ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ! - 6 After Meeting Party / We don't talk about Julie โดย GreySweater @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก

ผู้แต่ง

GreySweater

เรื่องย่อ

‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา 


ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย


ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ? 

แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?


สารบัญ

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-0 Prologue,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-1 First Impression,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-2 Keep In Touch,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-3 Business Meeting,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-4 Long Time No See,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-5 Unfamiliarity,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-6 After Meeting Party / We don't talk about Julie,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-7 Moving Out / Probation,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-8 Black Dog / Cross the Line,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-9 Shameless,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-10 Come Up With Plan,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-11 A New Guy,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-12 An Intern / Private Investigator,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-13 Dark Connection,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-14 Encounter / Deep Dive,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-15 Game On! / The City 2044,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-16 Grey Casino & Dark Secrets,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-17 Into The Dark World,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-18 Silence Before Storm,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-19 The Devil and Deep Blue Sea,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-20 The War Cry,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-21 Seduce and Destroy,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-22 We, Half Dust, Half Deity,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-23 This is the Hunt,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-24 The Last Move,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-25 Final Redemption,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-26 Devils in Courtroom

เนื้อหา

6 After Meeting Party / We don't talk about Julie

ตรู๊ด...

ตรู๊ด...

 

(ว่าไง เลิกงานแล้วเหรอ) เสียงพี่ชายที่ปลายสายแทรกด้วยเสียงอุ่นร้อนจากหม้อทำอาหาร แม่น่าจะกำลังทำมื้อค่ำ

“พี่ หนูอาจจะกลับบ้านดึกอะ มีดริ้งก์หลังประชุม อาจจะกลับตอนเช้าเลย ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ไม่ต้องทำงานอยู่แล้ว” ฉันพูดสายกับพี่ชายระหว่างเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเอง โบกมือลาคุณฮาลที่เหมือนจะมีนัดต่อ ถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่าจะดื่มด้วยนิดหน่อยแล้วไปหาแอมเบอร์ต่อ ส่วนคลินท์ก็ตามหลังฮาลไปติด ๆ

(อ่า เดี๋ยวบอกแม่ให้)

“ฝากด้วยพี่ชาย”

(ฉันจะบอกว่าแกกลับบ้านช้าไปหาผู้ชาย ฮ่า! แม่หยุมหัวแกแน่) หลังจากพี่ยินพูดแบบนั้น เสียงของแม่ก็แว่วเข้ามาว่า ‘แชมเปญมันทำงานวีคเดียวก็มีผู้ชายติดแล้วเหรอ ได้แม่มันมาเยอะจริง ๆ’ ทำเอาปวดขมับสุด มันไม่ใช่อะแม่!

“หนูจะกลับไปบีบคอพี่ แค่นี้นะ”

เมื่อวางสายจากพี่ชายก็เดินทางไปที่บ้านโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่อยู่ห่างออกไปอีกสองซอย เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ของจีมีเดียหลังจากรับรู้ถึงความดีเลิศในการทำงาน เป็นกระดูกสันหลังของจีมีเดียมาเนิ่นนาน นอกจากนี้คือชื่อเสียงความชิวของสตูดิโอ

เมื่อขับรถออกไปสองซอยก็รับรู้ทันทีว่าที่ไหนมีจัดปาร์ตี้เพราะมีบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์นรูปตัว L สีดำมีการประตูรั้วเปิดกว้างสำหรับต้อนรับคนเข้าและจอดรถ บริเวณหน้าบ้านเป็นโซนเอาต์ดอร์สำหรับสังสรรค์จัดกิจกรรมต่าง ๆ ตกแต่งสวนสีเขียวที่เต็มไปด้วยพนักงานบริษัทมากกว่า 20 คนกำลังจัดแจงแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมเตาปิ้งย่างบาร์บีคิวและเปิดเพลงเสียงดังแต่ก็ไม่ดังจนรบกวนเพื่อนบ้าน

ฉันจอดรถที่รั้วหน้าบ้านเพราะลานจอดรถเต็ม พี่เจออกมาต้อนรับด้วยความดีใจแต่รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อพบฮาลปรากฎตัวอยู่ข้างกัน เขาพูดว่า ‘เข้ามาสิ เดี๋ยวพาทัวร์ เผื่อต่อไปเธอต้องมาออกกองเอง’ แล้วเปิดประตูเข้าไปที่บ้านเดี่ยวหลังนั้น ส่วนฮาลกับคลินท์ก็ไปทักทายพนักงานพร้อมบริการเหล้าเบียร์ด้วยตัวเอง

