผ่วให้อดทน จากนั้นก็หันไปคุยกับหมอผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง “หัวเริ่มออกมาแล้ว...ยิดนีร์เตรียมรับเด็ก”


นางคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนย่อลงแล้วตอบรับคำสั่ง “เจ้าค่ะอาจารย์หมอ” ก่อนที่จะรับตัวเด็ก นิ้วมือพลางชี้หาสาวใช้หนึ่งคนในห้องด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาตามหลังซึ่งแสดงถึงความเร่งรีบของเจ้าตัว “สาวใช้ไปเอาผ้านุ่มมา ให้ไวเลย”


“สักครู่ท่านหมอ ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้” หลังจากที่สาวใช้คนเมื่อครู่ออกไปได้ไม่นาน ก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูดูนุ่มฟูเพียงปรายตามองก็รับรู้ได้ว่าสิ่งของชิ้นนี้มีราคามากเพียงใด


อาจารย์หมอยื่นมือขออุปกรณ์ “กรรไกร...” แล้วตัดสายสะดือของแม่และทารกออกจากกัน “...ไหม” นางใช้ไหมที่เหนียวแข็งแรงมัดสายสะดือที่ถึงตัวจนเหลือเพียงขนาดสั้นจู๋จนแน่น


จากนั้นก็ล้วงมือซ้ายเข้าไปตามช่องคลอด มือขวาค่อยๆ กดเบาๆ บริเวณใต้สะดือของดัชเชสแห่งเนบิวลา กระทั่งรกที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของนางก็ออกมาพร้อมๆ กันกับข้อมือที่ดันออกมา


“แฮ่ก! แฮ่ก!” ดัชเชสผู้งดงามหายใจถี่แรงแทบจะวูบหลับแต่ก็ดึงสติกลับมาได้เพราะนางนั้นเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ชินเสียที


อีกด้านหมอหญิงผู้ช่วยก็เอ่ยปากถามสาวใช้ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ “ห้องอาบน้ำอยู่ไหน?”


“ท ท่านหมอโปรดเดินตามข้ามา ข้าจะนำท่านไปเอง” สาวใช้คนเดิมที่หยิบผ้าขนหนูมาตอบกลับอย่างไวแต่ก็ออกอาการร้อนรนอยู่ไม่น้อย


ว่าแล้วทั้งสองก็นำตัวของทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่ถึงนาทีไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องอาบน้ำประจำคฤหาสน์


จู่ๆ ทางอาจารย์หมอเองก็พูดขึ้น ขณะที่ดัชเชสตรงหน้าดูไม่มีสมาธิเสมือนคนที่สติจะหลุดอยู่ตลอดเวลา “หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ นะเจ้าคะท่านดัชเชส แบบนี้จะช่วยท่านทำสมาธิได้...”


หญิงตรงหน้าเลิกคิ้วแปลกใจก่อนกลับไปเป็นสีหน้าเดิมแล้วตอบรับเพียงสั้นๆ “อ-อืม...” นัยน์ตาของนางวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะมั่นคงขึ้นมาถึงแม้จะนิดก็ตาม






จากนั้นหลายวัน วันที่อาร์ชอนเทียบุตรชายคนโตของบ้านทไวไลท์กลับมาเยี่ยมน้องชายทารกตัวน้อยที่เพิ่งคลอดนานพอนับวันได้แต่ไม่ถึงสัปดาห์


รถม้าคันงามจอดเทียบรั้วคฤหาสน์สนธยา ม้าขาวทั้งสองที่ลากนำก็หยุด ขณะเดียวกันประตูของรถม้าก็ได้เปิดออก ชายแก่ร่างผอมแต่งกายดูเนี๊ยบเดินลงจากรถก่อนแล้วค่อยๆ รับตัวของอาร์ชอนเทียลงตาม


“เดินระวังขอรับนายน้อย หากสะดุดล้มอาจเป็นแผลแบบครั้งที่แล้วได้นะขอรับ” คนรับใช้ส่วนตัวของอาร์ชอนเทียเอ่ยปากบอกด้วยสีหน้าแลกังวล


