มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!
หญิง-หญิง,ยูริ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูงอัลม่าไม่อาจละสายตาไปจากสาวน้อยได้ เธอกำลังถอนสายบัวอยู่หน้าพระราชินีด้วยความตื่นเต้น ร่างบางโยกเยกเหมือนจะล้มแต่ก็ทรงตัวกลับมาได้ ช่างน่าเอ็นดู
‘น่ารักจนใจเจ็บ’
ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน อัลม่าก็ไม่เคยเจอใครที่น่ามองขนาดนี้ ทั้งหน้าตาและอากัปกริยามันทำให้เธออยากจะมองไปอีกนาน ๆ
ฉับพลันอัลม่ารู้สึกถึงสายตาแหลมคมที่จ้องมาทางเธอ เมลานี่นั่นเอง เธอยืนอยู่ไกลลิบแต่ส่งสัญญาณให้อัลม่ามีสมาธิอยู่กับแผน อัลม่าจำต้องสลัดหัวไล่หน้าหวาน ๆ ออกไปจากความคิด แล้วเริ่มมองหา อีดิธ สาวใช้วัยประมาณ 40 ปีที่เมลานี่สั่งให้มาตามหา
“ขอโทษนะ มีใครพอจะเห็นอีดิธบ้างมั้ย?”
อัลม่าเดินถามไปทั่ว ไม่มีใครตรงนั้นเห็นอีดิธเลย แต่มีหญิงรับใช้นางหนึ่งแนะนำให้อัลม่าเดินมาดูตรงม้านั่งหลังอาคาร พื้นที่ตรงนั้นจัดไว้ให้คนมารอรับเสด็จ พอเดินมาถึง ก็พบว่าตรงนั้นว่างเปล่า อาจเพราะคนส่วนใหญ่ไปออกันอยู่ที่หน้างานแล้ว
เมื่อไม่เห็นผู้ใดอยู่แถวนั้น สาวใช้จึงถอดผ้าคลุมผมออก ระหว่างที่อัลม่ากำลังยืนปล่อยใจ เสียงกุก ๆ กัก ๆ ดังออกมาจากหลังต้นกระดุมไม้ใบเงิน!!
อัลม่าหันขวับไปหาแหล่งกำเนิดเสียง ชายกระโปรงสีขาวโผล่ออกมาเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเห็นเจ้าของกระโปรงเดินเซออกมาจากหลังพุ่มไม้ หญิงสาวดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกันที่อยู่หลังต้นไม้นั่น
ฟีบี้ค่อย ๆ เดินออกมาจากพุ่มไม้ เธอมาแอบหลบตั้งสติให้หายตื่นเต้นจากคนหมู่มาก แต่เมื่อเห็นว่าตรงนั้นไม่ได้มีเธออยู่แค่คนเดียว ก็ตกใจสะดุดพื้นต่างระดับจนหน้าคว่ำ
“ว้าย!”
