มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!
หญิง-หญิง,ยูริ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูงร่างกายอัลม่ากระสับกระส่ายทุรนทุรายดั่งคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้ขัดขืนบารอนเนสผู้ป่าเถื่อน เธอผลักผู้บ้าอำนาจที่นั่งทับอยู่บนอกแล้วคลานหนี แต่ก็ไม่วายถูกดึงขารั้งเอาไว้!
“จะหนีไปไหน?”
อัลม่าล้มลงกระแทกบนพื้นกระเบื้องขัดมัน เซเลน่าดึงเชือกที่ผูกผ้าคลุมชุดไว้ไปพันรอบคออัลม่าแล้วออกแรงดึงจากข้างหลัง!!
‘บ้าแล้ว! จะมาตายตอนนี้เหรอวะ?’
ถ้าเป็นเวลาปกติที่สมองไม่กระทบกระเทือน อัลม่าคงสู้แรงแม่หม้ายสาวได้เป็นแน่ แต่ตอนนี้สมองเธอขาวโพลนไปหมด ไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามใจคิด
อัก!
‘หรือว่าตายไปเลยดี .. ในเมื่อชีวิตชาตินี้ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร’
วูบหนึ่งอัลม่าคิดยอมแพ้กับโชคชะตาชีวิต แต่ด้วยแรงขับเฮือกสุดท้ายของคนจวนเจียนจะขาดสติ เธอตะกุยตะกายไปคว้าของบนโต๊ะมาไว้ในมือได้สำเร็จ
โครมมมมม!!!!
เซเลน่าล้มลงกองกับพื้นเดี๋ยวนั้น ไม่รู้เป็นหรือตาย เธอนอนแน่นิ่งอยู่บนกองเลือดที่ไหลออกมาจากกะโหลกรูปสวย อัลม่าก้มลงมอง “รูปปั้นของเล่นสุดรัก” ของเซเลน่าที่กลายมาเป็นอาวุธในมือแล้วปล่อยมันตกพื้น!!
เคร้งงงงง!!!
‘หนี .. ต้องหนีไปจากที่นี่!’
แม้ร่างจะแทบแหลกสลาย แต่ถ้าไม่หนีก็มีแต่ตายสถานเดียว!!
สองเท้าเปล่าวิ่งมาไกลไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง เศษหินและก้อนกรวดที่บาดเท้าไม่อาจขวางความปรารถนาในการรอดชีวิต เสียงหอบแฮกของร่างสูงดังไปตลอดทาง ควันออกปากเนื่องจากอากาศหนาวยามค่ำคืน เสื้อโค้ตตัวยาวไม่อาจให้ความอบอุ่นได้เพียงพอ มือและเท้าชาจนแทบจะแข็ง โชคยังดีที่พื้นถนนเริ่มราบเรียบบ่งบอกว่าเธออาจเข้ามาถึงตัวเมืองแล้ว แต่ฟ้าฝนก็ยังใจร้ายส่งฝนกระหน่ำลงมาระลอกใหญ่
เปรี้ยงงงงง!! เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วบริเวณ แสงฟ้าฟาดเปิดทางให้เห็นคฤหาสน์หรูหลังใหญ่ 3 ชั้นที่ก่อด้วยหินสีเข้ม ประตูชั้นล่างเป็นซุ้มโค้งสวยงามสามซุ้ม มีปล่องไฟสองข้างขนาบ ด้านขวาสุดมีโดมสูง บนหลังคาเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายยอดปราสาทหลายยอด ขนาดของตัวบ้านน่าจะใหญ่กว่าบ้านเซเลน่าถึงสองเท่า แต่ในความมืดมนมันดูทะมึนหม่นน่ากลัวจนไม่แน่ใจเลยว่าผู้อยู่อาศัยข้างในเป็นคนเช่นไร
ตึงง!!!