ทางฝ่ายของผู้เป็นนายอย่างอาร์ชอนเทียนั้น กลับทำหน้าระรื่นไม่ค่อยรู้สึกรู้สาเสียเท่าไร แม้ครั้งที่แล้วเขาจะเพิ่งหกล้มจนได้แผลมาก็ตาม “ข้ารู้น่า เจ้าไม่ต้องกังวลไปสมิธ ตัวข้าจะไม่เจ็บซ้ำสองหรอก” เด็กชายตัวน้อยย่องเดินลงมาตามขั้นบันไดของรถม้าคันหรูที่ตนนั่ง


“ชายแก่ผู้นี้คงอดทนฟังนายหญิงด่าว่าไม่ไหวแน่ขอรับ” สมิธกล่าว มือและแขนพลางยกขึ้นเตรียมพร้อมรับตัวของอาร์ชอนเทียอย่างช้าๆ


“ถือว่าเจ้าได้เป็นตัวแทนของข้าแล้วไง ตัวแทนที่ท่านแม่ใช้บ่นจนหูชา” อาร์ชอนเทียยิ้มเยาะ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลกลมโตเปลี่ยนเป็นสายตาเจ้าเล่ห์ในทันทีพร้อมวิ่งออกจากสมิธพุ่งตรงเข้าคฤหาสน์ไป


เหล่าทหารยามพากันวิ่งตามอย่างฉับพลันแล้วเอ่ยปากเตือนลั่นตามหลังมา “นายน้อยอาร์ชขอรับ! ระวังสะดุดล้มขอรับ!”


สมิธที่ยืนอยู่ห่างๆ ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาแล้วคิด ชายแก่ผู้นี้ต้องรับกรรมอีกแล้ว...




โถงคฤหาสน์สนธยาที่กว้างขวางมีเพียงสาวใช้แล้วก็พ่อบ้านประปราย อาร์ชอนเทียผู้ย่ำก้าวเข้ามาก็ถูกต้อนรับโดยเหล่าสาวใช้ แม้แต่พ่อบ้านที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูก็ต้องวางกิจกรรมนั้นลงแล้วทำความเคารพ


“ท่านแม่ท่านพ่อล่ะ?” ประโยคคำถามถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่อ่อนหวานของเด็กน้อยผมบลอนด์ทองพลันปรากฏสายตาที่น่าจดจ้อง


แม้นอาร์ชอนเทียจะเกิดมาเป็นเด็กชายแต่ใบหน้ากลับออกไปทางอีฟเนสมากกว่าจิเนียออสผู้เป็นพ่อ เขาไม่ได้มีใบหน้าที่คมสันดุดัน กลับกันเขามีใบหน้าที่อ่อนหวานซึ่งมาพร้อมดวงตากลมโตกับรอยยิ้มขี้เล่นอันบ่งบอกถึงอุปนิสัย


สาวใช้คนหนึ่งย่อเข่าทำความเคารพพร้อมอธิบายอย่างสุภาพ “ทำความเคารพนายน้อยเจ้าค่ะ นายหญิงอยู่ในห้องอาบน้ำ ส่วนท่านดยุกเดินทางไปฟรอนไคล์ตั้งแต่เย็นเมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ”


“อืมมม~” อาร์ชอนเทียลากเสียงยาวสายตาพลางกราดไปทั่วโถงทางเดิน “บริทนี่...ไปไหนเหรอ?”


......


คำถามเหล่านั้นทำเหล่าคนรับใช้หน้าเจื่อนราวโดนทำร้ายแผลใจ แล้วทันใดนั้นเบื้องหลังของสภาพดูไม่จืดของสาวใช้ตรงหน้าอาร์ชอนเทีย ก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงเย้ายวนของหญิงสาวสวมหน้ากากสีทองสภาพสกปรกซึ่งปิดโฉมใบหน้าไว้อยู่


“บริทนี่อยู่ในช่วงลาพักเจ้าค่ะนายน้อยอาร์ช” เมื่อหญิงผู้นั้นกล่าวจบก็รวบผมสีเขียวใบเฟิร์นยาวปิดบ่าไว้ข้างหลังจนเปิดให้เห็นต้นคอที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล


อาร์ชอนเทียถอยร่น คิ้วทั้งสองขมวดเป็นปมอย่างฉับพลันด้วยความระแวง “จ เจ้าเป็นใคร?!”


