ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา
ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย
ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ?
แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?
CHAMPAGNE’ S POV:
เช้าวันแรกของการทำงานเริ่มต้นทันทีที่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัว สีเสื้อมงคลด้านการงานสำหรับวันจันทร์ คือ สีเขียว เทาและครีมดังนั้นฉันจึงเลือกชุดเบลเซอร์แขนยาวสีครีมจับคู่กับรองเท้าส้นสูงสีเทา ฉันนั่งแต่งหน้าที่โต๊ะเครื่องแป้งโดยเลือกเครื่องสำอางโทนชมพูพีชแล้วม้วนผม เสร็จสรรพทุกขั้นตอนใช้เวลาสิริรวมประมาณ 1 ชั่วโมง ฉันคว้าโทรศัพท์เครื่องบาง กุญแจรถใส่กระเป๋าถือ
เมื่อลงไปชั้นล่างก็พบว่าแม่กำลังงีบบนโซฟา พี่ยินออกไปทำงานตั้งแต่ 6 โมงเพราะต้องออกกอง มี ฉันขับรถเก๋งคันเล็กออกจากบ้านไปพร้อมกับส่งข้อความหาแม่ให้ท่านปิดรั้วหน้าบ้านด้วย ระยะทางจากบ้านหลังเล็กในหมู่บ้านจัดสรรย่านบางนาไปถึงบริษัทที่ตั้งอยู่แถวห้วยขวางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงบวกลบเวลารถติดแล้ว ฉันน่าจะไปถึงออฟฟิศทันเวลา
ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณ รองเท้าส้นสูงของฉันเหยียบบนพื้นโฮมออฟฟิศของบริษัท กวินธาดา มีเดีย ที่มีความสูง 5 ชั้นในเวลา 9 โมง 27 นาที ฉันเลื่อนบานประตูก็พบกับพนักงานฝ่ายบุคคล รู้ได้จากป้ายแผนกและบัตรที่ห้อยคอพวกเขา ชายวัยกลางคนเรือนผมสีดำสนิทคนหนึ่งรีบเดินปรี่มาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มอาบหน้า
“น้องแชมเปญใช่ไหมครับ พี่เษมนะที่โทรแจ้งเราเมื่อวาน นี่บัตรเข้างานแล้วก็ห้องทำงานน้องอยู่ชั้น 5 ลิฟต์ที่นี่ต้องแตะบัตรเท่านั้นถึงจะเข้าใช้ได้ ดังนั้นอย่าทำหายเด็ดขาด ค่าทำบัตรแพงมาก” เขาแนะนำตัวพร้อมยื่นบัตรพร้อมสายคล้องมาให้ฉัน ในบัตรปรากฏรูปหน้าตรงของฉันซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่แนบในเรซูเม่ “คุณการันต์น่าจะรออยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
“รีบหน่อยก็ดีนะ”
ฉันโค้งขอบคุณแล้วบึ่งไปที่ลิฟต์ตัวเดียวในบริษัท เมื่อประตูเปิดออก ฉันแตะบัตรที่หน้าจอสแกนเพื่อยืนยันตัวตนแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 5 ตามที่พี่เษมบอก ภายในกล่องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี้สามารถจุคนได้ไม่เกิน 6 คนแต่ออฟฟิศก็มีบันไดให้ใช้เช่นกัน
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้น 5 ฉันก็ได้เจอกับฝ่ายขายและการตลาด ฉันโค้งสวัสดีทุกคนด้วยความที่ไม่รู้จักชื่อใคร ถึงอย่างนั้นก็มีชายร่างสูงสวมแว่นคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับแนะนำตัว พี่นอร์ทเดินนำทางไปที่ห้องผู้บริหารซึ่งอยู่บนชั้นลอยที่ต้องขึ้นบันไดไปอีกหน่อย
บรรยากาศข้างบนนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะผนังสีดำติดชั้นวางบิวต์อินขนาดมหึมาเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารและหนังสือ พอมีของตกแต่งให้เห็นบ้างประปราย เพดานห้องสูง 4 เมตร ทำให้ห้องดูโอ่อ่ามากกว่าเดิม กระจกบานโปร่งเพื่อให้แสงแดดสาดกระทบโต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่วางอยู่ที่ 2 มุมห้อง
“คุณคงเป็นเลขาคนใหม่ของคุณการันต์”
“ใช่ค่ะ”
“ขอให้โชคดีนะครับ”
พี่นอร์ทกล่าวแค่นั้น ทิ้งให้ความสงสัยผุดงอกเหมือนหย่อนเมล็ดพันธุ์ลงในความคิด ฉันนิ่งงันไปสักพักเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน “ทำไมคะ” คือสิ่งที่อยากจะถาม ทว่าคู่สนทนากลับเดินออกไปแล้ว สิ่งที่สงสัยคงเป็นเพียงคำถามที่ควรเก็บไว้ในใจต่อไป
“เข้ามาสิ”
เสียงทุ้มของใครบางคนจากมุมห้องกล่าวแกมออกคำสั่ง ฉันก้าวขาเดินเข้าใกล้ต้นเสียงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ฝั่งขวา ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่านั่นคือเสียงของคุณการันต์แต่กลับรู้สึกเกร็งเพราะนี่เป็นการพบกันครั้งแรก “แชมเปญ...”
