ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ! - 7 Moving Out / Probation โดย GreySweater @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก

ผู้แต่ง

GreySweater

เรื่องย่อ

‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา 


ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย


ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ? 

แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?


สารบัญ

Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-0 Prologue,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-1 First Impression,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-2 Keep In Touch,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-3 Business Meeting,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-4 Long Time No See,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-5 Unfamiliarity,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-6 After Meeting Party / We don't talk about Julie,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-7 Moving Out / Probation,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-8 Black Dog / Cross the Line,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-9 Shameless,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-10 Come Up With Plan,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-11 A New Guy,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-12 An Intern / Private Investigator,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-13 Dark Connection,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-14 Encounter / Deep Dive,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-15 Game On! / The City 2044,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-16 Grey Casino & Dark Secrets,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-17 Into The Dark World,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-18 Silence Before Storm,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-19 The Devil and Deep Blue Sea,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-20 The War Cry,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-21 Seduce and Destroy,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-22 We, Half Dust, Half Deity,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-23 This is the Hunt,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-24 The Last Move,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-25 Final Redemption,Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!-26 Devils in Courtroom

เนื้อหา

7 Moving Out / Probation

TW: 

  1. SEXUAL HARASSMENT (การล่วงละเมิดทางเพศ)
  2. MENTION ABOUT SEXUAL HARASSMENT (กล่าวถึงการล่วงละเมิดทางเพศ)
  3. MENTION ABOUT SUICIDE (กล่าวถึงการฆ่าตัวตาย)

 

CHAMPAGNE'S POV: 

 

โอ๊ย ปวดหัว

มันคือความรู้สึกแรกหลังจากลืมตาตื่นบนเตียงนอนนุ่มที่ไม่ใช่ของตัวเอง ฉันรับรู้ได้เพราะกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแตกต่างอย่างชัดเจน แม่บอกว่ามันคือกลิ่นน้ำหอมดอกไม้ฝรั่งเศส ทว่ากลิ่นที่อบอวลใต้จมูกของฉันเหมือนแป้งเด็กมากกว่าน้ำหอม ฉันรู้จักกลิ่นแบบนี้เพราะที่นี่คือคอนโดมีเนียมของจีน่า

“กว่ามึงจะตื่นได้ คุณเจกลับไปแล้วนะ” จีน่านอนเอนหลังข้างฉันพลางลูบหัวเบา ๆ “เขาไม่ได้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น โชคดีนะที่เดินทางปลอดภัยทั้งคู่”

“ขอแก้ต่างให้ตัวเองก่อนว่า กูกับพี่เขาไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น”

“ไม่เชื่อค่ะ” นางกล่าวแบบนั้นแล้วส่งขวดน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบมาให้ “ดื่มเข้าไปเยอะ ๆ จะได้ไม่แฮงค์ เออ... แม่มึงโทรมาหากูด้วยเหมือนรู้ว่ามึงจะมานอนด้วยอะ แม่มึงมีตาที่สามป่ะ”

“เออ แม่มีตาที่สาม กูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้ากลับบ้านไปแล้วแม่มีขาที่สามด้วย”

ฉันรับน้ำมาดื่มเพราะทนความปวดหัวไม่ไหว จีน่าหัวเราะดังลั่นแต่ฉันจะไม่แปลกใจจริง ๆ นะ

ว่าด้วยเรื่องของคุณแม่มาลีของฉัน แม่เป็นคนเก่งและแข็งแกร่งที่สุดในโลกเลยล่ะ ถึงแม้คุณพ่อไม่ได้อยู่ร่วมสร้างความทรงจำดี ๆ ด้วยเพราะมะเร็งลุกลาม แต่แม่ก็สามารถเลี้ยงดูพวกเราสองพี่น้องได้อย่างดี แถมเป็นหมอดูประจำหมู่บ้านซึ่งตอนนี้ทั้งจังหวัดอาจจะรู้จักสมญานามของแม่ว่า ‘แม่หมอลามี’ เพราะพี่ยินสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ให้แม่เปิดไพ่ทำนายดวง แม่มีสกิลการอ่านไพ่ทำนายตั้งแต่เด็กเพราะคุณตาเป็นคนสอน

อาชีพดูดวงเป็นสิ่งที่เอไอยังไม่สามารถทำได้จึงเป็นที่มาของรายได้หกหลักต่อเดือนของแม่ รวมถึงการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลเช่นกัน แม่ซื้อหวยถูกทุกงวดแบบที่ฉันไม่อาจงัดสมองมาเข้าใจได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ไม่เคยแบมือขอเงินเดือนจากลูกทั้งสอง... เพราะแม่มีเงินเยอะกว่าลูก ๆ นั่นเอง ความน่ายินดีคือการเป็นแม่หมอลามี ทำให้มีรายได้มากพอผ่อนบ้านหมด หวังว่าพ่อที่มองลงมาจากบนฟ้าจะมีความสุขที่เห็นทุกคนมีความสุขกันนะ

“กูนึกภาพตามแล้วจะรั่ว โอ๊ย อีเวร”

“จะว่าไป มึงก็ไม่ได้เจอแม่กูนานแล้วนะ สนใจไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันมั้ย”

“เอาสิ คิดถึงแกงใต้ฝีมือแม่มึง แล้วมึงสนใจย้ายมาอยู่กับกูมั้ยอะ เห็นมึงกลับดึกแล้วเป็นห่วงจังเลย ถ้าเมื่อคืนคุณเจไม่มาส่งจะเป็นยังไง”

“กูก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่อยากมั่นใจว่ากูผ่านงานแล้วมากกว่า กูไม่ได้กลับดึกทุกวันหรอก” ฉันพยายามตอบเลี่ยงเพราะไม่อยากรบกวนจีน่ามาก ถ้าฉันมาอยู่ด้วยก็จะไม่ได้โฟกัสกับงานวาดของตัวเองเท่าที่ควร

“ไม่ต้องเกรงใจกูหรอก จริง ๆ นะ แค่อย่าพาผู้ชายมามั่วก็พอ แบ่งมาให้กูบ้างก็ดี”

“เชื่อกูนะ กูกับพี่เจไม่มีอะไรจริง ๆ แล้วถ้ามึงอยากมีผู้ชายบ้าง มึงต้องหยุดอุดอู้ในห้องก่อน”

“นี่ไง มาอยู่กับกู เดี๋ยวออกไปเที่ยวทุกคืนเลย”

เมื่อคุณถูกเพื่อนอ้อนแบบนี้ คุณจะทำยังไงระหว่างปฏิเสธ ปล่อยผ่านไปกับยอมรับข้อเสนอ แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธที่จะอยู่หอกับจีน่าอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลามากกว่านี้ เพราะนี่แค่สัปดาห์แรกของการทำงานเท่านั้นเอง

“ไว้คุยกับแม่ก่อนนะ ถ้าเป็นไปได้ เดือนหน้าจะมาอยู่ด้วย”

“สัญญานะ!”

