ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
ชาย-หญิง,อาชญากรรม,ดราม่า,รัก,สะท้อนปัญหาสังคม,สะท้อนสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Revenge เจ้านายคะ อย่ามาจับ!ฉันเคยชอบคุณมาตลอด แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเปรียบอีก
‘แชมเปญ’ ได้งานแรกหลังเรียนจบเป็นเลขานุการผู้บริหารบริษัทกวินธาดามีเดีย ต้องใกล้ชิดและขึ้นตรงกับ ‘ฮาล’ ประธานบริษัทสุดหล่อเท่แต่ยิ่งทำงานไปด้วยกันเรื่อย ๆ ก็เซนส์ได้ถึงความลับดำมืดของเขา
ตลอดระยะทดลองงาน 3 เดือน แชมเปญได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานสุดหิน ท้าทายศักยภาพเด็กกิจกรรมและหลายพฤติกรรมไม่น่าอภัยของฮาล ทำให้อดีตที่เคยชื่นชมเขาดั่งไอดอลให้กลายเป็นความกลัวและเกลียดชัง แชมเปญได้ยินเรื่องซุบซิบในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องแปลกในบริษัท รวมถึงการหายตัวไปของจูลี่ เลขาคนก่อนหน้าเธอด้วย
ทีนี้แชมเปญจะไว้ใจใครในกวินธาดามีเดียได้บ้างนะ ?
แล้วความลับของฮาลคืออะไรกันแน่ ?
Champagne's POV:
ในที่สุดฉันได้รับไฟล์เอกสารร้องเรียนพฤติกรรมคุกคามภายในองค์กรจากพนักงานทุกฝ่ายภายในเช้าวันจันทร์ตามที่ร้องขอให้พนักงานทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เช้านี้ต่างจากทุกวันตรงที่ผู้บริหารทั้งสามรวมอยู่ในห้องทำงานชั้นห้า พวกเขาขอคุยกับฮาลตามลำพัง ฉันจึงหยิบอุปกรณ์ทำงานออกมาแล้วนั่งกับเลขานุการคนอื่นพร้อมกับส่งไฟล์เอกสารร้องเรียน
"แสดงว่าเรื่องไปถึงหูบิ๊กบอสทั้งสองแล้ว" พี่โยนาพูดรำพึงขึ้นมาระหว่างนั่งอ่านไฟล์ร้องเรียนจากแท็บเลตของตัวเอง "หลังจากนี้เธอจะทำยังไงต่อเหรอ แบบ... หลังจากเรื่องนี้จบแล้วน่ะ"
"คงจะอยากพักรักษาใจสักเดี๋ยวก่อน แล้วค่อยวางแผนต่อว่าเอายังไง เพราะหนูอยากคุยกับพี่พุธ พี่โทด้วยค่ะ"
"ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก สิ่งที่เธอเจอมันเลวร้ายมาก มันมากเกินไปสำหรับคนหนึ่งคนด้วย" พี่แอนน์พูดเสริมพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ "พี่อดคิดไม่ได้เลยว่าจูลี่ต้องเจออะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาไม่อยู่ให้ถามแล้ว ถ้าพี่เป็นแชมเปญ พี่คงใจเย็นอยู่ทำงานต่อไม่ได้หรอก"
"หนูไม่มีสมาธิทำงานด้วยซ้ำค่ะ คิดอยู่แค่... ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเรื่องนี้จะจบเพราะหนูหนีตลอดไปไม่ได้" ว่าแล้วก็รู้สึกเสียดแน่นที่กลางอกราวกับถูกแทงตรงเข้าที่หัวใจ เหมือนกำลังจะตายแต่ยังหายใจ "ส่วนจูลี่... ไม่รู้สิคะ หนูไม่อยากคิดว่าเขาจากไปแล้ว เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่สักที่ไม่ให้ฮาลหาเธอเจอก็ได้... แต่คิดแง่ดีไปก็ไม่รู้จะช่วยอะไรเพราะมันเหมือนหลอกตัวเองมากกว่า หลักฐานการมีอยู่ของจูลี่ก็มีแค่ไดอารี่เล่มเดียว"
เสียใจได้ไม่นาน ออฟฟิศชั้นสี่ก็ฉลองการจบฝึกงานของน้องกันต์ขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันของแผนก กันต์จะนั่งทำงานที่ชั้นสี่วันนี้วันสุดท้าย ฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับผลงานของกันต์ที่ช่วยแผนกการตลาดตลอดสามเดือนที่ผ่านมา นอกจากออกแบบกราฟิกประกอบโพสต์โฆษณาต่าง ๆ เกี่ยวกับรายการพอดแคสต์ที่ร่วมพาร์ทเนอร์กับ Q Publishing เพราะฉันห่วงแต่ตัวตนของแอรันที่คอยส่งข่าวมาให้ ต่อจากนี้เขาไม่ต้องปกปิดตัวเองใต้คอนแทคเลนส์และวิกผมสีทองอีกแล้ว เขาหันมาขยิบตาให้ราวกับต้องการให้ฉันรู้สึกอุ่นใจว่า ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว...