อีกฝ่ายเปล่งเรียกชื่อของฉันด้วยเสียงดังฉะฉาน ฉันยกมือขึ้นไหว้แล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้เขา
“สวัสดีค่ะ คุณการันต์”
“เรียกว่า ฮาล ก็ได้” คุณการันต์รับไหว้แล้วบอกแบบนั้นแล้วผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะผายมือไปที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม “โต๊ะทำงานของคุณอยู่ตรงนั้นนะ” ฉันหันมองตามมือของเขาแล้วพยักหน้ารับทราบ “ทำใจไว้แล้วใช่ไหมว่าต้องรับงานเอกสารเยอะมาก ต้องเข้าร่วมทุกการประชุมกับผม บางทีอาจต้องช่วยงานนอกกับผมด้วย”
“ค่ะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
“หวังว่าจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”
“แน่นอนค่ะ”
แม้จะรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างหลังจากได้สนทนา แต่เพราะยังไม่คุ้นชินจึงยังเกร็งอยู่บ้าง ฉันเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จัดแจงวางกระเป๋าถือและเปิดคอมพิวเตอร์ ทันทีที่หน้าจอมอนิเตอร์สว่างจ้าก็พบกับโฟลเดอร์งานสีเหลืองเต็มหน้าจอ
“แชมเปญลองเข้าไปดูในโฟลเดอร์ที่คนเก่าทำเอาไว้ก็ได้ จะได้คุ้นเคยว่าที่นี่ใช้เอกสารอะไรบ้าง คนเก่าเขาแบ่งโฟลเดอร์ตามแผนกที่มีในบริษัทอะ... ฝ่ายบริหาร การตลาด งานขาย โปรดักชัน บรรณาธิการ บัญชีแล้วก็บุคคล ยังไงก็ศึกษาดูนะ สงสัยตรงไหนก็ถามได้”
“ค่ะ ตอนนี้กำลังดูอยู่ค่ะ ว่าแต่พวกนัดประชุมจะดูได้จากที่ไหนคะ”
“คุณเข้าไปในปฏิทินอะ ถ้ามีเน้นสีแปลว่ามีกิจกรรมในวันนั้น” ฉันพยักหน้าขณะไล่สายตามองตารางงานในแอพพลิเคชันปฏิทินบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สีเขียวคือประชุมภายในบริษัท สีเหลืองคือนัดพบลูกค้า สีแดงคืองานนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท
“เจอแล้วค่ะ วันนี้ตอน 11 โมงมีประชุมกับการตลาดกับโปรดักชันเรื่องรายการพอดแคสต์นะคะ”
“อืม นั่นแหละ เจองานประชุมตั้งแต่วันแรกอาจจะเกร็งหน่อย แต่ไม่ต้องกลัวนะ ทุกคนใจดี”
ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อที่คุณการันต์บอกว่าทุกคนใจดี เพราะเห็นไม่มีใครท่าทางใจดีสักคนเลย นอกจากพี่เษม ฮาลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขายืนมองวิวผ่านกระจกบานโตภายในห้องนี้ ฉันมองตามเขาด้วยความสงสัยว่าเขากำลังมองอะไรกันแน่หรือกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณมาดูนี่สิ” เมื่อฮาลเอ่ยปากเรียก ฉันก็รีบเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย ฉันยืนเว้นระยะห่างกับเขาประมาณ 2 เมตรเพื่อไม่ให้ใกล้ชิดเกินไป “เห็นตึกนั่นใช่ไหม” เขาแตะปลายนิ้วไปที่ตึกไกล ๆ ที่มีความสูง 15 ชั้นซึ่งปกคลุมด้วยผืนผ้าสีเขียวแสดงให้เห็นว่ายังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง “ภายในต้นปีหน้า พวกเราจะย้ายไปที่นั่นกัน ตึกสูงกว่า รองรับพนักงานได้มากกว่า ตอนนี้เรามีพนักงานประมาณ 80 คน ต่อไปจะมีเพิ่มขึ้นอีก รูหนูแค่นี้รองรับได้ไม่พอหรอก”
“ที่นี่ยังโตไปได้อีกเยอะเลยค่ะ”
“ใช่ ผมถึงต้องการให้คุณช่วย รู้ไหมว่าผมคิดอะไร”
“คุณกำลังคิด...” แววตาคมเข้มของฮาลกำลังมองทะลุเข้ามาในสมอง ฉันอ่านอีโก้จากสายตาคู่นั้น มันชัดเจนถ่องแท้เสียจนไม่ต้องตีความ “คุณไม่อยากเป็นแค่สื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศ คุณอยากเป็นมากกว่านั้น คุณอยากเป็นที่หนึ่ง”
“หวังว่าเราจะร่วมกันได้จนผ่านโปรนะ แชมเปญ” ฮาลพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แปลว่าฉันพูดถูก ฉันอ่านเขาได้... แหงสิ ฉันเป็นแฟนคลับของเขานี่ “ระหว่างนี้ยังไม่มีอะไรก็ลองดูไฟล์งานเก่าไปก่อนนะ ผมจะไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย”
“คุณฮาลคะ” ฉันรั้งแขนของเขาเอาไว้เพราะนึกขึ้นได้บางอย่าง “ฉันขอเบอร์โทรของคุณได้ไหมคะ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ติดต่อกัน”
ฮาลบอกเบอร์มือถือ 10 หลักของตัวเองให้กับฉัน ก่อนจะเดินออกจากห้อง ฉันบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ในชื่อ ‘HAL – BIG BOSS’ หลังจากนั้นก็เดินสำรวจห้องทำงาน ในชั้นวางมีเครื่องชงกาแฟ เครื่องทำน้ำร้อน กล่องกาแฟผงและชาแบรนด์ต่างประเทศ ขนมถุงจำนวนหนึ่งและถ้วยเซรามิคจำนวนมาก เท่าที่ฉันสังเกตชุดถ้วยชาถ้วยกาแฟเหล่านั้นเป็นสีน้ำเงินแซฟไฟร์ สีโปรดของฮาล