ร่างอัลม่าทรุดลง ณ จุดนั้น
‘ไม่ไหว .. ฝืนไม่ไหวแล้ว’
สติสัมปชัญญะสุดท้ายของอัลม่าได้ขาดหายไปท่ามกลางสายฝน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่กว่าเธอจะลืมตาตื่นอีกครั้ง ด้านนอกหน้าต่างก็แดดออกจ้าเหมือนไม่เคยมีฝนตก ที่นอกหน้าต่างเห็นใบไม้สีส้มอมน้ำตาลค่อย ๆ ร่วงตามฤดูกาล อัลม่าฟื้นขึ้นมาในห้องแคบ ๆ ที่มีแค่เตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ แต่ที่เธอประหลาดใจกว่านั้นก็คือมีใครบางคนเปลี่ยนชุดนอนสีครีมให้เธอและทำแผลให้เธอเรียบร้อย ผ้าพันแผลที่ศีรษะถูกพันไว้อย่างตั้งใจ ที่ส้นเท้ามีรอยแผลพุพอง คนแปลกที่ยังรู้สึกมึน ๆ เลยเอานิ้วนวดคลึงบริเวณขมับ
ทันใดนั้นประตูไม้ส่งเสียงออดแอดค่อย ๆ แง้มเปิด ใบหน้าทรงไข่โผล่เข้ามาอย่างระแวดระวัง เธอมีผมสีน้ำตาลประกายชมพูสดใส ดวงตากลมโตสีน้ำตาล สวมชุดสีเขียวเข้มและผ้ากันเปื้อนสีขาวซึ่งน่าจะเป็นยูนิฟอร์มของสาวใช้บ้านนี้ หน้าตาที่ไร้ริ้วรอยทำให้คิดว่าน่าจะวัยไล่เลี่ยกันกับผู้ป่วยบนเตียง
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
แววตาของสาวใช้นางนี้มองสีผมของอัลม่าอย่างตื่นเต้น ท่าทางไอ้ผมสีขี้เถ้านี่จะแปลกประหลาดสำหรับคนทั่วไปจริง ๆ
“ที่นี่ที่ไหน?” น้ำเสียงอัลม่าถามอย่างสงสัย
“บ้านของท่านไวน์เคานต์แอชฟอร์ด”
อัลม่าเคยได้ยินชื่อชายผู้นี้ครั้งหนึ่ง เซเลน่าเคยเล่าให้ฟังว่าเขาทำงานตำแหน่งสูงในสภา
“มาสิ เลดี้แอชฟอร์ดรอพบเธออยู่”
สาวร่างสูงในชุดสีครีมยาวกรอมเท้าเดินตามหญิงรับใช้ของบ้านไป ตรงบริเวณทางขึ้นบันไดมีรูปเคารพเทพซิลิน่าแบบเดียวกับบ้านของเซเลน่าห้อยลงมาจากเพดาน หญิงรับใช้พาอัลม่าขึ้นบันไดวนไปถึงชั้นบนสุด เธอยังเดินกะเผลกเล็กน้อยเนื่องด้วยอาการเจ็บเท้า ทางเดินค่อนข้างมืด แหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวมาจากไฟสลัว ๆ จากโคมไฟที่ติดบนผนัง หน้าต่างทุกบานถูกปิดตายด้วยผ้าม่านสีทึมหลายชั้น ท่าทางเจ้าของบ้านจะไม่ใช่คนเปิดรับโลกภายนอกเป็นแน่แท้
ก๊อก ๆ ๆ
“มาแล้วค่ะท่านเอเลนอร์”
“เข้ามาได้” เสียงเหนื่อยล้าดังขึ้นจากด้านใน สาวใช้ถึงได้กล้าเปิดประตูพาอัลม่าเข้าไป เธอทอดสายตาเข้าไปในห้อง มีหญิงสาวนางหนึ่งสวมชุดกระโปรงพลิ้ว ๆ สีเหลืองอ่อนประดับด้วยลายดอกคัตเตอร์สีขาวนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เส้นผมละเอียดสีเขียวดุจมรกต ปล่อยยาวสยายรับกับดวงหน้าเมินเฉยที่จัดว่าสวยแต่ดูเศร้าหมอง สันจมูกโด่ง ปากเป็นกระจับแบบโค้งมน หากแต่งเติมเครื่องสำอางและประทินผิวสักหน่อย เธอจะต้องเป็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน ดวงตาสีเขียวมะกอกฉายแววเจ็บปวดชำเลืองมาทางอัลม่า แต่กลับไม่ได้สบตากันโดยตรง ตาคู่โศกของเธอเหม่อลอยเหมือนไม่รู้ว่าควรจับจ้องที่ตรงไหน
อย่าบอกนะว่า...
“ใช่ .. เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ” เอเลนอร์ แอชฟอร์ดรู้ทันความคิด พูดดักด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
ไวน์เคานท์เตสผู้นี้ตาบอด!!