หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง) - บทที่ สอง หมู่เมฆบดบัง โดย คุณเด้ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี

รายละเอียด

หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ผู้แต่ง

คุณเด้ง

เรื่องย่อ

*หากเจอคำผิดหรือชื่อตัวละครเขียนไม่เหมือนเดิม ติได้เลยนะครับ จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง


สวัสดีนะครับ ผม เด้ง นะครับ เป็นผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ติดค้างอยู่ต้นบทที่ 6 อยากจะกลับมาเขียนต่อแต่เวลาว่างที่มีตอนนี้เหลือน้อยสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพราะกำลังเตรียมสะสมผลงานวาดภาพให้ได้เยอะๆ อยู่ แหะๆ ก็เลยดองนิยายเรื่องนี้ไว้ซะนานเลย จึงอยากจะใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทดลองลงนิยายดู หากมีเรื่องพูดคุยก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ จะชื่นใจมากๆ ผมหวังไว้ว่าทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจะมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเรื่อยไปครับ





สารบัญ

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-อารัมภบท นับหนึ่งอีกครา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง การย้อนกลับครั้งที่สามสิบเจ็ด,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง ภูตเงา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง นามของทรราช,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย □□□...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง หมู่เมฆบดบัง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง ผ้าสีขาวย้อมแดง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง มือของข้าถูกกุมไว้,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม ตัวตนที่น่าหวั่นเกรง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม คล้ายว่า...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม จดหมาย 100 ปี,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย มีไว้ให้เจ้า,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ หมู่บ้านตีนเขา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ เริงระบำ

เนื้อหา

บทที่ สอง หมู่เมฆบดบัง

“เกรย์ข้าต้องการไปย่านการค้า” น้ำเสียงเรียบเอ่ยปาก ราวกับเบื่อหน่ายขณะที่ตนอ่านหนังสือบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง


กลุ่มก้อนเงาได้รวมตัวเบื้องหน้าของเดียโวลอสก่อนปรากฏเป็นสตรีใต้เสื้อคลุมสีดำที่ยับเยินเอามาก “เป็นคำสั่งหรือไม่เจ้าคะ?”


มือพลางปิดหนังสือที่กำลังจดจ่อแล้วเงยมองขึ้นไปตอบ “ไม่เชิงคำสั่ง แต่เป็นคำขอร้อง”


ตอนนี้อายุข้าก็เลยหกปีมาแล้วราวๆ ครึ่งปีได้ การสร้างโลหิตพิษช่วงนี้จะปลอดภัยที่สุด ข้าหวังว่าวัตถุดิบพวกนั้นมันจะมีขายตามย่านการค้า เขาโยกสายตาไปจดจ่อกับนกสองตัวด้านนอกหน้าต่างในรังสง่าบนต้นไม้ใหญ่เพื่อผ่อนคลายความคิดที่วิตก


องครักษ์เกรย์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจแล้วออกจากห้องส่วนตัวของนายน้อยที่ต้องอารักขาอย่างเดียโวลอส “จะนำไปให้นายท่านพิจารณาเจ้าค่ะ”




ภายใต้กองกระดาษสูงราวตึกที่ตั้งบนโต๊ะ เผยให้เห็นหลังมือเรียบเนียนกำลังเขียนเซ็นเรื่องและคำร้องบนกระดาษรายงาน ใบหน้าคมสันของเขานิ่งเรียบไม่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาแม้แต่น้อย


ยามเมื่อเสียงเคาะประตูดังแน่นสองครั้ง เขาก็ไม่วอกแวกหรือละสายตาจากเอกสารที่ต้องเซ็นเลย “เชิญ” จิเนียออสเพียงแค่ตอบกลับไปแต่มือยังคงเขียนอยู่เรื่อยๆ


“นายน้อยต้องการจะไปย่านการค้าเจ้าค่ะ” เกรย์กล่าวหลังเดินเข้ามาเพียงแป๊บพร้อมการโน้มตัวที่อ่อนช้อยราวกับให้ความเคารพแก่บุคคลตรงหน้า


จิเนียออสยกยิ้มมุมปากพลางครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากตอบคล้ายประโยคตกลง “เจ้าลองไปหาวิกผมที่ห้องเก็บของดูเผื่อจะมี”


“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” เกรย์ตอบพร้อมหันหลังเดินกลับไป


