ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา
ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย
ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ?
แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?
พวกเราดูซีรีส์เรื่อง Ghost ด้วยกันตั้งแต่ตอนที่หนึ่งถึงสี่โดยมีเหตุผลว่าฮาลยังไม่เคยดูเลย ฉันไม่ติดปัญหาอะไร หากต้องดูซ้ำตั้งแต่ต้นเพียงแต่ต้องพยายามห้ามใจไม่สปอยล์เท่านั้นเอง เมื่อถึงเวลาเที่ยง ฮาลก็กดหยุดภาพบนจอโปรเจกเตอร์ไว้ที่ credits ตอนที่สี่ด้วยรีโมต
“อยากไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันมั้ยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากชักชวน
“ฉันห่อข้าวกล่องมาจากบ้านแล้วค่ะ” แต่ฉันปฏิเสธไป
“โอเค งั้นเจอกันตอนบ่ายนะ อย่ากดเล่นไปก่อนล่ะ”
แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับกุญแจรถเบนซ์ของตัวเอง ฉันนำมื้อเที่ยงของตัวเองในกล่องไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟสองนาที ตอนนั้นเองปลายฟ้า ผู้ช่วยฝ่ายขายก็เดินขึ้นมาถึงชั้น 5 พร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือ ผูกริบบิ้นสีขาวดูน่ารัก
“พี่แชมเปญคะ” หญิงสาวดูกล้า ๆ กลัว ๆ “พี่แหวนฝากมาให้พี่ฮาลค่ะ รบกวนพี่เอาไปให้หน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้ค่ะ” ฉันรับกล่องเอาไว้ ตอนนั้นเองเตาไมโครเวฟก็ร้องครบเวลาสองนาที “ความจริงไม่ต้องเรียกว่าพี่ก็ได้นะ เราอายุเท่ากัน”
“ยังไม่ชินเท่าไหร่ค่ะ เราเรียกทุกคนว่าพี่หมดเลย”
“เข้าใจได้” ฉันนำกล่องข้าวออกมาแล้วเตรียมตัวทานมื้อเที่ยง “เที่ยงแล้ว ปลายฟ้าสั่งอะไรมากินรึยัง มากินด้วยกันได้นะ คุณฮาลเพิ่งออกไปเมื่อกี้เลย”
“คงต้องไว้วันหลังค่ะ วันนี้ฝ่ายขายจะไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านส้มตำหลังออฟฟิศ”
“โอเคจ้า กินให้อร่อยนะ”
ปลายฟ้าเดินกลับลงไปชั้นล่าง ส่วนฉันก็กินมื้อเที่ยงเพียงลำพังในห้องทำงานของตัวเอง แม่มักทำเมนูง่าย ๆ เสมออย่างวันนี้เป็นต้มยำปลากับทอดมันกุ้ง ฉันบรรจงใช้ช้อนตักข้าวหอมมะลิพร้อมด้วยกับข้าวในคำเดียว รสชาติเปรี้ยวนำเผ็ดทำให้ตื่นตัวในเวลาน่าง่วงแบบนี้
อยู่ ๆ ก็มีข้อความเข้าจากแม่ ฉันใช้มือซ้ายแตะหน้าจอและพิมพ์มือเดียวขณะที่มือขวาตักอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ฮืม... กับข้าวฝีมือแม่อร่อยเสมอเลย
MOM: เป็นไงบ้างแชมเปญ
CHAMPAGNE: เพิ่งได้พักกินข้าวเมื่อกี้เลยแม่
MOM: กินได้ใช่มั้ย
CHAMPAGNE: กินได้ค่ะ อร่อยเลยแหละ
