เด็กสาวผู้มาจากต่างแดน’ชิกิ’ ได้มุ่งหน้ามาอย่างดินแดนเรจัสเพื่อตามหาอาจารย์ของเธอผู้ที่ชุบเลี้ยงและดูแลเธอมาได้หายตัวไปและเบาะแสที่เธอได้รับก็มีเพียงแค่จดหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ข้าอยู่ที่เรจัส‘

REGUS:Road of Dragon - บทที่ 1 ตอนที่ 1 ประโยคเดียว โดย LazyBlue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,เลือดสาด,ตะวันตก,อื่นๆ,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,Dungeon&Dragon,ดราม่า,ผจญภัย,DnD,รักวัยรุ่น,โรแมนซ์,คอมเมดี้,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

REGUS:Road of Dragon

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,เลือดสาด,ตะวันตก,อื่นๆ,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,Dungeon&Dragon,ดราม่า,ผจญภัย,DnD,รักวัยรุ่น,โรแมนซ์,คอมเมดี้

รายละเอียด

เด็กสาวผู้มาจากต่างแดน’ชิกิ’ ได้มุ่งหน้ามาอย่างดินแดนเรจัสเพื่อตามหาอาจารย์ของเธอผู้ที่ชุบเลี้ยงและดูแลเธอมาได้หายตัวไปและเบาะแสที่เธอได้รับก็มีเพียงแค่จดหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ข้าอยู่ที่เรจัส‘

ผู้แต่ง

LazyBlue

เรื่องย่อ

คำเตือน:เนื้อหาจะมีความรุนแรง ฉากของเลือดและอัวยะหลุดออก การโป๊เปลือย กับประเด็นอ่อนไหวต่างๆ กับคำหยาบคาย โปรดใช้วิจรณญาณในการอ่าน ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านะคะขอบคุณค่ะ




น้ำที่ท่านดื่ม ผืนไร่ที่ท่านปลูกพช ป่าไม้ที่งอกงามออกมาเป็นที่อาศัยของเหลล่าเอลฟ์ และสรรพสัตว์มากมายนั้นล้วนมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมังกร และเรากำลังยืนและอาศัยบนร่างมังกรที่สิ้นชีพไปแล้ว นั้นคือคำเล่าขานมาตลอดเกี่ยวกับดินแดนของ ‘เรจัส’




กะโหลก ดินแดนที่เต็มไปด้วยอากาศและหิมะที่หนาวเหน็บ ที่่เรียกว่ามีหิมะเกือบตลอดทั้งปี


ปีกซ้าย พื้นนี่ถึงจะแตกสลายจนกลายเป็นเกาะ แต่ก็มีความหลากหลายของเผ่าพันธ์


ปีกขวา พื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้ง แต่ในขณะเดียวกันเหนือน่านฟ้าก็มีสถาบันโรงเรียนเป็นที่ตั้ง


หาง พื้นที่ติดชายหาดที่อุดมสมบูรณ์กับพิธีกรมร้อยกว่าปีที่อัญเชิญเทพธิดาแห่งดวงจันทร์มาพานพบได้


หัวใจ ดินแดนศูนย์กลางของทวีปที่มีการค้ามากมายแและความหลากหลายของเผ่าพันธ์ต่างๆ




“ชิกิ” เด็กสาวผู้มาจากต่างแดน เธอกก้าวเข้ามาในดินแดน “เรจัส” ดินแดนที่ถูกเล่าขานว่าดินแดนแห่งนันเคยเป็นร่างของมังกรในตำนาน ‘แพลตตินั่ม’ ชิกิผู้ที่ได้รับจดหมายสุดท้ายจากอาจารย์ของเธอที่มีเพียงประโยคเดียวที่เขียนเอาไว้ 


ข้าอยู่ที่เรจัส




สวัสดีค่ะนิยายเรื่องนี่เป็นเรื่องแรกที่เราเขียนอย่างจริงจังนะคะ เราได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Dungeon&Dragon บอร์ดเกมโปรดของเรานะคะ ยังไงก็ขอฝากเอาไว้ด้วยนะค่าาา

สารบัญ

REGUS:Road of Dragon-บทที่ 1 ตอนที่ 1 ประโยคเดียว,REGUS:Road of Dragon-บทที่ 1 ตอนที่ 2ดันเจี้ยนในถ่ำ

เนื้อหา

บทที่ 1 ตอนที่ 1 ประโยคเดียว

ซ่า……ซ่า……


เสียงของคลื่นทะเลที่กระซบกันจนเป็นกังวาน พร้อมกับกลิ่นของเกลือที่ลอยมาตามสายลม เรือลำใหญ่ที่กางผ้าใบขนาดใหญ่ที่ให้ทำให้สายลมนั้นคอยช่วยหนุนเรือให้แล่นไปต่อ บนเรือเองก็มีลูกเรือมากมายและสินค้าบางส่วน รวมถึงคนบนเรือบางคนที่เหมือนจะเป็นผู้โดยสารนั้นก็มีบ้าง เสียงแจ่วจาวการทำงานที่เป็นเรื่องปกติของเหล่าลูกเรือที่ต้องคอยควบคุมใบเรือละตรวจสอบสภาพอากาศต่างๆ 


จนลูกชายเรือวัยกลางคน ได้สะดุดตากับผู้โดยสารคนหนึ่งที่จะดูแปลกตามากๆนั่งอยู่ติดกับขอบของเรือ คนๆนั้นมีผ้าคลุมขนาดใหญ่ที่เรียกว่าพอนั่งลงไปก็คลุมไปทั้งตัว บรรยากาศที่ชวนเขร่งครึม รวมถึงหมวกสานที่เหมือนจนทำจากเนื้อไม้อ่อนที่สามารถสานเป็นหมวกได้แถมยังเป็นสีดำสนิท ในมือของของคนนันก็เหมือนจะทานอะไรสักอย่างที่เป็นเหมือนก้อนที่มีเม็ดสีขาวๆที่เรียกว่า ลูกเรือก็ไม่รู้เลยว่าควรจะเรียกว่ายังไงดีจากที่เขาจำได้ เหมือนว่าผู้โดยสารที่แสนจะแปลกคนนี่เขาจำได้ว่ารับมากจากตอนหัวหน้าเรือได้ไปทำการค้าธุรกิิจที่อีกประเทศหนึ่งที่เหมือนจะมีชื่อเรียกว่า ‘ไทโย’เขาไม่แน่ใจซะด้วยซ่ำว่าจำถูกมั้ยแต่คนนี้ก็ขึ้นมาตอนที่จะขอติดเรือเพื่อไปทวีปแพลตตินั่มด้วยกัน พอเห็นนั่งอยู่คนเดียวเขาเลยเดินไปหา


“เฮ้! เอ่อ..เดินทางมาคนเดีวเจ้าหนู?” ถึงจะบอกว่าเดินไปทักทายต่เขานั้นก็ไม่สามารถนึกคำทักทายอะไรไม่ออกก็ได้ถามอะไรแปลกๆไป ทั้งๆที่คนนี้ก็เดินทางมาเพียงตัวคนเดียวตั้งแต่แรก พอคนตรงหน้าไม่ตอบอะไรเขาก็กระแอมมเล็กน้อย”ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะซอกแซกถามมากหรอกนะ…ว่าแต่ทำไมเจ้าจะเดินทางไปที่ทวีปแพลตตินั่มละ?”ลูกเรือถามพร้อมกับยื่นถุงน้ำให้เป็นการเชิงผูกมิตรไมตรีเสียหน่อย 