“สัญญา”

หลังจบบทสนทนาบนเตียง ฉันก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ ความง่วงซึม เหนื่อยล้าและเมามายยังหลงเหลือในกระแสเลือดขับเคลื่อนให้เกิดความฝันประหลาดที่มองเห็นเพียงมือตัวเองกำลังลูบไล้ปุยขนนุ่มของแมวสีขาวซึ่งไม่ใช่ของตัวเอง แววตากลมสว่างสีฟ้าน่าหลงใหลนั้นทำให้นึกถึงผู้อาจเป็นเจ้าของ

ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายสองแล้ว จีน่าทำอาหารหอมกรุ่นด้วยเครื่องปรุงอาหารเกาหลีจนเกิดเป็นเมนูรามยอนกิมจิกับไก่ทอดคลุกซอส สกิลที่เด็กหอต้องมีคือการทำอาหาร ฉันจึงไม่แปลกใจที่จีน่าผู้ไม่เคยเข้าครัวจะรังสรรค์มื้อเที่ยงได้ นางบอกว่าวัตถุดิบซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าคอนโดมิเนียมนี่เอง พวกเราทานมื้อเที่ยงด้วยกันพลางดูซีรีส์ผ่านโทรทัศน์จอโค้ง

“มึงว่านางเอกจะรู้มั้ยว่าพระเอกที่มันคุยด้วยทุกวันเป็นผี” จีน่าถามขณะเคี้ยวเส้นรามยอนเหนียวนุ่มเต็มปาก “แอบเดินเรื่องช้าเหมือนกันนะ”

“ความจริงแบบนั้นมันชอบเฉลยตอนใกล้จบเรื่องอยู่แล้วป่ะวะ”

“แต่ที่ติดงอมแงมทุกวันนี้เพราะพระเอกหล่อคือเรื่องจริง”

“อ่า ไม่เถียง”

ทว่าสุดท้ายพวกเราไม่ได้กลับบ้านด้วยกันเพราะจีน่าเหนื่อยจนผล็อยหลับแทน แต่ฉันก็เข้าใจได้เพราะเธอทั้งคอยเฝ้าดูแลทั้งคืนแถมยังทำอาหารให้กินอีก ฉันอยากให้เธอพักผ่อนต่อไป ฉันตัดสินใจขับรถกลับบ้านพร้อมส่งข้อความขอบคุณจีน่าและพี่เจที่ช่วยดูแลทั้งคืน ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ขับรถถึงบ้านโดยที่พี่ชายกอดอกรออยู่หน้าบ้าน ใช้ร่างหนาตัวเองกั้นระหว่างรั้วหน้าบ้านกับรถของฉัน พี่ยินอยู่ในเสื้อบอลทีมอังกฤษ กางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะคีบ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนเพิ่งสระผมเสร็จ

"ยิน! เปิดประตูให้หน่อย!" ฉันเลื่อนกระจกรถเอ่ยปากสั่งพี่ชาย 

"ไม่ จนกว่าแกจะบอกว่า ผู้ชายเมื่อคืนใช่แฟนแกรึเปล่า" มันใช่เรื่องต้องมาเถียงกันหน้าบ้านแบบนี้มั้ยก่อน... เพื่อนบ้านด่าขึ้นมาถือเป็นความผิดพี่ยินคนเดียวเลยนะ รบกวนชาวบ้านไม่เข้าเรื่องเนี่ย แล้วตัวเองยืนขวางแบบนั้นไม่มีความกลัวยุงเลยแม้แต่นิดเดียว โว้ย! 

"ไม่ใช่! หนูโสดแต่ไม่ได้คันแบบพี่นะ! เปิดประตู!" ฉันตอบพี่ยินแล้วเหยียบคันเร่งขู่ผู้ชายตรงหน้าที่ยังจังก้าหน้ารั้ว "หลบไป ไม่งั้นชนพี่จริง ๆ นะ"

พี่ชายเดินตึงตังกลับเข้าบ้านอย่างไม่เต็มใจ เมื่อรถยนต์เข้าซองลานจอดรถแล้วก็เดินไปตามพี่ชายที่ทำท่ากอดเอวคุดคู้อยู่ข้างแม่ซึ่งกำลังดูซีรีส์ด้วยกันพลางหั่นแอปเปิ้ลแดงลูกโตไปด้วย

"เห็นมั้ยแม่ ผมบอกแล้วว่าแชมเปญมันแรดหาผู้ชาย ทำงานวีคแรกก็เอาเลยอะ" ดูพูดเข้า!! มันน่าหยิกหลังมั้ยเนี่ย! ฉันชูนิ้วกลางใส่พี่ยินทันที แล้วหมอนั่นก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ "เนี่ย ๆ แม่ดูมันดิ"

"ให้มันแรดบ้างก็ได้ แหม มันแค่หาแฟนไม่ได้ฆ่าใครตาย" เอ้า! แม่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน แถมยังกินแอปเปิ้ลหน้าตาเฉยอีก เอ้อ! ดีจริง ๆ 

"ขอแก้ต่างให้ตัวเองก่อน" ฉันฮึดเถียงสู้เพื่อสิทธิ์ของตัวเองที่ไม่ยอมถูกเข้าใจผิด "หนูรู้ว่าทุกคนพูดถึงใคร แต่พี่เจไม่ใช่แฟนหนู ไม่ว่าไพ่แม่จะบอกว่าอะไรแต่ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ เขาแค่รุ่นพี่ใจดีที่ขับรถพาหนูไปส่งคอนโดจีน่า ถ้าผู้ชายอีกคนที่แม่สงสัยล่ะก็... บอกได้เลยว่าไม่ใช่แน่นอน หนูไม่ได้คิดอะไรกับคุณฮาลมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง โอเคนะ?"

"ตอนนี้ไม่ อนาคตก็ไม่แน่ ทั้งคู่นั่นแหละแต่แม่ว่าระวังไว้บ้างก็ดี ผู้ชายกะล่อนมันก็เยอะ อย่างไอ้ยินนี่ก็ใช้ได้อยู่เหมือนกัน" แม่ตอบกลับเสียงเรียบนิ่งไม่สบตาฉัน ที่แม่พูดก็มีเหตุผลเพราะก่อนพ่อแต่งงานกับแม่ พ่อก็กะล่อนใช้ได้ ชอบทำให้แม่กังวลบ่อย ๆ อีกต่างหาก แน่นอนว่าผู้ชายบ้านโปรดักชั่นก็ดูเป็นอย่างที่แม่กังวลโดยเฉพาะพี่เจที่มีข่าวลือหนาหูพอ ๆ กับคุณฮาล เจ้านายของฉัน แม้ฉันจะวางตัวดีแค่ไหนก็ควรระวังตัวเองอยู่ดี ส่วนเรื่องพี่ยิน... ควงไม่ซ้ำจำหน้าไม่ได้แต่ก็ไม่เคยพาใครมาแนะนำตัวกับแม่แบบจริงจังแล้วยังกล้าว่าฉันอีก "แกขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะ น่าจะเหนื่อยแล้ว"

"เอ้าแม่!" พี่ยินกลับเป็นฝ่ายไม่พอใจที่แม่ไม่ดุฉันเสียอย่างนั้น ฉันจึงเป็นฝ่ายล้อเลียนพี่ยินแทน

"พรุ่งนี้ทุกคนอยากไปไหนกันรึเปล่า"

"จะเลี้ยงข้าวอ่อ" ยินทำตาโตเป็นประกาย ทีงี้มันหูผึ่งเลย! โห ไอ้เห็นแก่กิน!

