ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา
ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย
ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ?
แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?
Champagne's POV:
แอรันแจ้งอัพเดตกลับมาเรื่องคอนเนคชั่นดำมืดของ 3 ผู้บริหารที่น่ากลัวที่สุดของกวินธาดา ฉันไม่คิดว่าน้องสามารถล้วงความลับได้เร็วขนาดนี้ภายใน 1 วัน
(ไว้ผมจะสืบเพิ่มเรื่อง The City 2044)
"ขอบคุณมากนะ พักผ่อนเถอะ จะตีหนึ่งแล้ว"
(ไว้ค่อยขอบคุณตอนผมเอามันเข้าคุกได้แล้วดีกว่าครับ พวกคุณก็พักผ่อนด้วยนะ)
ถึงจะบอกแบบนั้น ฉันก็นอนหลับไม่ลง พี่เจนอนหลับไปก่อนแล้วโดยที่โอบแขนกอดรอบเอวของฉันบนเตียงนอนของเขา
Hal_Big Boss: คุณคงไม่เปลี่ยนใจสินะ งั้นก็รักกันมาก ๆ แล้วกัน
อะไรของเขาวะ!? คุณฮาล มึงเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย!?
ฉันอ่านข้อความของเขาแล้ว มันไม่เหมือนการตัดพ้อเลยสักนิด อ่านยังไงก็เหมือนคำขู่ ซึ่งเขาทำได้ ด้วยอำนาจบารมีและตำแหน่งของเขาที่มากกว่าฉัน... คนธรรมดาที่แค่อยากมีงาน มีเงินเลี้ยงตัวเองและสร้างครอบครัว
แต่พูดถึงความรัก...
แอมเบอร์ บราวน์ อดีตคู่หมั้นของเขาล่ะ พอนึกย้อนดี ๆ แล้ว หากพวกเขาเลิกกันหรือล้มงานแต่งต้องมีข่าวอยู่แล้วเพราะคุณฮาลเป็นกึ่งอินฟลูเอ็นเซอร์ ถึงสำนักข่าวบันเทิงอาจจะเห็นเขาสำคัญน้อยกว่าดารานักแสดง แต่เขาเป็นหนึ่งในบันไดความเจริญของวงการ ดังนั้นมันไม่มีทางเงียบได้หรอก
ฉันลุกจากเตียง เปิดคอมพิวเตอร์และเสิร์ชหาข่าวโดยพิมพ์คำว่า 'แอมเบอร์ บราวน์' 'การันต์ กวินธาดา' 'หมั้น' 'แต่งงาน' ติดกันเพื่อเจาะจงการค้นหา สิ่งที่เจอจากข่าวล่าสุดเมื่อ 4 เดือนที่แล้วคือ การประกาศวันแต่งงานที่จะมีขึ้นภายในวันที่ 1 มกราคม 2045 เท่ากับว่าเขาหมั้นกันประมาณ 3-4 ปีแล้วสิ อีกประมาณ 6 เดือนก็จะถึงงานแต่งของพวกเขา
ฉันจึงลองเสิร์ชว่า 'แอมเบอร์ บราวน์' 'การันต์ กวินธาดา' 'หมั้น' 'เลิกกัน' บ้าง ซึ่งอย่างที่คาดไว้เลย... ไม่มีสักนิด มันมีสองเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ นั่นคือพวกเขาไม่ได้เลิกกัน กับ พวกเขาเลิกกันเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสนใจของนักข่าว แน่นอนว่าฉันเทใจไปที่ข้อแรกมากกว่า... เพราะอย่างดาราหย่าร้างกับนักธุรกิจหมื่นล้านยังเป็นข่าวเลย
หึ! โกหกหน้าด้าน ๆ ฉันอยากรู้จังว่า แอมเบอร์จะทำสีหน้าแบบไหน
"ถ้าเป็นพี่จะยังไม่รุกไปหาแอมเบอร์ตอนนี้นะ หลักฐานเรายังไม่แน่นหนาพอ" พี่เจพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบแล้วโน้มตัวจูบหน้าผาก "แต่... เธอมีตารางนัดพบของฮาลกับแอมเบอร์นี่เนอะ"