MOM: พี่ยินบอกแม่แล้วนะว่าเราจะไม่กลับบ้านพรุ่งนี้อะ ถ้าถึงห้องจีน่าก็โทรบอกแม่ด้วย แล้วเราไม่ได้ไปกับเจ้านายสองต่อสองใช่มั้ย ระวังตัวเยอะ ๆ นะ อย่าให้ใครมาทำอะไรลูกสาวแม่ ไม่งั้นแม่ส่งพี่ยินไปจัดการแน่
CHAMPAGNE: ไม่ได้มีแค่เจ้านายค่ะแม่ ผู้บริหารคนอื่นก็ไปด้วย ถ้ามีอะไรจะรีบรายงานเลย
MOM: ดีมาก เจอกันหลังเลิกงานนะลูก
คุยกับแม่เสร็จก็นั่งกินข้าวต่อโดยหาฟังเรื่องสยองขวัญไปพลาง ๆ ซึ่งปัจจุบันช่องพอดแคสต์เล่าเรื่องผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หลากหลายรูปแบบแล้วแต่ผู้ฟังเลือกเสพ ว่าแล้วรายการพอดแคสต์ Untitled Ghost Stories ของคุณหมอกก็ขึ้นมาหน้าฟีด เป็นอีพีที่มีผู้เข้าฟังทะลุล้านวิวภายใน 1 วันเพราะคุณกมล แฟนสาวของคุณหมอกได้พบเจอประสบการณ์ผีหลอกที่บ้านพักอาศัยของพวกเขาเอง แถมเธอยังเล่าสองเรื่องติดในไลฟ์เดียวอีกต่างหาก
ฉันเป็นแฟนคลับของคุณหมอกและเป็นสมาชิกกลุ่ม Untitled Ghost ด้วย นาน ๆ ทีคุณกมลจะเข้ามาอัพเดตเรื่องราวผีในบ้านในรูปแบบไดอารี่ของตัวเอง รวบรวมคอนเทนต์รายเดือนของคุณผีเหมือนแพรว่าทำอะไรบ้างระหว่างที่ยังไม่ไปเกิดในภพภูมิอื่น มันเยอะมากพอจะตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มได้เลย
“เหงารึเปล่า” เสียงทุ้มพร่าดังขึ้นหลังคอ ความรู้สึกเย็นเยียบสลับกับร้อนผ่าววูบวาบ ทำให้ฉันสะดุ้งโหยง และได้รู้ที่มาของเสียงว่าเป็นใคร ทีแรกฉันคาดหวังให้เป็นคุณฮาลเพราะเขาทำงานที่ห้องนี้ แต่กลับเป็นพี่เจ ครีเอทีฟที่ดูไม่มีธุระอะไรในห้องนี้ด้วยซ้ำ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ เห็นเธออยู่เงียบ ๆ คนเดียว”
“อย่าทำแบบนั้นอีกนะคะ ไม่สนุกเลย” ฉันลุกไปล้างกล่องข้าวและช้อนส้อม “แล้วพี่ขึ้นมามีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ” การล้างจานทำให้ใจเย็นลงได้อย่างเหลือเชื่อเพราะสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้ามากกว่า “หนูจะได้รับเรื่องไว้แจ้งคุณฮาลตอนเขากลับมา”
“เกี่ยวกับคุณฮาลน่ะ ไหน ๆ เขาก็ยังไม่กลับมา พี่เลยมีเรื่องอยากแนะนำเราหน่อย ในฐานะพนักงานที่อยู่มานานกว่า”
“ได้เลยค่ะ”
“ปกติสูบบุหรี่ไหม” เซนส์บอกฉันว่ามันดูเป็นเรื่องใหญ่ ถึงได้อยากคุยกับฉันอย่างเป็นส่วนตัวโดยการชวนสูบบุหรี่ เขาชี้นิ้วไปที่ข้างหลังของโฮมออฟฟิศซึ่งเป็นบันไดทางหนีไฟ แต่ก่อนที่ฉันจะตอบตกลงตามเขาไป ฮาลก็กลับเข้ามาเสียก่อน
“อ้าว ว่าไงเจ มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่ฮะ ผมแค่อยากแวะมาหาน้องใหม่ ไว้ค่อยคุยกันนะ แชมเปญ” พี่เจเตรียมออกจากห้องแต่ก็ดูเหมือนนึกขึ้นได้อย่างหนึ่งจึงชะงักฝีเท้าไว้ “จริงสิ! คุณฮาล ขออัพเดตเรื่อง Proposals หน่อยฮะ”