พี่เจเพิ่งขึ้นมายังตึกสำนักงานใหญ่ชั้นสี่ยืนงง เมื่อเห็นว่าพนักงานทั้งชั้นยกเว้นเหล่าเลขาฯ ในห้องประชุมกำลังร่วมแสดงความยินดีและบอกลากันต์ เขาเคาะประตูห้องประชุมเพื่อเรียกพวกเราให้ร่วมวงด้วยแต่ฉันทำเพียงชี้นิ้วไปยังหน้าจอแล็ปท็อปที่เปิดไฟล์ร้องเรียนพฤติกรรมอันตรายภายในออฟฟิศ
"กำลังเครียดกันสินะครับ งั้นผมไปหยิบเครื่องดื่มมาให้แล้วกันนะ ผมว่าจะอยากคุยเรื่องนี้พอดี" พี่เจคลี่ยิ้มหวานให้ฉันและเลขานุการคนอื่น ๆ แล้วกลับออกไปหยิบแก้วพลาสติกบรรจุน้ำอัดลมจำนวนสี่แก้วเข้ามาให้แล้วเลื่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งนั่งข้างฉัน "ผมอยากรู้ว่าหลังจากนี้พนักงานคนอื่นต้องทำอะไรต่อหลังจากส่งเรื่องร้องเรียนไปแล้วน่ะ แบบ... จะมีการประชุมรึเปล่า"
"เราจะจัดประชุมภายในบริษัทกับผู้ร่วมถือหุ้นหลังจากได้รับการเซ็นอนุมัติจากสามผู้บริหารแล้วน่ะ ซึ่งไม่ต้องห่วงหรอก พี่ว่ายังไงเอกสารก็ทันใช้สำหรับขึ้นศาลเดือนหน้า" พี่ทศตอบคำถามแทนฉันพลางจิบเครื่องดื่มโซดาจากแก้วพลาสติก ชายสองคนสบตามองกันตลอดการสนทนา ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ยังมีชนกลุ่มน้อยในจีมีเดียที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของพนักงานจริง ๆ "พี่ไม่รู้นะว่าวอดช์ด๊อกจะว่างดูแลเอกสารให้พวกเรามั้ยเพราะจดหมายร้องเรียนจากพนักงานเกือบร้อยคนต้องใช้เวลาตรวจสอบสักพัก"
"เรื่องนั้นผมเข้าใจครับ พี่ทศ"
"กังวลใช่มั้ย" พี่ทศถามเพิ่มอีกราวกับเขาเข้าใจความกลัวในแววตาของพี่เจจริง ๆ "ตอนนี้เจกับแชมเปญทำงานเท่าที่ไหวแล้วค่อยเข้าประชุมบริษัทก็ได้ เพราะสิ่งที่พี่รู้แน่ ๆ คือคุณพุธกับคุณโทอนุมัติมาตรการ Whistleblower แล้ว ไม่ว่าคุณฮาลจะอนุมัติหรือไม่ก็จะมีการประชุมอยู่ดีเพื่อนับคะแนนเสียงประธานแต่ละแผนกเพื่อปรับใช้มาตรการกับบริษัทในไตรมาสถัดไป"
"ทำไมพี่ทศถึงได้มั่นใจขนาดนั้นเหรอครับ" พี่เจถามคำถามเดียวกับสิ่งที่ฉันคิดในใจเพราะฉันไม่กล้าการันตีชัยชนะของศึกแรกระหว่างฉันกับคุณฮาล
"จะบอกว่าเซนส์แม่นก็คงไม่ได้สินะ และคงเก็บความลับที่เป็นฮาร์ทสมิธต่อไปไม่ได้ด้วย" ทุกคนในห้องประชุมมองพี่ทศด้วยความประหลาดใจ แม้แต่พี่หลินกับพี่แอนน์ที่เข้าทำงานที่จีมีเดียเนิ่นนานก็ไม่รู้เรื่องนี้ แววตาของพี่ทศมีประกายดูเหมือนกำลังมองบางอย่างล้ำลึกเหมือนมหาสมุทร เขากำลังเข้าถึงความคิดของฉันระหว่างการสนทนา "ที่ผ่านมาพี่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเอกสารไม่เพียงพอ ฝ่ายบุคคลพิจารณาจากแค่คำพูดไม่ได้ แม้จะเห็นผ่านความทรงจำแต่นั่นก็ใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ สิ่งที่เลวร้ายกว่าคือคุณฮาลเข้าถึงกล้องวงจรปิดทุกตัวในบริษัทอีก แต่เคสของแชมเปญไม่เหมือนกัน พี่เลยมั่นใจไง"