“……ข้าออกมาตามหาคนๆหนึ่ง…” ทันทีที่คนตรงหน้าลูกเรือเปล่งเสียงตอบกลับพลางรับถุงน้ำจากเขา ลูกเรือก็ตกใจเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงที่เป็นเด็กผู้หญิงและมือที่เรียวขาวนวลตรงข้้ามกับมือของเขาและพอได้มองหน้าของเธอชัดๆเป็นเพียงค่เด็กสาวที่อายุน่าจะราวๆ 19 ถึง 20 ใบหน้าที่ถึงจะไม่ได้แต่งเติมด้วยเครื่องแต่งหน้าดวงตาที่กลมโตสีน้ำเงินเข้มกับผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีใครคิดเลยว่าคนที่จะขึ้นเรือจะเป็นเพียงค่เด็กผู้หญิง


“งั้นเหรอๆ แล้วเจ้ามาตามหาใครอยู่ละ?” ลูกเรือถามอีกครั้งเพราะรู้สึกว่ารอบนี่เขาอาจจะพอคุยกับตัวของเธอได้


“……..” แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นเป็นความเงียบ ราวกับว่าตัวของเธอไม่ได้ต้องที่จะ ตอบคำถามนี่ ทำเอาลูกเรือกระอักกระอวนทีเดียว

“เอิ่ม….งั้นก็เธอชื่ออะไรยัยหนู” เขาถามอีกรอบอย่างน้อยอาจจะแก้ความอึดอัดที่เกิดขึ้นนี่ได้


“ชิกิ” เธอตอบด้วยคำพูดสั้นและทานของในมือตัวเองจนทงหมดก่อนจะกระดกน้ำลงไป ก่อนจะเหมือนขดๆคัวกลับเข้าไปในผ้าคลุมขนาดใหญ่ของตัวเธอเองเป็นสัญญาณกลายๆว่าตอนนี่ ตัวของเธอยังไม่ได้อยากจะคุยต่อมากนัก“อีกนานมั้ยกว่าจะถึงแพลตตินั่ม” แต่ชิกิก็เอ่ยถามขึ้นมาอยู่ดี ถึงท่าทางของเธอจะดูเงียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆก็ตามแต่ความรีบร้อนใจของเธอก็แสดงออกมาผ่านคำถาม


ลูกเรือเอามือจับคางตัวเขาเองและลูบเบาในขณะที่กำลังครุ่นคิดและคำนวนเส้นทางของการเดินเรือคร่าวๆ “น่าจะคืนนี่ถึงล่ะนะ” เขาตอบออกมา


“ขอบคุณ” ชิกิที่ได้ยินคำตอบที่ดูน่าพึงพอใจสำหรับเธอเป็นอย่างมาก ท่าทางขอเธอดูผ่อนคลาและสงบใจลง 


“ยินดีที่ได้ช่วยนะ” เขาพูดออกมาก่อนจะลุกยืนขึ้นละไปทำงานตามหน้าที่ของเขาต่อไป


เวลาได้ผ่านไป จากท้องฟ้าที่เป็นสีสดใสมีเมฆที่ปลอดโปร่งก็เปลี่ยนท้องฟ้าสีส้มแดง กับลูกของดวงอาทิตย์ที่อยู่ลลับของขอบฟ้า ก่อนผันแปรไปเป็นยามค่ำคืนที่ประดับไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สุกสว่าง ก่อนจะได้ยินเสียงของความวุ่นวายอีกครั้งเพราะตอนนี่เรือได้แล่นมาถึงอย่างจุดหมาย มาอย่างทิศต้หรือ ‘ทิศหาง’ เทียบท่าเรือไปอย่างเมืองท่าน้ำ มิโซราต้า ที่ตอนนี่คนที่เฝ้าบนท่าเรือก็คอยโบกตะเกียงในมือไปมาเพื่อส่งสัญญาณให้เรือจอดถูกที่และไม่ชนท่าเรือเสียไปซะก่อน 


ซ่าาา กึก…


เมื่อเรือนั้นเทียบท่าถึงทางเหล่าลูกเรือก็เริ่มขนขาวของและวางแผ่นไม้ที่พาดลง เชื่อมระหว่างเรือกับท่าเรือไว้ คนบนเรือเองก็คอยทยอยเอาสินค้าลงรวมถึง เหล่าผู้โดยสารที่ขอติดกับเรือมาด้วยต่างก็ทยอยลงมา ในขณะที่ชิกิกำลังจะลงเรือเธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันที่คนจากต่างแดนจะมาที่ที่ไม่รู้จัก ย่อมกังวลเป็นธรรมดา แต่ชิกิสูดลมหายใจลึกๆแแต่เบาๆก่อนจะพ่นลมออกมาเบา เป็นการที่เธอนั้นทำให้ตัวเองผ่อนคลายลงมา ก่อนจะก้าวเดินลงมาจากเรือ


“ชิกิ!” เสียงเรียกของลูกเรือที่ชิกิคุ้นเคยก็ทำให้เธอต้องหันกลับไปมองเขาที่วิ่งมาและหยุดหน้าเธอ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามาที่นี่เพราะอะไรแต่ข้าคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญมากๆยังไงก็ตามช่วยรับสิ่งนี่ไปแล้วกันนะ สิ่งนี่จะเป็นเครื่องรางนำโชคให้น่ะ” ชายคนนั้นพูดพร้อมยื่นสิ่งที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ทีทขนาดของมันเล็กกว่าฝ่ามือของเธอเล็กน้อยเธอคงคิดว่าคงเป็นเครื่องรางละมั้ง แต่พอเธอได้เห็นก็ทำให้เธอนึกถึงบ้านเกิดของเธอที่นับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เช่นกัน 


“ขอบคุณ..” ชิกิรับเครื่องรางมาและเ็นครั้งแรกลยก็ว่าได้ที่ลูกเรือชายคนนั้นได้เห็นเธอยิ้มออกมา ทำให้ชิกิดูเป็นเด็กสาวที่น่ารักอย่างที่ควรจะเป็น 


เมื่อชิกิกาวเดินพ้นจากท่าเรือไป ก็เริ่มมาถึงตัวของเมืองเมืองที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่ก็เป็นเมืองที่ชาวเมืองนั้นแลครึ่กครื้นเป็นอย่างที่สุด ผู้คนที่ขะมักขะเม่นทำงานกันในเมืองที่มีทั้งบ้านที่ส่วนใหญ่ทำจากไม้หนาสีดำผสมกับการประกอบกับบหินหนา ถึงจะเข้ามาในตัวเมืองแล้วชิกิเองยังคงรู้สึกได้ถึงกลิ่นเกลือของทะเลที่สดชื่นลอยมาตามลม สมกับเป็นเมืองที่ติดท่าเรือ และก็มีการขายของแผงลอยตามบางจุดบ้างก็เป็นนตลาดที่ขายผัก ขายปลา และของสัพเพเหระทั่วไป


ชิกิได้มองซ้ายขวาระหว่างทาง เพื่อหาอะไรบางอย่างและแน่นอนว่าตัวของเธอรู้สึกได้ตลอดทางละนะว่าคนในเมืองนี่มองเธอแปลกๆ ชุดของเธอก็ดูแปลกตาจริงๆแหละ ชุดของเธอที่เป็นการใส่เหมือนชุดใหญ่ๆที่พับถบซ้ายขวาผูกด้วยผ้าขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มๆ กับรองเท้าของเธอที่เหมือนสานขึ้นมาด้วยไม้ กับผ้าคลุมขนาดใหญ่ต่ก็ไม่ขาวถึงพื้นสีน้ำตาลเข้มกว่าชุดของเธอ แต่ที่เด่นที่สุดคงเป็นหมวกกของเธอที่สานมาจากไม้แต่เป็นสีดำเข้ม แต่เรื่องแบบนี่เองก็ไม่ได้กวนใจเธอมากเท่ากับเป้าหมายที่ฝังมาในใจของเธอเสียซะมากกว่า 


กริ๊ง…..