“อืม ว่ามาสิ”
“ผมรู้สึกว่าบริษัทเราไม่ได้มีโฮสต์ที่ master ด้านภาษาขนาดนั้น ผมคุยกับพี่โทว่าอยากได้ KOL เก่งภาษาอังกฤษที่มีความรู้ด้านจิตวิทยาสักคนสองคนมาไว้สำหรับรายการใหม่ ถ้าเป็นผู้หญิงจะดีมากเลยครับเพราะว่าฐานผู้ชมเดิมเราเป็นผู้ชาย คุณพอจะมีแนะนำไหมครับ”
“ผู้หญิงเหรอ? ทำไมคุณไม่ลองติดต่อกับแคนดี้ฮาร์ตดูล่ะ อาจจะมีก็ได้นะ อย่าลืมขอเรตการ์ดไว้ด้วยล่ะ” คุณฮาลส่งนามบัตรของ CANDY HEART ให้กับพี่เจ “ผมจำได้ว่าเคยให้คอนแทคไปกับพวกคุณแล้วนะ”
“ไม่รู้สิคุณฮาล พวกผมได้ข้อมูลเรตการ์ดต่อมาจากเซลล์อีกที ผมถึงได้มาขอคำแนะนำจากคุณด้วยตัวเอง ยังไงก็ขอบคุณมากครับ” เพียงแค่ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาไม่ค่อยชอบกันเท่าไรนัก มันทำให้ฉันอยากรู้ว่าพี่เจมีปัญหาอะไรกับคุณฮาลรึเปล่า ซึ่งฉันอาจจะได้รู้เหตุผลจากการชวนคุยของเขาแต่คุณฮาลเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน แต่... ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้
“หึ ผมเป็นเจ้านายของเขานะ มีสิทธิ์สั่งผมได้ด้วยเหรอ” คุณฮาลแค่นหัวเราะเสียงดังแล้วสูดควันสีขาวเข้าปอด เขาดูไม่ถูกใจเอามาก ๆ เลย “เจคุยอะไรกับคุณเหรอ”
“แค่แวะมาชวนกินข้าวค่ะ” ฉันโกหกหน้าตาย หลังจากนั้นสีหน้าของคุณฮาลผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด อีโก้ใหญ่โตของเขาไม่อาจถูกเหยียดหยามด้วยพนักงานผู้น้อย ฉันดูออก... นั่นยิ่งทำให้ความอยากรู้กำเริบขึ้นมาอีก แต่ฉันไม่อาจถามคุณฮาลด้วยตัวเองเพราะเขาไม่มีทางพูดแน่
JAY: แชมเปญ ไว้ว่างแล้วทักมาหาหน่อยสิ
CHAMPAGNE: คืนนี้หลังเลิกงาน พี่ติดอะไรมั้ยอ่า
JAY: ติดทำ Proposals ไว้พรีเซ้นพรุ่งนี้เช้าอะดิ แต่คอลได้นะ
CHAMPAGNE: เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะทักไปนะ
ฮาลกดปุ่มรีโมตเพื่อดูซีรีส์ต่อ เขาเอนหลังบนเก้าอี้พลางปล่อยควันสีขาวกลิ่นผลไม้ มองเขาเผิน ๆ แบบนี้ก็ไม่อาจอ่านความคิดของเขาได้เลย หากคาดเดาคงรู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกพนักงานเหยียบย่ำอีโก้ของตัวเอง ฉันมองเขาสลับกับภาพเคลื่อนไหวบนจอโปรเจกเตอร์
“ไหน ๆ พรุ่งนี้เราก็ไปพบลูกค้าด้วยกันแล้วและคุณก็เป็นหน้าตาของผม” ฮาลพูดโพล่งขึ้นมาขณะที่ซีรีส์ตอนที่สี่ยังคงดำเนินต่อไป “คุณช่วยบอกทีสิว่าทำไมเราถึงควรจับมือกับ Q Publishing นอกจากโรเจอร์เป็นเพื่อนสนิทของผม”