"ใช่ค่ะ"
"พี่ว่าเราสร้างสถานการณ์ป่วนเขาได้นะ"
"แล้วที่พี่บอกยังไม่รุกตอนนี้คือยังไงหรอคะ"
"แบบ... บุ่มบ่ามไปหาแล้วบอกให้เขาดูแลแฟนดี ๆ อะไรแบบนั้นอะ พี่ยังไม่อยากให้ทำ เราต้องมีชั้นเชิงหน่อย"
พี่เจรู้ใจฉันมากเกินไปแล้ว ฉันอยากทำแบบนั้นจริง ๆ เพราะความโมโห แต่คิดอีกที ฉันจะกลายเป็นคนโง่ที่ทำให้ตัวเองเสียเปรียบมากกว่าเดิม เราต้องการเป็นจุดสนใจของแอมเบอร์แบบไม่จำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่เธอ การปรากฎตัวระหว่างมื้อค่ำของพวกเขาคงจะเป็นอะไรที่เจ๋งดี มากกว่าปฏิกิริยาของแอมเบอร์คือฮาล ฉันไม่ใช่หมาเชื่องของเขา ฉันเป็นแค่พนักงานรับจ้างของเขา
"วันศุกร์นี้ เวลาสองทุ่ม พวกเขามีนัดดินเนอร์กันที่โรงแรม K แถวสาทร ไม่แน่ใจว่าในวาระโอกาสอะไร"
"ดินเนอร์ที่โรงแรม... งั้นเราต้องแต่งตัวดีหน่อยแฮะ เราจะน้อยหน้าพวกนั้นไม่ได้หรอก ถูกมั้ย"
ฉันชอบความอยากเอาชนะของพี่เจ หัวใจของฉันยังเต้นถี่ด้วยความกลัวแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นด้วย เพราะนี่จะเป็นเบี้ยก้าวที่สองของฉัน
"พี่จะนับวันศุกร์นี้เป็นเดตของเรามั้ยคะ"
"ถ้าอยากให้นับก็ได้นะ เพราะพี่จะทำให้เธอมีความสุขเอง" เขาจุ๊บแก้มและปากอย่างอ่อนโยน ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างและเอนตัวพิงร่างแกร่งของพี่เจ "นอนกัน จะได้มีแรงแก้แค้น เนอะ" ว่าแล้วเขาก็อุ้มฉันราวกับเจ้าหญิงไปที่เตียงนอน
"ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างกันนะคะ"
"มันเป็นหน้าที่ของแฟนนี่นา"
เหมือนเขาหลุดมาจากนิยายไม่ก็ละครซีรีส์เลย ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอผู้ชายดี ๆ แบบนี้ในชีวิตจริง ตอนนี้เป็นจุดต่ำสุดของชีวิตวัย 23 ปีของฉันแต่เขาก็อยู่เคียงข้างไม่ห่างแถมยังร่วมเผชิญชะตากรรมด้วยกันอีก "ไว้จบเรื่องนี้ เราสัมภาษณ์หางานใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ด้วยกันนะ"
พวกเราบรรจงจูบจนกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ฉันแจ้งแอรันเรื่องตัวละครแอมเบอร์ที่อาจเป็นหนึ่งในสมการการโค่นฮาล เขาบอกให้เราโฟกัสที่แอมเบอร์ ขณะที่เขาโฟกัส The City2044 เพื่อแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน เพราะสิ่งที่แอรันกับทีมจัสติคอร์รู้ตอนนี้คือ The City2044 คือกลุ่มอาชญากรที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในไนท์ซิตี้ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสีเทาใต้ดินแต่เขายังไม่เจอความเชื่อมโยงกับ 3 ผู้บริหาร