อัลม่าพุ่งตัวเข้าไปประคองร่างบอบบางได้ทันท่วงที จมูกเล็ก ๆ ของเธอชนเข้ากับแก้มของอัลม่า
‘ตึกตัก’
ร่างผอมสูงชะงักอึ้ง ร้อนวูบวาบ คล้ายคนเสียอาการ
ใบหน้าของสาวน้อยอยู่ใกล้อัลม่าแค่คืบ ลมหายใจอุ่น ๆ ของคนตัวเล็กโดนแก้มของเธอ อากาศที่เย็นลงในช่วงนี้ร้อนขึ้นฉับพลัน แพขนตาหนาขยับขึ้นลงช้า ๆ ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น
“เอ๊ะ .. คุณ”
อัลม่าผงะ ฟีบี้เห็นปอยผมสีเทาที่หลุดออกมาจากผ้าคลุมผมเลยจำหญิงตรงหน้าได้
สาวใช้ดีใจอย่างบอกไม่ถูก คงต้องขอบคุณไอ้หัวสีประหลาดนี้ซะแล้วสิ
ฟีบี้พยายามทรงตัวจนกลับมายืนมั่นคงได้เหมือนเดิม หญิงร่างสูงจึงต้องยอมปล่อยเธอออกไปจากอ้อมแขน แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายนิดหน่อยก็เถอะ
“สีผมของคุณสวยมากเลยค่ะ เหมือนต้นเบญจมาศเงินเลย”
น้ำเสียงใสกิ๊งอธิบาย แววตาของเธอระยิบระยับ แสดงให้เห็นความชื่นชมจากใจจริง ผู้อื่นอาจหวาดกลัวผมสีนี้ แต่สำหรับเธอ เส้นผมของหญิงสาวตรงหน้าช่างงดงามและโดดเด่น
อัลม่าไม่รู้จักต้นไม้อะไรนั่น แต่เชื่อได้เลยว่าสาวน้อยคนนี้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ก็นอกจากจะเรียกอัลม่าอย่างให้เกียรติว่า “คุณ” แล้ว เธอยังเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่เห็นว่าสีผมกาลกิณี “สวย”
“ขอบคุณค่ะ” เสียงทุ้มตอบอย่างอ่อนโยนกว่าปกติ ถ้าเป็นคนอื่นชมอัลม่าคงรู้สึกว่าคนเหล่านั้นหวังผลบางอย่าง แต่คำยอที่ไร้เจตนาอื่นเคลือบแฝงจากฟีบี้ ทำให้อัลม่าเชื่อสนิทใจ
“คุณช่วยฉันไว้ทุกทีเลย ขอบคุณนะคะ” ตาเป็นประกายของหญิงสาวบอกแทนความซาบซึ้งในใจเธอทั้งหมด
“เป็นเกียรติของข้ามากกว่าที่ได้รับใช้ท่าน” อัลม่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฟีบี้ยิ้มเขิน ๆ ให้ แม้บทสนทนาจบแล้วสักพัก แต่เธอก็ยังไม่เดินออกไปจากตรงนั้น เหมือนว่ายังมีอะไรที่อยากพูดอยู่
“ขอโทษนะคะ .. ถ้าจะรบกวนอีกนิดได้มั้ย” น้ำเสียงเกรงใจของคุณหนูตัวเล็ก
“ช่วยผูกโบข้างหลังให้ได้มั้ยคะ ฉันเอื้อมไม่ถึง”
มือเล็ก ๆ พยายามเอื้อมไปคว้าริบบิ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ อัลม่าแปลกใจว่าสาวรับใช้ของเธอไปไหน เพราะคนตรงหน้าดูเหมือนคนไม่ได้ออกงานสังคมบ่อย ไม่น่าจะมาคนเดียว
สาวใช้ชั่วคราวเคลื่อนที่ไปยืนข้างหลังร่างเล็ก
“ข้าขออภัย”
เธอค่อย ๆ รวบผมสีทองไปที่ด้านหน้า เผยให้เห็นหลังคอขาวเนียน
‘ไม่ระวังตัวเลยแฮะ’
เธอคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เธอเปรียบเหมือนลูกแกะน้อยที่อยู่ในเงื้อมมือของหมาป่า อัลม่ากระตุกผูกโบอย่างเชี่ยวชาญ ก็ในโลกที่แล้ว สาว ๆ ที่มาค้างคืนขอให้ช่วยแต่งตัวให้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เธอแอบเคลิบเคลิ้มกว่าครั้งไหน เพราะมีกลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ โชยออกมาจากตัวคนที่สูงแค่ไหล่
“เรียบร้อยค่ะ” อัลม่าเดินอ้อมกลับมาข้างหน้า ฟีบี้ โล่งอกมากที่ชุดกลับมาเรียบร้อยตามเดิม แต่แล้วพอมองไปทางหนึ่ง ดวงตาของเธอก็ฉายแววฉงนสงสัย
“เอ๊ะ .. คุณผู้หญิงชุดสีเขียวคนนั้นมากับคุณรึเปล่าคะ?”