ก่อนที่จะปิดประตูก็มีเสียงแทรกขึ้น “ให้กลับมาก่อนเย็นล่ะ”


นางหยุดฟังโดยที่ไม่หันมองพลันเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ปลายสุดของทางเดินพบว่ามีชายผู้หนึ่งอยู่และนั่นก็คือเดียโวลอสที่กำลังยืนรออยู่นาน


“เป็นอย่างไรบ้าง?” เดียโวลอสเอ่ยถาม พลางเดินหันหลังให้เกรย์ที่เตร่เข้ามา


“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ท่านกำชับมาเพียงแค่ว่า ให้ท่านกลับมาก่อนเย็น”


เดียโวลอสที่ทราบดังนั้นก็ยกมือลูบคางเบาๆ ก่อนตัดสินบางสิ่งขึ้นมาได้ “เกรย์ เจ้าแต่งหน้าได้ไหม?”


“ว่าเช่นไรนะเจ้าคะ?” เกรย์ทวนคำถามที่ได้ยินด้วยสีหน้าฉงน


เดียโวลอสหยุดนิ่งแล้วเงียบไป องครักษ์หญิงรับรู้ได้ทันทีว่าตนต้องทำเช่นไรต่อไป จึงรีบพุ่งไปเตรียมตัวที่ห้องเก็บของของคฤหาสน์อย่างทันควัน




ณ ห้องเก็บของที่กว้างเกินกว่าจะเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา มันสมควรเรียกว่าโรงเก็บของเสียมากกว่า ภายในห้องแม้จะดูสะเปะสะปะ ข้าวของถูกวางทิ้งไว้เรี่ยราด แต่ความจริงแล้วพวกมันถูกแยกหมวดหมู่ไว้อย่างดีและชัดเจน


กระทั่งเสียงเปิดประตูทั้งสองข้างดังขึ้นอย่างโหยหวนจนเป็นเสียงหวีดลากยาว สองเท้าที่ย่ำก้าวเดินเข้ามาแม้ช้าแต่หนักแน่น กลิ่นภายในกลับหอมละมุนอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วปลายจมูกก็เตะเข้ากับกลิ่นของควันไม้หอมที่ถูกจุดอยู่มุมห้อง


เด็กชายรับรู้ทันทีที่สังเกตเห็น ก่อนพึมพำชมหญิงองครักษ์ “ถือว่าทำได้ดี” แล้วกล่าวต่อขณะที่เดินดูตามชั้นวาง “หากเจ้าหาผมสีเงินให้ข้า ข้าจะดีใจมากเลยล่ะ...”


เวลาผ่านไปไม่นาน วิกผมสีเงินทั้งสามระดับความยาวได้ตั้งตรงหน้าของเดียโวลอส เขาเลือกที่จะสวมวิกที่มีความยาวระดับบ่า “เอาสองชิ้นนี้ไปเก็บ”


เกรย์รับคำสั่ง คำนับแล้วนำของเหล่านั้นไปเก็บก่อนที่จะมาพร้อมเครื่องแต่งหน้าและชุดเดรสของเด็กสาว


“เหตุใดเจ้าถึงเลือกชุดพวกนี้มาเล่า?”


เกรย์ถึงกับงุนงง นางคงเข้าใจว่าผู้ที่แต่งหน้าส่วนมากเป็นสตรีจึงหยิบชุดนี้มา “ดิฉันจะเอาไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ล่ะเจ้าค่ะ”


“เอาชุดกระโปรงสีขาว ข้าไม่ชอบสีนี้” แต่สิ่งเดียโวลอสผู้เป็นนายบอกกลับทำให้เกรย์งุนงงหนักเข้าไปใหญ่


นางหยิบชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนแซมด้วยลายดอกไม้สีขาวออกไปเก็บที่ลิ้นชักเสื้อผ้าภายในห้องแห่งนั้น แล้วกลับมาพร้อมชุดกระโปรงยาวสีขาวล้วนที่ดูเรียบๆ แต่ชายผ้าก็ถักลายลูกไม้อันสวยงามและวิจิตร


มือของเดียโวลอสพลันเอื้อมไปหยิบกระจกเงาที่แกะสลักเป็นอย่างดีขึ้นมาส่องใบหน้าของตน หน้าอย่างข้าจะปลอมเป็นหญิงได้เหรอ?