"ใช่ เลี้ยงข้าวทั้งวันแลกกับการที่แม่หยุดดูดวงชะตาชีวิตหนู สนใจป่ะ" 

"ใครจะปฏิเสธลงล่ะครับ น้องสาวใจดีขนาดนี้" ยินไม่ปฏิเสธตามคาดแถมยังไม่ต่อรองข้อเสนอด้วยเพราะหมอนี่ไม่ได้เป็นพ่อหมอเห็นอนาคต หมอนี่จะได้อิ่มหนำสำราญหนึ่งวันเต็ม ๆ โดยไม่เสียอะไรเลย เชี่ยเอ๊ย! ไม่ได้ดิ 

"พี่จะเอาอะไรมาแลกอะ" 

"วีคหน้าพี่เลี้ยงข้าว ขนมด้วย" พี่ชายคุณภาพของฉัน~ "พอใจป่ะ"

"พอใจมากค่ะ"

"เลี้ยงแม่มื้อเดียวพอ แล้วเดือนหน้าทั้งเดือนแม่จะไม่ดูดวงชีวิตหนู แต่ถ้าแชมเปญอยากดูดวงกับแม่ก็ขอค่าครูด้วย" แม่ยื่นข้อเสนอต่อรองเพราะอยากให้ฉันเก็บเงินไว้ อย่างที่รู้กันว่าแค่ลูกค้าประจำของแม่ก็ทำให้แม่มีเงินหมุนทั้งเดือนแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้แม่ด้วยซ้ำ 

"ดีลค่ะ ไม่มีอะไรแล้วเนอะ หนูขึ้นบ้านละ"

หลังจากอาบน้ำและกลับเข้าห้องนอน ฉันส่งข้อความหาพี่แอนน์ พี่เจและจีน่าที่คอยดูแลไม่ห่าง แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีความทรงจำบางอย่างติดอยู่ในหัวที่คิดไม่ออก ฤทธิ์แอลกอฮอล์เอาเรื่องหนักพอสมควรเพราะฉันหมกมุ่นกับทฤษฎีสมคบคิดว่าคุณฮาลมีส่วนกับการหายตัวไปของจูลี่ หากเขาคุกคามเธอจริง ๆ ก็เป็นเหตุผลดีพอที่พนักงานจะไม่ทนแต่แบบนั้นเธอก็สามารถยื่นใบลาออกได้เพื่อไม่ให้ประวัติตัวเองเสีย

 

ทำไมถึงเลือกหายไปเฉย ๆ นะ? หรือมีคนทำให้เธอหายไป?

 

JAY's POV: 

 

CHAMPAGNE: ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ ขอบคุณพี่เจที่ดูแลอย่างดีนะคะ 

JAY: สบายมาก ดื่มน้ำเยอะ ๆ นะ จะได้ไม่แฮงค์

CHAMPAGNE: น้ำหมดไปเป็นขวดเลยพี่ชาย 

JAY: เยี่ยม 

 

ไอ้เด็กนี่ฟื้นจากนิทราแล้วและในเมื่อน้องเรียกผมว่าพี่ชายขนาดนี้ ครั้งหน้าในงานปาร์ตี้บริษัท ผมขอใช้สิทธิ์พี่ชายในการ monitor การดื่มเหล้าของน้องเพราะสร้างความลำบากให้คนอื่น ต่อให้ผมเต็มใจหิ้วปีก ให้น้องขี่หลังก็เถอะแต่น้องไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองตัวหนักขนาดไหน แถมยังละเมอถึงวินเทอร์อีก 

 

เมี๊ยว~ 

 

วินเทอร์ร้องหง่าวเอาตัวมาถูไถตามสีข้างของผมบนเตียงแถมยังทำตาแป๋วใส่อีก ผมหยุดจ้องโทรศัพท์ไปบีบแก้มนุ่มของเจ้าหน้าขนแทนจนกระทั่งคิดอะไรแผลง ๆ ออก ในเมื่อแชมเปญอยากเห็นแมวของผมขนาดนั้นก็จัดไปสิครับ ทีนี้จะมาว่าว่าผมทำให้น้องหวั่นไหวไม่ได้นะ เพราะตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน ฮึ่ม! โดนแน่! 

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นถ่ายรูป เลือกโหมดบันทึกวิดีโอ <สัตว์> เจ้าวินเทอร์อยู่ที่ศูนย์กลางโฟกัส แววตาสีฟ้าเป็นประกายสบมองกล้องแล้วร้องหง่าวอีกครั้งก่อนจะเดินมาใช้อุ้งเท้าน้อย ๆ เหยียบบนท้องของผม ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นการนอนทับเสียเลย ผมลูบปุยขนแน่นของวินเทอร์กระตุ้นเสียงครางเพอร์ (purr) ที่แมวจะส่งเสียงออกมาเวลาพอใจ เพียงเท่านี้ก็มากพอสำหรับการแกล้งแชมเปญ 

 

JAY: ส่งวิดิโอ 

CHAMPAGNE: งื้อออ วินเทอร์คนสวยยย น้องขี้อ้อนดีจังค่ะ อยากเจอน้องเลยอะ

JAY: ใช่ ตัวหนักด้วย เหมือนแชมเปญอะ 

CHAMPAGNE: อย่าบู้บี้หนูนะ!!

JAY: 55555 เหมือนจริง ๆ 

CHAMPAGNE: ว่าแต่พี่ตอบเร็วจัง ทำอะไรอยู่คะ 

 

อ้าว เชี่ย! ตอบยังไงให้ดูดีดีล่ะ

ผมไม่อยากตอบหรอกว่าผมรอน้องติดต่อกลับตั้งแต่บ่ายและผมก็ไม่อยากรัวข้อความไปหาน้องเยอะ ๆ ด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่น้องมีขอบเขตการแกล้งกันอยู่นะและผมยังไม่พร้อมข้ามเส้นความสัมพันธ์ในสัปดาห์แรกของการทำงานของน้อง แต่อย่างว่า... น้องมันก็เอาเรื่องเหมือนกัน แต่อาจจะจำไม่ได้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ 

เมื่อเช้านี้ที่คอนโดของคุณจีน่า ผมตื่นตอนเช้ามืดมาดูอาการแชมเปญที่เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นท่านอนตะแคงบนเตียงนุ่ม เธอดูสบายใจดีที่อยู่ตรงนี้ ผมนั่งลงกับพื้นมองใบหน้าสวยแต่เหนื่อยล้า เปลือกตาทั้งสองข้างดูพยายามเบิกขึ้นแต่ก็ต้านทานความง่วงไม่ไหว แล้วเธอยื่นมือมาลูบผมและแตะแก้มของผมอย่างกับเห็นผมเป็นแมวตัวหนึ่ง... ผมปล่อยตัวเองอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นจะข้ามเส้นก็เลยออกมาแล้วเรียกแท็กซี่กลับคอนโด

 

JAY: ดูอะไรไปเรื่อยแหละ แชมเปญจะนอนตอนไหน 

CHAMAPAGNE: น่าจะอีกนานค่ะ ก่อนหน้านี้นอนไปเยอะเลย พี่เจล่ะ?