แวบแรกอัลม่าคิดว่าฟีบี้หมายถึงเอเลนอร์เพราะเป็นสีประจำที่เธอชอบใส่ อัลม่ารีบหันไปมอง แล้วก็พบว่า .. คนที่ยืนแผ่รังสีน่ากลัวอยู่ข้างหลังคือเซเลน่า!!!
“สวัสดีจ้ะอัลม่า”
น้ำเสียงคุ้นหูจากคนที่ไม่อยากพบ สายตาของเซเลน่าแสดงถึงความทั้งรักทั้งเกลียด ถ้าหากว่าไม่มีฟีบี้อยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าหญิงบ้าจะทำอะไรกับเธอได้บ้าง
“บารอนเนสสโตกใช่มั้ยคะ? .. สวัสดีค่ะ”
น้ำเสียงของฟีบี้ตะกุกตะกักเหมือนกลัวทำผิดพลาด เธอจำได้ว่าเคยเห็นหญิงตรงหน้าในหนังสือพิมพ์ ตัวจริงของเธอดูเด็กกว่าในรูป เด็กสาวรีบทำความเคารพแก่ผู้อาวุโสกว่า เซเลน่าอยากไล่ฟีบี้ไปให้พ้นทาง แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้
“สวัสดีจ้ะ ดีใจที่ได้พบเธอนะจ๊ะ ฟีบี้”
บรรยากาศตรงนั้นอึดอัดยิ่งขึ้น อัลม่ากับเซเลน่าประสานสายตากันประหนึ่งรอลุ้นว่าใครจะเป็นคนเอ่ยปากก่อน
“เลดี้ฟีบี้” เสียงทรงอำนาจของเมลานี่ดังขึ้น หญิงทั้งสามคนหันไปมองผู้มาใหม่ ท่านเคาน์เตสแมคคาธี่เดินชูคอเข้ามา ทุกก้าวที่เข้ามาใกล้ยิ่งทำให้บรรยากาศคุกรุ่นขึ้น
“ดาวเด่นของงานมาหลบอยู่ตรงนี้เอง ผู้คนกำลังถามหาถึงเธออยู่”
“จริงเหรอคะ? งั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน” น้ำเสียงของเลดี้คนสวยกังวล
ฟีบี้ค้อมศีรษะอย่างสุภาพ เธอหายใจเข้าหนึ่งทีเหมือนเรียกความกล้า ก่อนจะรวบกระโปรงเดินออกไป ใจของอัลม่าอยากมองตามฟีบี้ไปจนลับสายตาแต่เธอต้องรับมือกับเจ้านายเก่าก่อน
‘ต้องรอด!’
อุตส่าห์หนีมาได้ตั้งไกล จะมาตกม้าตายตอนนี้ไม่ได้
“สวัสดีท่านบารอนเนสสโตก” เมลานี่ยิ้มทักทายอย่างเป็นปกติ แต่อัลม่าสัมผัสได้ว่าสงครามเย็นกำลังจะเริ่มขึ้น
“สวัสดีค่ะท่านเคาน์เตสแมคคาธี่ จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าข้าจะขอคุยกับอัลแค่สองคน”
“เห็นทีว่าคงจะไม่ได้ เพราะอัลเป็นของฉัน” น้ำเสียงแสดงความหวงแหน
เซเลน่าตากระตุกด้วยความไม่พอใจ อัลม่าแอบ อมยิ้ม เธอรู้ทันแล้วว่าเมลานี่จะแก้เผ็ดหญิงตรงหน้าอย่างไร
‘เอ ..’
หรือบางทีที่อัลม่าหงุดหงิดใจกับเมลานี่บ่อย ๆ เป็นเพราะทั้งสองมีนิสัยที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ.. ชอบกวนประสาทชาวบ้าน!