จริงสิ... ฉันไม่รู้ว่าฮาลชอบดื่มกาแฟแบบไหน แต่ไว้ค่อยถามตอนเขากลับมาแล้วกัน
(1 ข้อความใหม่จาก GIN:
ตอนนี้พี่อยู่บ้านแล้วนะแต่เดี๋ยวเย็นนี้ต้องออกไปถ่ายงานต่อ อาจจะไม่กลับบ้าน ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไงก็ฝากดูแม่ด้วย ต้องให้แม่นอนเตียงเท่านั้นนะ จะได้ไม่บ่นปวดหลังอีก แล้วก็ขอให้โชคดีกับการทำงานวันแรก)
เมื่อพี่ชายบอกมาแบบนั้น ฉันก็ทำได้เพียงส่งสติ๊กเกอร์รับทราบไปให้เขา พวกเราไม่ถามซอกแซกเพราะต่างไม่ชอบความจู้จี้จุกจิกและตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุยแชทเล่น ฉันควรให้ความสำคัญกับงานมากกว่าสิ่งอื่นในเวลานี้ ยังมีไฟล์เอกสารมากมายที่ต้องทำความเข้าใจและการประชุมที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมง ฉันคว่ำหน้าโทรศัพท์แล้ววางลงบนโต๊ะ
ฉันควรเตรียมตัวสำหรับการประชุมสักที ฉันจะเข้าไปนั่งข้าง ๆ คุณฮาลโดยไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ ว่าแล้วก็เปิดดูไฟล์ Presentation รายการที่แนบไว้ในแอพพลิเคชั่นปฏิทินสักหน่อย เลขาคนเก่าเก็บงานได้ดีจริง ๆ
ว่าแต่ทำไมมันมีต่อท้ายว่า _final หลายไฟล์เลยล่ะ?! ทั้ง final1 final2 final_update ว่าแต่ฉันควรลบไฟล์พวกนั้นหรือเก็บไว้แบบนี้ แต่ให้ตายเถอะ... มันโคตรชวนสับสนเลย ในเมื่อฮาลไม่อยู่ให้ถามว่าควรทำยังไงกับไฟล์เก่าพวกนี้ ฉันจะทำตามสัญชาตญาณตัวเองแล้วกันนะ ฉันเคาะเมาส์ขวาเพื่อสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์เก่าในโฟลเดอร์ Presentation ของฝ่ายการตลาดที่รับผิดชอบส่วนนี้ และสร้างอีกโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ปัจจุบัน
“หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจคนดูดบุหรี่ไฟฟ้านะ” ตอนนั้นฮาลก็กลับมาพร้อมบุหรี่ไฟฟ้ากลิ่นมินท์พอดี เขากล่าวพลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง “แล้วเป็นไงบ้าง ไหวใช่ไหม”
“ไหวค่ะ ฉันกำลังดู Proposal รายการ Business Talk”
ฉันตอบกลับด้วยแพชชั่นทั้งหมดที่มี
Proposal รายการที่ว่าเกี่ยวกับ Business Talk ที่จะเป็นสัมภาษณ์พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับนักธุรกิจหรืออินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในประเทศมาร่วมทานมื้อหรูด้วยกัน รายการเป็นรูปแบบสัมภาษณ์มีความยาวประมาณ 30 นาที โฮสต์คือหมอก พิธีกรจากรายการพอดแคสต์เล่าเรื่องผี Untitled Ghost Story ที่มีผู้ติดตามถึงครึ่งแสนคนภายในเวลาสามเดือนของการกักตัวจากโรคระบาดของปี 2021 “คุณฮาลอ่านแล้วใช่ไหมคะ”
“อ่านแล้ว แต่อันนี้ยังไม่ไฟนอลอะ ถึงต้องประชุมกันอีกในวันนี้”
“อ๋อค่ะ แล้วตัวไฟนอลยังไม่ส่งมาเหรอคะ”
“อืม ฝากตามกับฝ่ายการตลาดหน่อยสิ ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่มันควรจะเสร็จในสัปดาห์นี้เพราะต้องเสนอลูกค้าแล้ว”
“ตามกับใครเหรอคะ”
“นอร์ทหรือทิมก็ได้”
“งั้นเดี๋ยวกลับมานะคะ”
เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้วก็หยิบสมุดโน้ต ปากกาและโทรศัพท์ติดมือแล้วออกจากห้อง ฉันเดินเร็วลงบันไดไปหาพี่นอร์ท ฝ่ายการตลาดซึ่งกำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองอยู่ ระหว่างเดินไปหาเขาก็โค้งตัวสวัสดีทุกคน จะว่าไป... ไม่เห็นคุณทิมเลยแฮะ
“พี่นอร์ทคะ รบกวนช่วยส่งไฟล์ Proposal รายการ Business Talk ตัวล่าสุดมาให้หน่อยได้มั้ยคะ มีอัพเดตหรือยังคะ” ฉันรีบเข้าประเด็นเพราะไม่อยากยืดเยื้อ อีกอย่างพี่นอร์ทก็ดูว่าง ๆ อยู่ด้วย
“ไอ้เจ ครีเอทีฟยังทำไม่เสร็จเลยน่ะสิ พี่เร่งมันอยู่ คงได้ดูพร้อมกันในห้องประชุม ฝากแจ้งคุณฮาลด้วยนะ แม่งไม่ทันจริง ๆ ว่ะ”
“อ่า แบบนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” โอเค จบไปหนึ่งเรื่องแต่ยังมีเรื่องอื่นอีก... “งั้นมีอีกเรื่องที่อยากให้พี่นอร์ทช่วยค่ะ”
“อ่าห้ะ”
“ช่วยดึงหนูเข้าไลน์กลุ่มบริษัทด้วยนะคะ”
“ได้สิ”
พวกเราแลกไอดีกัน พี่นอร์ทตั้งรูปโปรไฟล์เป็นลูกหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์คู่กับเด็กชายแก้มแน่นผิวขาวคนหนึ่ง เดาว่าน่าจะเป็นลูกชายไม่ก็หลานของแก ภายในเวลาสองนาที... ฉันก็ได้เข้าไลน์กลุ่มบริษัท G ในฐานะพนักงานคนใหม่ อย่างที่คุณฮาลบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทนี้มีพนักงาน 80 กว่าคน ความจริงจำนวนสมาชิกในกลุ่มมีถึง 92 คน!!
