หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง) - บทที่ สาม จดหมาย 100 ปี โดย คุณเด้ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี

รายละเอียด

หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?

ผู้แต่ง

คุณเด้ง

เรื่องย่อ

*หากเจอคำผิดหรือชื่อตัวละครเขียนไม่เหมือนเดิม ติได้เลยนะครับ จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง


สวัสดีนะครับ ผม เด้ง นะครับ เป็นผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ติดค้างอยู่ต้นบทที่ 6 อยากจะกลับมาเขียนต่อแต่เวลาว่างที่มีตอนนี้เหลือน้อยสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพราะกำลังเตรียมสะสมผลงานวาดภาพให้ได้เยอะๆ อยู่ แหะๆ ก็เลยดองนิยายเรื่องนี้ไว้ซะนานเลย จึงอยากจะใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทดลองลงนิยายดู หากมีเรื่องพูดคุยก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ จะชื่นใจมากๆ ผมหวังไว้ว่าทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจะมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเรื่อยไปครับ





สารบัญ

ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-อารัมภบท นับหนึ่งอีกครา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง การย้อนกลับครั้งที่สามสิบเจ็ด,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง ภูตเงา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ หนึ่ง นามของทรราช,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย □□□...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง หมู่เมฆบดบัง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง ผ้าสีขาวย้อมแดง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สอง มือของข้าถูกกุมไว้,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม ตัวตนที่น่าหวั่นเกรง,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม คล้ายว่า...,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สาม จดหมาย 100 ปี,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ขาดหาย มีไว้ให้เจ้า,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ หมู่บ้านตีนเขา,ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)-บทที่ สี่ เริงระบำ

เนื้อหา

บทที่ สาม จดหมาย 100 ปี

พื้นสนามราบเรียบแต่ก็มีส่วนขรุขระได้รองรับนักเรียนกว่าสิบคน พวกเขาเหล่านั้นเลือกเรียนวิชาการต่อสู้ต่างจากพวกนักเรียนที่เหลือในห้องซึ่งเลือกเดินสายวิชาการแทน


สายตาของหญิงชายบริเวณนั้นต่างจับจ้องไปที่อาจารย์ดาบฟลามา นางพับแขนเสื้อขึ้นจนอยู่เหนือศอกพร้อมเผยให้เห็นรอยแผลเป็นมากเกินจะนับบนแขน ทั้งรอยบาดจากดาบ รอยแทงของศรธนูนับไม่ถ้วน


ว่ากันว่า ครั้นนางอายุได้ย่างเข้าสิบหกกองทัพทางตะวันออกเฉียงใต้นับหมื่นได้เป็นศพกองพะเนินแทบเท้าของนางพร้อมกับเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ทั้งกองซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป


ถึงจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้นแต่กองทหารฝั่งสเตลลาก็ยับไม่น้อยเช่นเดียวกัน


ฟลามาเริ่มเปร่งเสียงพูด “ที่ให้มานั่งที่นี่เพราะเดี๋ยวจะอธิบายเรื่องหน่วยปกป้องดินแดนให้ฟัง” เมื่อจบ เหล่านักเรียนก็ได้แต่ทำฉงนงุนงงที่ให้พวกเขามายังสนามฝึกซ้อมแต่ไม่ได้ซ้อมต่อสู้


“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าต้องสอนพวกทหารหรือนักเรียนเตรียมอัศวินหรอกเหรอท่านอาจารย์?” อีลีแกนท์ โรซ่า ยกมือถามอย่างสงสัยแก่อาจารย์ดาบที่ยืนอภิปรายอยู่ข้างหน้า


“ถามเพื่อนข้างๆ สิ” ฟลามาโยมคำถามนี้ใส่คาน่อนบุตรของอัศวินที่เผอิญนั่งข้างนางพอดิบพอดี


เป็นที่แน่นอนว่าคาน่อนจะต้องตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “หลักสูตรที่ปรับเปลี่ยนไปเมื่อสองปีที่แล้วคือการให้นักเรียนสายการเรียนการต่อสู้มีส่วนรวม ในการรับภารกิจต่างๆ จากเจ้าเมืองต่างๆ ภายในประเทศ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะร่วมมือกับอัศวินหรือทหาร ประมาณนี้ใช่ไหมขอรับ”


หลายคนต่างปรบมือจนเป็นเสียงเดียวกัน เขาอธิบายได้ดีพอสมควรฟลามาจึงพยักหน้าตอบหนึ่งครั้งก่อนเสริมเพิ่ม