เมื่อเปิดประตูก็พบห้องนั่งเล่นที่โปร่งด้วยกระจกบานใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติตอนกลางวัน ห้องทานอาหารที่มีพนักงานอีกกลุ่มกำลังเตรียมอุปกรณ์ วัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ห้องครัวกว้างขวางมีไอส์แลนด์ขนาดใหญ่แต่ถูกวางแทนที่ด้วยกระป๋องเบียร์และขวดเหล้าจำนวนมาก บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพี่โทที่รีโนเวตเป็นสตูดิโอจะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าที่อื่น พี่เจเล่าให้ฟังแบบนั้น

“ชั้นล่างเอาไว้ต้อนรับลูกค้ากับประชุมงาน ชั้นบนเป็นห้องตัดต่อกับสตูดิโอเอาไว้ถ่ายรายการ ต่อไปเธอก็มาเองได้แล้วนะ”

“กว้างใหญ่มากค่ะ แล้วพี่โทจะนอนได้เหรอคะ ถ้าวันไหนมีถ่ายงานดึก”

“พี่โทไม่ได้นอนที่บ้านนี้แล้วล่ะ ไปอยู่คอนโดใกล้ ๆ ที่นี่ก็กลายเป็นสตูดิโอเต็มตัวแต่พี่แอนน์จะอยู่ดูแลแทนก็ถามคิวถ่ายงานกับพี่แอนน์แล้วกัน”

“ไอ้เจ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ น้องเพิ่งมาวีคเดียวก็ชวนเข้าห้องดูแมวแล้วอ่อ” พี่แอนน์พูดเสียงดังเหมือนดุพร้อมถือแก้วใส่น้ำสีอำพัน “พาทัวร์แล้วลงไปข้างล่างกัน พวกพ่อครัวทำอาหารเสร็จแล้ว”

“แมว?”

“อืม แต่ไม่ใช่แมวของเรานะ คือพี่แอนน์เลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง น้องน่ารักมากแต่ชอบตีเรา”

“พี่เจชอบแมวเหรอคะ” ฉันถามด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่เคยพูดถึงและฉันเองก็ไม่เคยถาม ทุกครั้งที่พวกเราคุยกันก็มีแต่เรื่องงาน แอบคุยเรื่องความสัมพันธ์ภายในบริษัทบ้างว่าใครไม่น่าไว้ใจหรือมีวีรกรรมอะไร “ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

“ชอบมาก พี่ก็เลี้ยงไว้ที่บ้านเหมือนกัน ตัวที่พี่ตั้งเป็นรูปโปรไฟล์นั่นแหละ” รูปโปรไฟล์ที่ว่าก็คือ เจ้าบริติชช็อตแฮร์สีขาวหน้ามู่ทู่เหมือนหมี แววตากลมแป๋วสีฟ้าเป็นประกายเหมือนน้ำทะล “ชื่อว่า วินเทอร์ เพราะรับมาเลี้ยงตอนหน้าหนาว เธอก็ชอบแมวเหมือนกันเหรอ”

“หนูชอบหมดทั้งน้องแมวน้องหมาเลย แต่ไม่คิดว่าพี่จะนุ่มฟูเบอร์นี้”

“เฮ้ ถึงหน้าพี่จะโหดแต่ก็อยู่ในโหมดคิตตี้นะ ไว้ค่อยพามาดูเนอะ โดนตามแล้ว”

โอ๊ย ใจเหลวใจฟู ทำงานแผนกนี้มีแมวให้เล่นด้วย ถ้าเป็นสำนักงานใหญ่จะมีตู้ปลามโหฬารซึ่งคาดว่าติดตั้งไว้ตามพื้นดวงของผู้บริหารเพื่อเสริมดวงบริษัท ฉันรู้เพราะสตูดิโอที่เคยฝึกงานก็มีการมูแบบนี้เหมือนกัน

พวกเราลงไปชั้นล่างตรงลานหน้าบ้าน หยิบจานกระดาษและช้อนส้อมคนละคู่ ตักเนื้อย่างหมูย่างตามที่ต้องการเพราะพี่เษมและพี่นอร์ทที่ทำครัวบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ส่วนสาว ๆ ฝ่ายขายและการตลาดก็แปรเปลี่ยนเป็นบาร์เทนเดอร์สุดแซ่บที่คอยเชียร์และชงเหล้าให้ทุกคน

“มานั่งด้วยกันสิ” คุณโยนาชวนไปนั่งมุมของเลขาฯ ผู้บริหาร ซึ่งมีทั้งพี่แอนน์ คุณหลินอยู่ด้วย ฉันโค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งด้วย “ทำงานได้สัปดาห์นึงแล้วนี่ รู้สึกยังไงบ้าง คิดว่าชอบมั้ย” เสียงเรียบนิ่งกับใบหน้าเฉยชาของเธอทำให้ฉันรู้สึกเกร็ง ทวีคูณด้วยคำถามที่ดูเหมือนการสัมภาษณ์ แสงไฟร้อนสีแดงและน้ำเงินสาดกระทบใบหน้าของคุณโยนาขับให้ดูลึกลับกว่าเดิม