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เจอกันในห้องประชุมนะ วันนี้พี่เข้าประชุมแทนคุณทิม”
“ค่ะ แล้วคุณทิมไปไหนเหรอคะ” ฉันถามเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรรู้ไว้ และตัวฉันเองก็ไม่อยากให้ความสงสัยกัดกินตัวเองจนรู้สึกอึดอัด
“เห็นว่านัดเจอลูกค้าข้างนอก น่าจะเข้ามาตอนบ่าย”
“โอเคค่ะ แชมเปญจะได้แจ้งให้คุณฮาลทราบ”
“ฝากด้วยครับ”
เมื่อได้ข้อมูลที่ควรทราบมากพอก็เดินกลับขึ้นไปในห้องซึ่งคุณฮาลนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่ไฟฟ้ารออยู่ คุณเคยมองใครแล้วเขาดูเหมือนมีสปอตไลท์ส่องอยู่ตลอดเวลาไหม ฉันมองเห็นคุณฮาลเป็นแบบนั้นในวินาทีที่เปิดประตูเข้าห้อง
ชายหนุ่มสูงสง่านั่งบนเก้าอี้ที่เปรียบเสมือนบัลลังก์ตัวนั้น แววตาสีเข้มคู่นั้นหากสบมองนานก็อาจทำให้ลมหายใจถูกกลืนกินจนหมดสิ้นได้ ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวเพราะภาพจินตนาการให้ความรู้สึกเหนือจริงที่น่ากลัวจนขนลุก
“เป็นไงบ้าง” ฮาลถามพลางวางบุหรี่ไฟฟ้าไว้บนโต๊ะ ตอนนั้นเองที่สติกลับมา
“Proposal ไฟนอลยังไม่เสร็จค่ะ รอคุณเจพรีเซนต์ในห้องประชุม วันนี้พี่นอร์ทเข้าแทนเพราะคุณทิมติดนัดลูกค้าข้างนอก น่าจะเข้ามาไม่ทัน”
“โอเค”
“คุณฮาลอยากดื่มอะไรไหมคะ”
“ชาสักถ้วยก็ดี มีกาชงชาตรงนั้นน่ะ ลองดูนะ คุณจะดื่มด้วยก็ได้”
“ค่ะ”
ถึงจะยังไม่รู้ว่าฮาลชอบดื่มกาแฟอะไรแต่ก็ไม่เป็นไร คาดว่าทุกอย่างบนชั้นวางน่าจะเป็นของโปรดของฮาลทั้งหมดนั่นแหละ ฉันเช็คกาน้ำชาและเตรียมชุดถ้วยชา ก่อนจะเติมน้ำเปล่าลงในกาแล้วต้มน้ำ ตามด้วยหยิบซองชาออกจากกล่องชาเอิร์ลเกรย์ยี่ห้อ T แล้วเทใบชาลงในถ้วยกรอง รอให้น้ำร้อนแล้วจึงเทใส่ถ้วยเซรามิคสีน้ำเงินให้ฮาล
“ขอบคุณครับ” เขากล่าวเมื่อฉันวางชุดชาลงบนโต๊ะของเขา ฉันแค่เผยยิ้มให้เขาแทนการตอบกลับอะไร ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับโต๊ะทำงานตัวเอง ฮาลก็กล่าวขึ้นมาว่า “เออ แชมเปญ ไว้ประชุมเสร็จกินข้าวด้วยกันนะ แถวนี้มีร้านอร่อยเยอะ” ทำให้ฉันอึ้งไปสักพัก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ว่าเตรียมข้าวมาแล้ว... สงสัยได้เอากลับไปกินที่บ้านแน่เลย
“โอเคค่ะ”
เมื่อเวลาประชุมมาถึง ฉันเดินตามหลังฮาลโดยพกสมุด ปากกาและโทรศัพท์ไปด้วย เขาเดินลงบันไดไปชั้น 4 มุ่งหน้าเข้าห้องกระจกฝั่งตรงข้ามกับแผนกการตลาด นั่นคือห้องประชุม พี่นอร์ทกับคุณเจรออยู่ในห้องนั้นพร้อมกับเปิดสไลด์พรีเซนต์เอาไว้
“สวัสดีครับ คุณฮาล” ทั้งสองกล่าวทักทายฮาล คนที่ชื่อเจ เป็นครีเอทีฟประจำบริษัท เขามีผมหยักศก สวมแว่นตากรอบหนาเตอะและแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ “เดี๋ยวรอฝ่ายโปรดักชันก่อนนะครับ”
“อืม รอได้ ไม่เป็นไร” ฮาลตอบกลับเรียบนิ่ง “ทุกคน นี่แชมเปญ เลขาคนใหม่ของผม มีอะไรก็ประสานกับน้องได้เลยนะ”
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
“งั้นเราคงต้องสนิทกันไว้แล้วล่ะ แชมเปญ” คุณเจกล่าวพร้อมส่งยิ้มกว้าง “ต่อไปเราจะต้องคุยกันบ่อย ๆ บ่อยมากด้วย”
“แต่ดูเหมือนเรื่องที่เราคุยส่วนใหญ่จะเป็นหนูตามงานพี่อะดิ”
“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องปกติ”