บ่ายวันอังคาร พี่เจบอกว่า เขาโทรจองที่นั่งโซน Rooftop ของโรงแรม K สำหรับดินเนอร์ฉลองวันครบรอบ พี่เจบอกแบบนั้นเพราะเขามีเซอร์ไพรส์บางอย่างสำหรับฉัน คุณฮาลเอาแต่จ้องเขม็งที่เห็นฉันมีความสุขกับพี่เจ ในสถานะของลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน มันน่ารำคาญนะแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ นี่ยังไม่ถึงเสี้ยวของสิ่งที่เขาควรโดนเลย แต่ไม่ห่วงนะคะ ฮาล ยังมีเรื่องให้คุณกำหมัดอีกแน่
วันศุกร์มาถึง ช่วงเช้าถึงบ่ายฉันกับพี่เจทำงานตามปกติในห้องทำงานของตัวเอง พวกเราเลือกชุดธีมสีน้ำเงิน ฉันสวมเดรสสายเดี่ยวสีน้ำเงิน ขณะที่พี่เจสวมแคชชวลสูทสีน้ำเงินเข้มทับเชิ้ตสีดำ เวลาสี่โมงเย็น ฉันลุกจากโต๊ะทำงาน ปิดคอมพิวเตอร์พร้อมบอกคุณฮาลว่า 'ฉันเคลียร์งานของวันนี้เสร็จแล้ว แต่คุณสามารถส่งข้อความหรือโทรหาฉันได้ตลอด หากต้องการให้ช่วยอะไร' ทว่าความอดทนของเขากลับพุ่งถึงขีดหลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น
"ผมเป็นเจ้านายของคุณนะ" เขาตะเบ็งเสียงจากโต๊ะทำงานของเขา แล้วเดินย่างสามขุมจนหลังของฉันชิดประตู แววตาคู่นั้นเหมือนต้องการฉีกร่างออกเป็นชิ้น "ผมยังไม่ได้สั่งหรืออนุมัติให้คุณออกจากห้องทำงาน คุณจะเดินออกไปอย่างสบายใจไม่ได้"
เขาจะทำทุกวิธีจริงว่ะ ทั้งที่ฉันแจ้งเขาและโดนเมินไปตั้งแต่วันอังคาร ตอนนี้เขากำลังหยิบฉันขังในลูกกรงด้วยข้ออ้างแบบนั้น ฉันยอมโดนใบเตือนดีกว่าถูกเขาล้มแผนในวันนี้
"แทนที่จะพูดแบบนี้ตั้งแต่วันอังคาร... แต่ดินเนอร์วันครบรอบที่จองไปแล้วจะขอเลื่อนกะทันหันน่าจะน่าเกลียดเกินไป"
"ว่าไงนะ"
"คุณ น่าจะหาข้ออ้างมาสักอย่างมาขัดขวางฉันตั้งแต่วันอังคาร ถ้าไม่อยากให้ฉันฉลองดินเนอร์กับพี่เจขนาดนี้" ฉันประชันสายตากับเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่อดทนอีกต่อไป "ถ้าคุณคิดว่านี่คือการขัดคำสั่งเจ้านายแล้วสมควรโดนใบเตือนก็ตามใจคุณค่ะ เพราะฉันแจ้งให้คุณรับทราบตั้งแต่วันอังคารแล้ว ที่นั่งในร้านอาหารจองเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ปากดี... คุณน่าจะรู้ว่าใบเตือนของผมไม่ใช่แค่เอกสาร"
ฮาลบรรจงใช้ปลายนิ้วทัดผมของฉันไว้ข้างหู มองดูต่างหูสีม่วงอะเมทิสต์ โน้มตัวหายใจรดต้นคอ หน้าไม่อายจริง ๆ แต่แชมเปญคนนี้ไม่ใช่คนเดิมกับเด็กสาวที่สมัครเข้ามาทำงานวันแรกแล้วนะ ฉันจับปลายคางของเขาให้สบตามองเพียงแค่ฉัน เขากำลังจะจูบด้วยกลีบปากน่าขยะแขยงนั่น ฉันจะให้เขาได้จูบสมใจอยากเลยล่ะ... ฉันใช้พลังหัวกระแทกเข้าไปที่หน้าของฮาลอย่างสุดแรงจนเขาพลาดล้มลงกับพื้นเพราะเขาไม่ทันได้ตั้งตัว "อ้าก!! แชมเปญ!!" เขาตะโกนเรียกชื่อโดยกุมใบหน้าแน่น เจ็บล่ะสิ... สมควร!!