“งานหนักตามประสาเลขาแหละค่ะ แต่หนูคิดว่าจัดการไหว”

“ดีแล้วล่ะ คุณฮาลจะได้มีคนช่วยงานสักที” เธอตอบกลับโดยไม่มองหน้าฉันพลางยกเบียร์ในกระป๋องขึ้นกระดก “ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ พี่อาจจะไม่ได้เข้าบริษัทบ่อยแต่มีเรื่องอะไรต้องการปรึกษาคุณพุธหรืออยากนัดประชุมอะไรก็บอกได้ สนิทกับกลุ่มเลขาเอาไว้เพราะยังไงก็ต้องติดต่องานกัน”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

“แล้วเธอกับเจ นี่ยังไงเหรอ” อยู่ ๆ คุณหลินก็โพล่งถามขึ้นมา เขาคาดหวังคำตอบอะไรจากคำถามนี้เหรอ มันดูเหมือนคำถามที่ไม่ว่าจะตอบแนวไหนก็ดูไม่ดี ทั้งที่ไม่มีอะไรในกอไผ่แต่แรก ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ว่ามีรังสีอำมหิตออกมาจากคุณหลิน สัญชาตญาณความไม่ชอบแผ่ซ่านมาถึงนี่เลย เซนส์ฉันแรงมากนะ! แน่นอนว่าฉันก็ไม่ชอบคนหาเรื่องเหมือนกัน เดี๋ยวเถอะ!

“ไม่ยังไงนะคะ พี่เจก็เป็นรุ่นพี่ใจดีฝ่ายโปรดักชั่น”

“พี่เขาไม่ได้มองเธอแบบนั้นน่ะสิ ยังไงก็ระวังหนุ่ม ๆ บ้านโปรดักชั่นไว้นะ”

“อย่ามาว่าน้องฉันนะเว้ย” พี่แอนน์พูดเสียงดังแก้ต่างให้ลูกน้องของตัวเองด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดราวกับว่าสตูอิโอแห่งนี้คือครอบครัวของเขาจริง ๆ “ว่าแต่หนุ่ม ๆ ไปมีวีรกรรมอะไรเหรอ”

ก่อนที่คุณหลินจะให้คำตอบก็เหลือบตามองฉันอย่างมีเลศนัย นั่นยิ่งทำให้ฉันคาดหวังในคำตอบมากขึ้นอีก เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง ฉันจะตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยตัวเอง ความอยากรู้อยากเห็นแค่นี้คงไม่เสียหาย

“ไม่มีอะไรหรอกพี่แอนน์ ก็แค่เห็นชอบหว่านจีบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย หลินเลยกลัวน้องใหม่จะหลงคารมย์พวกนั้น”

“โอ๊ย ก็คิดว่าเรื่องอะไร พวกนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ”

ฉันรับฟังอย่างเงียบ ๆ พลางกินเนื้อย่าง จิบเบียร์กระป๋อง พยักหน้ารับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ฉันแค่มาปาร์ตี้ด้วยเพื่อสังคมการทำงานเท่านั้น จนกระทั่งฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายพี่ชายก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมาว่า

“ยินดีต้อนรับน้องแชมเปญเข้าสู่ทีมจีมีเดียอย่างเป็นทางการด้วยฮะ เอ้า หมดแก้ว!” คุณฮาลรับน้องกันแบบนี้เลย ทุกคนชูแก้วและกระป๋องในมือขึ้นเหนือหัวแล้วกระดกเครื่องดื่มทีเดียวรวด ส่วนฉันที่รับสายพี่ยินแล้วแต่ก็ต้องกระดกเบียร์ให้หมดกระป๋องในเวลาเดียวกันก็... วุ่นวายสุด ๆ ฉันโค้งตัวขอบคุณทุกคนที่ให้การต้อนรับ ขณะเดียวกันก็แนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูด้วย

“ขอตัวไปคุยโทรศัพท์นะคะ” ฉันพูดแค่นั้นแล้วปลีกตัวเข้าไปในบ้านซึ่งเสียงเบากว่าเพราะคนน้อยกว่า

 

(โห เสียงโคตรดังอยู่กันกี่คนวะนั่น เออ แม่หลับแล้วนะ ให้ไปรับป่ะ)

“ไม่ต้องหรอก หนูดื่มนิดเดียว พี่นอนเถอะ”

(หมดกี่กระป๋องแล้วล่ะ)

“หนึ่ง”

(จะกลับแล้วก็บอกด้วย)

“ซึ้งใจจังเลย พี่ชายเป็นห่วงขนาดนี้”