ผ่านไป 10 นาทีก็มีอีกสองคนเข้ามาในห้องประชุม คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผิวสองสีหุ่นนักกีฬา อีกคนเป็นหญิงสาวแต่งหน้าหนักเรือนผมบลอนด์อายุไล่เลี่ยกัน เป็นใครไม่ได้นอกจากฝ่ายโปรดักชัน ฉันแนะนำตัวเองและทำความรู้จักกับพวกเขา พี่ผู้หญิงชื่อ แอนน์ (สะกดแบบมีตัว E) เป็นเลขาฝ่ายโปรดักชัน ส่วนพี่ผู้ชายชื่อ โท เป็นประธานฝ่ายโปรดักชัน คอยดูแลกองถ่าย
เมื่อมาครบองค์ประชุมแล้ว คุณเจก็ทำหน้าที่แสดง Proposal ตัวไฟนอล อธิบายเกี่ยวกับคอนเสปต์รายการซึ่งจะมีการออนแอร์ในอีกเดือนหน้า เพราะสามารถประสานงานกับแขกรับเชิญได้แล้ว แต่ที่มีการแก้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะรูปแบบรายการไม่ได้ทิ้งลายเส้นของ G Media มากพอ นั่นรวมถึงโฮสต์รายการด้วย
กว่าจะประชุมเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายสองแล้ว โชคดีที่ในห้องประชุมพอมีกล่องขนมแจกทุกคน ไม่งั้นน่าจะได้เห็นใครเป็นลมไปก่อน ฮาลจดเนื้อหาสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมจากบรีฟลูกค้าเต็มหน้ากระดาษรีไซเคิลซึ่งเยอะพอ ๆ กับสิ่งที่ฉันจดในสมุดโน้ตของตัวเอง เมื่อทุกฝ่ายแยกย้ายกันไปหมด ฮาลก็พาฉันไปทานข้าวด้วยตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเช้า ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าฉันต้องหิวแน่ ๆ หลังประชุมเสร็จ
ฉันกับฮาลเดินไปลงลิฟต์ด้วยกัน โดยฉันเป็นฝ่ายสแกนบัตรกดลิฟต์ลงชั้นล่างสุด ลานจอดรถของบริษัทคือลานพื้นที่หน้าโฮมออฟฟิศ ฮาลหยิบกุญแจรถออดี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดปุ่มปลดล๊อครถ
“หิวมากไหม”
“พอสมควรค่ะ” ฉันเปิดประตูนั่งข้างคนขับพลางคาดเข็มขัดนิรภัย “คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“คุณกินเนื้อไหม” เขาไม่ตอบคำถามแถมยังถามฉันอีก
“กินค่ะ”
“เดี๋ยวผมพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแถวนี้ อย่างดีเลยล่ะคุณ”
พวกเราไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ฮาลบอกภายในเวลาสิบนาทีด้วยรถยนต์ ฉันคาดหวังว่าร้านอาหารโปรดของเขาจะเป็นร้านเรียบหรู สะอาดตามภูมิฐานของเขา แต่กลับผิดคาดเพราะมันก็เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางธรรมดาแบบที่ฉันชอบกินนี่แหละ
“ป้า เอาก๋วยเตี๋ยวเนื้อพิเศษ ใส่ทุกอย่างนะฮะ” ฮาลเอ่ยปากสั่งกับเจ้าของร้านซึ่งกำลังยืนลวกเส้นอย่างขะมักเขม้นหน้าร้านทันทีที่ลงจากรถ “คุณสั่งได้เลยนะ”
“โอเคค่ะ งั้นหนูเอาก๋วยเตี๋ยวเนื้อพิเศษ ไม่ใส่ถั่วงอกค่ะ”
“ได้จ้า นั่งรอก่อนนะ”
ฮาลไปนั่งอยู่โต๊ะกลางร้านซึ่งมีพัดลมตัวใหญ่จ่ออยู่ เขาดูวุ่นวายกับโทรศัพท์ของตัวเองจนกระทั่งฉันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา ฮาลก็วางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วเงยหน้าสบตาฉัน
“คุณไม่กินถั่วงอกเหรอ”
“ค่ะ ฉันไม่ชอบน่ะ”
ฉันหลุบตาหนีเพราะไม่กล้าสบตาเขานาน แต่แล้วสักพักก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้ก็วางไว้ตรงหน้าพวกเรา ฮาลเปิดกล่องพลาสติกซึ่งมีทั้งชุดช้อนส้อมกับตะเกียบไม้แบบใช้แล้วทิ้ง ฉันหยิบชุดช้อนส้อมสแตนเลส ส่วนอีกฝ่ายเลือกช้อนกับตะเกียบไม้
ฉันเชื่อว่าไม่ได้คิดไปเอง แต่มันมีความรู้สึกอบอุ่นแผ่กระจายออกมาจากฮาล
HAL’ S POV:
หึ หึ...