“แน่นอน หลักสูตรใหม่ต้องการให้นักเรียนสายการต่อสู้ร่วมมือกับอัศวิน สำหรับนักเรียนที่มีผลงานดีเด่นมีโอกาสเป็นอัศวินได้ด้วย” เธอเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ


“ไม่อยากพูดพล่ามให้เสียเวลา เรามาเริ่มตัวชี้วัดที่หนึ่งเลยดีกว่า” นางคลี่ยิ้มกว้างขณะกล่าวอย่างจริงจังด้วยท่าทีกระตือรือร้น


“ทางชายแดนตะวันออกประกอบด้วยสามหน่วย กองพันทหารราบหมอกพิสุทธิ์ หอคอยมรกต กลุ่มอัศวินแกะดำ”


ระหว่างการอธิบายเหล่านักเรียนต่างเปิดหูรับฟังเป็นอย่างดีด้วยท่าทีเรียบร้อย แม้ตอนแรกจะไม่ต้องการก็ตาม


แล้วฟลามาก็อธิบายต่ออีกนาน “ทางตะวันตกมีอยู่สองหน่วยใหญ่ กลุ่มรังนก กลุ่มอัศวินกะรัต”


จู่ๆ โนบิลิสก็กระทุ้งศอกมาเบาๆ ใส่เดียโวลอส ก่อนจะถามด้วยเสียงเบาปานจะกระซิบด้วยคิ้วขมวดปม “แล้วไอ้กลุ่มที่ตั้งชื่ออัญมณีพวกนั้น ไม่ได้อยู่ปกป้องดินแดงทางตะวันตกรึไง?”


ชายหนุ่มผมดำขลับเงียบไปที่ได้ยิน จากนั้นก็ถอนลมหายใจอย่างเอือมระอา แล้วจึงตอบกลับ “กลุ่มพวกนั้นก็เป็นหน่วยแยกย่อยที่ปกครองโดยตระกูลอาดามาส ตระกูลเจ้าเป็นผู้อาวุโสมรกตไม่ใช่รึไง?” เดียโวลอสสวนจนโนบิลิสหน้าเจื่อน


นางจิปากแล้วตะโกนลั่น “ใช่ว่าข้าจะรู้หนิ!”


ทว่าเสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นอย่างไว้ “เงียบ!” แน่นอนว่าหลายต่อหลายคนต่างจับตามองโนบิลิสด้วยสีหน้าไม่พอใจ


นางสบัดหน้าหนีแล้วกัดฟันทนก่อนที่อาจารย์ดาบฟลามาจะอธิบายต่อไป


“ตอนบนของอาณาจักรจะมีอยู่สองหน่วยใหญ่ กลุ่มเยติ และกองพันทหารรับจ้างอัศนีบาต ส่วนทางตอนใต้ของสเตลลาจะมีสมาคมชาวประมงที่เต็มไปด้วยทหารรับจ้างมากฝีมือ”


“ท้ายที่สุด ในเขตปกครองพิเศษเลยซิฮันลาจะเป็นองค์กรแม่มด หากเป็นในปกครองจะเป็นหน่วยรักษาการณ์ที่คอยจัดการเรื่องต่างๆ ถ้ามีคำถามก็ถามมาได้เลย” นางเปิดช่วงที่จะให้นักเรียนตรงหน้าถามคำถาม


แน่นอนว่าเหล่านักเรียนสายการต่อสู้ต่างกระตือรือร้นในการถามคำถามในครั้งนี้อย่างใคร่รู้


ในขณะเดียวกันเดียโซลฮาได้แต่นิ่งเงียบใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรแต่ดูแล้วไม่สบอารมณ์เป็นแน่ตามอุปนิสัย


“นี่...” รอบนี้หญิงเจ้าอารมณ์ไม่ได้กระทุ้งศอกมาแต่กลับเป็นปลายนิ้วที่จับจีบแขนเสื้อแทน น้ำเสียงที่เปร่งออกมาฟังดูสำนึกผิด


เดียโวลอสหันไปหาแต่ก็ไม่กล่าวตอบอะไร ถึงกระนั้นนางก็กล่าวถาม “ข้า...น่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ?”


“เราเพิ่งรู้จักกัน เรื่องอุปนิสัยข้าคงบอกเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าตอนนี้ก็คงใช่” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา


โนบิลิสที่รับฟังประโยคนั้นพลางก้มหน้าลงไป ทว่าไม่นานนางก็คลายปลายนิ้วชี้และโป้งออก แล้วเอื้อนเอ่ยอย่างบางเบา “...อ่า...”


กระทั่งเดียโวลอสเปิดปากอีกครั้ง “เจ้ารู้จัก จาเล่ กลาเซียร์ รึเปล่า?”