(สรุปว่างานเลี้ยงที่บอจริง ๆ เนอะ)

“งานเลี้ยงที่บอด้วย ผู้ชายด้วย แค่นี้นะ”

ฉันตอบประชดแบบนั้นแล้วกดวางสาย ทีแรกว่าจะกลับไปที่งานเลี้ยงแต่กลับถูกสัมผัสจากขนปุกปุยคลอเคลียรอบขาจนต้องก้มลงมองเจ้าเหมียวขนยาวสีส้มที่มีดวงตากลมโตสีฟ้าสวย นี่สินะแมวของพี่แอนน์ที่พี่เจพูดถึงก่อนหน้านี้ น้องเดินวนไปวนมาแล้วหงายท้องใส่เพื่อให้เกาพุงราวกับถูกชะตาด้วย ให้ตายสิ! ฉันอยากย้ายมาอยู่แผนกนี้แล้วนะ

“เบเกิล” ฉันเอียงคออ่านชื่อที่สลักไว้บนปลอกคอของน้องพลางลูบขนนุ่มไปด้วย ก่อนจะกล่าวลาเพื่อกลับเข้างานปาร์ตี้พร้อมกับเบียร์กระป๋องใหม่ ทุกคนคิดว่าฉันหนีกลับบ้านไปแล้วหลังดื่มเพียงกระป๋องเดียว ถึงอย่างนั้นฉันว่าจะอยู่ไม่เกินสามทุ่มจะได้ไม่เผลอดื่มเยอะ

“แฟนเหรอ” พี่หลินถามทันทีที่ฉันกลับมานั่งที่เดิม ใบหน้าของเธอแต้มด้วยรอยยิ้มคาดเดาความหมายไม่ได้แต่ก็ฟังดูเหมือนการแซวหยอกเท่านั้น

“ไม่ใช่แฟนค่ะ พอดีพี่ชายโทรตามกลับบ้าน”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

หลังจากนั้นก็คุยเรื่องจิปาถะ ป้ายยาแฟชั่นแบรนด์เนม ร้านอาหารน่าลองในย่านบริษัท วนไปวนมากับการเม้ามอยผู้บริหารและทีมงานคนอื่น ฉันดื่มพลางนั่งฟังเงียบ ๆ มีตอบกลับบ้างในหัวข้อที่คุยได้ จนกระทั่งเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับฮาลกลับมาอีกครั้งเพราะฉันเป็นคนที่ดูแลตารางงานและตามติดเป็นเงา

“แชมเปญเคยทำงานด้านนี้มาก่อนไหมอะ ดูคล่องดีนะ” พี่แอนน์ถาม

“เคยฝึกงานเป็นผู้ช่วยโปรดักชั่นสามเดือนค่ะ แต่หนูรู้สึกว่ายังต้องเรียนรู้ระบบที่นี่อีก จากไฟล์งานเก่าที่คนเก่าเก็บไว้ ถึงมันจะไม่งงแต่ก็ไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ แต่คิดว่าในระยะสามเดือนของการทดลองงานก็มากพอสำหรับการปรับตัวค่ะ”

“หึ! เธอคงไม่รู้แต่ว่าคนรวมงานในคอมพ์ของเธอไม่ใช่เลขาคนก่อนหรอก ยัยจูลี่มาทำงานประมาณสองเดือนแล้วก็หายไปเลย ปล่อยให้คุณฮาลกับคุณนอร์ทจัดเก็บเองจนเธอเข้ามา” พี่หลินดูไม่พอใจแบบสุด ๆ จนไม่รู้ตัวว่าเสียงโพล่งของตัวเองดังลั่น ทุกคนในงานมองพี่หลินเป็นตาเดียวเมื่อพูดชื่อจูลี่ “แต่ถ้าอยากปรับระบบตรงไหนก็บอกพี่พุธได้ ลองหาวันนั่งประชุมกันในกลุ่มเลขาก็ได้”

“คนก่อนชื่อจูลี่เหรอคะ แล้วพอรู้ไหมคะว่าทำไมเขาถึงหายไป” ฉันถามต่อ

“ไม่มีใครรู้อะไรเลย อยู่ ๆ ก็ไม่เข้าบริษัท ติดต่อไม่ได้ ไม่มีอีเมลหรือข้อความแจ้ง พี่ว่ามันดูไร้ความรับผิดชอบไปหน่อย แถมกระทบคนอื่นด้วย” พี่แอนน์เป็นฝ่ายตอบแทน ฉันมองหน้าคู่สนทนา ขณะที่พี่โยนาเอาแต่นั่งดื่มเบียร์ไม่พูดอะไรเลย “หวังว่าเธอจะไม่หายไปกะทันหันแบบนั้นอีกคนนะ”