หลังจากเดินมาได้สักพัก เธอก็มาหยุดที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ‘ร้านรับจำนำ’ ชิกิเดินเข้าไปในร้านที่ดูแล้วก็ไม่ได้มืดมากและอากาศปรอดโปร่งประมาณหนึ่ง ตรงเคาท์เตอร์ก็โนมแก่ๆอยู่หนึงคน โนมที่สูงเพียงครึ่งตัวของแต่ใบหน้าของเขาก็ดูแก่เหมือนคนยุราวๆ 50-60 ปีเลยทีเดียว ชุดที่ใส่ก็ดูหรูหรากว่าชาวบ้านทั่วไปที่สามารถบอกฐานะของเขาได้โดยตรง โดยเขาก็นั่งบนเก้าอี้ให้ตัวพ้นจากเคาท์เตอร์


“โอ้ลูกค้างั้นหรือ? เข้ามาๆ” โนมแก่ที่กำลังเหมือนใช้กล้องขนาดเล็กที่กำลังตรวจสอบของบางอย่างในมือ คงเป็นอะไรสักอย่างหนึ่ของคนที่จะเอาของมาจำนำของใครสักคน


ชิกิ เธอก็เดินเข้าไปและไปหยุดที่หน้าเคาท์เตอร์และหยิบถุงอะไรบางอย่างด้วยมือข้างซ้ายของเธอหยิบถุงอะไรบางอย่างออกจากแขนเสื้อที่กว้างจนเหมือนสามารถใส่ของไปได้ และแน่นอนว่าเธอกหยิบถุงออกมา และวางบนเคาท์เตอร์


“หืม?” เจ้าของร้านมองถุงที่ชิกิวางก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดดูก่อนดวงตาของโนมแก่จะเบิกกว้างเล็กน้อย ในถุงที่บรรจุไปด้วยอัญมณีต่างๆถึงจะเป็นชิ้นเล็กๆก็ตาม โนมแก่เทมันออกมาชิ้นของอัญมณีเล็กๆ ที่ถึงจะมีขนาดเล็กแต่พอเขาใช้กล้องเล็กในถือทาบตาข้างขวาของเขา ก่อนจะตรวจสอบอัญมณีแต่ละเม็ด แต่ละเม็ด ที่ถือว่าเป็นความเงียบระดับหนึ่งแต่ชิกิก็ไม่ใช่คนที่จะรีบร้อนอะไรเลย เธอก็ยืนรอเขาอย่างเงียบๆ


“อืม…..อืม……ได้ราคาที่ดีเลยล่ะ” โนมแก่พูดขึ้นมาก่อนจะชั่งน้ำหนักก้อนอัญมณีชั่งบนตราชั่งสองข้าง เขาเทอัญมณีเบาๆไปใส่ข้างหนึ่งขอตราชั่งก่อนจะดูน้ำหนักของมันและหยิบปากกาขนนกขึ้นมา จุ่มหมึกลงไปก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษ เขาลงจากเก้าอี้ก่อนจะไปที่ประตูหลังเคาท์เตอร์ ก่อนจะเดินออกมาและขึ้นนั่งเก้าอี้ก่อนจะวางถุงลงตรงเคาท์เตอร์ และเลื่อนเบาๆมาตรงหน้าของชิกิ “3 โกลด์ 6 เหรียญเงิน 50 ทองแดง”(* 1 ทองแดง= 10 บาท , 1 เหรียญเงิน = 250 บาท , 1 โกลด์ = 1,000 บาท)


ชิกิที่ได้ยินจำนวนราคาของอัญมณีของเธอมากก็หยิบถุงก่อนจะเปิดดูและนับจำนวนค่าวๆ “ขอบคุณมาก…” ชิกิพูดออกมาและเอาถุงเงินใส่ในแขนเสื้อโปร่งๆ “แถวนี่มีร้านอาหารมั้ย?” เสียงเรียบง่ายของชิกิพูดขึ้นมา 


“โอ้…..ถ้าเจ้าเดินไปอีกสองสามหลังจะมีร้านที่ชื่อ วอยยาร์ด เป็นร้านอาหารถูกแต่ของกินอร่อยมากๆเลยล่ะนะ” โนมแก่พูด​ออกมาและเก็บอัญมณีใส่ถุงที่เขาจะนำไปขายต่อ


“ขอบคุณนะคะ” ชิกิเอามือสองข้างไว้ด้านหน้าทาบมันและโค้งตัวเขา สำหรับโนมแก่เจ้าของร้านถือว่าเป็นอะไรที่ประหลาดใจเหมือนกัน ท่าทางที่ฝ่ายตรงข้ามตอบกลับมา และได้มองเธอออกจากร้านไป 


เสียงจ่อกแจ่กของผู้คนตามถนน นั้นไม่ได้รบกวนตัวเธอด้วยซ่ำเธอเดินก้าวผ่านบ้านสอง ถึง สามหลังตามที่โมแก่เจ้าของร้านนั้นบอกมา ก่อนจะหยุดเดินอีกครั้งที่หน้าร้าน “เมอร์ริน่า บาร์” ที่เป็นเป็ป้ายไม้ใหญ่ๆที่ติดหน้าร้าน พร้อมกับ ป้ายอีกอันที่เป็นป้ายเล็กกว่าห้อยไว้ข้างๆประตู“เชิญเข้ามา” ชิกิทีเหมือนจะลังเลเล็กน้อยว่าจะเข้าไปดีมัย แต่ความเหนื่อยล้าที่เธอเดินทางมานาน มันทำให้เธอแทบจะต้านไม่ไหว เธอผลักกประตูเข้าไปและสิ่งที่เห็นคือข้างในร้าที่มีเสียงเจี้ยวจ้าวดังกว่านอกร้านเสียอีก ผุ้คนที่ต่างไม่เคยพบเจอไม่ว่าจะ ชายคนหนึ่งที่มีหัวเป็นฉลาม หรือมีร่างงกายที่เหมือนสุนัขแต่ยืนสองข้างเหมือนมนุษย์ หรือจะสาวสวยที่ยืนบรรเลงเครื่องดนตรีที่มีรูปร่างกลมและเป็นเครื่องสาย ที่ต้องใช้นิ้วดีด(lute*) เธอคนนั้นแต่งตัวอย่างงดงามแต่ก็น้อยชิ้นเช่นกัน ผมสีทองที่สะบัดไปตามจังหวะการเต้นและเสียงดนตรีกับดวงตาสีเขียวที่ตัดกัน ที่สำคัญและเด่นสุดคงเป็นใบหูของเธอที่เรียวและแแหลม เรียกว่าทั้งหมดทั้งมวลทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ในร้านนั้นต่างโห่ร้องและส่งเสียงเป่าปาก วี้ดวิ้ว ด้วยความชอบใจที่ได้เห็นสาวงามๆเป็นเหมือนยาชูกำลัง แต่เครื่องดนตรีที่สาวงามคนนันถือ ก็ทำนึกถึงซามิเซ็ง* เครื่องดนตรีในบ้านเกิดเธอเช่นกัน 