ปรากฏหน้าตาของเด็กชายที่ซีดเผือดเสมือนคนตาย เรือนผมสีดำขลับเงายาวพริ้วไหวยามเมื่อส่ายหน้า ตามด้วยนัยน์ตาดำสนิทที่จ้องมองกลับมาผ่านกระจก ริมฝีปากที่ซีดแตกเป็นบางจุดไม่ส่งความรู้สึกใดออกมาแม้แต่น้อย


แล้วเสียงเรียกของหญิงด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างเกรงใจ “นายน้อยเดียเจ้าคะ ท่านต้องเตรียมตัวแล้วเจ้าค่ะ”


สิ้นเสียงนั้นเดียโวลอสก็หันกลับท่าทีเนือยๆ ไม่รีบเร่ง




ยามเที่ยงวัน ณ ย่านการค้าอันชุกชุมไปด้วยเหล่ามวลประชาที่ต้องการใช้เงินจ่ายตลาด บรรยากาศในพื้นที่ต่างปกคลุมด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนบริเวณนั้น เด็กสาวผมเงินผู้ไม่ชอบเสียงที่ดังกังวาลหนวกหูเหล่านี้ถึงกับต้องปิดหูแทบแน่นสนิท


กระทั่งองครักษ์ใต้ผ้าคลุมดำเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “ไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะคุณหนูเดีย”


ฝ่ามือที่ปิดหูไว้ก็เปิดออกเงี่ยหูฟังเสียงของเกรย์พร้อมโต้ขึ้น “ข้าไม่เป็นไร” น้ำเสียงที่นุ่มนวลใสดังก้องออกจากริมฝีปากชมพูอ่อนอันนุ่มนวล การพูดและท่าทีในตอนนี้ของเดียโวลอสนั้น คือเด็กผู้หญิงผู้ดีไม่มีผิด


นิ้วชี้โป้งสองมือจับจีบชายกระโปรงให้ยกขึ้น แล้วเดินลงจากรถม้าสีเงินขาว เหล่าผู้คนบริเวณนั้นก็ต่างหันมามองพร้อมจับจ้องเด็กสาวที่เพิ่งจะเดินลงจากรถม้ามา บ้างก็สงสัยว่านางเป็นใคร บ้างก็กล่าวชม บ้างก็จับตามองด้วยสายตาเคลือบแคลง


เดียโวลอสกราดมองอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก พลางเดินลงอย่างบางเบาโดยมีเกรย์ในชุดของสาวใช้ที่เพิ่งถอดเสื้อคลุมออกยืนคอยทำท่ารับอยู่ข้างล่างด้วยความนอบน้อม


ทันใดนั้น กลิ่นของเหล้าก็ตีขึ้นจมูกของทั้งสองในทันทีที่เท้าถึงพื้น ทั้งคู่ขมวดคิ้วหันขวับหาต้นตอของกลิ่น กระทั่งเสียงเอิกเกริกของเหล่าฝูงชนได้ดังขึ้นจากความวุ่นวายของหญิงแก่ขี้เหล้าร่างสกปรก นางพุ่งตรงแหวกคนกลุ่มเหล่านั้นด้วยสีหน้าและท่าทางกระเสือกกระสน ด้วยความที่ว่าไม่อยากจะยุ่งหรือเข้าใกล้นาง เป็นธรรมดาที่ไทยมุงจะหลีกทางพลันแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน บ้างก็นำนิ้วปิดจมูก บ้างก็สะบัดมือหวังให้กลิ่นเหล้าไปอีกทาง


อีกทั้งเสียงตะโกนของหญิงแก่ที่ตรงมาดังขึ้น “เงิน! เงิน! เอาเงินมาให้ข้า!!”


ในขณะนั้นเอง องครักษ์อย่างเกรย์ก็เบิกตาโพลงมือสองข้างจากที่แตะปลายเล็บของเดียโวลอสก็ปล่อยออกแล้วตั้งท่าป้องกัน ฝ่ามือเปิดออกนิ้วทั้งห้าเรียงชิด แล้วจึงสับลงไปที่ท้ายทอยของหญิงขี้เมาชุดสกปรก


ทว่าปลายนิ้วของนางขี้เมาผู้นั้นยังไม่ทันได้สัมผัสตัวของเด็กหญิงตรงหน้าก็ล้มกลิ้งคลุกฝุ่นตลบไปตามพื้นหินหยาบสีเทาเสียแล้ว ดวงตาที่ควรจะปรากฏกลับแข็งกร้าวในภาพของตาขาวล้วน