“ไม่หรอกค่ะ ได้มาทำงานกับจีมีเดียทั้งที หนูไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป” ฉันตอบอย่างให้ความหวัง ทั้งที่ตอนนี้ความรู้สึกในหัวค่อนข้างปั่นป่วนเพราะพฤติกรรมของคนในบริษัทต่อเลขาคุณฮาลคนเก่า “จะว่าไป หนูอาจจะดื่มด้วยไม่เกินสี่ทุ่มนะ เดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว”

“บ้านอยู่ที่ไหนน่ะ”

“บางนาค่ะ เดินทางก็ประมาณชั่วโมงกว่า”

“โห ขับรถเมื่อยแย่เลย เอาเท่าที่ไหวก็ได้นะ ยังไงก็มีปาร์ตี้ทุกวันศุกร์อยู่แล้ว” คุณฮาลพูดขึ้นราวกับได้ยินทุกอย่างมาตลอด เขาคลี่รอยยิ้มจากริมฝีปากบางนั้นแล้วชนเบียร์กระป๋องกับฉัน “ถ้าขับรถไม่ไหว ผมขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ สบายมาก”

“อ่า ตามใจคุณนะ ผมกลับก่อนแล้ว สวัสดีครับทุกคน เจอกันวันจันทร์นะ” แล้วคุณฮาลก็เดินจากไปพลางรับสายโทรศัพท์จากคุณแอมเบอร์ ขณะเดียวกันพนักงานบางส่วนก็เริ่มทยอยกลับเช่นกันเพื่อขยับรถให้ผู้บริหารและกลับไปใช้ชีวิตที่รอคอยที่บ้าน

ฉันไม่รีบร้อนอะไรเพราะบอกพี่ยินแล้วว่าจะกลับช้า ฉันอยากดื่มด่ำการหยุดพักหายใจจากงาน โฟกัสที่การนั่งแกว่งเบียร์กระป๋องที่สี่ในมือ ขณะฟังเพลงที่เปิดคลอจากลำโพงไร้สายตัวใหญ่ ฉันแหงนมองท้องฟ้าเปล่าเปลี่ยวในคืนนี้ที่มีดวงดาวประปราย

“ตอนนี้กี่ทุ่มแล้วนะ” ฉันพูดกับตัวเองพลางมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางไว้ทิ้งไว้บนโต๊ะ “อ่า... สามทุ่มสี่สิบแล้วเหรอ” ความคิดลั่นออกไปเสียงดังจนพี่แอนน์กับสมาชิกคนอื่นในบ้านโปรดักชั่นพากันหัวเราะชอบใจ

“จะขับรถไหวมั้ยเนี่ย สภาพนี้ควรไปนอนจริง ๆ นะ”

“ขับได้นะพี่แอนน์ สบายมาก”

“ไม่น่าว่ะพี่ว่า เดี๋ยวพี่ต้องปิดบ้านแล้วอะ ให้ไอ้เจไปส่งแล้วกันนะ บ้านมันอยู่ไม่ไกลแชมเปญเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ช่วยลุกมาเก็บขยะจะดีใจมากเลย” พี่แอนน์กล่าวแบบนั้น ฉันพยักหน้าหงึกหงักแล้วเคลียร์กระป๋องเปล่ากับแก้วที่วางเกลื่อนโต๊ะใส่ถุงขยะสีดำใบใหญ่

ระหว่างช่วยพี่แอนน์เก็บขยะ ฉันพยายามนึกย้อนถึงโมงยามก่อนกาลเมามายของตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉันในตอนนั้นจนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ก่อกวนใจเกี่ยวกับเลขาคนก่อนชื่อจูลี่ สัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นทำงานเมื่อเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของพนักงานที่นี่ ฉันสร้างทฤษฎีสมคบคิดในหัวขึ้นเองเพียงลำพังทำให้เผลอกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินรับไหวแบบนี้

“มึงไปส่งแชมเปญให้ถึงบ้านนะ ไม่ใช่แวะคอนโดตัวเอง” พี่ยศ ครีเอทีฟอีกคนตะโกนแซวใส่พี่เจที่กำลังเดินมาหาฉันพร้อมทำท่าขอกุญแจรถ

“ถึงบ้านอยู่แล้วดิวะ มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย”

“คนก่อนมึงก็พูดงี้”

“ไอ้ปากเหี้ย อย่าสร้างน้ำเป็นตัว ไม่งั้นกูจะส่งมึงลงโลงเดี๋ยวนี้เลย”