หลังจากชิกิยืนดูมองการแสดงก็เดินหน้าต่อและมองซ้ายขวาเพื่อจะหาที่นั่งโต๊ะว่างๆสักที่ แต่ก็ไม่มีเลย และเป็นอย่างที่โนมคนนั้นได้พูดไว้ ร้านที่นี่คงดีจริงถึงมีผู้คนมากมาย มาทานอาหารกันที่นี่ แต่ก็โชคเธอก็ได้ช่วยไว้ ตรงเคาท์เตอร์นั้นยังว่างถึงจะต้องนั่งข้างๆกับผู้ชายที่เหมือนเขาจะมากับเพื่อนด้วย 


‘คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ละนะ’ เธอคิดก่อนจะไปนั่งที่ว่างของเคาท์เตอร์ แน่นอนว่าพอนั่งลงชายข้างๆก็มองเธออย่างสงสัยก่อนจะเขยิบหนี บางทีอาจจะเพราะด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา ไม่สิต้องบอกว่าชุดมากกว่า ชิกิที่รู้สึกว่าก็เกรงใจคนรอบข้างเล็กน้อยบางทีคงเป็นหมวกของเธอกระมั้งที่มันดูใหญ่และเทอะทะ 


“รับอะไรดีละ?”จนมีหญิงร่างใหญ่กำยำ ที่เรียกว่าไงดีสำหรับเธอ แข็งแกร่งกระมั้งก็สวมชุดผู้หญิงทั่วไปแต่ว่า กรามที่ใหญ่ และผมที่ยาวสีน้ำตาลเข้มมัดไว้ กล้ามเนื้อที่เป็นมัดๆ สิ่งที่ยังพอบอกได้ว่าคนตรงหน้าเปนผู้หญิงคงเป็นหน้าอก และอีกอย่างที่แตกต่างก็ผิวกายสีเขียวสว่างๆ กับเขี้ยวที่ยาวเล็กน้อย พร้อมเสียงทุ่มๆแต่ก็มีความเป็นผู้หญิงละนะ 


ชิกิเงยหน้าและเพื่อไม่ให้รบกวนลลูกค้าคนอื่นๆเพราะหมวกของเธอก็ถอดมันออก เผยใบหน้าที่สละสลวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กลมเรียว ริมฝีปากที่อวบอิ่ม ดูดีตามวัย พร้อมกับรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่แก้มซ้ายขัดกับความสวยบนใบหน้าของเธอ ผมยาวสีน้ำตาลสว่างที่ยาวไปจนถึงหลังแต่ก็มัดเออาไว้ด้วยเศษผ้าสีขาวหหน้้าม้าของเธอที่ตัดเป็นทรงเรียบ “ท่านพอแนะนำได้รึเปล่า?” เธอถามออกมา


“หื้ม?” เจ้าของร้านหญิงส่งเสียงออกมาอย่างสงสัยแต่ก็พอเดาได้จากใบหน้าสีผม ว่าเป็นคนจากต่างแดน เธอเอามือจับปลายคางครุ่นคิด“ปลาย่างกับมันทอด และสลัดล่ะเจ้าอยากจะลองมั้ยคนต่างแดน”


“……ได้ข้าอยากจะลองงดู…ที่นี่มีชารึเปล่า?” ชิกิพยักหน้าลงก่อนจะถามเจ้าของร้าน ในบ้านเกิดของเธอ ชิกิชอบดื่มชาเสมอ ส่วนเจ้าของร้านก็เขียนออเดอร์ไปบนกระดาษและหันหลังนำกระดาษไปเสียบกับเหมือนใบวางออเดอร์ก่อนจะกดกริ่ง เพียงแค่แปปเดียวเท่านั้นพ่อครัวคนหนึ่งก็มารับใบออเดอร์ไปก่อนจะหันไปมองหน้าชิกิเมื่อเธอถาม


“ชาแบบไหนละ ถ้าเจ้าไม่บอกมาข้าก็ไม่รู้หรอกนะ” เจ้าของร้านร่างใหญ่เอามือข้างหนึ่งท้าวเอวและถามลูกค้าตรงหน้าผู้มาจากต่างแดน มันเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะสามารถนำชาที่ถูกมาได้ถ้าไม่ระบุเธอคงนำมาเสริฟ์ยาก


“โอจิฉะ—— อะแฮ่ม……ชาเขียว…..” ในขณะที่ชิกิกำลังจะบอกชื่อของชาเธอก็หยุดและกระแอ่มเบาๆ เพราะถ้าพูดสิ่งมาจากบ้านเกิดออกไปละก็คงจะแปลกๆ


“เล่นของแพงซะด้วยนะเจ้าน่ะ….มาจากไทโยสินะ ” เจ้าของร้านหัวเราะเบาๆเพียงแค่ชิกิบอกชินิดของชามาเธอก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าชิกิเป็นคนมาจากไหน และแน่นอนว่าสำหรับทวีปนี้ชาเขียวเป็นของแพงระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ 


แต่เจ้าของร้านก็เดินไปที่ตู้ไม้ก่อนจะเปิดออกมันมีโหลหลายใบ ที่มีกระดาษเขียนชื่อของชาเอาไว้ เจ้าของร้านมองหาเพียงแวบเดียวก็หยิบโหลใบหนึ่งมาก่อนจะไปที่เคาท์เตอร์สำหรับชงน้ำง่ายๆ และก้มลงหยิบกาน้ำชาและถ้วยน้ำชาที่แแตกต่าง เป็นเหมือนคล้ายๆรูปทรงจากไทโยบ้านเกิดของชิกิ ที่ถ้วยชาจะจะไม่มีหูจับแต่เป็นรูปทรงสูง เจ้าของร้านที่ตักใบชาเขียวใส่กาน้ำชา และเทน้ำร้อนลงไป และคว่ำนาฬิกาทรายข้างๆเป็นการอเวลาบ่มชาให้เข้าที่


ชิกิเองก็นั่งรออย่างสงบถึงจะดูเป็นคนต่างแดนที่แตกต่าง แต่ก้ดูกลบกลืนหายไปกับคนในร้านอาจจะเพราะนิสัยทุนเดินของชิกิที่ใจเย็น และอดทน เธอแค่นั่งเฉยๆและหลับตาลงราวกับเป็นเหมือนพักผ่อนจากการเดินทาง 


ตึก…..ตึก……


พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาจากด้านหลังก่อนจะรู็สึกถึงแรงโน้มถ่วงที่กำลังพุ่งมาเธอ ชิกิก็เบี่ยงตัวหลบทันที


”ว้ายยยยย โธ่อะไรกันเห็นหลับนึกว่าจะหลบไม่ได้ซะอีก~” เสียงหวานๆนั้นทำให้ชิกิกตื่นและแค่หันไปมองคนที่มาเยือนหวังจะมาแตะตัวเธอ ก็คือหญิงสาวหูยาวเผ่าพันธ์ุ เอลฟ์ที่แสดงบนเวทีตอนชิกิเดินเข้ามา ท่าทางที่แสดงถึงความเสียดายที่ไม่ได้สัมผัสตัวของชิกิ