“เอ่อ...” คำถามปุบปับทำให้ฉันตกใจ ฉันไม่ได้คิดคำตอบเอาไว้ก่อนเลยและไม่ได้ค้นข้อมูลของสำนักพิมพ์ที่คุณฮาลบอก
“ยังไม่ต้องตอบก็ได้ ผมแค่คิดว่าควรตัดสินใจดี ๆ ก่อนลงเงินไปกับโปรเจกต์น่ะ ก่อนหน้านี้คงจะใจร้อนไปหน่อย แต่มีเดียของเราก็ไม่ได้มีคนเก่งภาษาขนาดนั้นน่ะ”
“เท่าที่ฉันคิดเร็ว ๆ ตอนนี้ การสร้างรายการใหม่สองภาษาอาจทำเป็นสัญญาระยะสั้นสักไตรมาสกับ Q Publishing ก่อนก็ได้ค่ะ อาจให้ทีมบก. จากทางนั้นมาช่วยคิดสคริปต์ภาษาอังกฤษ ตรวจทานก่อนออนแอร์ ถ้าใน 1 ไตรมาสมันเวิร์คค่อยต่อสัญญาเพราะว่ายังไงเซลล์ก็ดีลเรื่องการซื้อขายต่ออยู่แล้ว
แต่กว่าจะถึงขั้นนั้น Proposals ต้องน่าสนใจ ต้องมี Potential มากพอด้วย เพราะว่าขึ้นรายการใหม่ใช้เวลานานกว่าจะได้ยอดวิวเกินหมื่น สำหรับฉันก็คิดว่าลูกค้าคงไม่อยากลงทุนอะไร ถ้าไม่สามารถทำอะไรให้เห็นผลได้”
ฉันวิเคราะห์แบบรีบ ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองดูเหมือนคนคิดไม่เป็น ค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่พูดออกไปจากการฝึกงานสตูดิโอ H ทำให้ได้เห็นการทำงานของเอเจนซี่ที่ต้องคอมมิทยอดกับลูกค้าเป็นสำคัญเพื่อปิดการขาย
“คุณคิดงั้นเหรอ แล้วคุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ Q Publishing บ้าง”
และงานออฟฟิศก็จบลงเท่านั้น ฮาลขอปลีกตัวกลับก่อนเพราะมีนัดอะไรสักอย่างกับคุณแอมเบอร์ซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจใคร่รู้ด้วยหรอก ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทำสรุปรายละเอียดรายการสองภาษาอีกสักพัก นั่งกินขนมบ้าง จิบชาบ้าง แล้วส่งไฟล์ให้คุณฮาลตรวจ เมื่อเจ้านายอนุมัติผ่านก็ส่งต่อเข้ากลุ่มผู้บริหาร
พอถึงเวลาหกโมง ฉันก็เก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหย่อนใจโดยไม่ลืมกล่องข้าวของแม่ กลับไปฉันคงไม่กินมื้อเย็นเพราะรู้สึกเหนื่อยล้ามากแล้วจากการทำงานทั้งวัน ฉันกลับถึงบ้านภายในเวลาชั่วโมงครึ่งเพราะรถติด ขณะที่ติดแหง็กก็คิดพิจารณาว่าฉันจะทนเหนื่อยกับการเดินทางได้อีกนานแค่ไหน ฉันควรเช่าหอจริง ๆ หรือเปล่า
“กลับมาแล้วค่า”
ฉันพูดพลางเปิดประตูบ้านและถอดรองเท้าส้นสูง แล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าไม่มีเชือกใส่ในบ้าน ฉันกอดแม่และพี่ชายที่รออยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับบอกพวกเขาว่า วันนี้ไม่ทานมื้อเย็น แม่บอกให้ฉันเก็บของเข้าที่พร้อมไล่ไปอาบน้ำเพราะกลิ่นเหงื่อจากความร้อนอบอ้าวอบอวลออกมาจากเบลเซอร์แล้ว
