ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา
ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย
ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ?
แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?
CHAMPAGNE’S POV:
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกเวลา 7 โมง ฉันตื่นตัวและตื่นเช้ากว่าเมื่อวานเพราะกลัวไปทำงานสาย ก่อนออกจากบ้าน ฉันหยิบกล่องข้าวเที่ยงฝีมือแม่และหอมแก้มพี่ชาย วันนี้ยินอยู่บ้านทั้งวันเพราะไม่มีออกกองที่ไหน แค่รู้ว่าพี่ชายจะอยู่บ้านดูแลแม่ ฉันจึงขับรถด้วยความสบายใจโดยความกังวลเดียวคือ การติดแหง็กบนถนนในกรุงเทพฯ ถึงอย่างนั้นฉันก็มาถึงออฟฟิศทันเวลาเป๊ะด้วยปาฏิหารย์ที่ถนนหน้าบริษัทรถไม่ติด
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแชมเปญ” พนักงานแม่บ้านผมสั้นสวมเสื้อยืดสีหมองทักทายฉัน เมื่อขึ้นมาถึงห้องทำงาน เขากำลังกวาดพื้นอยู่เลย “วิ่งมาใช่มั้ยคะ หอบเชียว” ใช่! ฉันวิ่งมาเพราะอยากมาถึงก่อนคุณฮาลเพราะอยากให้เขาเห็นความกระตือรือร้นของฉัน แต่ฉันแค่พยักหน้าตอบแม่บ้านแล้วหย่อนตัวเองลงบนเก้าอี้ “เดี๋ยวพี่เอาน้ำมาให้นะคะ”
“ขอสองขวดเลยค่ะ”
“เอ๋ คุณแชมเปญดื่มสองขวดเลยเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ อีกขวดจะเอามาเติมในเครื่องทำน้ำร้อน”
“อ๋อ เดี๋ยวจัดการให้ค่ะ รอก่อนนะคะ” แม่บ้านตอบสนองกับคำขอในทันที สังเกตได้ว่ามนุษย์จีมีเดียตื่นตัวกันหมด “นี่ค่ะ” ไม่ถึงห้านาที ขวดน้ำที่ขอไว้ก็วางไว้บนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรคะ หนูจะขอเบอร์โทรไว้ เผื่อมีเรื่องด่วน” ฉันถามพลางเปิดฝาขวดน้ำ
“ม่อนค่ะ”
พี่ม่อนบอกชื่อและเบอร์โทร ฉันรีบบันทึกไว้ในโทรศัพท์ เมื่อไม่ได้ต้องการอะไรแล้วและแม่บ้านทำงานของตัวเองเสร็จสิ้นในห้องนี้ พวกเราก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ตอนนั้นเองที่คุณฮาลเข้าห้องมาพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ไฟฟ้าออกจากปาก
“สวัสดีค่ะ คุณฮาล”
“อรุณสวัสดิ์ครับ มาเช้าจัง” เขาคลี่ยิ้มให้ แม้ใบหน้าจะดูเหนื่อยล้า
“วันนี้ออกจากบ้านเร็วค่ะ”
“อ๋อ” คุณฮาลนั่งประจำที่ของตัวเองพลางสูบควันกลิ่นมินต์ไม่หยุด “คุณช่วยเช็คทีสิว่า สัปดาห์นี้มีวันไหนต้องประชุมอีก ผมจะจดไว้กันลืม”
เมื่อได้รับคำสั่ง ฉันก็เปิดหน้าปฏิทินดูตารางงานในทันทีแล้วตอบกลับด้วยข้อมูลที่มี