”เจ้าต้องอะไร?” เสียงชิกินั้นกดต่ำลงจากที่เดิมทีก็เป็นเสียงเรียบๆ ดวงตาที่หรี่ลงส่งสัญญาณเป็นนัยยะการเตือน กับมือขวาที่จับอาวุธข้างเอวของเธอ


“อะๆๆๆ ใจเย็นๆ” สาวเอลฟ์ยกมือสองข้างและสีหน้าที่ซีดเล็กน้อย จากคำขู่ของตัวชิกิที่ผ่านสายตา “ข้าแค่อยากจะทำความรู้จักกับเจ้าเอง~” เอลฟ์สาวพยายามที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อตัวเธอ 


ชิกิหรี่ตามากขึ้นและไล่ดูจากหัวจรดเท้า เป็นจังหวะเดียวกันที่เจ้าของร้านเสริฟ์ถาดที่มีกาน้ำชาและชาตรงหน้าชิกิ เธอหันไปทันทีราวกับเจ้าของร้านรู้สถานการาณ์และเพื่อไม่ให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยทำการเสริฟ์ทันที ชิกิเองก็รู้สึกว่าสาวเอลฟ์คงจไม่ทำอะไรเธอก็หันทางชาร้อนๆที่ได้เสริฟ์มา เธอก็ยกกาน้ำชาและรินใส่ถ้วยชา 


“ขอบคุณสำหรับน้ำชา” เธอยกมือสองข้างประกบกันแล้วพูดเบาๆ ก่อนจะยกถ้วยชาและเป่าเบาๆ และซดเป็นเสียงสูดออกมา “ฮ้า~” เธอพ่นเสียงและลมแห่งความพึงพอใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆทำเอาเจ้าของร้านและเอลฟ์สาวอึ้งสุดๆถึงใบหน้าที่มีรอยแผลนั้นไม่ได้ทำให้ความน่ารักลดลงไปเลย


“อะไรกันเจ้าก็น่ารักดีนี่นา~” เอลฟ์สาวพูดและมานั่งข้างๆ ขาสองข้างที่อวบอิ่มไขว้ห้างกันมือข้างหนึ่งของเธอที่ท้าวคางเอียงมองใบหน้าของชิกิและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ออกมา

“นี่ๆ เจ้าชื่ออะไรเหรอ? ข้าชื่อว่า เจสสิก้านะ~” เจสสิก้ายิ้มและแนะนำตัวของเธเธอออาและหวังว่าจะให้ชิกิสาวน้อยผู้น่ารักแนะนำตัวกลับมา


ชิกินั้นดึงใบหน้าเรียบเฉยที่แสนเย็นชากลับเป็นเหมือนทุกที ที่เธอทำ”…….ชิกิ ……” เธอตอบกลับมาด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ไว้ใจในตัวเจสสิก้าอยู่ดี


“ชื่อน่ารักจัง~ คนจากไทโยชื่อน่ารักอย่างนี้หมดเลยรึเปล่า?” เจสสิก้าส่งสายหวานๆให้พร้อมกับคำถามที่ราวกับหว่านเสน่ห์ให้เด็กสาวอย่างชิกิ


“ปลาย่าง มันทอด สลัดได้แล้วนะ!!!” เจ้าของร้านพูดพร้อมวางจานที่มีปลาย่างตัวใหญ่ๆ ที่มีกลิ่นหอมของไม้ที่ย่างกับปลาและกลิ่นนี่เองก็ไม่ได้กลบตัวปลาเลยกลับกันทำให้ตัวปลาหอมขึ้นไปอีก กับหนังของปลากรอบที่ประดับด้วยแผ่นเลม่อนทำให้มีกลิ่นที่สดชื่ ที่มีเครื่องเคียงเป็นชิ้นมันฝรั่งทอดที่ยังร้อนๆที่คลุกกระเทียมและสมุนไพร กับสลัดที่มีผักหลากหลาย


“…ทานแล้วนะคะ” เธอยกมือระกบพูดขึ้นมาอีกครั้งและแน่นอนว่าเธอเมินกับคำถามของเจสสิก้าไปในทันที และลงมือทานอาหารตรงหน้า


“อะไรกันเมินข้าเฉยเลย!!” เจสสิก้าโวยวายเล็กน้อยพอเห็นว่าคนที่เธอถูกใจนั้นกลับเมินหน้าตาเฉย ใยขณะนั้นเองก็มีชายมากันสามคน คนหนึ่งที่ร่างใหญ่ๆสุดๆมีกล้ามเนื้อและท่าทางกร่างราวกับมีอำนาจเหนือกว่าทุกคน พร้อมด้วยลูกน้องที่ตามเขามาด้วย


“เจสสิก้าที่รักวันนี่คุณเองสวยเหมือนเดิมเลยนะ~” เสียงที่มีความเจ้าชู้และพยายามหว่านเสน่ห์ใส่เจสสิก้า แต่มันไม่ได้ผลเลยมิหนำซ้ำเจสสิก้า ก็ถอนหายใจแรงและทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาในทันที 


“ขอโทษทีนะข้าไม่อยากคุยกับเจ้า ช่วยไปไกลๆข้าได้รึเปล่า?” เจสสิก้าหันไบอกด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาในการปฏิเสธชายที่จะมาจีบเธออย่างไม่ใยดี


“ไม่เอาน่า คนสวยๆอย่างเจ้าเองก็ควรรับรักข้าได้แล้วนะ” ชายผู้นั้นก็ยังคงไม่เลิอกลกลดละอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนเจสสิก้านั้นก็แสดงถึงท่าทางที่รำคาณออกมาอย่างชัดเจน


“ชิ!เจ้านี่น่ารำคาณเป็นบ้าเลย” เจสสิก้าจิ๊ปากออกมาอย่างดังให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ออกมาเลยว่าตัวของเธอ รู้สึกไปอยากยุ่งกับชายผู้นี่อีกต่อไป


“นี่ๆ ข้าเองก็ชักจะหมดความอดทนแล้วนะ!” ชายผู้นั้นพูดจบก็คว้าแขนของเจสสิก้าในทันที และเขาก็ออกแรงบีบแขนมากขึ้นหวังใช้กำลังบังคับตัวเธอให้ไปกับเขา “ตกลงจะไปกับข้าดีๆหรือจะให้ข้าใช้กำลังล่ะ!!”