ผมหัวเราะในลำคอด้วยความรู้สึกเอ็นดูแชมเปญขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเธอไม่กินถั่วงอก ไม่รู้สิ เธอเหมือนเด็กที่ไม่ชอบกินผัก ผมมองเธอม้วนเส้นด้วยส้อมและบรรจงตักเข้าปากเพื่อไม่ให้กระเด็นเปื้อนเสื้อ นอกจากเรื่องผัก พวกเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรอีก จนกระทั่งกินเสร็จและเรียกเก็บเงิน แชมเปญบอกจะจ่ายส่วนของตัวเองแต่ผมก็ยืนกรานจะเลี้ยง เนื่องในโอกาสทำงานด้วยกันวันแรก
“มื้อนี้ผมเลี้ยง ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“ค่ะ”
“แต่ไว้วันหลัง เราไปดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้วนะ”
“ค่ะ”
แชมเปญตอบรับอย่างรวดเร็วและว่าง่าย ผมชอบนะ ไม่ต้องพูดหลายรอบดี แต่เธอคงต้องใช้เวลาปรับตัวสักนิดเพราะกวินธาดามีเดียไม่ได้มีผู้บริหารคนเดียว เธอยังต้องเจอคนอื่นอีก
เท่าที่ผมสังเกตแชมเปญวันนี้ เธอมีความกระตือรือร้น อัธยาศัยดี ไม่กลัวที่จะตั้งคำถามแถมยังเป็นคนละเอียดด้วย สังเกตได้จากการประชุมที่ผ่านมา ถึงมันจะดีมาก ๆ ที่มีคุณสมบัติสุดเพอร์เฟ็กต์ในตัวคนคนเดียว แต่มันอาจเป็นแค่ช่วงแรก ๆ ก็ได้ เพราะเด็กรุ่นใหม่รู้ว่าอะไรดีกับตัวเอง
หากทั้งหมดที่เห็นเป็นแค่การแสดงเพื่อสร้างความประทับใจให้ผม คุณสมบัติเหล่านั้นจะลดน้อยลงจนกระทั่งหายไปทั้งหมดภายในช่วงเวลาของการทดลองงาน 3 เดือนและทำให้ผมต้องหาเลขาคนใหม่อีก
“บ่ายนี้ไม่มีงานอะไรแล้วค่ะ แต่แชมเปญจะจดสรุปการประชุมให้นะคะ”
“เดี๋ยวผมดึงคุณเข้ากลุ่มผู้บริหารนะ สรุปเสร็จแล้วก็ส่งเข้าในนั้น”
“ค่ะ”
ถึงอย่างนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เวลาเปลี่ยน คนย่อมเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่ผมแค่หวังเล็ก ๆ ว่าแชมเปญจะไม่เปลี่ยนไป ผมขับรถพาพวกเรากลับออฟฟิศแล้วขึ้นลิฟต์กลับห้องทำงานของพวกเรา
ถ้าแชมเปญไม่ใช่คนที่มีพลังงานเต็มเปี่ยมมาก ๆ ก็อาจเป็นแรงจากการทานมื้อเที่ยง เธอวางสัมภาระบนโต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์และสมุดโน้ตลงมือทำสรุปการประชุมทันที แบบ... ทันที ความจริงมันไม่ได้รีบมากนะเพราะต้องนำไปอัพเดตในที่ประชุมบริษัทในวันศุกร์อยู่ดี นี่เพิ่งจะวันจันทร์เอง ผมไม่อยากใช้งานเธอหนัก
“เอาเท่าที่ไหวนะ พักกินขนมก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณฮาล เพราะยังไงก็ต้องสรุปไว้ใช้อยู่ดี ฉันจะทำให้เสร็จภายในเย็นนี้ค่ะ”
ความจริงแล้วถือว่า workload ไม่มากเกินกว่าหน้าที่เลขาหรอกนะ ดีเสียอีกที่แชมเปญไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างระหว่างไม่มีกำหนดการงานอื่น แต่เธอยังไม่ได้พักเลย นอกจากพักเที่ยง ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอในฐานะพนักงานใหม่ที่เพิ่งทำงานวันแรก
ผมเดินไปที่ชั้นวางของในห้อง เลือกขนมขบเคี้ยวห่อหนึ่งให้แชมเปญ ไม่รู้ว่าเธอจะชอบแครกเกอร์ชอกโกแลตหรือเปล่านะ แต่มันน่าจะดีกว่าไม่มีอะไรเคี้ยวแก้ปากว่างระหว่างทำงาน
“กินได้เต็มที่เลยนะ ทำงานใช้สมองเยอะต้องเติมพลัง”
“ขอบคุณค่ะ”