“ขออภัยสำหรับความสะเพร่าเจ้าค่ะ” องครักษ์สีเทาหันกลับแล้วนั่งชันเข่า จับข้อนิ้วที่เล็กสั้นแล้วประทับจุมพิตหลังมืออย่างแผ่วเบา


“ไปเถอะ” เดียโวลอสตอบกลับสั้นๆ แบบไม่คิดมาก ในใจคงคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นเพียงมดน้อยที่หวังข้ามภูเขา


แต่กลับกันทางฝั่งของผู้คนที่มุงดูกลับสนใจในตัวของหญิงผมเงินตัวน้อยผู้นี้มากกว่าปกติเสียอีก


เจ้าตัวพยายามปล่อยความคิดให้ว่าง แล้วตรงไปหาสิ่งของที่ต้องการ ทางด้านขององครักษ์ติดตามก็หวังไว้ไม่ให้เกิดสถานการณ์เดิมเป็นซ้ำสอง


หลังจากเดินมาได้สักพักเสียงเซ็งแซ่อันฟังไม่ได้ศัพท์ก็ได้ซาลง ผู้คนมากมายเมื่อไม่นานนี้ได้เหลือเพียงหยิบมืออยู่กระจายประปรายไปในแต่ละร้าน


กระทั่งเดินมาหยุดที่หน้าร้านค้าร้านหนึ่ง ป้ายไม้หน้าร้านแสดงชื่อของสถานที่แห่งนั้นว่า ‘ร้านเงินคราม’


“เปิดให้ข้าที” เด็กสาวสั่งเกรย์ที่เดินตามมาอย่างติดติด


เมื่อมือเอื้อมจับแล้วผลักเข้าไป เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้แก่พนักงานที่อยู่ภายในร้านให้ออกมาต้อนรับ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ภายในเงียบสนิทหลังจากเสียงกระดิ่งสงบไป แม้ว่าจะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากปิดไปแล้วแต่ก็ไร้วี่แววของพนักงานในร้าน


ใบหน้าเกรย์แสดงออกความโมโหเล็กน้อย นางขมวดคิ้ว มันเป็นความประทับใจแรกที่ไม่ค่อยดีนักในการมาที่แห่งนี้


แต่สำหรับเดียโวลอสแล้วนั้น เขาค่อนข้างมีอิสระในการเดินดูสินค้าต่างๆ จึงไม่ได้ติดใจเอาความอะไรมากนักในการมาเยือน


รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นชื้นและชั้นวางรวมถึงสินค้าหลากหลายชนิด ถึงจะดูเป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆ โกโรโกโสในย่านการค้า แต่กลับเต็มไปด้วยวัตถุดิบชั้นดีมากมาย น่าเสียดายตรงที่ชั้นไม้พวกนี้เปื้อนเขรอะไปด้วยฝุ่น มุมห้องก็เป็นเช่นเดียวกันมันเติมด้วยหยากไย่ราวกับไม่ได้รับการดูแลที่ดี


หากมองข้ามเรื่องพวกนั้นไปและให้ใจกับสินค้าตรงหน้าภายในห้องนี้คือจุดแลกเปลี่ยนที่หลายคนไฝ่หา


เมื่อลึกเข้าไปหน่อย ก็จะพบกับราวแขวนอาวุธมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ความสะอาดของบริเวณนี้ไม่มีแม้แต่เศษฝุ่นหรือเม็ดทรายเล็กๆ แม้แต่เม็ดเดียว


ก็ยังดีหน่อยที่บริเวณอาวุธถูกดูแลอย่างดีหากปล่อยไว้แบบสินค้าอื่นสนิมคงเต็มทั่วใบดาบไปแล้ว เดียโวลอสคิด สายตาก็ไล่ไปตามอาวุธแต่ละชนิดช้าๆ


ใบหน้าของเขานิ่งเรียบไร้ปฏิกิริยาต่ออาวุธแทบทุกชิ้นบนชั้นแขวนพวกนั้น จนสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่าชีวิตนี้อาจไม่สามารถรับพรสวรรค์ด้านอาวุธตรงหน้าได้เลย ต่อให้เขาพยายามมากแค่ไหน


จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนจะหันหลังกลับ ปลายสายตาก็สะดุดเข้ากับกริชคู่หนึ่งที่แทบจะสังเกตไม่เห็นจนเกือบจะถอยกลับอย่างไม่แยแส


ในหัวใจก็เต้นตุบตับเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกดี มันคือเสียงเรียกของอาวุธชิ้นนั้นที่มีต่อเขาและในทันทีที่รับรู้ได้ เดียโวลอสก็พรั้งปากเอ่ยออกไปโดยไม่ทันนึกตรึกตรอง “เกรย์หยิบกริชสองเล่มนั้นมาให้ข้าที”


เกรย์ที่เห็นดังนั้นก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย นางไม่เคยพบเห็นใบหน้ากระตือรือร้นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของผู้เป็นนายเลย แม้จะเพียงครั้งเดียวก็ไม่เคย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคงต้องมีแต่การทำตามประสงค์อย่างยินดี


นางหยิบกริชทั้งสองเล่มออกมา นั่งลงแล้วยื่นให้ หน้าก้มมองพื้นแสดงความนอบน้อมแก่ผู้เป็นนายอีกครั้ง “โปรดระวังบาดมือนะเจ้าคะ”


กริชที่มีความยาวราวหนึ่งคืบกับด้ามสีดำสนิทเช่นเดียวกันกับใบมีดที่ไร้การตกกระทบของแสงจนไม่อาจมองเห็นลวดลายหรือมิติบนใบมีดเล่มนี้ได้แม้แต่น้อย มันดูแปลกใหม่ ผิวสัมผัสเหมือนกับเหล็กไม่มีผิดความเย็นเยียบที่แล่นผ่านปลายนิ้วแบบเดียวกัน เมื่อสัมผัสก็กระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเดียโวลอสเข้าเสียจนได้ เขานั้นยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างพอใจ


หลังถือไปได้สักพัก ทั้งสองก็เพิ่งรู้ตัวว่าบริเวณทางเข้าไปอีกห้องที่ควรจะปิดอยู่กลับเปิดออกแล้วมีหญิงผิวสีแทนตัดกับเรือนผมสีบลอนด์เงินยาวสลวยยืนกอดอกพิงวงกบประตูด้วยสีหน้าสงสัยไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้พูดตัดบทอะไรขึ้นมา


เกรย์ที่เห็นก็โอบตัวนายน้อยในชุดกระโปรงถอยออกจากจุดนั้นด้วยสัญชาตญาณอย่างฉับพลัน สายตาที่แสดงออกคู่นี้ดูวิตกจนเหลื่อเชื่อ ขนาดเกรย์ที่ฝึกฝนมาดียังมีสภาพเช่นนี้ หญิงตรงหน้าคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


เดียโวลอสขมวดคิ้วจ้องตรงไปยังหญิงผู้ที่มองอยู่พลางครุ่นคิดกังวลอย่างบอกไม่ถูก ไร้เสียงของฝีเท้าและบานประตูแม้แต่เกรย์ก็ยังหวั่นที่จะเผชิญหน้ากับนางตรงๆ


ก็ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะถอยไกลขนาดนี้ มันเป็นเพราะฝีเท้าไร้เสียงของนางรวมทั้งประตูที่เปิดอ้าซ่าแต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงบิดของกลอนประตู และเหมือนว่า นางจะยืนมองอยู่เฉยๆ ไม่ปล่อยออร่าหรือไอสังหารออกมา


มันทำให้เกรย์นั้นโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ถึงจะสลัดทิ้งความกังวลไปไม่ได้ก็ตาม หากผลีผล่ามเข้าไปจวนจะทำให้ตนและเจ้านายตกอยู่ในอันตรายเสียเปล่า ทั้งคู่ถอยร่นไปแล้วยืนนิ่งๆ เฝ้าสังเกตการตอบโต้ของหญิงตรงหน้าคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


ไม่นานนัก เดียโวลอสและหญิงผิวแทนฝั่งตรงข้ามก็เผลอสบตากันจนทำให้นางหลุดจากภวังค์ครู่หนึ่งของนางเอง “อ๊ะ!? ขอโทษที...ข้าคงเหม่อไปหน่อย” นางหลุดอุทานแล้วบอกขอโทษในทันที