"คุณเป็นคนแรกเลยที่รู้ว่าฉันหัวแข็ง" หัวของเขาก็แข็งเหมือนกัน โคตรเจ็บเลย... ฉันลูบหน้าผากของตัวเองไปด้วยระหว่างกล่าวลาเจ้านายตัวดี "ขอตัวนะคะ ครั้งต่อไปจะไม่ใช่แค่กระแทกหัวด้วย เจอกันวันจันทร์หน้าค่า"
เมื่อสามารถออกจากห้องทำงานได้แล้ว แผนกการตลาดมองฉันเป็นตาเดียวด้วยความสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรข้างบนแต่ฉันแค่โค้งตัวและโบกมือลาทุกคน ฉันโทรหาพี่เจเพื่อเจอกันที่สตูดิโอแล้วขับรถไปยังโรงแรม K ซึ่งกะเวลาเดินทางแล้วน่าจะไปถึงทันสองทุ่มพอดี ฉันเล่าให้พี่เจฟังถึงเหตุการณ์ในห้องทำงานด้วยความสะใจ เขาหัวเราะตามพลางลูบหัวของฉันด้วยความเอ็นดู
การกระทำครั้งนี้ย่อมมีผลลัพธ์ตามมาเหมือนผีเสื้อที่ขยับปีกทำให้เกิดพายุ ฮาลคือต้นเหตุที่ทำให้ฉันขยับปีก ขอแค่เขามีชีวิตอยู่รอดูพายุลูกนั้นทำลายสิ่งที่เขาสร้างมาก็พอ
"พี่แอบกลัวนิดหน่อยว่าแชมเปญจะไม่ชอบเซอร์ไพรส์ที่พี่เตรียมไว้รึเปล่า"
"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะคะ"
"มันใหญ่มากน่ะสิ"
Hal's POV:
แม่งเอ้ย!! เป็นคนแรกที่รู้ว่าหัวแข็งงั้นเหรอ กล้ามากนะ!!
ผมเข้าห้องน้ำเช็คตัวเองแล้วพบความบุบสลายตรงหน้าผากกับจมูกแตก เลือดสีแดงไหลซิบออกมาเล็กน้อยแต่แสบใช้ได้ ผมประมาทแชมเปญมากเกินไป เธอไม่เหมือนใครที่ผมเคยจ้างงาน จูลี่กลายเป็นเด็กหญิงเหยาะแหยะอ่อนแอไปเลย เด็กว่าง่ายแบบจูลี่ใช้งานง่ายกว่าแต่เด็กดื้ออย่างแชมเปญก็เป็นของเล่นน่าสนุกเช่นกัน ผมไม่สนหรอกว่าเธอกำลังคบกับใครเพราะเธอแค่ต้องการไม้กันหมาจากผมชั่วคราว เธอต่อต้านได้ไม่นานหรอก เพราะต่อไปผมจะให้เธอเลือกระหว่างเป็นสินค้าหรือผู้ช่วยของผม
"คุณฮาล!" ทิมขึ้นมาห้องทำงานอย่างเร่งรีบ เขาเห็นผมยืนเช็ดเลือดในห้องน้ำแล้วรีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลทันที "เจ็บมากมั้ย"
"แค่แสบ ๆ แต่เจ็บใจมากกว่า"
"อยากให้จัดการเลยมั้ย" ทิมกระตือรือร้นกับเรื่องแบบนี้เพราะเขายกให้ผมเป็นพระเจ้าของเขาที่ห้ามใครแตะต้อง กรณีของแชมเปญจึงเหมือนเธอทำบาปมหันต์ที่กล้าหยามผมแบบนี้ ซึ่งใช่... ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบเธอ "จะได้บอกนอร์ทให้สแตนด์บายไว้ เท่าที่เห็นก็แสบเอาเรื่องเลยนี่"
"ก็ใช่ ผมเลยอยากให้คุณช่วยเช็คประวัติของแชมเปญอีกที ขอละเอียด ๆ ไม่เอาจากเรซูเม่นะ ผมอยากรู้ว่าเธอทำอะไรได้บ้าง พ่อแม่เธอเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทำความรู้จักกับใครบ้าง สืบให้หมด"
