หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?
แฟนตาซี,ดาร์ค,เลือดสาด,แฟนตาซี,ดาร์กแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ใต้เงาทลาย (ทดลองลง)หนทางสู่นิรันดร์คือแห่งหนใด ชีวิตที่แล้วแล้วมาต่างไม่ได้ให้คำตอบข้าแม้แต่น้อย สิ้นชีพเยี่ยงวีรบุรุษก็ไม่ได้สิ่งใดตอบแทน ตายอย่างวายร้ายก็ไร้ซึ่งคำบอกใบ้ คราวนี้ข้าควรทำเช่นไร?
สวัสดีนะครับ ผม เด้ง นะครับ เป็นผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ติดค้างอยู่ต้นบทที่ 6 อยากจะกลับมาเขียนต่อแต่เวลาว่างที่มีตอนนี้เหลือน้อยสุดๆ ไปเลยล่ะครับ เพราะกำลังเตรียมสะสมผลงานวาดภาพให้ได้เยอะๆ อยู่ แหะๆ ก็เลยดองนิยายเรื่องนี้ไว้ซะนานเลย จึงอยากจะใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทดลองลงนิยายดู หากมีเรื่องพูดคุยก็คอมเมนต์ได้เลยนะครับ จะชื่นใจมากๆ ผมหวังไว้ว่าทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจะมีความสุขในการใช้ชีวิตนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเรื่อยไปครับ
เสียงประตูเอี๊ยดอ๊าดเสียดสีกับพื้นจนแสบหูแต่กลับไม่มีใครตื่นแม้แต่คนเดียว มีเพียงเดียโวลอสคนเดียวที่ลืมตาตื่นฟังเสียงนั้นที่ดังอยู่ไม่ไกล
หลังประตูปิดไม่นานเสียงก้าวเดินก็ดังขึ้นชัดเจน เมื่อเดียโวลอสได้ยินดังนั้นก็กระโจนตัวออกนอกผ้าห่ม ปลายนิ้วพลางตวัดไปมาเพื่อวาดวงจรเวท กระทั่งเขาได้เปิดปากเอ่ยคำร่าย “หมอกแห่งสิสิร”
ทันทีที่จบคำร่ายเหล่านั้นหมอกสีขาวทึบได้แทรกเข้ามาในห้องที่มืดเสียจนมองทางแทบไม่เห็น สิ่งเดียวที่มอบแสงสว่างอย่างดวงจันทร์ด้ถูกบดบังจนไม่อาจฉายเข้ามาภายในตัวบ้านได้
กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น “แม่งเอ้ย...ทำไมมันมืดอย่างนี้วะ” น้ำเสียงหงุดหงิดนี้ดูคุ้นหู
หลังเดียโวลอสผู้ยืนอยู่มุมห้องนึกได้ก็เดินเข้าไปใกล้วงกบประตูโดยที่ตัวแนบชิดกำแพง ลมหายใจเข้าออกช้าลงในอากาศที่เย็นเยียบตอนกลางคืนเมื่อเทียบกับเมื่อกลางวัน ซ้ำด้วยสถานการณ์ตอนนี้เป็นอันทำให้หญิงผมเงินต้องหายใจเบาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกันกับเสียงเท้าของชายผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เดียโวลอสแทบได้ยินเสียงหัวใจตนเอง มันสั่นไม่เป็นจังหวะ ทว่าไม่ทันไรหางตาคมกริบได้พบเท้าขวาที่ก้าวผ่านเข้ามาในห้องนอน
จู่ๆ หูซ้ายของเดียโวลอสบังเอิญได้ยินเสียงเข้า มันเป็นเสียงลมหายใจแรงคล้ายคนเป็นหอบแล้วหายใจไม่ทัน แต่นี่ไม่เหมือนอย่างนั้น มันตามมาด้วยเสียงพึมพำงึมงำบางอย่าง “ได้ข่าวว่าพาสาวสวยเข้ามานี่อยู่ไหนซะล่ะ”
เดียโวลอสกลืนน้ำลายเฮือก เขาอยากฆ่ามันเสียตอนนี้เลยแต่ก็ยั้งมือไว้ก่อน แล้วรอดูต่อไป