“ไม่เป็นไร” เด็กสาวตอบ


“หืม......สาวน้อย เจ้าชอบกริชคู่นี้งั้นรึ? สองเล่มนี้ทำจากโลหะทมิฬผสมอีเทอร์ธาตุมืดบริสุทธิ์ซ้ำยังตีด้วยมือของอาจารย์ข้าเชียว” ว่าแล้วก็ถามพลางอธิบายไปในเวลาเดียวกัน และในขณะนั้นสายตาเลื่อนขึ้นเหลือบมองเกรย์ตอนที่นางนั่งยองอยู่ตรงหน้าของเดียโวลอส


ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ยกร่างเจ้านายไปไว้ข้างหลังอย่างแผ่วเบาพร้อมกล่าวถาม “ท่านเป็นเจ้าของร้านหรือ?” และสายตาทั้งคู่ของหญิงสองคนได้จ้องเขม่นกัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีจะตอบกลับมากมาย


“เห็นข้าเข้ามาจากทางนอกร้านหรือไง?” ถ้อยคำที่ตอบกลับดูเหมือนกวนประสาท ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มเอิบนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์เสีย


ทางด้านของลูกค้ายังคงจ้องมาที่นางอย่างตงิดใจ สุดท้ายพอได้รับคำตอบ นางก็ลอบถอนหายใจด้วยความใจเย็น


เดียโวลอสที่ถูกบังเดินขยับออกห่างจากตัวขององครักษ์แล้วยื่นกริชสีดำสนิทสองเล่มที่ถืออยู่ในมือให้แก่หญิงเจ้าของร้าน “กริชสองเล่มนี้ขายเท่าไหร่?” นัยน์ตาสีดำพลอยเป็นประกายเล็กน้อยขึ้นมาบาง


“เงินเล็กน้อยคงไม่พอหรอกนะสาวน้อย”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นประกายความหวังก็ค่อยๆ จางไปก่อนจะกล่าวต่อพลางถอนหายใจ “ข้ารู้ดี เงินในถุงนี้คงไม่พอ สำหรับช่างตีเหล็กแล้วโลหะทมิฬและอีเทอร์บริสุทธิ์มีค่ามากเนื่องจากมันแปรรูปยาก”


“โอ้ เจ้าช่างรู้ดีเสียจริง แม้แต่เรื่องที่ผู้คนไม่สนใจนัก เจ้ากลับศึกษา” นางดูแปลกใจที่ได้ยินการโต้ตอบกลับมาของเด็กหญิงตรงหน้า แล้วลุกขึ้นหันหลังกลับไปพร้อมกับกริชในมือ “แต่ข้าก็อยากบอกไว้ก่อนว่ากริชคู่นี้ไม่ได้มีไว้ขายแต่มีไว้ให้ผู้ที่คู่ควร ถึงข้าอยากจะขายมันแค่ไหนก็ตามแต่ก็มิอาจขายได้ ตาแก่ที่สร้างมันคงตายตาไม่หลับหากข้าทำเช่นนั้นลงไป”


เดียโวลอสแสดงความผิดหวังโดยที่คนรอบข้างแทบสังเกตไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นบนใบหน้า แต่เมื่อฟังคำที่นางบอกก็พอจะเข้าใจจึงยอมถอยให้กับความอยากในใจ


“เกรย์ไปหยิบใบวอลล์ห้าใบ น้ำผึ้งหนึ่งขวด เลือดอารัคชูวาหนึ่งขวด เข็มฉีดยาขนาดกลาง เสร็จแล้วรีบชำระเงินเสีย” เดียโวลอสเปิดปากออกคำสั่งในทันทีที่เจ้าของร้านกำลังเดินกลับไปยังห้องเดิมทีซึ่งเคยปิดไว้แต่แรก


เจ้าตัวที่ได้รับคำสั่งรีบวิ่งวุ่นหาของที่เขาต้องการฉับไว เพียงครู่เดียวสินค้าเหล่านั้นก็ตกมาอยู่ในมือผู้เป็นนายเช่นเดียโวลอส “เจ้าของร้านฝากมาบอกท่านว่า หากต้องการกริชเล่มนี้จงกลับมาอีกครั้งในอีกห้าปี แล้วหวังว่าหมู่เมฆจะไม่อยู่บดบังท่าน”


เมื่อถ้อยคำสุดท้ายจบ เดียโวลอสก็เผยยิ้มก่อนจะพากันเดินออกไปจากร้านเงินครามอันน่าสนใจ