“ยังไม่มีค่ะ นอกจากประชุมอัพเดตการขายกับทางเซลล์และการตลาดในวันศุกร์สี่โมงเย็น คุณฮาลจะมีประชุมอีกทีวันอังคารหน้ากับทางสถานีวิทยุ D31 เรื่องนำรายการพอดแคสต์เข้าสถานี เป็นประชุมออนไลน์ซึ่งพี่โทกับพี่พุธจะเข้าฟังด้วยค่ะ”
“เวลา”
“สิบโมงเช้าถึงเที่ยงค่ะ” ฉันตอบตะกุกตะกักเพราะจดตารางงานใส่แพลนเนอร์ส่วนตัวด้วย จริงอยู่ที่ในปฏิทินมีบอกอยู่แล้วว่ามีกิจกรรมอะไร แต่ฉันจดเพราะต้องการจำมันขึ้นสมองไปเลย “ว่าแต่... พี่พุธคือใครเหรอคะ”
“ผู้บริหารอีกคนน่ะ เขาเป็นคนทำนัดกับสถานีวิทยุเองเพราะว่ารู้จักกับคนในมานาน แล้ว... มีแค่ประชุมเดียวเองเหรอ ผมจำได้ว่ามีมากกว่านี้นะ”
“แล้วก็ประชุมโปรดักชั่นในวันศุกร์หน้าสี่โมงเย็นค่ะ อัพเดตรายการและยอดค่าใช้จ่าย” ฉันพูดกำหนดการงานของเขาระหว่างเขียนบันทึกในแพลนเนอร์และเงยมองเขาเป็นระยะ ฮาลเองก็บันทึกใส่ปฏิทินของตัวเองเช่นกัน “หลังจากประชุม คุณก็มีนัดทานข้าวกับคุณแอมเบอร์ตอนสองทุ่มค่ะ”
“แชมเปญ” เขาดูไม่มีความรู้สึกอะไรเมื่อพูดถึงนัดทานข้าวกับแอมเบอร์ ฉันเองก็โฟกัสกับปัจจุบันมากกว่าสิ่งอื่นนอกเหนือจากงาน ฮาลเงยหน้าจากการบันทึกแล้วสบตาฉันแทนบ้าง “คุณช่วยเพิ่มในปฏิทินสัปดาห์นี้อย่างหนึ่งสิ นัดสำคัญเลย”
“ค่ะ บอกรายละเอียดได้เลยค่ะ”
“วันพุธหกโมงเย็น นัดกินข้าวกับโรเจอร์ที่ทองหล่อ ผมจะออกจากบริษัทเร็ว แถวนั้นรถติด”
“ฉันต้องไปด้วยไหมคะ”
“ไปด้วยกัน โรเจอร์เป็นเพื่อนสนิทของผม เขาเป็นชาวอเมริกัน พวกเราเคยเล่นเกมออนไลน์ด้วยกันน่ะตั้งแต่เด็กก็เลยสนิทกัน เขาโทรหาผมเมื่อคืนว่า ตอนนี้เขาเป็นบรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ Q แล้วอยากเสนอทำคอนเทนต์สองภาษาร่วมกับเรา แต่ว่าผมอยากคุยกับเขาให้ชัวร์ก่อนที่จะประสานกับภายใน” ฉันบันทึกในปฏิทินและแพลนเนอร์ส่วนตัว มันสำคัญจริง ๆ แหละแล้วโอกาสนี้อาจทำให้ G Media ไปได้ไกลถึงระดับเอเชีย ถ้าดีลสำเร็จ... “คุณเคลียร์นัดให้เรียบร้อยเลยนะ ผมต้องการให้คุณไปด้วย”
“ค่ะ”
“คืนนั้นอาจมีดื่มนิดหน่อยนะ” ฮาลพูดแบบยิ้ม ๆ “ดื่มได้ใช่มั้ย”
“ได้ค่ะ แต่ไม่มาก ไม่งั้นจะขับรถไม่ได้”
“อืม ก็ยังดี”
“มีอะไรเพิ่มเติมในวีคนี้อีกไหมคะ” ฉันถาม คำตอบของอีกฝ่ายเป็นการส่ายหัวเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มของความสบายใจ “โอเคค่ะ งั้นฉันขอบอกแม่กับพี่ชายก่อนนะคะ”
“เด็กดีจัง” น้ำเสียงเอ็นดูแสนอบอุ่นของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองนุ่มนิ่มเหมือนปุยนุ่น