คำพูดของพี่ทศหนักแน่นไม่ต่างจากการประชุมวันก่อนหน้า พี่เจวางมือบนบ่าทั้งสองข้างเพื่อกระชับว่าอีกไม่นานศึกนี้จะจบลงด้วยแรงสนับสนุนจากทุกฝ่าย
"พี่พุธแจ้งว่าจะให้จัดประชุมบริษัทในวันศุกร์นี้และประชุมผู้ถือหุ้นในอีกสองสัปดาห์" พี่หลินพูดขึ้นมาหลังจากอ่านข้อความแจ้งเตือนจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง "เดี๋ยวพี่ร่างอีเมลแล้วจะส่งให้แชมเปญช่วยตรวจอีกทีก่อนกระจายให้ทุกแผนก หลัก ๆ คือมาตรการร่วมกับวอดช์ด๊อก"
"งั้นหนูประสานงานเองค่ะ" ฉันอาสารับช่วงต่อจากพี่หลิน การประสานงานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเลขานุการประธานบริษัทอย่างฉันเพราะฉันมีข้อมูลเพียงพอสำหรับการนัดหมายประชุม "ว่าแต่เราประชุมสรุปผลงานพาร์ทเนอร์กับบริษัท Q ด้วยมั้ยคะเพราะมันครบรอบสัญญาสามเดือนแรกแล้ว"
"วันเดียวกันเลยก็ได้ แค่สรุปรีพอร์ตกับรายได้เข้าบริษัทใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงอยู่แล้ว ส่วนบริษัท Q จะวางแผนยังไงต่อหลังจากนี้ให้เป็นการตัดสินใจของลูกค้าที่ฝ่ายขายต้องคิดอีกที" พี่หลินพูดไปพลางกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ติดต่อกับคุณพุธ "อ่า... ประชุมฝ่ายขาย การตลาดช่วงเช้าหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ประชุมเรื่องมาตรการต่อเลย ฝ่ายไหนไม่สะดวกประชุมออนไซต์ก็ส่งลิงก์ออนไลน์ แต่ทั้งสามประธานอยากเจอกับจัสติคอร์นะ เลยอยากรู้เวลาที่ชัดเจนจากทางนั้นด้วยน่ะ"
"รับทราบค่ะ ไว้หนูได้ข้อมูลแล้วจะอัพเดตในกลุ่มนะคะ"
"ดูเหมือนหลาย ๆ อย่างจะลงตัวแล้ว เดี๋ยวผมแจ้งให้ทางโปรดักชั่นให้นะ" พี่เจกล่าวพลางลูบแหวนหมั้นบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน "ขอตัวก่อนครับ ขอบคุณทุกคนที่ให้การช่วยเหลือนะครับ"
"พวกเธอจะผ่านเรื่องนี้ไปได้นะ ถ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอก"
เหล่าเลขานุการและพี่ทศคลี่ยิ้มให้พวกเรา มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจากพนักงานจีมีเดียด้วยกัน ชั่วโมงนี้พวกเราต้องการแค่นั้นจริง ๆ หลังจากนี้ให้เป็นเรื่องของกฎหมายเพราะหมายศาลน่าจะไปถึงบ้านของคุณฮาลแล้ว ฉันจะไม่หนีเขาอีกแล้ว...