“โอ๊ย!! ข้าเจ็บนะไอ้เวรนี่!” เจสสิก้าโวยวายออกมากับการกระทำของเจ้าหนุ่มที่หยาบคาย ไร้มารยาทถึงที่สุด เจสสิก้าเองก็พยายามจะสะบัดแขนออก แต่ก็ไม่เป็นผลและเหมือนว่าเขาจะออกแรงบีบมากขึ้นจนแขนมีมีรอยแดงขึ้มา


เหตุการณ์ที่เริ่มจะวุ่นวายและเสียงดังมากขึ้นจนคนทั้งร้านนั้นเริ่มหันมามองกันหมด ส่วนเจ้าของร้านที่พึ่งไปทำธุระเสร็จกลับและกำลังจะไปหยุดเหตุการณ์นั้นชิกิก็ลุกขึ้นมาอย่างไว และจับแขนของชายข้างที่เอาบีบแขนเจสสิก้า


“เจ้าช่วยปล่อยเธอคนนั้นได้รึเปล่า?” ชิกิพูดด้วยเสียงที่เรียบง่าย ชายคนนั้นก็สะดุ้งทันทีเพราะสัมผัสได้ถึงแรงที่จับแขนจากเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเขา แต่กลับมีแรงมหาศาลเสียมากกว่าเขาเสียอีก


“จ—- เจ้าจะมายุ่งอะไรด้วยละ เรื่องนี่เองก็ไม่เกี่ยวกับเจ้านะเจ้าคนต่างแดน!!” เขาพูดและสะบัดมือของชิกิออก แรงสะบัดนั้นชิกิเองก็สามารถต้านแรงนั้นได้แต่แค่เธอเลือกจะปล่อยเสียมากกว่า


“….พวกเจ้าก็เห็นว่านางไม่ได้อยากไปกับพวกเจ้า” ชิกิพูดและเดินเข้าหาชายหนุ่มบังตัวของเจสสิก้าเอาไว้ “แถมพวกเจ้ายังใช้กำลังกับนางอีกมันเป็นเรื่องที่น่าอายนะ…” น้ำเสียงที่ถ่างถาง กับประโยคที่ตรงไปตรงมาของชิกิทำให้ชายคนนั้นกัดฟันดังกรอดๆ พร้อมกับเลือดที่ขึ้นหน้าสุดๆ


“นังนี่!!!!!” ชายคนนั้นคำรามความโกรธออกมาและพุ่งหมัดตรงออกมาหวังจะซัดหน้าเด็กสาวที่แสนจะอวดดีตรงหน้า ทำให้คนรอบต่างตกใจ แต่ในเสี้ยววินั้นเอง…


ชิ้ง!!!!


ฉัวะ!!!!


ชิกิได้ชักดาบที่อยู่ข้างเอวขวาของเธอด้วยมือซ้าย มือขวาที่จับดาบและปลอกยกตั้งฉากตรงหน้าของเธอแต่เธอนั้นไม่ได้ชักออกมาหมด เธอดึงดาบที่คมด้านเดียวที่สีใบดาบนั้นเป็นสีดำเงาผสมดำด้าน ออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เพราะความไม่ระวังของชายหนุ่มที่เลือดขึ้นหน้าก็พลาดท่าพุ่งหมัดใส่ด้านคมกริบของดาบ เสียงของกระดูกกับเนื้อที่แยกจากกัน เลือดสดๆสีแดง ที่พุ่งออกมาตามเส้นเลือดที่ถูกฟันขาดกระเซ็นไปทั่วและเลอะผ้าคลุมมของชิกิน กับใบหน้าที่อ่อนเยาว์ย้อมไปด้วยเลือด มองหมัดของผู้ที่จู่โจมเข้ามาถูกคมดาบตัดไปตั้งแต่มือไปถึงค่อนแขน


“อ๊ากกกกกกกก!!!!!!” ชายหนุ่มกรีดร้องออกมาและทรุดลงพื้นมองมือของเขาที่แทบจะแยกจากกัน “แขนข้า! แขนของข้าาา” เขาคร่ำครวงและในขณะที่ลูกน้องที่ติดตามกำลังจะเลือกว่าจะจัดการชิกิน แต่พอเห็นสายตาที่หรี่ตา ราวกับสัตว์ล่าเนื้อและใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือด ก็เป็นคำเตือนจากเธอว่าชะตากรรมของพวกอาจจะเป็นเหมือนชายที่นั่งทรุด หรือแย่กว่านั้นเสียก็ได้


“รีบไปในขณะที่ยังมีโอกาสซะ…ข้าไม่ได้ตัดแขนของเจ้าขาดเสียจนใช้การมิได้แค่ไปหาหมอและรักษาเสีย….ไปซะ!!” เสียงที่เย็นยะเยือก กับดวงตาที่ดุร้ายกับกินเลือดกินเนื้อยิ่งประโยคคำขู่นั้นทำให้ลูกน้องก็แบกหัวหน้าของเขาออกไปจากร้านในทันที 


ฟึ่บ…


กริ๊ก…


เสียงสะบัดตัดผ่านลมของการที่เธอสะบัดเลือดออกจากดาบเธอและเอามันเก็บเข้าฝักดาบลงไป และสิ้นเสียงของการเก็บดาบ บาร์ที่วุ่นวายก็เงียบลง ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักอย่างพอเห็นเหตุการณ์สยองตรงหน้า 


“เท่าไร?” ชิกิเดินไปตรงที่เคาท์เตอร์ เธอรู้สึกว่าคงจะมีปัญหาตามมาแน่ๆถ้าเลือกอยู่ต่อ ชิกิรีบคว้าหมวกสานไม้ของเธอมาและเตรียมตัวกำลังจะออก


“7 เหรียญทองแดง” เจ้าของร้านบอกราคาเสร็จชิกิก็หยิบถุงเงินออกมาจาก แขนเสื้อที่โปร่งของเธอออกมาและเปิดถุงเงิน เสียงกระทบของเงินนั้นทำให้เจสสิก้ามองเงินในถุงก่อนจะคิดอะไรบางอย่าง ส่วนชิกิเองก็เอาเหรียญทองแดงมาวาง 7 เหรียญ สวมหมวกใบใหญ่เตรียมพร้อมและเดินผ่านเหล่าลูกค้าออกไป 


พอออกมาเธอก็ใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดตรงหน้าและมองสภาพของเธอที่เปื้อนเลือดตอนนี่เธอรู้สึกว่าต้องการอาบน้ำชำระตัวเธอตอนนี้สุดๆ 


“นี่ๆ~ ชิกิ” เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้เธอหยุดชะงักก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง ใช่เธอจำเสียงเรียกนี้ได้และมันทำให้เธอรู้สึกเซ็งมากๆ “เจ้าต้องการอะไรล่ะเจสสิก้า?” ชิกิหันไปมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกเช่นเดิม และการได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนเลือดก็ยิ่งทำให้เจสสิก้ากลืนน้ำลายเบาๆ


“นี่ๆ อย่าทำหน้าตาน่ากลัวสิ ข้าแค่อยากจะขอบคุณเจ้าเองที่อุสาต์ช่วยข้าไว้~” เจสสิก้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวานกับความสำนึกบุญคุณที่ชิกิช่วยเอาไว้ “นี่ๆ ไม่มีอะไรที่ข้าพอจะช้วยหรือตอบแทนได้เลยจริงๆเหรอ? เงิน? ที่ัพัก? หรืออย่างอื่นข้าก็ไม่เกี่ยงน่า~” ชิกิหรี่ตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ


“……งั้นเจ้าพอจะรู้จักคนมากจากไทโยเหมือนกับข้ามั้ย? ข้าตามหาเขาอยู่…” ชิกิหันตัวเต็มๆไปหาเจสสิก้า “ตัวสูง ผมสีดำ อายุประมาณปีนี่เขาคงอายุ น่าจะ 47 ปีแล้วมีหมวกแบบข้าแต่เป็นสีแดง” ชิกิอธิบายรูปพรรณของคนที่เธอตามหาและชี้ไปที่หมวกสานของเธอเอง