JAY: อีกซักพัก 

CHAMAPAGNE: พี่ว่าหนูควรหยุดคิดเรื่องคุณฮาลมั้ยอะ

JAY: แยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานเก่งมั้ยล่ะ 

CHAMAPAGNE: ไม่รู้สิ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหากับการทำงานนะ เพราะไม่เคยเจอเคสแบบนี้ด้วย 

JAY: อย่าการ์ดตกก็พอ ไม่ไหวก็ฟ้องเราได้

CHAMPAGNE: หนูควรระวังใครอีกมั้ยนะ

 

หึ! ระวังพี่เนี่ยแหละ แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าความรักไม่เลือกที่เกิด สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนั้นอาจจะแค่หวั่นไหวก็ได้ หนูทำให้คนอื่นหวั่นไหวแล้วชิ่งไม่ได้กับทุกคนหรอกนะ ครั้งนี้จะปล่อยไปเพราะน้องเมา

 

JAY: ระแวงใครอีกล่ะ 

CHAMAPAGNE: ไม่รู้สิ หนูนอยด์ไปเรื่อยแล้ว พวกเลขาพี่พุธก็ดูไม่ชอบหนูเท่าไหร่ ไม่รู้แล้ว

JAY: ส่งวิดีโอ 

JAY: เอาไปดูแก้นอยด์

 

ผมส่งคลิปเก่าของวินเทอร์ตอนรับมาวันแรก ๆ ตอนยังเป็นก้อนขนสองเดือน ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะหลับตอนไหน น้องจะง่วงเมื่อไหร่ แต่มันสำคัญมากนะที่คนเราไม่ควรนอนโดยที่มีเรื่องกังวลเต็มไปหมด เวลาเครียดทำลายช่วงเวลาดี ๆ ของแต่ละวัน หัวใจและสมองควรได้พักบ้าง หลังจากที่ผมรับวินเทอร์มาเลี้ยง ปัญหาการนอนของผมก็ดีขึ้นจากที่มีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน

 

CHAMPAGNE: หนูสามารถคุยกับพี่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะง่วงได้มั้ย ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ

 

ไอ้เด็กนี่! มันเอาใหญ่เลยอะ! 

 

JAY: ได้ดิ พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นอยู่แล้ว 

 

พวกเราวิดีโอคอลคุยกันจนดึกดื่น ผมมองแววตาสดใสของแชมเปญในชุดนอนสีน้ำเงินแบบกล้วยหอมจอมซน ขณะที่ผมใส่แค่เสื้อยืดสีขาวโง่ ๆ เจ้าวินเทอร์ไม่ได้ร่วมเฟรมด้วยเพราะหนีไปนอนแล้ว หัวข้อสนทนาเริ่มตั้งแต่แมวตัวแรกของผมซึ่งเป็นแมวจรอายุเยอะ ชีวิตทำงานที่จีมีเดียตลอดหนึ่งปี งานก่อนหน้านี้ของผมในฐานะครีเอทีฟคอนเทนต์ของค่ายอีสปอร์ตเล็ก ๆ ของเพื่อน ผมตัดสินใจออกมาเพื่อหาประสบการณ์เพิ่มจากที่นี่ 

ชีวิตวัยมหาวิทยาลัยที่ผมกับแชมเปญเรียนที่เดียวแต่ต่างคณะ ทำให้ไม่แปลกที่ไม่เคยเจอหรือคุยกันมาก่อน พวกเราอาจจะเคยเจอกันผ่าน ๆ ช่วงกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยแต่ใครจะรู้ พวกเราอายุห่างกันตั้ง 5 ปี แชมเปญเป็นเด็กกิจกรรมที่ชอบออกค่ายต่างจังหวัดแต่ก็รักษาผลการเรียนไว้ด้วย ส่วนผมที่เรียนศิลปกรรมก็หมดเวลาไปกับโปรเจกต์ งานแสดงนิทรรศการมากมาย ได้นอนก็ดีแค่ไหนแล้ว 

"แชมเปญเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้างสิ" 

(อยากฟังเรื่องไหนล่ะ หนูคิดไม่ค่อยออกหรอก)

"แชมเปญกับจีน่าก็ได้"

(ทำไมพี่เจถึงอยากรู้เรื่องของหนูอะ)

"ก็เหมือนที่เธออยากรู้ของเราป่ะ จะให้เล่าคนเดียวก็ไม่แฟร์ด้วย"

(นั่นสินะ)

แชมเปญเล่าว่าเธอกับจีน่ารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมปลายแถมยังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วยและเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิต จีน่าเป็นอาร์ตติสด้วยแพชชั่นและสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง เรื่องของคุณจีน่าก็แค่ข้ออ้าง ผมสนใจเรื่องของแชมเปญมากกว่าอยู่แล้ว มันเป็นความรู้สึกนุ่มฟูสดใสเวลาได้อยู่กับน้องเขานะ ผมบอกคุณแล้วว่าความรักไม่เลือกที่เกิด ผมฟังเสียงแชมเปญจนผล็อยหลับคาวิดีโอคอลด้วยความอุ่นใจ

ความหวั่นไหวก่อตัวขึ้นตลอดการคุยและทำงานร่วมกับแชมเปญ ไทม์สคิปไปแบบเร็ว ๆ ก็คือช่วงที่ติดต่อคุยเรื่องโปรเจกต์ร่วมกับ Q Publishing ตลอดทั้งเดือนที่ผม แชมเปญ ฝ่ายขายและคุณฮาลต้องตรวจงานก่อน Launch รายการใหม่ ช่วงนั้นพวกเรามีเวลาใกล้ชิดมากขึ้นโดยที่แชมเปญมาหาที่สตูดิโอเพื่อล่าลายเซ็นพี่โท อัพเดตสถานการณ์โปรดักชั่นส่งเจ้านายตัวเอง ตรวจสคริปต์ ตรวจรายละเอียดคลิปตัวแรกของรายการ Business Talk

หลังจากนั้นตอนเลิกงาน น้องแอบมาฟ้องเรื่องคุณฮาลกับลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยในออฟฟิศของฮาล ผมปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้หรอก

 

CHAMPAGNE: พี่เจ ช่วยด้วย

CHAMPAGNE: ที่ตึกออฟฟิศ ชั้น 6

CHAMPAGNE: ด่วนเลยนะ!!