“ช่างเถอะ ว่าแต่เตียงอยู่ไหนล่ะเนี่ย คืนนี้มันก็ไม่ได้มืดขนาดนั้นนี่...ชิ” เขาจิปากเซ็งพลางควานหาเตียงนอนไปเรื่อยจนสัมผัสเข้ากับบางอย่าง เมื่อเพ่งตามองก็พบว่าเป็นผิวของเด็กสาวอย่างเมจู ชายท้วมอีริคยิ้มหื่นกระหาย มือของมันค่อยๆ ลูบไล้ไปตามต้นขาของนาง
ทว่าการกระทำนั้นต้องหยุดนิ่ง เหล็กปลายแหลมได้จ่อคอหอยของเขาอย่างเย็นเยียบในหมู่หมอกเทา
“นี่ เจ้าหมูตอน มือของเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” น้ำเสียงโทนเดียวที่ทำให้อีริคเสียวยันกระดูกสันหลังได้ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“แก...เป็นใคร-!?” ไม่ทันที่อีริคจะพูดจบ เหล็กแหลมเล่มนั้นได้แทงเข้าไปเล็กน้อยจนเขาต้องหุบปาก
“ข้ายังไม่ได้อนุญาตให้เจ้าพูด ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะทำเรื่องแบบนี้” เดียโวลอสเอ่ยเสียงแข็ง
อีริคกลืนน้ำลายเฮือก เหงื่อไหลซิบทั่วแผ่นหลังจวบจนเปียกแฉะ เขาฝืนยกมือขึ้นหวังนำเข็มออกแล้วสวนกลับ
แต่เดียโวลอสแล้วผู้รู้ทันก็สวนขึ้น “มือน่ะมือ...อยู่นิ่งๆ หน่อยก็ดี”
“แกต้องการอะไรกันแน่!” อีริคตะโกน แต่แล้วเข็มเหล็กเล่มใหญ่ก็ทิ่มลึกเข้าไปอีกจนต้องหยุด ก่อนจะบอกต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง “หากต้องการอะไรข้าให้เจ้าได้หมดเลย ขอเพียงปล่อยข้าไป เจ้าอยากได้เงินใช่ไหมล่ะ? หรืออยากได้ผู้หญิงล่ะ?” เขาพยายามต่อรองด้วยความร้อนรนเรื่อยๆ
แม้จะต่อรองมาเพียงใด เดียโวลอสก็ไม่คิดจะไว้ชีวิตเขาอยู่ดี “ข้าต้องการหัวใจทารก ลูกสาวเจ้าตั้งครรภ์อยู่นี่” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย
พลันทำให้หัวหน้าครอบครัวอย่างอีริคต้องโมโหอย่างเดือดดาล “เจ้า!!!”
นิ้วนางก้อยข้างขวาที่จับเหล็กปลายแหลมไว้ได้ตัววาดวงจรเวทแล้วเปิดใช้งานในขณะนั้น “เวทปฐมภูมิ ด้ายมานา” สิ้นเสียงด้ายบางความยาวราวครึ่งเมตรได้โผล่ขึ้นมาข้างหน้าของเดียโวลอสโดยเชื่อระหว่างนิ้วชี้ขวาและซ้าย มือทั้งสองข้างไขว้กันในทันทีแต่ยังต้องสู้แรงต้านของอีริคที่ฝืนอดทน ด้ายมานามีความแข็งแรงเท่าความเข้มข้นของมานาที่ควบแน่นกันจนถักทอเป็นเส้นด้าย ด้วยความที่มานาของเดียโวลอสถูกฝึกฝนมานานนับสิบปี จึงยากที่ด้ายมานาเส้นนี้จะขาดออกจากกัน
จากตอนแรกอีริคซึ่งต่อต้านตอนนี้กลับโอดโอยอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของเขาเริ่มแดงยันใบหู ลมหายใจผ่อนลงจากถี่รัว เดียโวลอสรัดแน่นขึ้น สุดท้ายอีริคก็สิ้นลม หมอกจากเวทได้จางลงไปจนเผยร่างของทุกคนอย่างชัดเจน
กระทั่งสายตาของเดียโวลอสก็สะดุดเขากับสายตาอีกคู่ที่จ้องมองมาในความมืดเมื่อกะพริบตา สิ่งนั้นก็หายไปราวกับเป็นภาพลวง
ข้าตาฝาดไปเองหรอกเหรอ?