“อืม……ทำไมถึงต้องตามหาเหรอ? คนรักของเจ้าเหรอแหม~ เจ้าชอบผู้ชายวัยกลางคนเหรอเนี่ย” เจสสิก้าจับคางของตัวเองและทำท่าครุ่นคิดว่าสิ่งที่ชิกิพูดมานั้นเธอเคยเห็นมารึเปล่า ก่อนจะเกิดความสงสัยและเอ่ยปากแซตัวของชิกิ


“เขาเป็นอาจารย์ของข้า….และเป็นผู้เลี้ยงดูข้า”ชิกิพูดขึ้นมาก่อนจะหยิบกระดาษที่พับแต่เก็บเอาไว้อย่างดีจากแขนเสื้อที่โปร่งของเธอ ก่อนจะคลี่มันออกเป็นภาษาบ้านเกิดของเธอที่เขียนเอาไว้ “อาจารย์ของข้าทิ้งข้อความเพียงประโยคเดียวให้ข้า…’ข้าอยู่ที่เรจัส’” ชิกิที่ปกติมักจะทำหน้าเรียบเฉยก็แสดงสายตาที่มีหลากหลายอารมณ์ ทั้งเศร้า เหงา สงสัย เป็นห่วงและอ้างว้าง เป็นสิ่งที่ทำให้เจสสิก้านั้นรู้สึกบีบหัวใจไม่ใช่น้อย


 “งั้นเหรอ”เจสสิก้าที่ได้เห็นสายตาแบบนั้นก็หลบหน้าเล็กน้อยเพราะว่าไม่รู้จะพูดอะไรออกไป “ข้าไม่เคยเห็นหรอกนะแต่ข้าพอรู้จักคนที่จะบอกได้นะว่าคนที่เจ้าตามหาน่ะอยู่ที่ไหน” เจสสิก้าพูดข้อเสนอออกมาโดยหวังว่าชิกิจะสนใจ


“………ว่ามา” ชิกิที่กระตุกเล็กน้อยเอ่ยขึ้นมาโดยหวังว่าจะเป็นเบาะแสที่สามารถจะพาไปหาคนที่เธอต้องการเจอ


“ฉันรู้จักคนที่สามารถพาคนไปเจอได้ตามข้ามาเลยสิ~” เจสสิก้าพูดแล้วเดินนำหน้าชิกิเป็นการให้เธอตามมา 


เส้นทางที่เจสสิก้าได้นำทางไปนั้นจากทางเดินที่มีคนเยอะยะ ก็ลดลงมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไม่มีคนเดินทางหรือผ่านทางน้อย จุดที่เจสสิก้าเป็นพื้นที่ซอยไม่ได้แคบเกินไปแต่ก็ลับตาผู้คนหลายคนเช่นกัน ชิกิที่เริ่มจะรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆขึ้นมาทันที


“เจสสิก้า…นี่มันเรื่องอะไร” ชิกิหันมาถามเจสสิก้าและแน่นอนว่าเจสสิก้ามีท่าทีที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกผิดที่แปะบนหน้าของเจสสิก้าชัดเจน


“ข้าขอโทษ….” สิ้นคำพูดของเจสสิก้าก็มีกลุ่มชายออกมาจากที่ซ่อย 8-9 คนจากการแต่งตัวและท่าทางที่ชั่วร้ายไม่ต้องเดาได้เลยว่าชิกิโดนหลอกมา ชิกิที่ถึงจะไม่พูดอะไรแต่ความผิดหวังก็ออกมาจากสายจนเจสสิก้าต้องหันหลบหนี


“ทำได้ดีมากๆเลยเจสสิก้า” คนที่เป็นหัวหน้าที่ทั้งตัวใหญ่กล้ามบึกบึนก็ตบไหล่และบีบไหล่เจสสิก้าอย่างแรง ชิกิเองก็พึ่งจะสังเกตไม่สิ พึ่งตั้งใจมองดีๆผิวของเจสสิก้าที่มีบาดแผลและรอยฟกช้ำนั้นมันพอทำให้เดาได้เลยว่าบางที แค่บางที ถ้าเจสสิก้าไม่ทำคนที่เจ็บตัวคงเป็นเธอ


ชิกิได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบถุงเงินมาจากแขนเสื้อที่โปร่งของเธอ ‘ช่วยไม่ได้’ ชิกิที่ได้แต่คิดและเก็บความรู้สึกหงุดหงิดในใจ ก่อนจะโยนถุงเงินไปลงตรงหน้าพวกโจร “เอาไปสิ….อยากได้ก็เอาไป”


“ฉลาดนี่นายัยหนู” หัวหน้าโจรเดินมาหยิบถุงเงินตรงหน้าและเปิดดูจำนวนเงินพร้อมผิวปากเบาๆ“ไม่ใช่น้อยๆเลยน่ะแต่….” เขาเว้นคำพูดและแสยะรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เหล่าพวกโจรก็เริ่มเดินมาล้อมชิกิไว้ “แต่ถ้าเอาเธอที่เป็นคนจากไทโยแถมยังหน้าตายังสวยๆคงได้เงินเยอะกว่านี้ล่ะนะถ้าเอาไปขายเป็นทาส”


“เดี๋ยวสิ!เราได้เงินกันมาแล้วปล่อยเธอไปเถอะน่า” เจสสิก้าที่เห็นว่าเรื่องนี้มันเกินเลยไปก้ไปจับแขนแต่ก็ถูกตบหน้ากลับไป “เงียบไปเลยกระหรี่อย่างเธอก็มีหน้าที่แค่หาคนอื่นมาให้พวกข้าละนะ!!” หัวหน้าโจรพูดอย่างดูถูกและหยาบออกมาที่ช่างดูถูดูแคลน หญหญิงสาใน

ขณะที่สถานการณ์กำลังจะแย่ลงมาขึ้นไปอีก ชิกินั้นยังคงสงบเสมอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือหวั่นใจอะไรเลย 


“เหะ….นิ่งแบบนี้ก็เสร็จข้าล่ะนะ” โจรคนหนึ่งที่เห็นว่าชิกิไม่ได้มีท่าทีขัดอะไรก็เดินไปใกล้ในทันที แต่การไปใกล้นั้นก็เท่ากับว่าการข้ามเส้นการมีชีวิตอยู่ไปสู่ความตาย


ชิ้ง—-


ฉัวะ!!!


“อะ….” โจรที่กำลังจะไปจับตัวชิกิสิ่งที่เขาเห็นคือชิกิชักดาบจากเอวขวาของเธอ และเหมือนจะฟันอะไรบางอย่างและยิ่งรู้สึกอะไรเย็นๆผ่านคอเขา เจ้านั้นก็จับคอของตัวเอง จากนั้นภาพแห่งความสยองได้เกิดขึ้น คอของเขาค่อยมีรอยแยกหัวของเขาก็ค่อยๆหลุดจากบ่า และร่วงสู่พื้นเบือดสีแดงชาดได้พุ่งดังกระชูดออกมาจา แผลที่โดนฟัน ร่างที่ค่อยๆทรุกคุกเข่าแน่นิ่งไป


ตัวของชิกิที่เปื้อนเลือดก็ช่างนิ่งสงบ มือข้างซ้ายที่ถือดาบคมด้านเดียววที่เป็นสีดำก็ชุ่มไปด้วยสีแดงที่ไหลรินตามใบดาบลงมา เหล่าโจรที่เหลือรวมถึงหัวหน้าโจรก็อ้าปากค้างในความตกตะลึง


“เร็วเข้าจัดการมัน!!!” หัวหน้าโจรก็ตั้งสติกัดฟันกรอดจะออกคำสั่งให้คนที่เหลือโจมตี ทุกคนเองก็หยิบอาวุธขึ้นมรา ชิกิที่ตั้งท่ายื่นเท้าซ้ายมามือขวาที่ก็จับด้ามดาบและยกขึ้นตั้งท่า ไม่หวั่นไหวใดๆเพียงแค่จดจ่อกับศัตรูตรงหน้า


ฟุ่บ!!!!