 

CHAMPAGNE's POV: 

 

"แชมเปญ ขอตัวกลับก่อนนะคะ"

ฉันเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเอง คุณฮาลดันหนีไปสูบบุหรี่อีกราวกับตั้งใจให้สถานการณ์ตอนนี้คือการอยู่สองต่อสองกับคลินท์ ทำให้ที่พึ่งเดียวของฉันคือพี่เจที่กำลังเดินทางมาจากสตูดิโอ ทว่าสายตาของคลินท์กลับจับจ้องมองฉันอย่างสัตว์ดุร้าย เขาปลดเข็มขัดออกอย่างประสงค์ร้าย ฉันไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นหมายถึงอะไร ยิ่งบุคคลตรงหน้าเป็นชายกะล่อนวัยสามสิบต้น ๆ ฉันรู้ว่าเขาจะทำอะไร พวกคุณคนไหนจะมาว่าว่าฉันแต่งตัวยั่วก็คงไม่ได้เพราะฉันแต่งตัวเรียบร้อยถูกกาลเทศะเสมอ เว้นแต่ว่าพวกหัวความคิดไม่พัฒนาคิดว่าใบหน้าสะสวยที่พ่อแม่ของฉันมอบให้เป็นเพียงแค่วัตถุทางเพศ สาบานได้เลยว่าฉันอยากด่าคลินท์ด้วยคำหยาบทั้งหมดที่คิดออก

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอยากออกจากที่นี่แบบว่า... ลาออกน่ะ ถ้าฉันลาออกก็ไม่ต้องเจอคนไร้มารยาทคนนี้ คลินท์ย่างสามขุมแล้วดันตัวเข้ามาจนฉันชิดกำแพง ฉันใช้กระเป๋าบังหน้าตัวเองกับคลินท์เอาไว้ แต่แรงมหาศาลของเขาสู้กำลังของฉันไม่หยุดเหมือนเขาล็อคเป้าไว้แล้วว่าต้องการทำอะไร เขาต้องการทำให้ฉันอับอายด้วยการมายุ่มย่ามกับร่างกายของฉัน เขาดันแก่นกลางร่างกายชิดกับตัวฉันจนหายใจไม่ออก น้ำตาไหลรื้นอย่างห้ามไม่ได้

"ออกไปให้พ้น!!"

 

ปึ้ง!!

 

"ทำอะไรน่ะ!! ถึงคุณจะเป็นญาติของเจ้านายแชมเปญ คุณก็ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!" อัศวินพี่เจมาช่วยแล้ว ฉันลดกระเป๋าลงเพื่อมองสถานการณ์ตรงหน้าที่พี่เจคว้าคอเสื้อของคลินท์พร้อมเงื้อมืออีกข้างเตรียมต่อย ก่อนที่เขาหันมาสบตาฉันแล้วเดินเข้ามาโอบฉันไว้ "เจ็บตรงไหนมั้ย" ฉันส่ายหน้าแต่ก็จะร้องไห้แล้ว คำพูดคุกคามพวกนั้นทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย "ถ้าคุณแตะต้องแชมเปญแม้แต่ปลายเล็บ คุณไม่ตายดีแน่"

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ" ฮาลเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วตวาดเสียงดัง เขาดูตกใจที่ในห้องมีชายหนุ่มสองคนกับผู้หญิงอีกหนึ่ง ดูชุลมุนวุ่นวาย "แชมเปญ อธิบายมาซิ"

"ญาติคุณคุกคามแชมเปญไง เขาเลยเรียกให้ผมมาช่วย" สายตาของฮาลที่มองเจตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเวลาที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากันครั้งก่อนที่พี่เจขอคอนแทคของเอเจนซี่แคนดี้ฮาร์ตเลย 

"จริงเหรอ แชมเปญ" ฉันพยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตาแล้วชี้ไปที่คลินท์ ฉันเอ่ยขอร้องให้พี่เจพาฉันออกไปจากตรงนี้ ฉันได้ยินเสียงกัดฟันกรอดออกมาจากสองพี่น้องที่ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร นอกจากพี่เจที่เขาโมโหจริง ๆ มันไม่ใช่การแสดงของการเป็นแฟนบังหน้า "มึงทำแบบนั้นจริงป่ะ คลินท์ ตอบดิ๊!"

"พวกคุณคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องแฟนของผมทั้งนั้นอะ ไปกันเถอะ"

 

เชี่ยอะไรวะเนี่ย! 

 

ฉันเข้ามาในรถของพี่เจปล่อยโฮยกใหญ่เพราะยังหวาดกลัวพฤติกรรมน่าขยะแขยงของคลินท์ ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงจูลี่ ถ้าเธอถูกคุกคามแบบนี้จริง ๆ ล่ะ ฉันต้องการเรื่องราวของจูลี่มากกว่านี้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาผลงานตลอดการทดลองงานนี้เพราะฉันยังไม่ได้หางานใหม่ ฉันดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับคุณฮาลแต่บรรยากาศการทำงานเป็นหนักเกินรับไหว ฉันเป็นลูกน้องของเขาไม่ใช่ของเล่นนะ! 

"โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่นี่แล้วนะ"

"พี่เจขับรถออกไปเลยได้มั้ยคะ หนูไม่อยากอยู่ที่นี่"

"จะให้ไปที่ไหน"

"ไกลจากนี่ ที่ไหนก็ได้ แล้วเราค่อยวางแผนด้วยนะพี่ แต่ตอนนี้พี่ขับออกไปก่อน"

คลินท์กับคุณฮาลมีสายตาคู่ที่สามารถกลืนกินบุคคลตรงหน้าเหมือนกันเลย และยิ่งนึกถึงก็อยากจะสำรอกเอาภาพนั้นออก ขณะนั่งสงบสติอารมณ์บนรถก็มีข้อความเข้ามือถือของฉัน เดานะ... น่าจะเป็นคุณฮาล 

 

HAL_BIG BOSS: ผมขอโทษแทนไอ้คลินท์ด้วย ผมจะไม่ให้มันมาที่ออฟฟิศแล้ว 

HAL_BIG BOSS: ผมขอโทษนะที่ตอนนั้นไม่ได้ช่วยคุณ

 

"ช่างหัวแม่ง!" ฉันลบข้อความแจ้งเตือนแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเพราะไม่อยากรับรู้อะไรอีก โดยเฉพาะจากคุณฮาล ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่พี่เจบอกด้วยซ้ำ คนเราอยู่ ๆ ไม่โหวกเหวกโวยวายร้องขอความช่วยเหลือหรอกนะ อีกอย่างหมอนั่นถอดเข็มขัดเต็มพร้อมเบอร์นั้นแล้วอะ หลักฐานคาตาไม่น่าเชื่อยังไง พี่เจยังดูโมโหกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากฉัน "ขอบคุณนะคะพี่เจ ถ้าพี่เจไม่เข้ามา หนูก็คง..."