"ทำให้คุณฮาลจมูกแตกได้ก็ถึงขั้นตัวจี๊ดนะครับ" นี่ก็ย้ำจังเลย! แต่นั่นแปลว่าเขามองแชมเปญคล้ายกับผม โปรไฟล์ในเรซูเม่ของเธอโดดเด่นกว่าแคนดิเดตคนอื่น ผมจึงอยากรู้ปูมหลังของเธอมากขึ้นอีก จะได้เทียบกับสินค้าอื่น ๆ ด้วยว่า เธอควรอยู่ข้างผมหรือควรหายไป "แล้วดินเนอร์วันนี้กับแอมเบอร์ล่ะ"
"ไม่แคนเซิล แผลแค่นี้เอง" ทิมทำความสะอาดแผลที่หน้าผากและดั้งจมูกจนเสร็จพร้อมกับปิดพลาสเตอร์อย่างทนุถนอม
"คุณฮาลคิดว่าแชมเปญทำร้ายใครได้มั้ย"
"อืม... ไม่น่านะ อันนี้เธอแค่ป้องกันตัวจากผมเพราะเธอสัมผัสได้แล้วว่าอันตราย" ผมเกาคางคิดวิเคราะห์อย่างหนัก ผมกำลังจินตนาการกระดานหมากล้อมในหัวหลังจากปล่อยปละละเลยแชมเปญเป็นเวลานาน จนถีงตอนนี้ผมมองไม่ออกว่าเธอกำลังวางหมากเพื่อหนีหรือโจมตี เพราะผมไม่ยอมให้ทุกอย่างพังเพราะหมากตัวเดียวของเธอแน่ "แต่เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างชัดเจนในช่วงนี้ แบบว่า... เธอกล้ายั่วโมโหผมอย่างเปิดเผย เหมือนเธอกำลังรอให้ผมเปิดเผยตัวตนจริง ๆ มั้ง"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะ"
"แสดงว่าเจไม่ใช่ไม้กันหมาธรรมดาของแชมเปญน่ะสิ" ผมดีดนิ้วนึกขึ้นได้เพราะเจใกล้ชิดกับแชมเปญ ทำให้การันตีความปลอดภัยของเธอได้ ตลอด 3 ปีของการทำงานของเจ เขาไม่เคยยุ่งกับเลขาฯ คนไหนเลยจนกระทั่งเป็นแชมเปญ "หมอนี่มันเล่นเกมเป็น แล้วพยายามทำตัวเป็นโล่ แต่เขาก็น่าจะรู้นะว่าชื่อเสียงของตัวเองไปได้แค่ไหน"
"อยากให้รันโปรไฟล์ของเจด้วยมั้ยครับ"
"หมอนั่นด้วย ไม่แน่เราอาจจะเผลอมองข้ามเจมาโดยตลอด" ผมจัดสูทใหม่ให้เรียบร้อย เตรียมเดินทางไปยังโรงแรม K ซึ่งแอมเบอร์น่าจะใกล้ถึงแล้วเพราะบ้านของเธออยู่แถวสาทร ผมเช็คตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งแล้วออกจากห้องทำงาน "โปรไฟล์ของสองคนขอก่อนวันจันทร์หน้านะ"
"รับทราบครับ เดินทางปลอดภัยนะ"
"อืม"
จากออฟฟิศไปสาทรใช้เวลาฝ่ารถติดประมาณชั่วโมงกว่า ผมจอดรถหน้าโรงแรมและส่งกุญแจรถให้พนักงานคอนเซียจนำรถเข้าลานจอดรถ แอมเบอร์มีรสนิยมที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อาหารรวมถึงโรงแรม
เทสต์ของเธอไม่เคยทำให้ผมผิดหวังอย่างกับเธอรู้ว่าอะไรสามารถมัดใจของผมไว้ได้เพื่อให้ทุกอย่างลงล็อคก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ถึงแม้มันเป็นแค่การแต่งงานทางธุรกิจเท่านั้น