“เฮ้ย อย่ามาต่อยกันที่บริษัท ไปที่กลางถนนนู่น” พี่แอนน์ห้ามทัพสองหนุ่มด้วยการตวาดสู้ ทั้งที่ความจริงทั้งคู่แค่แกล้งหยอกกัน ถึงฉันจะเมาแต่ก็ยังมีสติดีในการสังเกตการณ์ทุกอย่างรอบตัว “แชมเปญถึงบ้านแล้วบอกพี่ด้วยนะ”

“ได้ค่า สวัสดีค่ะพี่ ๆ เจอกันวันจันทร์ค่ะ” ฉันโบกมือลาทุกคนขณะเดินขึ้นรถเก๋งของตัวเองซึ่งพี่เจประจำที่คนขับแล้ว

 

JAY’ s POV:

 

ผมมองหญิงสาวอายุยี่สิบสามขึ้นรถอย่างเหนื่อยล้าหลังจากมอมตัวเองด้วยเบียร์นอกหลายกระป๋อง แชมเปญคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอนหลังหลับตาลงราวกับละทิ้งแล้วโลกใบนี้โดยที่ยังไม่ได้เปิดจีพีเอสไปที่บ้านของเธอเลย!! ถึงอย่างนั้นผมก็สตาร์ทรถเคลื่อนออกจากสตูดิโอไปยังถนนใหญ่ที่พามุ่งหน้าไปยังทางกลับบ้าน พี่แอนน์บอกว่าแชมเปญอยู่ไม่ไกลจากผมแปลว่าใช้ทางกลับเดียวกันได้

“แชมเปญ บอกทางไปบ้านด้วย!”

“ไปหาวินเทอร์ก่อน หนูบอกพี่ชายแล้วว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า” แชมเปญพูดออกมาโดยไม่ผ่านกระบวนการไตร่ตรอง ผมรู้สึกเขินนะที่น้องอยากไปดูแมวที่ห้องผมเพียงลำพังน่ะ แต่ก็ดีที่น้องไม่ได้พูดแบบนั้นตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ไม่งั้นผมโดนหยุมหัวแน่ ผมจะกลายเป็นไอ้หน้าม่อที่จ้องจะล่อเด็กใหม่ตั้งแต่สัปดาห์แรกไปในทันที “เอ๊ะ ไม่ดี ๆ หนูไม่ใช่คนร่านแบบนั้น ถึงจะอยากเห็นน้องวินเทอร์ก็เถอะ งั้นพี่เจไปส่งหนูที่คอนโดเพื่อนหนูตรงทองหล่อดีกว่าค่ะ”

เฮ้อ~ โล่งใจ... ว่าแล้วระบบนำทางของรถยนต์ก็แสดงเส้นทางไปยังคอนโดมิเนียม 48 ชั้นแห่งเดียวในย่านทองหล่อเมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของแชมเปญ ขอบคุณนวัตกรรม 2044 ที่ทำให้พวกเราขับรถได้ตอนเมาโดยสั่งการผ่านเสียง แผนที่โฮโลแกรมแสดงขึ้นตรงหน้าเป็นสีฟ้าอ่อนเพื่อให้สามารถมองทางได้

“ว่าแต่เราคิดมากเรื่องอะไร ทำไมอยู่ ๆ ก็มอมตัวเองแบบนี้ ห้ะ?” ผมถาม

“ทำไมคนที่นี่ไม่พูดถึงจูลี่เหรอคะ” เธอตอบคำถามด้วยคำถามพร้อมกับหันหน้ามาสบตาผม ใบหน้าขาวเหลืองตอนนี้มีสีแดงเลือดฝาดที่พวงแก้มทั้งสองข้าง แววตาเหนื่อยล้าเพราะความเมามาย “หนูเห็นรีแอคชั่นทุกคนแล้ว รู้สึกแปลก ๆ เซนส์หนูบอกว่าบริษัทนี้ต้องมีอะไรสักอย่างกับจูลี่แต่หนูไม่อยากตีโพยตีพายเอาเอง พี่เจพอรู้อะไรไหมคะ... นอกเหนือจากที่พี่หลินพูด”

“เรื่องนี้เองเหรอ”

“ค่ะ หนูคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์รู้เรื่องแบบนั้นนะ เพราะหนูต้องทำงานใกล้ชิดกับคุณฮาลตลอดเลยอะ แต่พอมีเคสแบบนี้กับคนก่อนหน้านี้ หนูก็อดระแวงไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถตัดสินอะไรได้เหมือนกันเพราะหนูไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้น” แชมเปญร่ายยาวความคิดทั้งหมดอย่างพรั่งพรู ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถึงความเครียดนั้นนะ