ระหว่างแชมเปญทำสรุปประชุม ผมนั่งแชทกับแอมเบอร์ไปพลาง ๆ เพื่อไม่ให้เธอเหงาเกินไปเมื่อไม่ได้เจอกัน ผมพูดถึงแชมเปญให้เธอฟังจะได้หมดห่วงเรื่องผู้ช่วยคนใหม่ พวกเราคุยกันประมาณ 10 นาทีแล้วแอมเบอร์ก็กลับไปทำงานต่อ เธอเป็นนักการตลาดสาวของบริษัทเอเจนซี่ CANDY HEART ซึ่งกวินธาดาก็เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย พวก KOL หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้ออกรายการต่าง ๆ ของ G Media มาจากเอเจนซี่ของแอมเบอร์ทั้งนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวแชมเปญส่งไปให้ตรวจนะคะ”
“เดี๋ยวผมอ่านเองดีกว่า”
ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปหาแชมเปญที่โต๊ะทำงาน วางมือข้างหนึ่งลงบนเก้าอี้และโน้มตัวอ่านสรุปความยาว 4 หน้ากระดาษเอสี่ ผมกวาดสายตาอ่านและพยักหน้าเพื่อให้เธอเลื่อนเมาส์เปลี่ยนหน้า พวกเราอยู่ในความเงียบที่มีเสียงเครื่องปรับอากาศกับเสียงคลิ๊กแผ่วเบา ผมคิดว่าเธอเขียนละเอียดยิบเลยแต่ก็สามารถทำให้กระชับได้ดี ผมเห็นเธอเขียนโน้ตเกือบสิบหน้า เธอคงจดสรุปมาไม่น้อยจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง
“ตัดพวกคำว่า ก็ ออกให้หมดเลย นอกนั้นก็โอเคแล้วล่ะ ส่งเข้ากลุ่มผู้บริหารได้เลย”
“ค่ะ”
“เหนื่อยมั้ย”
“สบายมากค่ะ”
เธอเอนหลังกับเก้าอี้ของตัวเองพลางแกะห่อแครกเกอร์แถมยื่นให้ผมกินด้วย แชมเปญเริ่มเป็นกันเองกับผมมากขึ้นแล้วแฮะ เมื่อผมหยิบแล้ว เธอก็วางห่อไว้บนโต๊ะเหมือนเดิมแล้วลงมือแก้ตามที่บอกได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ส่งงานเข้ากลุ่มผู้บริหารพร้อมแนะนำตัวเสร็จสรรพ “เรียบร้อยค่ะ”
CHAMPAGNE: sent a file
CHAMPAGNE: สวัสดีค่ะ แชมเปญเป็นเลขาคนใหม่ของคุณฮาลนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ แล้วก็ไฟล์ที่เพิ่งส่งเป็นสรุปประขุมโปรดักชั่นเกี่ยวกับรายการ Business Talk ค่ะ
“แชมเปญ”
“คะ”
“ปกติกลับบ้านไปทำอะไรเหรอ” ผมถามเรื่องส่วนตัวเพื่อทำความรู้จักกับหญิงสาวมากขึ้น เพราะผมสนใจในตัวเธอในฐานะผู้ชายคนหนึ่งและนายจ้าง เธอดูตกใจกับคำถามของผม อาจเป็นเพราะไม่ได้เตรียมใจว่าผมจะถามมั้ง
“เอ่อ... ถ้าไม่ดูซีรีส์กับแม่ก็เล่นเกมค่ะ บางทีก็อ่านหนังสือ ถ้าเหนื่อยมาก ๆ ก็อาบน้ำนอนเลยค่ะ”
“แล้วเสาร์อาทิตย์ล่ะ”
“ทำความสะอาดบ้านค่ะ ถ้ามีแรงก็จะไปเที่ยวห้าง ความจริงก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากหรอกค่ะ ถ้าหมดเวลาไปกับการนอนชาร์จพลัง” ผมพยักหน้าฟังคำพูดที่พรั่งพรูจากกลีบปากชมพูเปื้อนผงแครกเกอร์สีน้ำตาล “แล้วคุณฮาลล่ะคะ”
“ไม่ค่อยต่างจากคุณเท่าไหร่ เวลาหมดไปกับการนอน”
“ผิดคาดแฮะ” เธอพูดแซวลอดเสียงหัวเราะออกมา “คิดว่าคุณฮาลจะบอกว่า เสาร์อาทิตย์ไปออกกำลังกายไม่ก็พาแฟนไปเที่ยวเสียอีก” ช่างเป็นความสดใสที่ไม่ได้พบมาสักพักในชีวิต ในโฮมออฟฟิศชั้น 5 ไม่มีความสดใสแบบนี้หลายเดือนนับตั้งแต่เลขาคนเก่าออกไป แชมเปญเหมือนบัวรดน้ำที่มาเติมเต็มดอกไม้ที่แห้งเหี่ยว
“หึ ไม่หรอก ผมออกกำลังกายตอนเช้าก่อนเข้าออฟฟิศน่ะ เสาร์อาทิตย์ก็แผ่พุงอยู่บ้าน ว่าแต่ ใครบอกว่าผมมีแฟนเหรอ”
“อ้าว... ฉันคิดว่า... ในข่าวก็...”
CHAMPAGNE’ S POV:
กรี๊ด!! ห้องหัวใจของคุณฮาลยังว่างอยู่งั้นเหรอ?