ขณะเดียวกัน พี่ยินไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากคลายอ้อมกอดจากฉัน เขากลับไปนั่งดูซีรีส์เรื่อง Ghost ที่กำลังออนแอร์ตอนล่าสุดบนจอโทรทัศน์ เขาดูสบายใจที่น้องสาวกลับมาบ้านตามปกติ พวกเราเป็นพี่น้องที่ไม่ได้ตัวติดกันเป็นตังเมตั้งแต่เด็ก หลักฐานในอัลบั้มภาพถ่ายครอบครัวบ่งบอกว่า ฉันกับพี่ยินมีช่องว่างระหว่างกันเสมอเพื่อมีโลกส่วนตัวของตัวเอง อย่างพี่ยินตอน 12 ขวบจะนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์กับฉันวัย 7 ขวบที่นั่งในห้องเดียวกันแต่ไม่ได้ร้องไห้งอแงเพื่อเล่นเกมเดียวกับเขา ฉันแค่นั่งมองสิ่งที่เขาทำอยู่ข้าง ๆ แบบนั้นเลย...
พอโตขึ้น พวกเราก็พูดมากขึ้นเพราะสังคมภายนอกบังคับ ช่วงวัยมัธยมฉันกับพี่ยินทะเลาะกันหลายครั้งเพื่อแย่งรีโมตโทรทัศน์ แต่สุดท้ายแม่ก็หาวิธีแก้ปัญหาด้วยการให้พวกเราเป่ายิงฉุบและยกรีโมตให้คนชนะ... แน่นอนว่าพี่ยินชนะ เขาครองรีโมตเอาไว้ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากดูโทรทัศน์เรื่องเดียวกับเขา มันเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวน สุดท้ายฉันก็ชอบหนังแนวเดียวกับเขาโดยไม่รู้ตัว ส่วนเรื่อง Ghost ก็โดนพี่ยินเนี่ยแหละป้ายยา (เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ร้ายกาจจะตาย)
CHAMPAGNE: หนูถึงบ้านแล้วค่ะ
JAY: โอเค ไว้เราค่อยคอลกัน พิมพ์ไว้มันมีหลักฐาน
CHAMPAGNE: ความลับเยอะเนอะ
JAY: เอาน่า มันปลอดภัยกับพวกเราทั้งคู่นะ
CHAMPAGNE: ก็ได้
20 นาทีหลังจากอาบน้ำ ฉันในชุดนอนแขนขายาวก็ติดต่อกลับไปหาพี่เจคุยโทรศัพท์กับเขาเพื่อฟังความลับบางอย่างใน G Media ซึ่งมีสาระสำคัญที่ 10 นาทีแรกหลังจากนั้นคือการฟังพี่เจบ่นเรื่องการทำ Proposals ที่ต้องตบตีกับฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายเสมอเพื่อให้ถูกใจลูกค้าที่สุดเพราะปลายทางของ Proposals รายการใหม่คือการขายงานได้ บริษัทไม่มีสูญเงินไปกับสิ่งที่ไม่สามารถสร้างรายได้ได้แน่นอน
เมื่อรู้สึกว่าคุยกันมากเพียงพอแล้ว ฉันก็ขอตัวนอนก่อนแล้วหลับคาเตียงไปเลยโดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าชาร์จแบตโทรศัพท์เอาไว้หรือยัง รู้ตัวตื่นมาอีกครั้งเวลา 9 โมงครึ่งซึ่งสายมากแล้ว สิ่งที่ทำได้คือการรีบทำทุกอย่างเป็นสองเท่าของปกติโดยไม่ลืมหยิบเดรสสั้นเปิดหลังสีเงินเข้าคู่กับเบลเซอร์สีดำและรองเท้าส้นเข็มสีดำสำหรับงานคืนนี้ที่ต้องพบโรเจอร์ กับชุดทำงานสำรองอีกชุดเพราะว่าคืนนี้นอนค้างกับจีน่า แต่ไม่ว่าจะรีบขนาดไหนก็ไม่ทันการณ์แล้ว ยังไงก็ต้องโทรแจ้งบิ๊กบอส
ตรู๊ด...