"ไม่เป็นไร พี่ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ เกินไปอะ"

"หนูมีเรื่องอยากจะทำก่อนลาออก พี่เจจะช่วยหนูมั้ยคะ"

"พี่จะช่วยทุกอย่างที่ทำได้เลย"

 

HAL's POV: 

 

มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากนะ เมื่อเห็นว่าเจ ซีเนียร์ครีเอทีฟคนเดียวของบริษัทเป็นแฟนกับเลขาของผมที่ทำงานได้แค่เดือนเดียว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งคู่ชอบพอกันตรงไหน เคมีเวลาทำงานด้วยกันก็ดีอยู่หรอกเพราะอย่างว่าที่แชมเปญเป็นคนเฟรนด์ลี่ อัธยาศัยดี แน่นอนว่าบุคลิกของเลขานุการต้องเป็นคนอัธยาศัยดีเพื่อความสะดวกต่อการติดต่องาน ทำงานร่วมกับคนอื่น ผู้บริหารอย่างผมต้องการคนที่พร้อมช่วยเหลือ เป็นหน้าตาขององค์กร เป็นหูเป็นตาให้ แต่ไอ้คลินท์เสือกทำเสียเรื่องเพราะความไม่ยับยั้งชั่งใจของตัวเอง

"ห้ามใจไม่เป็นเหรอ นี่มันห้องทำงานของกู" ผมตวาดใส่คลินท์ที่ยืนกำเข็มขัดในมือแน่น มันไม่สบตาผมสักนิดอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร แววตาของมันมีแต่ความเสียดาย ให้ตายเถอะ! ผมคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องมีสักวันที่คลินท์เก็บความหน้าม่อเอาไว้ไม่อยู่ จนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องคุยกับหมอนี่ให้รู้เรื่อง "ตอบดิ๊!"

"แชมเปญก็ดูชอบมึงกับกูดีไม่ใช่อ่อ ทำไมเป็นงี้อะ" น้ำเสียงเศร้าสร้อยผิดหวังฟังดูน่าสมเพชมากกว่าเป็นห่วง 

"มึงแยกความเฟรนด์ลี่กับความชอบไม่ออกอะ ไอ้ชาย แล้วดูที่มึงทำดิ"

"ที่กูทำมันทำไมวะ" คำพูดไร้ยางอายนั้นยิ่งทำให้รู้สึกใจเจ็บ ไอ้เวรเอ๊ยย!! ถ้าหลังจากนี้แชมเปญไม่กล้าเข้ามาทำงานก็เป็นความผิดของมึงเลยนะ มึงคนเดียวเลย

"ไอ้สัตว์นรก! ถ้ามึงให้เกียรติเขาไม่ได้ก็ให้เกียรติกูหน่อยดิ"

"คือมึงทำได้คนเดียวงี้ป่ะ" ใครก็ได้ห้ามให้ผมไม่ต่อยไอ้นี่ที มันเกี่ยวกันตรงไหนในหัวข้อสนทนานี้วะ "ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ หรือมึงจะเก็บเอาไว้เองคนเดียว แต่ก็คงยากหน่อยอะฮาล แฟนเขาออกตัวขนาดนั้นแล้ว"

"กูก็รู้พร้อมมึงอะเรื่องแฟน..."

"แล้วเอาไงต่อ แต่มึงก็รู้ว่ากูไม่แคร์"

"กูไม่รู้ แต่ต่อไปมึงมาเจอกูที่นี่ไม่ได้" ผมตัดสินใจแบบนั้นเพื่อเทคแอคชั่นอะไรสักอย่าง ผมจะให้คลินท์เป็นอุปสรรคในการทำงานของผมกับแชมเปญไม่ได้ แน่นอนว่าผมไม่เคยเห็นคลินท์ทำตัวแบบนี้ในออฟฟิศของผม ผมไม่โทษแชมเปญที่เธอมีใบหน้าสะสวย ทรวดทรงงดงามน่าชมเพราะมันคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมเลือกเธอมาทำงานด้วย ผมไม่โทษเรื่องการแต่งกายแชมเปญเพราะตลอดการทำงานด้วยกันหนึ่งเดือน แชมเปญแต่งกายมิดชิดเสมอ มีบ้างที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังมังสาตอนประชุมงานข้างนอก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องพฤติกรรมของคลินท์ล้วน ๆ เลยเพราะถ้าคนมันจะไม่ทำ มันก็ไม่ทำไง "แค่ชั่วคราว..."

"แล้วแต่มึงอะ ให้มันได้เรื่องก็พอ"

 

JAY's POV: 

 

ผมขับรถพาแชมเปญไปที่คอนโดของจีน่า แต่เธอยืนยันให้ผมอยู่กับเธอด้วยเพื่อวางแผนการจัดการแก้เผ็ดจีมีเดียก่อนลาออก แชมเปญรู้สึกว่าจีน่าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้เพราะเป็นเพื่อนสนิทของเธอและผมเป็นพยานเหตุการณ์ดังกล่าว จีน่ากอดโอ๋เรียกขวัญกลับคืนให้แชมเปญแถมยังคอยลูบหัวลูบหลังเธอ จีน่าไม่ถามคำถามโง่ ๆ แบบที่ฮาลถามเธอในห้องทำงาน ผมได้แต่มองพวกเธอปลอบประโลมกันที่โซฟา

"ลาออกมั้ยมึง มันต้องมีที่ที่ดีกว่านี้อะ"

"ลาออกแน่ ระหว่างนี้กูต้องหางานใหม่ด้วย แล้วกูคงออกมาอยู่คอนโดกับมึงระหว่างที่หางานใหม่"

ผมติดต่อเพื่อนรักที่ทำโปรดักชั่นเฮ้าส์และกลุ่มอีสปอร์ตเผื่อมีตำแหน่งว่างให้ร่วมงานด้วยระหว่างที่สองสาวปลอบขวัญกัน ผมใช้คอนเนคชั่นจากเพื่อนในคณะที่ส่วนใหญ่ได้รับความสนับสนุนจากครอบครัว มนุษย์ introvert อย่างผมถูกเพื่อน ๆ extrovert ชุบเลี้ยงโดยแท้ แน่นอนว่าผมก็มีรุ่นพี่ทำงานที่จีมีเดียเช่นกัน เขาชื่อจุนเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องอันตรายแบบนี้... ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทีมงานฝ่ายโปรดักชั่นจะคิดยังไง หากมีบุคคลพฤติกรรมอันตรายเพ่นพ่านอยู่กับผู้บริหารบริษัท 

ความจริงผมสามารถลอยตัวเหนือปัญหาของแชมเปญก็ได้ มันคือเรื่องของแผนกเธอ ร่างกายของเธอนี่... ผมจะคิดเห็นแก่ตัวแบบนั้นก็ได้แต่เธอเป็นเหมือนน้องสาวของผม เมื่อน้องกำลังเดือดร้อนก็คงไม่อยากหนีหายไปคนเดียว ภาพของไอ้เวรนั่นยังทิ่มแทงอยู่ในใจโดยเฉพาะรอยยิ้มไร้ยางอายนั่น