“ค่ะ นับตั้งแต่พ่อเสีย พวกเราก็อยู่กันแค่สามคน ฉันกับพี่ชายจะต้องแบ่งวันดูแลแม่ เพราะว่าแม่ก็แก่มากแล้ว ถึงร่างกายจะยังแข็งแรงอยู่ก็ตาม ฉันไม่อยากให้แม่เหงาน่ะ”
“อืม... เข้าใจละ แล้วแบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับครอบครัวคุณเหรอ งานเลขาหนักนะ”
“ฉันแบ่งเวลาได้ค่ะ มีตารางปฏิทินแบบนี้ทำให้ฉันจัดการเวลาส่วนตัวกับงานได้ อีกอย่างก็ยังมีพี่ชายคอยดูแลแม่ด้วย” อาจฟังดูเหมือนฉันตอบเอาใจฮาล ความจริงก็ใช่แต่ส่วนหนึ่งก็เชื่อว่า ฉันสามารถทำได้จริง ๆ เพราะฉันคาดหวังกับงานนี้มาก ฉันไม่อยากให้ฮาลผิดหวังในตัวฉันพอ ๆ กับที่ฉันไม่อยากไม่ผ่านโปรจนต้องหางานใหม่ “สบายมากค่ะ”
“ค่อยสบายใจหน่อย ผมไม่อยากเตรียมหาเลขาใหม่เร็ว ๆ นี้ด้วย”
“อย่าเพิ่งหาใหม่เลยค่ะ ใจไม่ดีแล้วนะ”
“ยังหรอก แต่คุณรู้ใช่มั้ยว่ามาตรฐานของผมสูง” รอยยิ้มคาดเดายากนั้นปรากฏบนใบหน้าของฮาล ฉันไม่มีทางรู้เท่าทันความคิดในหัวของเขาได้เลย เมื่อจดจ่ออยู่กับดวงหน้าของเขาแบบนี้จนไม่รู้ตัวว่ากำลังทำหน้าแบบไหนกระทั่งอีกฝ่ายหลุดขำออกมา “โอ๊ย หน้าเครียดเชียว ฮ่า ๆ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้หรอก ต้องดูกันยาว ๆ” หึ! ถ้าเขาเป็นเพื่อนของฉัน ป่านนี้คงโดนด่าแถมด้วยทุบหนึ่งที โทษฐานกวนโอ๊ย
“คุณฮาล ไม่แกล้งกันแบบนี้สิคะ”
“โธ่ นิดหน่อยเอง”
ระหว่างนี้ที่ยังไม่มีงานอะไร ฉันลุกจากเก้าอี้ไปชงกาแฟดำให้ฮาล หลังจากนั้นก็ส่งข้อความบอกพี่ชายเรื่องนัดเย็นวันพุธ พี่ยินไม่ติดธุระอะไรพร้อมยืนยันจะอยู่กับแม่ ฉันไม่รู้ว่าจะเผลอดื่มหนักหรือเปล่าจึงติดต่อกับจีน่า เพื่อนสนิทของฉันซึ่งซื้อคอนโดสองห้องนอนอยู่แถวห้วยขวาง เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ไปนอนหอของนาง
“เรียบร้อยมั้ย แชมเปญ” ฮาลถามพลางจิบกาแฟดำในถ้วยมัคใส
“ค่ะ ฉันกำลังคุยกับเพื่อนเรื่องเย็นพรุ่งนี้น่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็... ฉันไม่แน่ใจว่านัดวันนั้นจะจบมืดขนาดไหน อาจจะเหนื่อยมากจนกลับบ้านไม่ไหวก็ได้ ฉันเลยนัดเพื่อนว่าจะขอไปนอนด้วย เป็นแผนสำรองค่ะ”
“ก็ดี... ว่าแต่ปกติเราดื่มกี่แก้วเมาเนี่ย” ฮาลถามพร้อมส่งเสียงหัวเราะ ฉันชูสองนิ้วแบบเขิน ๆ “สองแก้วเหรอ”
“สองขวดค่ะ ฉันดื่มไม่ค่อยเก่งเทียบกับพี่ยินแล้ว หมอนั่นดื่มได้เป็นลังเลย”
“ดีแล้วคุณ รู้ลิมิตตัวเองแล้วอย่าดื่มเยอะเลย ความจริงผมก็ไม่ได้ดื่มเก่งหรอก แค่ดื่มพอเป็นบรรยากาศเข้าสังคมเฉย ๆ”
“เหมือนกันค่ะ”
ก๊อก!
ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงหวานของหญิงสาวดังลอดบานประตูตามด้วยเสียงพื้นรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นห้อง “รบกวนคุณฮาลช่วยเซ็นอนุมัติเอกสารหน่อยค่ะ อันนี้เป็นใบอนุมัติค่าคอมมิชชั่นเซลล์ค่ะ เซ็นตรงนี้... ตรงนี้... กับตรงนี้ค่ะ” หญิงสาวผู้มาถึงพร้อมแฟ้มเอกสารตรงดิ่งไปหาฮาลพร้อมกับปากกาด้ามโต เธออธิบายข้อมูลซึ่งเตรียมตัวอย่างดี เธอเป็นผู้ช่วยฝ่ายขายแน่นอน เพียงแต่ฉันไม่รู้ชื่อ เธอมีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสวมแว่นตาทรงหยดน้ำสีเงินแถมแต่งกายด้วยมินิเดรสสีขาวลายดอกไม้สีชมพูดูน่ารัก ผิดกับฉันที่แต่งตัวดูทางการด้วยเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงขายาวเอวสูง
“ทำไมเพิ่งเอามาให้อนุมัติวันนี้ล่ะ มันควรส่งให้ตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนที่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ... คือว่า...”
“บริษัทเราตัดยอดวันที่เท่าไหร่ จำได้มั้ยปลายฟ้า” ชายหนุ่มทำเสียงแข็งพร้อมจดจ้องที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่วางตา ฉันนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ ขณะเดียวกันหัวใจก็สั่นรัว
“วันที่ 25 ค่ะ”
“แล้วนี่วันที่เท่าไหร่แล้ว ผมอนุมัติให้ก็ได้ แต่หวังว่าครั้งต่อไปจะไม่มีแบบนี้แล้วนะ ไม่งั้นจะเสียระบบหมด”
“หนูขอโทษค่ะ” หญิงสาวงุดหน้าไม่กล้าสบตาฮาลหลังจากที่ถูกบ่นยกใหญ่
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก คุณควรขอโทษพี่กวาง ฝ่ายการเงินมากกว่า แต่อย่าพลาดอีกก็พอ” ถึงแม้จะดุไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ย่ำอยู่จุดเดิม ความผิดพลาดครั้งนี้จะสอนให้หญิงสาวเรียนรู้เองและมันก็เป็นเรื่องที่ฉันควรรู้ด้วยเช่นกันในฐานะพนักงานบริษัทเดียวกัน “ปลายฟ้า นี่แชมเปญ เลขาคนใหม่ของผม อายุเท่าคุณเลย ยังไงก็รู้จักกันไว้นะ”
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
ฉันยิ้มให้กับปลายฟ้า เธอแค่โค้งตัวแล้วออกไปจากห้องนี้อาจเป็นเพราะความอายที่ถูกดุต่อหน้าพนักงานใหม่ ถ้าฉันเป็นปลายฟ้าคงไม่มีอารมณ์ต้อนรับใคร แม้แต่จะยิ้มให้สักนิดยังเป็นเรื่องยาก เพราะคนที่ดุเป็นถึงประธานใหญ่ของบริษัท ไม่รู้สิ... ความจริงแล้วฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปทึกทักแทนเธอ อย่างน้อยแค่โค้งตัวให้กันก็ดีแล้ว
“กลัวเหรอ นิ่งไปเลย”
“ป... เปล่าค่ะ”
“ผมไม่ค่อยดุหรอกนะ แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาด ผมก็คงปล่อยไว้ไม่ได้”
“ค่ะ เข้าใจดีเลย ฉันจะพยายามไม่พลาดค่ะ”
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งอยู่ในห้องด้วยกันเงียบ ๆ ฮาลเอนหลังบนเก้าอี้ ไถหน้าจอโทรศัพท์ ส่วนฉันก็ได้คำตอบจากยัยจีน่าว่าสามารถไปนอนด้วยกันได้เพราะคอนโดของนางมีอีกห้องสำหรับรับแขกโดยเฉพาะ นางซื้อห้องมากี่ล้านก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ
พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ไม่สนว่านักเรียนกลางเทอมอย่างฉันแปลกประหลาด พวกเราสนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น แถมยังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ฉันเรียนด้านมนุษยศาสตร์ ส่วนจีน่าเรียนด้านศิลปกรรม สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ เธอชอบวาดรูปมากกว่าเรียนหนังสือ ทำให้มีปัญหากับครอบครัวเรื่องผลการเรียนและเวลากลับบ้านจนสุดท้ายจีน่าจึงตัดสินใจเด็ดขาดที่ย้ายออกมาอยู่เพียงลำพัง
เห็นว่าตอนนี้จีน่าทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและรับงานวาดภาพประกอบฟรีแลนซ์ไปด้วย รายได้ดีเลยล่ะแถมไม่ต้องเข้าออฟฟิศบ่อยด้วย อย่างว่า... เธอสามารถซื้อคอนโดได้ด้วยตัวเอง
“คุณชอบดูหนังแนวไหนเหรอ” ฮาลถามคำถามเป็นกันเองกับฉันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เอ่อ... ฉันชอบแนวแอคชัน สืบสวนค่ะ”
“เหมือนกันเลย แบบนี้เราคงมีเรื่องคุยกันได้เยอะเลย” ฮาลชวนคุยเล่นแถมยังวางโทรศัพท์มาให้ความสนใจกับคู่สนทนาอย่างเต็มที่ “ว่าแต่ช่วงนี้คุณดูหนังหรือซีรีส์อะไรอยู่เหรอ”
“อืม... ซีรีส์ Ghost ค่ะ ที่มีตัวเอกเป็นผีไปเข้าสิงนักสืบ นางเอกเป็นเด็กมัธยมปลายที่มองเห็นผีได้ ทั้งสองช่วยกันสืบหาฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าพระเอกค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณเคยดูไหม มันฉายในแพลตฟอร์ม C น่ะ”
“ดูมีความแฟนตาซีหน่อย ๆ เนอะ ตอนนี้ออนแอร์ไปกี่ตอนแล้วล่ะ ผมไม่เคยดูเลย”
“ออนแอร์ไป 8 ตอนค่ะ ครึ่งเรื่องแล้ว ตอนละ 45 นาที”
ฮาลพยักหน้ารับรู้รับทราบ รอยยิ้มแพร่งพรายจากกลีบปากสุขภาพดีคู่นั้น เขาบอกว่า ‘มีอะไรให้คุณดูด้วย คิดว่าน่าจะไม่รู้’ แล้วเขาก็หยิบรีโมตสีดำอันเล็กออกมาจากชั้นวางใกล้ตัว เขากดเปิดครั้งหนึ่ง ก่อนที่จอโปรเจกเตอร์จะเลื่อนลงมาจากผนังห้องฝั่งตรงข้ามห้องทำงาน
“แบบนี้ก็ดูหนังในห้องทำงานได้สิคะ”
“ใช่ ผมเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเอาไว้ มีทุกแพลตฟอร์มซีรีส์เลย คุณจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ได้นะ เผื่ออยากพรีเซนต์อะไรให้ผมดู” เขาเล่าฟีเจอร์ของโปรเจกเตอร์โดยสังเขปพลางกดรีโมตไปด้วยเพื่ออธิบายให้ฉันได้รับรู้ “อย่างตอนนี้ยังไม่มีเรื่องด่วนอะไรก็... เอ่อ... คุณบอกว่าซีรีส์เรื่องนั้นอยู่แพลตฟอร์ม C ใช่ไหม”
“ค่ะ”
ฮาลเข้าแพลตฟอร์ม C ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นดูซีรีส์เกาหลี-ญี่ปุ่น เขาบันทึกเรื่องที่ฉันบอกเข้าคลัง ‘เรื่องที่อยากดู’ อย่างรวดเร็วพร้อมกับคำพูดว่า “ไว้ผมจะดูนะ”
ปึก!
ปึก!