และก่อนที่เจ้าพวกโจรนั้นจะทำอะไร ชิกิก็พุ่งไปที่หน้าคนที่ใกล้ที่สุดและจากนั้นก็ฟันทะแยงขึ้นไปในทันที เสียงของกระดูกและเนื้อที่ขาดสะบั้นออกจากกันเลือดที่พุงออกมาโจรนั้นร้องออกมาก่อนจะหงายหลังล้มลงไป


“แก!!!!” โจรอีกคนก็พุ่งมาจากทางด้านหลังของชิกิกก็หมายจะฟันเธอ แต่ชิกิเองก็ย่อตัวหลบแยกขาข้างหนึ่งออกและใช้มือซ้ายตัดข้อเท้ามันออก พอเท้ากับข้อเท้าแยกออกก็หงายล้มไป


“เท้าข้า!!!!!” โจรคนนั้นดิ้นทุรนทุรายพลางจับขาตัวเองที่ขาดกับเลือดสดไหลมา อีกคนที่ก็จะใช้ช่องโหวฟันชิกิก็เข้ามา 


ฟึ่บ…


เธอเบี่ยงตัวขวาเพื่อหลบก่อนจะใช้มือขวาจับมือข้างที่มันถือดาบบิดมันให้ปลายดาบนั้นลงมา ก่อนจะทำสิ่งที่อาจจะเรียกว่าเกินศีลธรรมของมนุษย์ไปก็ได้ เพราะเธอออกแรงบังคับกดมือของโจรลงไปและปลายดาบนั้นก็ปักแทงไปที่ปากของคนที่นอนดิ้น


ฉึก


“อ่อก!” โจรที่ถูกดาบปักไปที่ปากความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เสียงสำลักของเลือดที่ดังออกมานั้นทำให้อีกคนนั้นเหวอ แต่ก็เปิดช่องที่ทำให้ชิกิจับดาบด้วยมือสองข้างและฟันลงตัดสะบั้นหัวออก


เจสสิก้าที่เห็นการต่อสู้ ไม่สิจะเรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้มันคือความบ้าคลั่ง การฆ่าที่ใบหน้าของผู้ฆ่านั้นช่างเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไรมาเลย และเจสสิก้าก็ได้แต่นั่งมองภาพที่อยู่ตรงหน้า “ปิศาจ….” นั้นคือคำพูดเดียวที่โพล่ในหัวของเธอตอนนี้ “อะ…”และเจสสิก้าก็เห็นว่าหัวหน้าโจรจะทำอะไรบางอย่าง


ในขณะที่ชิกินั้นกำลังทยอยจัดการพวกโจรทีละคน ทีละคน เจ้าหัวนั้นก็แอบค่อยๆเข้าไปและพอได้จังหวะก็เข้าโจมตีชิกิ”ตายซะ!!!!!” หัวหน้าโจรตะโกนและยกดาบใหญ่ยักษ์ขึ้น


แตร๊ง!


“คุกเข่าซะ!!!!” ในจังหวะทีเผลอเจสสิก้าก็ใช้เวทมนต์ผ่านการดีดลูทสั่งให้เจ้าหัวหน้าโจรนั้นคุกเข่า


ตึง!!!

 

“เฮ้ย!! แก!!!” หัวหน้าโจรที่ตกใจก็หันไปทางเจสสิก้าที่ใช้เวทมนต์ก็หันไปและพยายามขยับแต่ก็ขยับอะไรไม่ได้เลย


ชิกิที่หันมาก็พุ่งไปจัดการหัวหน้าโจรเธอง้างดาบขึ้นสูงและพิฆาตหัวหน้าโจร ฟันตั้งแต่หัวจนถึงหว่างขา “อ๊ากกกกกกก!!!” เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นมา พอร่างของหัวหน้าโจรล้มนอนลงไปก็เป็นสัญญาณที่ของการบอกว่าการฆ่าแสนบ้าคลั่งนั้นสิ้นสุดลง 


ฟึ่บ!


กริ๊ก….


ชิกิออกแรงสะดับเลือดออกจากดาบออกและนำดาบใส่ลงในปลอกดาบ รอบๆร่างชิกิมีเพียงซากศพร่างที่เกลื่อนนั้น ก็ตายอย่างสยดสยอง ชิกิที่ไม่สนอะไรก็หยิบถุงเงินของตัวที่เปื้อนเลือดขึ้นมาจากศพของหัวหน้าโจร เก็บไว้ในแขนเสื้อโปร่งของเธอ


“เจ้าจะไม่ฆ่าข้าเหรอ?” ความสงสัยของเจสสิก้านั้นผุดขึ้นมาเพราะนึกว่าหลังจากนั้นชิกิจะมาฆ่าเธอต่อ


“เพราะเจ้าไม่ได้โจมตีข้า….ข้าก็ไม่จะฆ่าให้เสียแรงหรอก” ชิกิอิธิบายและจัดองค์ทรงเครื่องให้เรียบร้อยพร้อมเตรียมตัวออกเดินทางต่อ `ชิกิเดินผ่านตัวของเจสสิก้าอย่างไม่ใส่ใจออกไป


เจสสิก้ามองตามชิกิก่อนจะคิดอยู่แปปหนึ่ง เธอรีบลุกขึ้นและหยิบลูทเครื่องดนตรีของเธอขึ้นมา “ชิกิข้าจะออกเดินทางไปกับเจ้าด้วย!!!” เจสสิก้าพูดขึ้นมา


“ไม่ล่ะ ถ้าไปกับเจ้าอีกละก็เจ้าคงหลอกข้าไปเจอโจรอีกแน่ๆ” ชิกิตอบปฏิเสธทันทีเพราะตนเองก็ไม่ได้อยากจะเจอสถานการณ์แบบนี้อีกแหงๆ


“เรื่องนั้น….” เจสสิก้าไม่กล้าที่จะตอบคำถามของเธอนั้น เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้คือความผิดของเธอ “ข้าต้องทำเพราะว่า…ข้าหนีออกจากบ้านและจำเป็นต้องเข้าร่วมกับพวกโจรจริงๆ…แต่ครั้งนี้ข้าไม่หลอกเจ้าแน่ๆเชื่อข้าเถอะ!” เจสสิก้าอ้อนวอนชิกิอีกครั้ง และแสดงความจริงใจ ซื่อสัตย์ ที่สำคัญอยากจะชดใช้ความผิดของเธอ


ชิกิมองหน้าเจอสสิก้าก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ~ ก็ได้แต่ว่าอย่าพาข้าไปเจอเรื่องอะไรอีกก็แล้วกัน” พูดจบชิกิก็เดินต่อ


“อื้ม!!!” เจสสิก้ายิ้มกว้างออกมาและพยักหน้าพร้อมกับรีบเดินตามชิกิไป


อืม….ตอนนี้ข้าอยากจะอาบน้ำจังเลย