ทางหญิงมีครองเรือมผมสีเฟิร์นก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่พบปฏิกิริยาเช่นนั้นของนคุณชายตรงหน้า “ดูเหมือนว่านายน้อยจะจำดิฉันไม่ได้” นางย่อเข่าลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันแล้วกล่าวต่อพร้อมกับการคลายหน้ากากทองเลอะเขรอะขระ “แล้วแบบนี้จำได้หรือยังเจ้าคะ?”


ยามเมื่อหน้ากากใบนั้นถูกถอดออก นัยน์ตาของเด็กน้อยอาร์ชอนเทียก็ลุกวาวพลอยเป็นประกายระยิระยับ จึงโผลเข้ากอดอย่างไม่ระแวงเหมือนเมื่อครู่


“แบคดิช!” เสียงที่เปล่งดังของทั้งสองปะทะกันระหว่างนายน้อยคฤหาสน์สนธยากับผู้ที่อาวุโสที่สุดในคฤหาสน์อย่างสมิธที่เดินตามหลังต้อยๆ ถึงจะพูดคำเดียวกันแต่น้ำเสียงต่างกันอย่างสิ้นเชิง


น้ำเสียงของอาร์ชอนเทียที่น่ารักนุ่มฟูฟังแล้วละมุนหูแทบจะถูกกลบด้วยความไม่พอใจของสมิธที่มีต่อแบคดิชในตอนนี้


ชายแก่กัดฟันแน่นเขม่นตาเขียวเกรี้ยวใส่แบคดิชแต่ก็ข่มอารมณ์ไว้จนอยู่หมัด จนทางหญิงสาวผู้แข็งแกร่งเช่นแบคดิชนั้นยังกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ขณะโอบกอดกับเด็กน้อยผมบลอนด์ทองผู้น่าเอ็นดูตรงหน้า


ครั้นสมิธอดกลั้นก็แค่นเสียงแหบแห้งทอดคำสั่ง “สาวใช้พานายน้อยไปอาบน้ำ! ส่วนแบคดิชตามข้ามา!”


“รับสั่งหัวหน้า...”


ระหว่างทางเดินออกมานอกตัวคฤหาสน์ ทั้งสองกลับไม่ปริปากออกมาเลยสักประโยค กระทั่งฝ่าเท้าย้ำก้าวบนลานหญ้ากว้างไม่ไกลจากจุดเดิมที่จากมา


เพี๊ยะ!!!


เสียงตบดังลั่นจนหน้าสั่น แก้มซ้ายของแบคดิชเองก็ปรากฏรอยแดงประทับเป็นรูปฝ่ามือ ใบหน้าที่แดงระเรื่อแทบซีดไปในทันทีที่โดนกระทำ สายตาของนางที่ปรายตามองกลับส่องให้เห็นความแปลกใจ


“ข้าบอกเจ้าไปแล้วแบคดิช! ห้ามนำของเช่นนั้นมาอยู่ต่อหน้านายน้อย!”


หญิงสาวได้แค่ก้มหน้ากัดฟันขอโทษ “ข้าขออภัยท่านลุง...”






ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าประจำตัวของอาร์ชอนเทีย


“นี่!” เด็กชายตะโกนเรียกสาวใช้เคียงกายจนอีกฝ่ายหันขวับ “ข้าอยากพบหน้าน้องข้า”


สายตาออดอ้อนของอาร์ชอนเทียทำเอาสาวใช้หวั่นไหวไม่น้อย คำสั่งที่ได้รับมาให้นำตัวนายน้อยไปอาบน้ำคงต้องเลื่อนไปสักครู่แล้วแทนที่ด้วยการพบหน้าของบุตรชายลำดับสองของดยุกทไวไลท์


ทั้งสองแอบย่องเข้าห้องส่วนตัวของนายน้อยสองอย่างเงียบเชียบในนาทีถัดมา ทุกก้าวเดินเสมือนว่ากำลังผันตัวเป็นมือลอบสังหารอาชีพ


ยามเมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับพบเด็กสาววัยกำลังโตยืนแกว่งเตียงไม้ไปมาด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข อาร์ชอนเทียที่เพิ่งเคยพบรอยยิ้มสดใสนั่นครั้งแรกก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากทักทาย


“นี่!” เสียงตะโกนเรียกนั่นทำให้เด็กสาวแทบสะดุ้งโหยง


เด็กสาวตรงหน้าของอาร์ชอนเทียนั้นเป็นเด็กที่มีหน้าตาธรรมดาสามัญ ทว่าเส้นผมสีเทาขี้เถ้าของนางพบเห็นได้ไม่มากนัก ท่าที่นั่งยองหลบสายตาหลังเตียงโยกแลดูเหมือนกระต่ายน้อยขี้อายเหลือเกิน


“เจ้าน่ะ! น้องข้าล่ะ?” อาร์ชอนเทียเปิดปากถามด้วยสายตาที่มุ่งมั่นส่งตรงไปยังเด็กสาวผมสีเทาประบ่า


คู่สนทนาเหลือบมองพร้อมกล่าวด้วยเสียงสั่นในท่าหดหัว “ย อยู่ในเตียง...”


“อย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะนายน้อย พอดีนางเพิ่งเข้าเป็นสาวใช้ฝึกหัดไม่นานมานี้เองเจ้าค่ะ” คนใช้หญิงที่เดินตามเข้ามาอธิบายปนเปไปกับการร้องขอแทนเด็กสาว


อาร์ชอนเทียในชุดทางการสีขาวเงยหน้ามองแล้วบอกกับสาวใช้ข้างกาย “ข้าไม่ว่าหรอก” ก่อนที่จะเกาะเตียงแล้วเขย่งเท้าทำทางมองดูเด็กตัวน้อยในเตียงโยกไม้ “หู้ว~ น้องชายข้าก็น่ารักนะนี่” พร้อมกล่าวชมออกมาหน้าระรื่น ริมฝีปากก็แสดงรอยยิ้มพึงพอใจอย่างอบอุ่น


“นายน้อยเจ้าคะให้ดิฉันอุ้มเอาดีกว่าไหมเจ้าคะ?” สาวใช้ที่เห็นอาร์ชอนเทียทำเช่นนั้นจึงขออาสาอุ้ม


“ช่างเหอะน่า...” อาร์ชอนเทียปฏิเสธไปแล้วนำนิ้วจิ้มแก้มของน้องชายในสายเลือด “สีผมเหมือนกับข้าเลย สีตาก็คล้ายกับท่านแม่”


ทันใดนั้นเองเมื่อจบประโยคเสียงแทรกของเด็กสาวเมื่อครู่ก็ดังขึ้น “สี...สีอะไร?”


ทั้งอาร์ชอนเทียและสาวใช้ต่างไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าร่างของเด็กผมเทาขี้เถ้าได้เดินเข้ามาใกล้ราวกับว่าไร้ตัวตนชั่วอึดใจ


“จ-เจ้าไม่รู้จักเหรอ ออกจะตัวโตกว่าข้าด้วยซ้ำ” อาร์ชอนเทียถามปนเสียด ใบหน้าเหยเก


สาวน้อยโต้ด้วยการส่ายหน้าไปมาซึ่งเป็นคำตอบแก่คำถามของอาร์ชอนเทียในรอบนี้


เป็นอีกครั้งที่สาวใช้อธิบายแทรกขึ้นมาอย่างฉับไว “เกรย์เป็นตาบอดสีเจ้าค่ะ เหมือนว่าเกิดมาก็เห็นได้แค่ภาพขาวดำ จึงจำแนกสีไม่ได้น่ะเจ้าค่ะ”


“...งั้นเหรอ...” อาร์ชอนเทียพึมพำ ก่อนที่จะนำนิ้วจิ้มแก้มของทารกตรงหน้าอย่างเบามืออีกครั้ง “น้องข้ายังไม่มีชื่อเลย...” หลังกล่าวจบก็ตบท้ายด้วยหน้าหง่อย


ขณะนั้นทารกในเตียงก็พลางคิดอารมณ์เสีย นี่ก็รอบที่สามสิบเจ็ดแล้วที่ข้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้