ประตูห้องถูกเคาะโดยชายหนุ่มร่างสูงตัวใหญ่พร้อมกับหญิงสาวเรือนผมยาว นั่นคือพี่โทกับพี่แอนน์ พวกเขาเดินบึ่งเข้ามาโดยไม่ได้นัดไว้ก่อน ฉันยกมือไหว้สวัสดีทั้งคู่ ก่อนที่พวกเขาจะลากเก้าอี้นวมสองตัวมานั่งฝั่งโต๊ะทำงานของฮาล ทางโปรดักชั่นมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ? ฉันคิดในใจ แต่ก็เตรียมสมุดโน๊ตกับปากกาเอาไว้แล้ว
“ว่าไง พวกคุณ” ฮาลทักทายพวกเขา
“พวกผมมีไอเดียใหม่อยากเสนอคุณอะ เป็นรายการพอดแคสต์ใหม่” พี่โทซัดหมัดฮุคเข้าเนื้อหาอย่างรวดเร็ว “คุณคิดว่าไง ถ้าเราจะมีรายการสองภาษาน่ะ เล่าด้วยภาษาอังกฤษ คำบรรยายภาษาไทย รูปแบบรายการพอดแคสต์เล่าเรื่องเหมือนเดิม พวกผมยังไม่ได้กำหนดเนื้อหาจริงจังนะ แต่เท่าที่คิดไว้อาจเป็นการแนะนำวัยรุ่นเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าสังคมวัยทำงาน การปรับทัศนคติแล้วก็จิตวิทยา”
“อ่าห้ะ” ฮาลเอนหลังฟังและกวาดสายตามองมาที่ฉันเหมือนสั่งเป็นนัยว่า ‘จดเอาไว้ด้วยนะ’
“คุณคิดว่าไง”
“เนื้อหาคอนเทนต์แบบนั้น ผมว่าน่าสนใจ แต่สงสัยว่าเรามีโฮสต์ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องรึเปล่า เพราะเราเป็นสื่ออันดับต้น ๆ ไม่อยากให้ส่งต่อการใช้ภาษาที่ผิดพลาด ส่วนเรื่องบก. น่ะ ผมสามารถคุยกับเพื่อนให้ได้ แต่ผมอยากให้พวกคุณลองเคาะเนื้อหามาชัด ๆ ก่อน ร่าง Proposal แล้วค่อยประชุมกัน ถ้าได้ breakdown ต้นทุนจะดีมากเลย”
“ผมขอพวกเด็ก ๆ ภายในวีคนี้เลยก็ได้ แต่อยากรู้ว่าคุณสะดวกวันไหน”
“วีคนี้วันพุธ พฤหัสหรือศุกร์ตอนเช้าก็ได้นะ แต่ถ้าได้วันพุธก็ดีเพราะคืนนั้นผมนัดกับโรเจอร์ไว้ พวกคุณอยากไปด้วยกันก็ได้นะ” ฮาลมองแพลนเนอร์ของตัวเองสลับกับคู่สนทนา “ไป drink กัน”
“อยากไปด้วย แต่ไม่คอนเฟิร์มนะ”
“งั้นเร็วสุดวันพุธนะ กี่โมงดีล่ะ”
“สิบเอ็ดโมง เดี๋ยวแชมเปญทำนัดประชุมด้วยนะให้แจ้งไปทางอีเมล”
“รับทราบค่ะ”
ฉันรู้ว่าจะหาอีเมลผู้บริหารทุกคนได้จากที่ไหนเพราะยังมีไฟล์นามบัตรพนักงานในคอมพิวเตอร์ เก็บในโฟลเดอร์เอกสารสำคัญของบริษัท เอาล่ะ... วันพรุ่งนี้ฉันต้องเตรียมยาดมเอาไว้เผื่อแล้ว เพราะงานแน่นทั้งวัน ประชุมทีก็ไม่เกิน 2 ชั่วโมง (แต่จะนาน ถ้ามีคนมาช้าหรือคุยออกทะเลกันเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลัง)
หลังจากนั้นพี่โทก็ออกไป พี่แอนน์พูดทิ้งท้ายกับฉันว่า ‘เดี๋ยวเม้ามอยกัน’ แล้วออกจากห้องไปตามพี่โท ฉันทำนัดประชุมคอนเทนต์สองภาษากับฝ่ายโปรดักชั่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบรรณาธิการและฝ่ายขายในวันพุธเวลา 11 โมงเช้า
“ขนมมั้ย” ฮาลถาม ฉันผงกหัวขณะเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ “แค่คิดก็เพลียเลยสิ”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เราจะผ่านไปด้วยกัน อย่างน้อยวันนี้ก็ยังไม่มีเรื่องด่วนอะไร”
“ก็จริงค่ะ”
“อยากดูหนังมั้ย”
#เจ้านายคะอย่ามาจับ
#แชมเปญไม่ยอม