เดียโวลอสใช้งานเวทอีกชนิดอย่าง หัตถ์ไร้ลักษณ์ เวทปฐมภูมิที่มีความสามารถในการสร้างมือล่องหนขึ้นมาหนึ่งข้าง การใช้งานค่อนข้างง่ายแต่จะเชี่ยวชาญนั้นยาก ผู้ใช้ต้องทำความคุ้นชินกับมือที่สามที่สร้างขึ้นมานี้จนสามารถรับรู้และสัมผัสได้เหมือนมือปกติ เวทชนิดนี้คลับคล้ายกับเวทปฐมภูมิ มือคัดลอก ที่ใช่กันในงานเอกสารของสำนักงานต่างๆ
จู่ๆ ร่างไร้วิญญาณอ้วนท้วมของอีริคก็ลอยขึ้น เดียโวลอสเดินนำร่างนั้นไปแล้วพลางผลักประตูออก
เขานำนิ้วแตะกับเลือดที่ไหลช้าๆ กลางคอของร่างนั้น ก่อนจะเอ่ยปากตวัดนิ้วร่ายอีกเวท “เวทปฐมภูมิ สายใยโลหิต” เส้นสายสีแดงโยงร่างของอีริคไปหาผู้มีสายเลือดเดียวกัน เดียโวลอสหวังใช้เวทนี้เพื่อหาบุตรสาวของเขา ทว่าเส้นสีแดงเหล่านั้นระโยงระยางไปหลายทิศหลายทาง
สถุนจริงๆเดียโวลอสกำหมัดแน่นหลังเห็นภาพนั้น เหมือนว่าเขาต้องเดินหาไปทีละบ้านตามสายโลหิตที่แสดง เขาเดินเลาะไปตามหลังบ้านของเรือนหลังต่างๆ
บ้านแรกนั้นมืดสนิทแต่พบสายใยเพียงด้วยเดียว อีกหลังก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็พบเพียงหนึ่งสายใยโลหิต ทว่าบ้านอีกหลังที่มีสวนใหญ่โตกลับเผยสายใยแยกย่อยอีกหลายแขนง
เหล่าผู้คนหลับใหล ป่าก็เช่นกันในหน้าหนาว รอบข้างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงลมจางๆ ที่คอยกล่อมให้หลับนอน ผู้อยู่ใต้จันทร์เริ่มหาที่หลบบัง
ในบ้านที่คาดว่าเป็นของอีริคนั้น มีอากาศถ่ายเทสะดวกเหมาะเจาะกับการอาศัยอยู่หลายคน ร่างเปล่าของอีริคถูกทุ่มลงพื้นดังตึงกลางห้องนั่งเล่น
ท้ายสุดเดียโวลอสก็เดินย้อนกลับไปแล้วหลับฝัน ก่อนตื่นขึ้นในรุ่งถัดมาจากเสียงปลุกอันกระอักกระอ่วน แลดูเหมือนคนมึนเมาที่ยังไม่สร่างดี
“พี่หญิงเดีย...ข้า ข้าจะอ้วก” เมจูจับเสื้อของเดียโวลอสแน่นมาพร้อมสายตาที่เลือนลอย “อุก...อุ แหวะ!” นางอาเจียนท่วมขาเป้าของเดียโวลอส เศษอาหารของเมื่อคืนก็ออกมาด้วยเช่นกัน ก่อนจะต่ออีกครั้ง “อุ แหวะ!” สภาพเละเทะไม่น้อย
หลังเก็บกวาดบ่ออ้วกที่เอ่อนองและทำความสะอาดส่วนล่างของหญิงเงินประบ่าเสร็จ เสียงตะโกนพร้อมทั้งเสียงหวีดร้องโหวกเหวกต่างก้องไปทั่ว
“จูลี่! จูลี่! ประตูให้ข้าที!” เสียงของหนึ่งในชาวบ้านร้องบอกผ่านประตูพร้อมเสียงทุบไม้ดังอยู่หลายรอบ
“ท่านแม่ไม่ว่างเจ้าค่ะ! ส่วนประตูไม่ได้กั้นไม้ไว้นะเจ้าคะ!?” เมจูตะโกนสวนตอบ
“มันลงกลอนไว้อยู่เปิดไม่ได้!”
ข้าจำได้ว่าข้าไม่ได้กั้นไม้ไว้นี่ เมจูหวนนึกความจำเลือนรางของเมื่อคืน
เมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงร่างใหญ่ผู้นั้นก็เข้ามา พร้อมบอกเรื่องบางอย่างที่ฉุกเฉิน “นี่จูลี่...เมจู” นางเริ่มเปิดปากเล่า “หัวหมู่บ้าน...สิ้นแล้ว หากพวกเจ้ามาได้ก็มาเสียล่ะ ถือว่า...เห็นแก่ครอบครัวของเขา”
“งั้นเหรอ...” จูลี่งึมงำด้วยเสียงที่แหบแห้ง