ว่าแต่ฉันจะดีใจทำไมในเมื่อจุดประสงค์หลักในการมาทำงานที่ G Media คือการมาทำงานใกล้ชิดกับคุณฮาล ไม่ใช่การครอบครองหัวใจของเขา ฉันขอออกตัวในฐานะติ่งคุณฮาลนะ แค่ได้ทำงานในบริษัทของเขาก็ดีใจมาก ๆ แล้ว ฉันไม่ได้หวังอะไรมากกว่านั้น
“ขอโทษค่ะ คุณฮาล ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไร ช่างเถอะ... ข่าวมันออกไปแบบนั้นแล้ว”
เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มีข่าวว่าฮาลได้หมั้นหมายกับแอมเบอร์ซึ่งเป็นนักการตลาดสาวแห่งเอเจนซี่ CANDY HEART ซึ่งตระกูลบราวน์เป็นผู้ก่อตั้ง การแต่งงานระหว่างฮาลกับแอมเบอร์จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้ตระกูลบราวน์และสร้างความรับรู้ของแบรนด์อีกด้วย จนถึงปัจจุบันทั้งสองบริษัทก็เป็นพาร์ทเนอร์กัน... แต่ทั้งคู่เลิกกันแล้วเหรอ แปลก ๆ แฮะ
“ว่าแต่แชมเปญก็ไม่มีแฟนใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะ เลิกไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ดูแลพี่ชายกับแม่”
“ดีแล้ว จะได้โฟกัสกับงานเต็มที่”
พอเขาพูดถึงงานก็มีเสียงเคาะประตูก่อนที่พนักงานสาวคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารให้คุณฮาลเซ็น พวกเรายกมือไหว้สวัสดีกันเพียงครู่เดียวแล้วเธอก็กลับออกไป ทุกเอกสารเบิกจ่ายต้องได้รับการอนุมัติโดยผู้อำนวยการบริหารบริษัทซึ่งฮาลก็นั่งตำแหน่งนั้น ในหนึ่งเดือนมีเอกสารมากมายให้เซ็นเต็มไปหมด
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่หน้าเดสก์ท็อปบอกเวลาหกโมงเย็น ฮาลเก็บกระเป๋าของตัวเอง ทำให้ฉันเองก็เริ่มปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของของตัวเองเช่นกัน คุณฮาลไม่ออกจากห้องจนกว่าฉันจะเรียบร้อย พวกเราเดินออกจากห้องไปพร้อมกันก็เห็นว่าพนักงานคนอื่นก็เตรียมกลับบ้านเช่นกัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังนั่งทำงานต่อ ดีจังที่ที่นี่เลิกงานตรงเวลา ฉันคิดในใจ
พวกเราบอกลาทุกคน สแกนบัตรออกจากออฟฟิศและขึ้นรถกลับบ้าน เป็นการทำงานวันแรกที่เหนื่อยและใช้พลังงานเยอะแต่ก็เป็นวันที่ดีเช่นกัน หลังจากนี้อาจจะมีงานที่ใช้พลังงานเยอะแบบนี้อีก ดังนั้นต่อไปฉันจะสวมกางเกงมากกว่ากระโปรงเพื่อความคล่องตัว ทะมัดทะแมง คุณฮาลขับรถเบนซ์สีดำออกไปแล้ว นี่ก็ถึงเวลาที่ฉันควรกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้ว
บ้าน
ฉันจอดรถพร้อมนำกระเป๋าติดตัวด้วย เปลี่ยนรองเท้าส้นสูงเป็นสลิปเปอร์ขนสัตว์สีครีม ก่อนจะเข้ามาในบ้าน พบว่าแม่นั่งดูรายการภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์อย่างตั้งใจ เหลือบไปมองห้องทานอาหารก็มีฝาชีขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางโต๊ะบ่งบอกว่าแม่ได้ทำมื้อเย็นไว้แล้ว
“แม่ กลับมาแล้วจ้า”
“เป็นไงบ้างลูก”
“เหนื่อยมากแม่ ขอนั่งด้วยก่อนแล้วค่อยกินข้าวนะ”
“มาสิมา”
ฉันหย่อนก้นลงบนโซฟาข้างแม่ เอนหัวซบไหล่พลางดูโทรทัศน์กับแม่เพื่อพักหายใจหลังจากเดินทางเนิ่นนานเกือบชั่วโมง แม่ไม่พูดอะไรนอกจากลูบหัวเบา ๆ จนเริ่มเคลิ้ม เมื่อฉันถามถึงพี่ชาย แม่บอกว่าพี่ยินไปทำงานตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ลืมทานข้าวก่อนออกไป
ไม่แน่ใจว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ขณะที่หนังตาเริ่มหนักจนลืมตาดูโทรทัศน์ไม่ไหว ฉันบอกแม่ว่าการทำงานวันนี้ดีมาก ๆ ตื่นมาอีกทีก็สี่ทุ่มแล้วและฉันกำลังหิวไส้กิ่วเพราะยังไม่ได้กินมื้อเย็น ฉันเปิดฝาชีเพื่อนำกับข้าวไปอุ่น – แกงเขียวหวานปลากรายกับทอดมันกุ้ง ฉันตักข้าวหอมมะลิจากหม้อหุงข้าวพลางหันไปมองโทรทัศน์เป็นระยะ เพราะว่าไม่อยากพลาดซีรีส์สืบสวนเรื่องใหม่ซึ่งมีทั้งผีนักสืบและเด็กสาวชั้นมัธยมที่เป็นผู้ช่วยนักสืบ
เมื่ออุ่นกับข้าวเรียบร้อยก็จัดแจงเสบียงไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์ ฉันดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง มีข้อความเข้าจากพี่ชายและคุณฮาล ฉันเลือกดูข้อความของพี่ยินก่อน เขาบอกว่าจะกลับมาถึงบ้านตอนเที่ยงคืน ฉันส่งสติ๊กเกอร์ ‘OK’ ไปตัวหนึ่ง ก่อนจะดูข้อความของคุณฮาลต่อ...
HAL_BIG BOSS: วันนี้คุณทำงานได้ดีมาก เจอกันพรุ่งนี้ครับ
#เจ้านายคะอย่ามาจับ
#แชมเปญไม่ยอม