“พี่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับจูลี่ แต่คุณฮาลน่ะ... เวลาเขาชอบใคร เขาไม่เคยปล่อยให้หลุดมือเลย ความจริงพฤติกรรมเขากับพนักงานผู้หญิงก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แบบว่าชอบไปถึงเนื้อถึงตัวเขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง” ผมไม่ได้พูดเสี้ยมให้แชมเปญเกลียดเจ้านายตัวเองนะ แค่เล่าทุกอย่างที่เห็นตลอดการทำงานจีมีเดียสามปี “ขอโทษนะที่ช่วยอะไรได้ไม่มาก”

“อืม... คุณฮาลมือปลาหมึกจริงนะคะ หนูพยายามหลบตลอดเลย”

“พี่ถึงได้บอกให้เราระวังจากเขาเยอะ ๆ ไงล่ะ แต่ก็เข้าใจนะว่าแชมเปญต้องตัวติดเขาตลอดเหมือนกัน บางทีก็เลี่ยงยาก”

“ช่าย”

“ถ้ามีอะไรก็มาฟ้องพี่ได้เลยนะ เดี๋ยวอยู่ช่วยเอง”

“เหมือนพี่เจเป็นไม้กันหมาเลย” แชมเปญหัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับนึกสนุกขึ้นมา

“ก็ช่วยเป็นพยานไง เพราะพี่ก็ไม่อยากมองเจ้านายไม่ดีหรอกนะ แต่จากที่เห็นก็คิดดีไม่ค่อยได้เหมือนกัน แชมเปญเคยทำงานที่ไหนที่เจ้านายสัมผัสตัวพนักงานตามใจชอบไหมล่ะ” เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ “ใช่ไหมล่ะ แต่เราก็ไม่มีหลักฐาน นอกจากคำพูดปากเปล่า”

“ในเมื่อเราขาดสิ่งสำคัญอย่างหลักฐาน คำพูดมันทำอะไรไม่ได้เลยนะพี่เจ ใจหนึ่งหนูยังไม่คิดว่าคุณฮาลเป็นคนแย่เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาเป็นไอดอลของหนูเลยนะ”

“ไอดอลเลยเหรอ”

“ใช่ค่ะ เพราะคลิปสัมภาษณ์นั้นเลย”

โอเค ผมพอจะนึกออกว่ามันคือคลิปไหน มันเป็นคลิปที่แชร์ว่อนอินเตอร์เน็ตตั้งแต่ 4 ปีก่อนคล้ายการถอดรหัสความสำเร็จของคนรวยซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นถึงไม่ใช่คนที่รวยที่สุดในประเทศ ผมได้ดูคลิปนั้นเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ผมชื่นชมทัศนคติของเขาที่พร้อมพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับตำแหน่งยิ่งใหญ่นี้นะ แค่ไม่ชอบอีโก้เสียดฟ้าแบบนั้นที่เห็นคนอื่นเป็นเครื่องมือหรือขั้นบันไดสู่ความสำเร็จ

“นั่นเป็นเหตุผลที่เธอสมัครมาทำงานที่นี่สินะ”

เมื่อจะหันไปคุยกับคู่สนทนาต่อ แชมเปญก็ผล็อยหลับไปแล้ว แผงขนตายาวปิดพริ้ม เสียงลมหายใจแผ่วเบาลอดมาจากริมฝีปากเล็กที่เผยอออกเล็กน้อย ถ้าแชมเปญเป็นน้องสาวของผม เธอจะโดนดุไปสามวันเจ็ดวัน แต่เพราะเธอคือเพื่อนร่วมงาน ผมจึงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น นอกจากถือวิสาสะดันหัวของเธอให้ตรงและปรับเบาะนั่งเป็นแนวราบจะได้ไม่ปวดตัว

 

<คุณจะถึงจุดหมายในอีก 20 นาที>

 

ระบบนำทางแจ้งเตือนแบบนั้น ผมยังคงขับรถต่อไปบนถนนที่มีรถราขวักไขว่ แสงสีแดงจากไฟท้ายรถบ่งบอกการจราจรติดขัดเพราะเป็นทางเข้าออกเมืองสู่เออร์เบินซิตี้ซึ่งเป็นย่านชุมชนสลับกับอาคารพาณิชย์ แถวนี้มีคอนโดมิเนียมและสถานบันเทิงมากมาย แถมดึกดื่นแบบนี้ด้วย... น่าจะบวกเพิ่มอีกสิบนาทีกว่าจะไปถึงคอนโดของเพื่อนแชมเปญ

“พี่เจ น้องวินเทอร์น่ารักมั้ยคะ” อะไรวะ อยากดูแมวถึงขั้นละเมอเลยเหรอ ผมได้แค่คิด

“น่ารักมากเลย เรานอนไปเถอะ ถึงแล้วจะปลุก”