Hal's POV:
ภายในห้องทำงานประธานบริษัทชั้นบนสุด มีเพียงผม คุณพุธและคุณโทที่กำลังยืนค้ำหัวจังก้าสบประมาทผมอยู่ เวลานี้ผมต้องการตัวแชมเปญมากที่สุดเพื่อให้เธอปกป้องผมแต่กลับถูกขอให้ออกจากวงสนทนาตั้งแต่ยังไม่เริ่มคุยราวกับพวกเขาต้องการโจมตีผมเท่านั้น เชื่อเลย! สิ่งที่สองผู้บริหารกำลังสวดผมก็คือความสัมพันธ์ของผมกับเกรย์คาสิโน
"ผมจะไม่ถามนะว่าเรื่องจริงมั้ย เพราะออกข่าวใหญ่ขนาดนั้น" คุณพุธกัดฟันแน่น กระชับหมัดอ้วน ๆ ในมือที่เหนียวด้วยเหงื่อ "ผมอยากรู้ว่านานขนาดไหนมากกว่า คุณพอจะมีคำตอบให้ผมมั้ย ซีอีโอ"
"ผมก็รู้พร้อมพวกคุณนั่นแหละ ถ้าอยากคำตอบก็ถามนอร์ทเอา"
"แล้วนี่ล่ะครับ" โทเปิดคลิปจากมือถือของตัวเอง ผมเห็นภาพตัวเองกับแชมเปญในห้องนี้ ยัยแสบนั่นกระจายไปให้พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แม่งเอ้ย "มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ผมไม่รู้นะว่าเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เจกับแชมเปญหมั้นกันแล้ว คุณเองก็มีคู่หมั้นเหมือนกันซึ่งผมไม่สนเหมือนกัน นอกจากแชมเปญก็เป็นพนักงานจีมีเดียภายใต้การดูแลของผมเหมือนกัน"
"ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ มันจบไปแล้ว ลบคลิปไปเถอะ"
"มันลบไม่ได้น่ะสิ ฮาล คุณล่วงละเมิดทางเพศพนักงานนะ คุณจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยจริงดิ" แววตาผิดหวังคู่นั้นกำลังจ้องมองที่ผมอย่างไม่วางตา พวกเขากำลังคาดคั้นผมด้วยเชือกคำพูดที่บีบรั้งคอ "ขอพูดในฐานะเพื่อนนะ อย่างน้อยที่สุด คุณควรจะขอโทษเขา ถึงมันจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตามเพราะคุณทำกับเขาไม่ต่ำกว่าครั้งสองครั้งด้วย แต่คุณทำตัวไม่รับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ ฮาล"
"ทำไมผมต้องรับผิดชอบ ในเมื่อยัยนั่นอ่อยผมก่อนอะ!!" ผมแผดเสียงตะคอก ตบโต๊ะทำงานจนคอมพิวเตอร์สั่นด้วยแรงกระแทกจากฝ่ามือ "ผมไม่ผิด! เธอต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้ครอบครัวของผมแตกแยก"