ตรู๊ด...
(อื้ม ว่าไง แชมเปญ)
“คุณฮาลคะ วันนี้ฉันขอเข้างานเลทนิดนึงนะคะ”
(โอเค ผมว่าจะเข้าไปตอนประชุมเลย เจอกันสิบเอ็ดโมงนะคุณ)
“ค่ะ คุณฮาล”
(ครับ)
ถือว่าโชคช่วยที่คุณฮาลอนุโลมให้เพราะเช้านี้ตนก็จะเข้างานสายเหมือนกัน ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาหายใจได้ตามปกติแล้ว ฉันมองเงาสะท้อนตัวเองที่สวมเสื้อยืดแขนกุดสีดำกับกางเกงเอวสูงสีครีม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเรียบเนียนด้วยเวทมนตร์ของเครื่องสำอางราคาแพง
วันนี้ไม่มีแย่กว่าการตื่นสายแล้วล่ะ ได้เวลาออกไปทำงานเสียที
“สายแล้วนะลูก” แม่พูดเมื่อเห็นฉันรีบสับเท้าลงบันได หอบชุดพะรุงพะรังและกระเป๋าทำงาน
“ใช่สิแม่ สายแล้ว หนูโทรบอกนายแล้ว เขาไม่ว่าอะไร แต่หนูไปช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันประชุม” ฉันตอบกลับแม่ทันควัน ขณะรีบสวมรองเท้าส้นสูงคู่เดิมที่ใส่เมื่อวาน “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะแม่”
“เออ ขับรถปลอดภัยนะลูก ไม่ต้องรีบ”
“จ้า รู้แล้ว ๆ”
เหตุการณ์ภายในวันนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ฉันถึงออฟฟิศตอนสิบโมง ทุกสายตาจับจ้องมาที่คนเข้างานสาย เวลาสิบเอ็ดโมงที่มีการประชุม Proposals ก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร ฉันจดข้อมูลสำคัญลงสมุดและขอไฟล์งานจากพี่เจ หลังจากจบประชุมก็ออกไปทานมื้อเที่ยงกับคุณฮาลที่ร้านอาหารในละแวกแล้วกลับมาทำงานต่อ เมื่อได้รับไฟล์งานจากพี่เจแล้วก็ส่งต่อให้คุณฮาลทางอีเมล จนถึงตอนนั้นก็เพิ่งได้พักหายใจ สูดยาดมเต็มปอด อา...
“ไหวใช่มั้ย” ชายหนุ่มร่างสูงวัย 31 กล่าวถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นดูเป็นห่วง ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาจากกลีบปาก “ถึงกับต้องใช้ยาดมเลยเหรอ”
“ค่ะ ฉันรีบทำทุกอย่างเกินไปหน่อยก็เลย...”