เธอตอบกลับด้วยเสียงในลำคอแล้วย่นคิ้วเพื่อข่มตานอนต่อ ฤทธิ์แอลกอฮอล์กดประสาททำให้ปวดหัว เธอคงไม่ได้หลับสบายจนกว่าจะหัวถึงหมอน ผมช่วยปรับความเย็นของเครื่องปรับอากาศอีก ความจริงผมก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันเพราะดื่มไปไม่น้อยกว่าแชมเปญ รถติดแบบนี้ก็พอได้เอนหลังพักสักหน่อย

ผมพาเธอไปถึงคอนโดมีเนียมในอีก 30 นาทีต่อมาอย่างที่คาดการณ์ไว้ ผมสะกิดไหล่ของแชมเปญเพื่อให้เธอตื่นแล้วโทรหาเพื่อน เธอคนนั้นชื่อจีน่า หน้าจอโทรศัพท์และลำโพงเชื่อมต่อกับรถทำให้ได้ยินทุกอย่าง จีน่าดูตกใจกับการมาถึงของแชมเปญราวกับไม่รู้มาก่อนว่าคืนนี้เธอจะมาหา ผมเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยว่าน้องจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม

แชมเปญปรับเบาะกลับสู่ท่านั่ง หยิบกระเป๋าและสัมภาระออกไปด้วย สภาพหัวยุ่งเหยิงและสวมรองเท้าไม่เรียบร้อยทำให้ผมหนักใจ ผมตามออกไปเพื่อพยุงตัวของเธอไปเจอกับเพื่อนชื่อ จีน่า ต่อไปผมจะจ้องไอ้เด็กนี่ไว้ไม่ให้เมาจนกลับบ้านไม่ได้แบบนี้อีก

“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งแชมเปญถึงนี่” จีน่ารีบวิ่งออกมาจากลิฟต์เพื่อรับช่วงต่อ เธอมัดผมทรงดังโงะและสวมชุดนอนทับด้วยเสื้อกันหนาว “คุณเป็นเพื่อนที่ทำงานของมันใช่มั้ยคะ”

“อ่า ใช่ครับ ผมชื่อเจ เป็นซีเนียร์ครีเอทีฟของจีมีเดีย สบายใจได้เลย ผมดูแลน้องตลอดทาง”

“ขอโทษด้วยนะคะ แชมเปญมันเมาแล้วชอบให้คนอื่นหิ้วปีกอยู่เรื่อย”

“ไม่เป็นไรฮะ วันนี้ที่สตูดิโอปาร์ตี้กันหนัก รีบพาน้องไปพักดีกว่า ยังไงก็ขอโทษที่รบกวนดึกดื่นนะครับ” ด้วยมารยาททำให้ผมกับจีน่าสลับกันขอโทษและขอบคุณอยู่ในลิฟต์ ส่วนตัวต้นเรื่องก็เอาแต่กอดคอจีน่าแล้วโค้งตัวขอโทษกับเขาด้วย

จีน่านำทางออกจากลิฟต์มาถึงห้องพักชั้น 28 ห้องนอนกว้าง 48 ตารางเมตรแต่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพมากมาย แชมเปญทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสีเทาของห้องเล็กโดยไม่เปลี่ยนชุดหรือลบเครื่องสำอางออก จีน่าขยับแขนขาเพื่อให้เจ้าหล่อนนอนหลับสบายโดยที่เจ้าตัวไม่มีการขัดขืนดื้อดึงแม้แต่น้อย

“ขอโทษอีกครั้งนะครับที่รบกวนดึกดื่น”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณเจ ปกติเวลานี้จีน่ายังไม่นอนหรอกค่ะ” ไม่รู้ว่าจริงไหมเพราะจีน่าเองก็อยู่ในชุดนอนแล้ว “ว่าแต่คุณเจเถอะค่ะ น่าจะเหนื่อย นอนพักก่อนได้นะคะ” ผมว่าจีน่าพูดแบบนั้นเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวผมเช่นกัน

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเรียกแท็กซี่ข้างล่างดีกว่า” แต่ผมเกรงใจน่ะสิ

“แน่ใจนะคะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักมั่นใจว่าจะไม่อยู่เป็นภาระเพิ่มให้จีน่าอย่างแน่นอน แต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม เข่าทั้งสองข้างทรุดลงบนโซฟาอย่างกับแรงโน้มถ่วงจากทั้งโลกดึงขาของผมไว้ตามด้วยหนังตาหนักอึ้ง ไอ้เชี่ย! วอท เดอะ ฟัค! ภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างตัดเป็นสีดำสนิทคือ คุณจีน่าเอียงคอมองผมแบบงง ๆ

คุณจีน่า... ผมขอโทษนะ สาบานว่าทันทีที่ตื่นก็จะรีบเรียกแท็กซี่ออกไปให้เร็วที่สุดเลย

 

#เจ้านายคะอย่ามาจับ

#แชมเปญไม่ยอม