“...อ่า...” เหมือนนางจะรู้จัก


เดียโวลอสเลยบีบคั้นให้นางตอบอีกหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบชวนให้ขนลุกชัน “เจ้าเลือกใครล่ะ เลดี้แคลร์ หรือ เลดี้จาเล่?” พลางยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์นัยน์พลันจ้องมองอย่างไม่ลดละ


แต่แล้วก็ตัดใจเมื่อเห็นนางนิ่งเงียบ “ช่างเถอะ เย็นวันนี้ข้ากะจะไปหาสมาพันธ์สังคมเข้า หากว่างก็พาข้าไปด้วยแล้วกัน”


ไม่นานนักคาบเรียนก็จบไปเหลือเพียงแต่นักเรียนสี่ห้าคนที่อยู่จุดเดิมรวมทั้งเดียโวลอสและโนบิลิสที่เกาะอยู่ข้างกัน


วีเคลียน อีลีแกนท์ และคาร่อนทั้งสามต่างเข้าหากันเพื่อพูดคุยบางอย่าง ซึ่งมีเสียงลอดมาพอให้จับใจความได้ว่า


“พวกเจ้าเลือกสมาพันธ์สังคมไหนกัน?” เสียงเล็กนุ่มนวลของหญิงสาวดังให้ได้ยิน


“ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอก ส่วนมากก็โดนพ่อพาไปแต่ค่ายฝึก พวกเจ้าเลือกเถอะ เดี๋ยวข้าตามไปเอง” คาน่อนชายหนุ่มผู้มีผมสีกรมท่าผิวเข้มหน้าคมพร้อมร่างสันทัดได้เปิดปากตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม


อีกหนึ่งได้ตอบเพิ่มด้วยน้ำเสียงสดใส ริมฝีปากพลางคลี่กว้าง ตามด้วยเรือนผมสีเขียวเข้มกระดิกสะบัดไปมาจากอารมณ์กระดี๊กระด๊า “ข้าว่าข้าจะเข้าสมาพันธ์สังคมแมวกุมจันทร์ เอาเข้าจริงเพราะพี่ข้าอยู่ในนั้นน่ะ”




ในช่วงเย็นของวันหลังผ่านภาควิชาบังคับ นักเรียนหลายต่อหลายคนต่างพากันมาออหน้าน้ำพลูบริเวณใกล้กับตึกไข่มุก ป้ายประกาศถูกวางไว้พร้อมแผ่นกระดาษแนบติด ต่างฝ่ายต่างพากันห้อมล้อมจุดนั้น


กระทั่งเหล่าสภานักศึกษาได้เดินเข้ามาพร้อมประธานสมาพันธ์สังคมแต่ละฝ่าย ซึ่งหนึ่งในนั้นมี จาเล่ กลาเซียร์ ที่เดียโวลอสกำลังเล็งไว้อยู่


ชายหนุ่มผมดำมัดรวบตัดสินใจเดินแหวกฝูงชนเข้าหาจาเล่ด้วยสภาพสุขุม “เลดี้จาเล่ สายัณห์สวัสดิ์ขอรับ ข้าอยากทราบว่าสมาพันธ์สังคมกระต่ายขาวพอจะรับสมาชิกเพิ่มสักสองคนได้หรือไม่ขอรับ”


นางมองกลับอย่างแปลกใจแต่ไม่มากนัก สิ่งที่ดึงดูดสายตาเธอกลับเป็นเส้นผมสีดำที่พบได้ค่อนข้างยาก นางลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพบรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเดียโวลอส “แน่นอนสิ เชิญลงชื่อได้เลย” ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอมแดงของเจ้าตัวเผยความสุขที่เปื่ยมล้นราวกับสิ่งที่เฝ้ารอได้มาถึง


กุหลาบงามย่อมมีหนาม......จาเล่ ข้ากับเจ้าใครจะเป็นหุ่นเชิดใครกันนะ? เดียโวลอสเหลือบตาขึ้นมองหญิงตรงหน้าที่สูงกว่า ก่อนตอบรับด้วยใบหน้าอันซื่อตรง “ขอบคุณขอรับ”


จบการลงชื่อของเดียโวลอสและโนบิลิสได้สักพัก ทั้งสองก็รู้มาว่า กลุ่มสามคน วีเคลียน อีลีแกนท์และคาน่อนต่างพากัน เสนอตัวเข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์สังคมแมวกุมจันทร์


ตามทางเดินที่ทอดยาวไปทางห้องน้ำ เดียโวลอสต้องปลีกตัวออกจากโนบิลิส เนื่องจากอาการปวดเบาชายหนุ่มจำต้องเดินไปคนเดียวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดนั้นไม่น่าพิสมัยเสียเท่าไร มันมืดซ้ำยังเปลี่ยวโล่งให้ความรู้โหวงเหวงทุกครั้งเมื่อก้าวเท้าเข้าใกล้