เมื่อขึ้นไปถึงห้องอาหารชั้น Rooftop หญิงสาวเดรสรัดรูปสีเงินรับเข้าเครื่องประดับสีเดียวกันและเรือนผมสีทองอร่าม เธอกำลังยกแก้วไวน์ดื่มขณะมองทิวทัศน์ของเดอะซิตี้อย่างล่องลอย ผมสังเกตว่าเธอสวมรองเท้าแก้วส้นสูงเข้ากับเดรสคืนนี้ด้วย เธอมักแต่งตัวสวยทุกครั้งที่มีนัดพบกับผมเสมอ แม้วันนั้นจะเป็นแค่ดินเนอร์ธรรมดาอย่างคืนนี้
"รอนานมั้ยครับ"
ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามกับแอมเบอร์ เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่นานพนักงานเสิร์ฟสวมกั๊กสีดำครบชุดเดินเข้ามาพร้อมนำเสนอเมนูเมนคอร์ส เครื่องเคียงและของหวาน
"หน้าไปโดนอะไรมาคะ เจ็บมากมั้ย"
"ตกเตียงน่ะ ไม่เป็นไรหรอก"
"แบบนี้ยิ่งไม่ควรนอนคนเดียวใหญ่เลย... คุณนี่นะ" ช่วงนี้แอมเบอร์มักทำตัวเป็นพี่สาวมากกว่าแฟน หรือผมรู้สึกไปเองก็ไม่รู้ ทำให้ผมเริ่มปลีกตัวจากเธอ อาจจะรวมถึงทุกคนด้วยเพราะมีโฟกัสได้แค่ทีละอย่าง อย่างเช่นตอนนี้ที่ต้องดึงแชมเปญออกมาจากเจ "เดี๋ยวนี้คุณเริ่มติดต่อยากด้วย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ"
"มีหลายเรื่องให้คิดจนนอนไม่หลับน่ะ" ผมโกหกกี่เรื่องแล้วก็ไม่รู้ ผมกำลังทำให้ดินเนอร์มื้อนี้เสียบรรยากาศเพราะเอาแต่นั่งถอนหายใจ "ขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว กินอาหารอร่อย ๆ จะได้อารมณ์ดีขึ้นนะ" เธอลูบแก้มของผมอย่างอ่อนโยนแล้วยกแก้วไวน์ดื่มต่อ
"คุณล่ะ เป็นไงบ้าง"
"นอกจากเครียดเรื่องงาน เครียดเรื่องคุณ ล่าสุดก็เครียดเรื่องน้ำหนักด้วย พุงเครียดแบบนี้จะใส่ชุดแต่งงานไม่ได้เอาน่ะสิ ค่าตัดชุดก็ไม่ใช่ถูก ๆ" เธอวางแก้วไวน์แล้วลูบหน้าท้องสุดแบนราบนั่นแล้วบ่นอุบอิบ ทำเอาผมแค่นหัวเราะไปทีหนึ่ง
"เอาอะไรมามีพุงก่อน เอวคุณเล็กจนสองมือผมโอบได้ขนาดนั้น ห้ามอดอาหารเด็ดขาดเลยนะ โดยเฉพาะอาหารเช้าน่ะ"
"หึ ไม่เคยขาดมื้อเช้าอยู่แล้วค่ะ"
"แล้วพ่อล่ะ... ท่านสบายดีนะ หลังจากเจอกันเดือนก่อนนู้นก็ไม่ได้นัดเจออีกเลย"
"สบายดีค่ะ แค่กลับไปดูแลต้นสังกัดแคนดี้ฮาร์ทที่อเมริกาแล้ว หลังจากงานแต่งก็จะกลับไปอยู่นั่นถาวร ให้ฉันเป็นประธานของสาขาไทยแทน... เขาคำณวนไทม์มิ่งไว้หมดแล้ว"
โอเค ผมมองเห็นอนาคตของตัวเองแล้วจะอยู่ในสมการไหนของแคนดี้ฮาร์ทซึ่งมันคือการแต่งงานเพื่อพึ่งพาอาศัยทางธุรกิจจริง ๆ เพราะกวินธาดาเองก็อาจจะเติบโตช้ากว่านี้ หากไม่ได้อินฟลูเอ็นเซอร์ของแคนดี้ฮาร์ทช่วยไว้ โดยเฉพาะ 3 รายการใหม่ในไตรมาสล่าสุดที่แอมเบอร์เสนอพิธีกรมาให้ถึง 2 คน
ไม่ได้... ทำไมต้องเลือกระหว่างแชมเปญกับแอมเบอร์ในช่วงเวลาแบบนี้ด้วยนะ แต่มีเวลาอีก 6 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน เอาล่ะ ๆ เอาไงดีนะ...