ผ่านไปเกือบชั่วโมง แชมเปญถึงเริ่มตั้งสติเพื่อเล่าทฤษฎีสมคบคิดของตัวเองที่ว่า "ฮาลก็เป็นคนอันตรายไม่ต่างจากคลินท์" เธอลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่คำเตือนของคุณนอร์ทในวันแรกของการทำงาน ค่ำคืนปาร์ตี้วันศุกร์แรก การหายตัวไปลึกลับของจูลี่ -- เลขาคนก่อน บรรยากาศการทำงานร่วมกับฮาล พฤติกรรมของคลินท์และฮาลที่ปฏิบัติต่อเธอ แม้แชมเปญจะกำชับเสียงแข็งว่าฮาลชอบลอบสัมผัสเธอเพียงเล็กน้อย เช่น การแตะหัวไหล่หรือปลายนิ้ว มันก็ไม่บุ่มบ่ามเท่าคลินท์ที่ทำกับเธอวันนี้ถึงขั้นถอดเข็มขัดออกมาอย่างมีประสงค์ร้าย 

"ถ้าพี่เจไม่มาช่วยตอนนั้น หนูก็ไม่รู้มันจะเป็นไงแล้วอะ อย่าลืมนะว่าตอนนั้นมีผู้ชายสองคนอะ คุณฮาลจะไม่รู้ขนาดนั้นเลยหรอว่าน้องตัวเองนิสัยยังไง" ผมกุมมือของน้องไว้เพราะดูเหมือนเขาจะมีน้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัว เศร้าหรือโมโหก็ไม่แน่ใจ "แล้วถ้าคุณฮาลเป็นห่วงฉันจริง ๆ ในฐานะเจ้านายก็ได้อะ เขาจะไม่ถามว่าคลินท์ไงว่า เรื่องจริงมั้ย เขาจงใจจริง ๆ ไหมเพราะเข็มขัดอยู่ในมือขนาดนั้น เขาก็เห็น พี่เจก็เห็นใช่ป่ะ"

"เราเห็นเข็มขัดเนี่ยแหละ ก็เลยจะทุบหน้ามัน" ผมพูดเสริม 

"แล้วมึงว่าเขาวางแผนอะไรอะ" จีน่าถามแชมเปญซึ่งเธอเองก็ส่ายหน้า "เนี่ย มึงก็ตอบไม่ได้ แต่กูเข้าใจที่มองเขาไม่เหมือนเดิม"

"กูมีข้อมูลไม่พอ ถ้ากูได้รู้อะไรเกี่ยวกับจูลี่ก็คงได้เรื่องกว่านี้ กูการ์ดตกไม่ได้เลยอะ แต่เขาเป็นคนที่กูเชิดชูมาตลอดเลยนะ"

"แล้วหลังจากนี้มีงานอะไรต้องอยู่ใกล้ชิดกับคุณฮาลป่ะ" จีน่าลูบคางตัวเองและกดคิ้วขมวดแน่นราวกับกำลังประมวลความคิดจากทุกอย่างที่แชมเปญเล่าให้ฟัง "ที่ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองอะ"

"มึง... กูทำงานห้องเดียวกับเขา มีอะไรก็ต้องขึ้นตรงกับเขา ใกล้กันตลอดแหละ แต่ถ้าเป็นอีเวนต์ข้างนอกก็งานกาล่าเทศกาลหนังสั้นปลายเดือนนี้"

เทศกาลหนังสั้นที่แชมเปญพูดถึงคือ CYH Film Festival หรือ Care Your Heart Film Festival ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปีนี้เพื่อเป็นพื้นที่ให้เยาวชนและบุคคลทั่วไปได้ร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะผ่านสื่อภาพยนตร์สั้นที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพจิตใจที่ควรได้รับการดูแลพอ ๆ กับสุขภาพร่างกายและเสนอแนวทางการแก้ไข ปรับตัว แน่นอนว่าการไปพบจิตแพทย์หรือฮาร์ทสมิธก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้ว และทางจีมีเดียก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเทศกาลหนังสั้นนี้ด้วย เพราะแบบนั้นแชมเปญถึงต้องเข้าร่วมงานด้วย ผมรู้ได้ยังไง... พี่แอนน์เล่าให้ฟังไงล่ะ 

"มีโอกาสไหนที่สามารถออกห่างจากเขาได้บ้างอะ"

"บางทีคุณฮาลมีตารางงานนอกที่ไม่เกี่ยวกับบริษัทแล้วกูไม่ต้องตามไปด้วย แค่นั้นแหละ"

"ยังไงมีอะไรก็บอกกูนะ คุณเจก็ได้" 

"แน่นอน"

"แต่เธอจะโอเคใช่ป่ะ" ผมถามย้ำอีกรอบ ผมกังวลแทนเธอจริง ๆ กลัวน้องจิตตกจนไม่กล้าทำงาน 

"ไม่โอเคก็ต้องโอเคค่ะ อีกสองเดือนก็ครบกำหนดทดลองงานแล้ว เอาจริงหนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ถ้าแจ้งขอลาออกตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงจะชื่นชมคุณฮาลอยู่แต่ก็คิดดีไม่ได้แล้ว" ผมมองเห็นความกลัวในแววตาของแชมเปญขณะที่สบตามองระหว่างสนทนากับผมและจีน่า ผมเข้าใจความรู้สึกแตกสลายนั้นนะ ผมเคยเสียน้องสาวไปเพราะเรื่องคล้ายกันเมื่อสามปีก่อน ผมไม่มีโอกาสได้ช่วยเธอด้วยซ้ำจนกระทั่งทราบข่าวเธอจบชีวิตตัวเองบนสะพานข้ามแม่น้ำ "แต่ถ้าพี่เจยืนยันว่าจะอยู่ช่วย การไปทำงานก็คงจะสบายใจมากขึ้นค่ะ" 

"ได้เสมอ บอกแล้วไงว่าจะเป็นไม้กันหมาให้"

ผมอยู่เฝ้าแชมเปญที่คอนโดของจีน่าจนดึกเพื่อความมั่นใจว่าเธอปลอดภัยดี หวังว่าสุดสัปดาห์จะทำให้เธอได้พักผ่อนปล่อยสมองจากเรื่องพวกนี้ ก่อนพวกเราแยกย้ายกันที่หน้าลิฟต์ แชมเปญโผกอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับขอบคุณและขอโทษรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมจึงบอกเธอเรื่องแผนการเป็นแฟนกำมะลอบังหน้าเจ้านายหัวงูซึ่งเราอาจต้องหลอกคนทั้งออฟฟิศด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ แต่สำหรับตอนนี้ ขอให้เธอรักษาสุขภาพจิตใจก่อน

"ปกติเป็นแฟนกัน มันต้องมีสรรพนามเรียกกัน ของเราเป็นอะไรดีอะ" เธอคลายอ้อมกอดเพื่อถามคำถาม 

"เหมือนที่เราคุยกันแหละ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมากหรอก"

"นับให้วันนี้เป็นวันที่เราคบกันนะคะ ถึงจะคบกันปลอม ๆ ก็เถอะ"

"โอเค ขอกอดเธออีกทีได้มั้ย"

 

CHAMPAGNE's POV: 

 