เดียโวลอสหายใจฟุดฟิดอย่างติดขัดเนื่องด้วยกลิ่นอบอวลอันไม่พึงประสงค์ ถึงอย่างนั้นก็ต้องเข้าใช้งานอย่างไม่เต็มใจ


หลังเสร็จกิจ เจ้าตัวเดินออกจากตัวห้องน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตามทางเดินที่ไร้ซึ่งผู้คนมีเพียงใบไม้ที่ถูกพัดมาแสดงให้เห็นอยู่เบื้องหน้าเพียงเท่านั้น


กระทั่งเสียงบางอย่างได้ดังขึ้นระหว่างเดินอยู่บนพื้นอิฐสามสีและเสียงนั้นเกิดขึ้นบริเวณต้นไม้ด้านข้าง ชายหนุ่มหันขวับด้วยความตระหนก


นักฆ่ารึ? เขาคิดก่อนจะกราดมองไปทั่ว มือพลางคว้าเหล็กแหลมในกระเป๋าเตรียมแทงเต็มที่


ทว่าเจ้าของเสียงก็ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าแล้ว เสื้อคลุมสีดำเขรอะขระไปด้วยฝุ่นโคลนปิดบังร่างกายแทบทุกส่วน สิ่งที่เผยมีเพียงใบหน้าซึ่งซ้อนด้วยหน้ากากไม้สีน้ำตาลเข้มอันเต็มไปด้วยรอบดาบประดับทั่ว กระนั้นบนหน้ากากยังปรากฏรอยยิ้มสยองฉีกจนเป็นโหนกแก้มเด่นชัด ส่วนจมูกมีปลายยาวมนเสมือนนิ้วหัวแม่โป้ง มีเพียงนัยน์ตาสีอัลมอนด์ภายใต้การบังของขนตาที่จ้องมองมาอย่างอดสู


ทันใดนั้นเองเดียโวลอสก็นึกขึ้นได้อย่างฉับพลันพร้อมเหงื่อที่ไหลซิบ เดอเฟอมิส...อสูรอัปลักษณ์


อสูรอัปลักษณ์หนึ่งในนพอสูรของสเตลลา ผู้สั่นคลอนดราโกเดลด้วยฝ่ามือเพียงสองข้างจนต้องยอมถอยร่นแล้วสยบแก่สเตลลาในที่สุด แต่ถึงจะทำเรื่องเช่นนั้นแต่ก็พานถูกเหล่านพอสูรด้วยกันไม่วางใจ


ดูท่าว่าเดียโวลอสจะไม่สามารถสู้กับเขาได้แม้แต่หนึ่งวินาทีเลยด้วยซ้ำ หากแต่จะให้หนีก็คงยากโข อาจจะดีกว่าหากใจดีสู้เสือแล้วยอมลดทิฐิลง “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครขอรับ”


ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงตอบรับ มีเพียงท่าทีควานหาของใต้เสื้อคลุม เมื่อได้แล้วก็ยื่นให้แก่เดียโวลอส ก่อนจะจากไปโดยไร้แม้แต่เสียงฝ่าเท้าในพริบตา เหมือนเจ้าตัวผู้รับจะฉุกคิดได้ว่าครู่นี้เดอเฟอมิสต้องการทดสอบเข้าแล้วเหมือนจะทำพลาดไป


หากเขาไม่ได้เขย่าต้นไม้ป่านนี้ศีรษะข้าคงหลุดออกจากบ่าไปนานแล้ว เขาลูบคอด้วยสีหน้านิ่งเรียบตามเดิม ทั้งนี้เดียโวลอสจึงใช้เวลาเลิกเรียนในการดูสิ่งที่ได้รับมาไม่นาน


เป็นซองจดหมายใหญ่เกือบเท่าสมุดหนึ่งเล่มหนาราวหนึ่งข้อนิ้ว เมื่อถูกเป็นเปิดออก ก็พบหนังสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ปกทำจากบางอย่างคล้ายหนังสัตว์ กระดาษภายในไม่หนาไม่บางมีสีค่อนข้างซีดเหลืองจากความเก่า ทั้งหมดนี้ถูกเย็บเล่มด้วยด้ายอันเหนี่ยวแน่นจนเป็นเล่ม


ทันใดนั้นสายตาทั้งคู่ก็สะดุดเข้ากับรอยประทับด้วยเหล็กร้อนจนไหม้เป็นลายพิมพ์ตัวอักษร [武林盟 (พันธมิตรยุทธจักร) ]