“เอาน่า นั่งพักเถอะ เดี๋ยวอีกชั่วโมงค่อยออกไปหาโรเจอร์กัน”
ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วนะ... นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงที่หัวมุมหน้าจอฝั่งขวา เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ วันนี้รู้สึกว่าแทบไม่ได้ทำอะไรมากแต่ก็เหนื่อยแล้ว ความจริงตั้งแต่มาถึงออฟฟิศก็แทบไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ
ฉันนั่งสูดยาดมอีกหน่อยแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับกระเป๋าเครื่องสำอาง เพิ่งรู้ตัวว่าวันนี้แทบไม่ได้เดินยืดเส้นยืนสายเลย หลังจากเติมหน้าเสร็จแล้ว ฉันก็ขออนุญาตคุณฮาลไปดูดบุหรี่ไฟฟ้าที่ระเบียงชั้นลอย ทีนี้คุณฮาลก็หายเคลือบแคลงใจว่าทำไมฉันถึงชินกับการที่ใคร ๆ ก็สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพราะฉันก็เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาเพียงแต่ไม่เที่ยวบอกใคร ๆ เท่านั้น
ตอนนั้นเองที่ลงมาชั้นลอยได้เห็นพี่เจสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เหมือนกัน มันเป็นกลิ่นบลูเบอร์รี่ให้ความรู้สึกเหมือนไอศกรีม ฉันโบกมือเบา ๆ พอให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นการมาถึงของฉัน
“ว่าไง วันนี้เหนื่อยเลยสิ” พี่เจทักทาย “เธอก็เก่งเหมือนกันนะ ในห้องประชุมน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ อย่างเหนื่อยเลย เพิ่งได้พักหายใจ”
“วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณฮาลก็ระวังตัวด้วยนะ ถึงเธอจะดูแลตัวเองได้แต่ก็ไม่อยากให้ประมาทกับหมอนั่น นอกออฟฟิศเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง” พี่เจยังคงกำชับเรื่องเดิม ๆ กับฉันนั่นเพราะคืนนี้ฉันต้องออกจากเจอลูกค้ากับเขา “ถึงพี่โทจะออกไปด้วยก็เถอะ”
“พี่โทกับคุณฮาล ใครอายุมากกว่ากันเหรอคะ” ฉันถามพลางพ่นควันบุหรี่กลิ่นกีวี่ออกมา
“ทั้งคู่อายุเท่ากันเลย”
“พี่เจล่ะ...”
เวลา 16.00 น.
ถึงเวลาออกเดินทางจากออฟฟิศห้วยขวางสู่ย่านความบันเทิงอย่างทองหล่อซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยผับบาร์ คอนโดมิเนียมหรูหราห้าดาวและร้านอาหาร ผู้คนขวักไขว่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ลาลับขอบฟ้า เหตุผลที่ต้องมาก่อนเวลาเลิกงานเพราะรถ โคตร ติด!!
กว่าจะถึงร้านที่นัดไว้กับคุณโรเจอร์ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเพราะหาจอดรถไม่ได้
ฉันเปลี่ยนจากชุดทำงานเป็นเดรสสีเงินโดยทับด้วยเบลเซอร์ไม่ให้โดดเด่นเกินไป ส่วนฮาลฉีดโคโลญและเซ็ทผมให้เรียบร้อย ฉันเดินข้างคุณฮาลโดยเตรียมกระเป๋าทำงานไว้สำหรับข้อมูลที่ต้องพรีเซนต์ให้โรเจอร์ด้วย
“โย่วว พวกนายมากันได้แล้วสินะ ขอโทษนะที่นัดมาที่มีคนเยอะแบบนี้น่ะ” โรเจอร์เป็นชายหนุ่มร่างสูงดวงตาสีฟ้าเหมือนมหาสมุทร เรือนผมสีน้ำตาลเยื่อไม้ เขายืนรอหน้าร้านอาหาร K เพื่อให้เห็นพวกเราง่ายขึ้น โรเจอร์ชนหมัดกับคุณฮาลซึ่งดูเหมือนจะมีท่าประจำตัวด้วย “คุณคงเป็นแชมเปญสินะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
#เจ้านายคะอย่ามาจับ
#แชมเปญไม่ยอม