"เอางี้มั้ยฮาล พวกเราคุยกันสักพักแล้วล่ะ หลังจากที่แชมเปญจัดประชุมเรื่องมาตรการ Whistleblower ครั้งที่แล้ว... พวกเราเห็นตัวเลขถือหุ้นร่วมกับแคนดี้ฮาร์ทแล้วด้วย ภาพรวมกวินธาดามีเดียตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่หรอก ถึงรายการพอดแคสต์ตัวใหม่จะมีผลตอบรับดีมาก มีผู้ชมผู้ฟังส่งกำลังใจมาให้ แต่พวกเราก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า การันต์ กวินธาดากำลังสร้างภาพตบตาคนทั้งโลกรวมถึงพนักงานบริษัท ไม่งั้นแคนดี้ฮาร์ทคงไม่ลดเปอร์เซนต์หุ้นแบบมีนัยยะสำคัญขนาดนั้น" โทพล่ามตอกหน้าอย่างยืดยาวและยังคงส่งสายตาผิดหวังนั้นไม่หยุด "จริงมั้ยฮาล"
"พวกคุณจะพูดอะไร"
"บางทีคุณอาจจะอยากพักจากการเป็นซีอีโอไปจัดการธุระที่คั่งค้างก่อน แล้วพวกเราจะเป็นรักษาการประธานบริษัทจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป... คิดว่าไง" พุธคลี่ยิ้มให้กับผมพร้อมกับส่งเอกสารเปลี่ยนประธานบริษัทชั่วคราว "ทั้งภาระ ทั้งปัญหาต่าง ๆ ตอนนี้คุณไม่พร้อมทำงานหรอก ไว้เคลียร์เรื่องคดีกับแชมเปญจบ เราค่อยว่ากันใหม่ว่าจะทำยังไงกันต่อ" บรรยากาศในห้องอึมครึมด้วยความจริงจังของทั้งสองคนแต่ผมตลกดีที่พวกเขาคิดว่าจะจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เพียงการรับตำแหน่งซีอีโอต่อจากผม
"ก็ได้ แล้ว... อยากได้เงินเดือนรักษาการล่วงหน้าเท่าไหร่ล่ะ ทั้งสองคน"
"หมายความว่าไง"
"จะทำงานก็ต้องมีเงินเดือนไม่ใช่เหรอ" ผมหันเข้าชั้นวางหนังสือไต่นิ้วไปชั้นที่สี่และหมุนหัวรูปปั้นพิตบูลทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเปิดช่องเก็บตู้เซฟที่ชั้นล่างสุดของชั้นวางหนังสือ ผมแตะนิ้วโป้งเพื่อสแกนลายนิ้วมือพร้อมกับสแกนรูม่านตาทั้งสองข้าง ภายในตู้เซฟสีเงินบรรจุเงินสดและทองคำแท่งมูลค่ารวมมากกว่าห้าร้อยล้านและเงินเดือนประจำตำแหน่งที่ผมจะให้กับพุธและโทคนละสี่สิบล้านบาท
"คิดจะซื้อพวกเราด้วยเงินรึไง ฮาล"
"ไม่ ๆๆ ผมแค่จ่ายเงินเดือนล่วงหน้า" สีหน้าทั้งสองเปลี่ยนไปจากเคร่งขรึมเป็นเรียบนิ่ง ผมว่าพวกเขาน่าจะได้สิ่งที่ต้องการแล้วนะ ดังนั้นผมก็มีสิทธิ์ขอสิ่งที่ต้องการเช่นกัน เพราะไม่ควรมีใครหน้าไหนเกะกะขวางทางผม "แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย พวกคุณต้องไม่รู้เห็นอะไรทั้งนั้นเรื่องแชมเปญ เดี๋ยวผมจะจัดการต่อเอง"
ทั้งสองพยักหน้ารับพร้อมกับรับเงินสดในกระเป๋ากลับออกไปห้องทำงานของผม ทีนี้ก็เวลาไปจัดการกับตัวปัญหาต่อ...
#เจ้านายคะอย่ามาจับ
#แชมเปญไม่ยอม