ไม่ใช่ว่าฉันดูไม่ออกว่าใครชอบหรือไม่ชอบฉันบ้าง เพียงแต่ฉันไม่ได้ยกให้ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งของฉันเท่านั้นเอง การเลิกกับแฟนเก่าคนก่อนทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า ฉันควรใช้เวลากับเหตุผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก ไม่งั้นทุกอย่างจะพังได้ง่าย แน่นอนว่าการมีความสัมพันธ์แบบไหน ย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ พี่เจได้ทำให้ฉันในหลาย ๆ ครั้งรวมถึงวันนี้ที่ตัดสินใจช่วยเหลือและลงเรือลำเดียวกัน ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเขาแต่สำหรับเวลานี้ยังเร็วเกินกว่าจะบอกอะไรได้ แม้หัวใจของฉันพร้อมเทให้เขาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยเพื่อความมั่นใจกว่านี้ ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการก่อน 

พูดถึงเทศกาลหนังสั้นที่ฉันต้องเข้าร่วมจัดขึ้นในโคเวิร์กกิ้งสเปซกว้างขวางโอบล้อมด้วยสวนอังกฤษเขียวชอุ่ม งาน Care Your Heart Film Festival ได้รับการสนับสนุนโดยร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ชวนมาร่วมแลกเปลี่ยนและสำรวจมุมมองต่อสุขภาพจิตผ่านภาพยนตร์และร่วมสนทนา “เสียงสะท้อนจากหัวใจ” ร่วมสนทนาโดยคุณภพ ประธานมูลนิธินักกิจกรรมแห่งเออร์เบินซิตี้และคุณโอ๊ต ผู้กำกับและผู้จัดการโปรดักชั่นเฮ้าส์ซึ่งส่งประกวดเรื่อง BLACK DOG ไฮไลต์ประจำวันนี้ คาดว่างานจบประมาณสามทุ่ม 

วันนี้ฉันจึงแต่งหน้านู้ดโกลว์ให้เข้ากับงานกลางคืนกึ่งทางการ ฉันสวมเดรสเกาะอกสีดำแต่งโช้กเกอร์ผ้ายืดทับด้วยเบลเซอร์สีดำกับรองเท้าบูทส้นสูงเพราะว่าหลังจากนี้อาจไม่มีโอกาสได้ใส่เดรสสวย ๆ ออกงานกับจีมีเดียอีกแล้ว (เท่าที่ดูจากตารางงาน) คุณฮาลซึ่งมาถึงก่อนไม่นานยืนรอที่หน้ารถยนต์ของฉันทันทีที่สังเกตเห็นฉัน เขายื่นมือรอเมื่อเห็นฉันออกจากรถพร้อมกับวางตำแหน่งมือของฉันบนแขนแกร่งของเขา คุณฮาลสวมสูทสีดำร่วมสมัยที่ไม่คาดเข็มขัดเป็นลุคไม่ทางการเหมือนชุดที่เขามักใส่ไปออฟฟิศประจำ 

"วันนี้คุณสวยจัง" นี่คือคำทักทายของเขา "ผมมีอะไรให้คุณด้วย ทุกคนจะได้รู้ว่าคุณมากับผม" ของที่ว่าคือเข็มกลัดทรงเพชรแต่งตัวอักษรจีเด่นตรงกลาง มันคือโลโก้ของกวินธาดามีเดีย เขาขอให้ฉันไม่ขยับตัวเพื่อติดเข็มกลัดบนปกเสื้อเบลเซอร์ ฉันได้กลิ่นน้ำหอมฉุนของเขาจนต้องกลั้นใจ "เข้างานกันเถอะ" 

พวกเราเข้าไปในโคเวิร์กกิ้งสเปซด้วยกันพร้อมรับบัตรประจำที่นั่งสื่อของกวินธาดามีเดีย โต๊ะของพวกเราอยู่แถวกลางโต๊ะตัวที่สามจากซ้ายไปขวาซึ่งถือว่าไม่ใกล้ไม่ไกลเวทีเกินไปและเห็นโปรเจคเตอร์ชัดแจ๋ว บนโต๊ะสื่อมีปากกาดิจิตอลดีไซน์เรียบหรูใส่กล่องอย่างดี อยู่ ๆ คุณฮาลก็โน้มตัวเข้าใกล้ฉัน ทำให้ฉันสะดุ้งเบี่ยงตัวหลบโดยอัตโนมัติ 

"วันนี้ไม่ต้องจดอะไรเยอะนะ ไม่น่ามีอะไรมาก" เขากวักมือให้เข้าใกล้ตนมากขึ้นเพื่อกระซิบสิ่งนี้ 

"จะจดเท่าที่จับใจความได้แล้วกันค่ะ ฉันเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมเลย ไม่อยากให้เสียเปล่า"

"ตามใจ" จบบทสนทนาหัวข้อนั้น ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศงานหนึ่งภาพและภาพตัวเองคู่กับคุณฮาลหนึ่งรูปเพื่อส่งให้พี่เจเป็นการรายงานสถานการณ์เพราะหลังจากนี้ฉันจะไม่ว่างคุยกับเขาจนกว่างานจะจบตอนสามทุ่ม 

 

CHAMPAGNE: sent a photo

JAY: สวยที่สุดในงานแล้วมั้งเนี่ย 

CHAMPAGNE: ปากหวานงี้ อยากได้อะไรคะ 

JAY: หนูอะ

CHAMPAGNE: กลับไปโดนแน่ค่ะ หนูทำงานก่อนนะ เลิกงานแล้วเดี๋ยวบอก

 

"เธอกับเจคบกันนานรึยังนะ" คุณฮาลถามเมื่อเห็นฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือใบจิ๋ว "เห็นเข้ากันดีจัง"

"ไม่ถึงเดือนเลยค่ะ แต่พี่เขาน่ารักดีนะ"

"แน่นอนสิ ผมจะสู้แฟนคุณได้ไง"

"สู้ไม่ได้หรอกค่ะ คุณฮาลเป็นเจ้านายของฉันก็พอแล้ว"

ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่คุณฮาลพูดออกมาเมื่อกี้คือความจริงจากใจของเขาหรือแค่หยอกล้อขำ ๆ แต่น้ำเสียงของเขาดูตัดพ้อจริงจังมาก ไม่นานวิทยากรก็กล่าวเปิดงานพร้อมเอ่ยรายชื่อผู้สนับสนุนงานเทศกาลครั้งนี้ซึ่งมีชื่อของนายการันต์ กวินธาดาอยู่ด้วย คุณฮาลจึงเดินขึ้นเวทีเพื่อถ่ายภาพร่วมกับผู้สนับสนุนท่านอื่น ฉันเฝ้าโต๊ะเพียงลำพัง 

 

JAY: เนียนป่ะ 

CHAMPAGNE: เนียนอยู่ค่ะ 

JAY: แต่พี่รู้สึกว่าหนูสวยจริง ๆ นะ 

CHAMPAGNE: อย่าชมบ่อย หนูหวั่นไหวง่าย ไปทำงานแล่ว

 

#เจ้านายคะอย่ามาจับ

#แชมเปญไม่ยอม