"พี่... ขอหนูหมั้นหรอคะ"
เสียงหวานฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะที่ผมนั่งซึ่งเป็นฝั่งติดระเบียงเพื่อให้สามารถชมวิวเมืองเดอะซิตี้ได้ เมื่อได้ยินเสียงแบบนั้น ผมไม่สามารถเก็บอาการหูผึ่งได้ ผมมองหาต้นเสียงกรี๊ดกร๊าดดีใจของสาวน้อยคนนั้นโดยที่แอมเบอร์กระชับมือของผมแน่นมาก
"พี่รู้ว่า 3 เดือนฟังดูเร็วเกินไป แต่พี่คิดดีแล้ว พี่อยากมีแชมเปญเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจนแก่ตายเลย"
"ได้สิคะ หนูก็ดีใจมาก ๆ ที่ชีวิตนี้ได้เจอพี่ พี่คือความรัก คือหัวใจของหนูเลย"
ไม่ใช่แค่เสียงที่คุ้นหูแต่ชื่อนั่นก็คุ้นเสียจนอยากเดินไปหา แต่ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเพราะชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาจากอีกฝั่งของ Rooftop เขามองมาทางผมโดยกุมมือซ้ายซึ่งสวมแหวนเพชรขนาดเล็กของหญิงสาวที่สวมเดรสสายเดี่ยวสีน้ำเงินอยู่ด้วย
หึ!! งั้นลางสังหรณ์ที่ทั้งคู่ตั้งใจยั่วโมโหผมก็เป็นจริงสินะ เพราะแชมเปญรู้ว่าผมมีนัดทานอาหารกับแอมเบอร์ที่นี่ เวลานี้แถมยังตั้งใจแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเหมือนรอโอกาสนี้... เพื่อปรากฎตัวต่อหน้าผมกับแอมเบอร์ แต่เพื่ออะไรล่ะ? เยาะเย้ยชีวิตคู่ของผมที่ไม่ใช่ความรักเหรอ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แววตาของเจเป็นประกายและประสานกับผมอย่างตั้งใจ เขาคลี่ยิ้มหวานอย่างผู้ชนะจนแทบได้ยินเสียงหัวเราะข้างหูว่า 'ก็บอกแล้วว่าแชมเปญเลือกผม' เขาชูแก้วไวน์ในมือด้วย ทำให้ผมต้องตอบโต้ด้วยการแสร้งทำเป็นยินดีกับพวกเขา
แหวนหมั้นวงนั้นเพชรเม็ดเล็กกว่าแหวนหมั้นที่ผมให้แอมเบอร์แต่เหมือนรู้สึกแพ้ยังไงไม่รู้
"รู้จักพวกเขาเหรอคะ" แอมเบอร์ถามขึ้นโดยหันไปมองคู่รักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม "เขาชวนคุณดื่มด้วยแฮะ"
"รู้จักสิ แต่แปลกใจที่เจอพวกเขาเหมือนกันนะ"
"ผู้หญิงคนนั้น... เลขาของคุณนี่คะ" แอมเบอร์ชะเง้อมองหนุ่มสาวคู่นั้นแล้วทักขึ้นมา ผมจึงหยุดมองพวกเขาแล้วสนใจผู้หญิงตรงหน้าผมแทน สองคนไม่เคยเจอกันเลยเพราะผมไม่ต้องการให้เจอกัน
"คุณรู้..."
"คิดว่าที่ฉันไม่ตามตื๊อคุณ ไม่จุกจิกคุณบ่อย ๆ แบบผู้หญิงคนอื่นแล้วจะไม่รู้จักคนใกล้ตัวคุณเหรอ... คุณดูถูกฉันเกินไป เลขาส่วนตัวของว่าที่สามีควรเป็นคนแรกที่ฉันควรรู้จักด้วยซ้ำ" หน้าของผมชาดิก ผมเดินหมากผิดตรงไหน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่ใช่แค่สถานะของเจกับแชมเปญที่ทำให้ทั้งคู่แข็งแกร่งขึ้นจนผมแตะต้องไม่ได้ ว่าที่ภรรยายังทำให้ผมตัวเล็กเท่ามดอีกต่างหาก "แต่พวกเขาเปิดตัวขนาดนี้ก็ดีนะคะ ฉันจะได้เลิกหึงเวลาพวกคุณไปไหนมาไหนด้วยกัน"
#เจ้านายคะอย่ามาจับ
#แชมเปญไม่ยอม