“อะไรกันคะ ท่านคงจะเข้าใจผิดแล้ว อัลม่าเป็นสาวใช้ของบ้านข้าต่างหาก” เซเลน่าสวนกลับด้วยรอยยิ้ม
“โธ่ที่รัก ท่านมีสัญญาจ้างงานกับอัลม่ารึเปล่าล่ะ? ถ้ามี ฉันก็ขอดูหน่อย”
หญิงหม้ายชะงักค้างไปเลย อัลม่าแอบสะใจเล็ก ๆ กระตุกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่เมลานี่วางตัวอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า เธอยืดอกตามท่านเคาน์เตสไปด้วย
‘ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!’
เซเลน่าสบถในใจ เธอเซ็นสัญญาเลิกทาสให้อัลม่าเรียบร้อยก็จริง แต่เธอพลาดเองที่ไม่ได้ร่างสัญญาสาวใช้อย่างเป็นจริงเป็นจัง แม่ผมแดงคนนี้เลยแย่งตัวอัลม่าไปได้หน้าตาเฉย!!
“มีมั้ยล่ะ สัญญาน่ะ?” เมลานี่ย้ำถามอีกครั้ง
บารอนเนสสโตกฉีกยิ้มอย่างอดกลั้น ไม่มีทางที่เธอจะยอมปล่อยนางบำเรอของเธอไปง่าย ๆ
“ท่านจะบอกว่าท่านมีสัญญาจ้างอัลม่าเหรอคะ?”
“ใช่ .. อย่างถูกกฎหมาย”
เซเลน่าโกรธแทบบ้า อัลม่าจ้องเซเลน่าด้วยหน้าเชิดขึ้น เมลานี่สีหน้าเอาเรื่อง
“บ้า! นางคนนี้มันน่านัก!!’
บารอนเนสสโตกคิดอยากทุบกะโหลกสวย ๆ ของนังหัวแดงขึ้นมาทันที แต่มันก็เป็นได้แค่จินตนาการของเธอ แม้เมลานี่จะอายุน้อยกว่าหลายปี แต่ตามลำดับศักดิ์แล้วอยู่สูงกว่า เซเลน่าจึงต้องสำรวมกิริยาต่อหน้าเคาน์เตสอย่างเลือกไม่ได้
“ถึงอย่างนั้น .. ฉันก็ขอคุย ..”
“ขอโทษด้วยเซเลน่า พอดีฉันค่อนข้างจะหวงสาวใช้คนนี้” เมลานี่ตัดบทอย่างไม่รอช้า มือโอบเอวอัลม่าอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ อัลม่าหัวไว เอื้อมมือขึ้นแตะแขน เมลานี่ทันทีอย่างสนิทสนม เธอหันไปมองเจ้านายใหม่อย่างรักใคร่ปานจะกลืนกิน หวังให้เซเลน่าอกแตกตายไปตรงนั้น
“แหม ท่านก็ ..” น้ำเสียงสาวใช้ออดอ้อน
“ไปกันเถอะอัล .. สวัสดียามบ่ายค่ะ”
เมลานี่พาอัลม่าเดินออกไปอย่างผู้ชนะ ส่วนอัลม่าก็ตั้งใจเล่นบทบาทคู่รักอย่างแนบเนียนที่สุด เซเลน่ามองตามทั้งคู่ไปด้วยแววตามุ่งร้าย
สำหรับการพบกันครั้งนี้ ถือว่าเจ้านายเก่าแพ้ราบคาบ จริงอย่างที่เอเลนอร์เคยว่า เมลานี่สามารถปกป้องเธอได้ จริง ๆ แต่อัลม่าก็มั่นใจว่าเซเลน่าไม่มีทางยอมอ่อนข้อง่าย ๆ ทางที่ดีไม่ควรสบประมาทความบ้าของเธอดีกว่า
“ฉันว่าแล้วว่ายัยนั่นต้องโรคจิต”
เมลานี่เปรยหลังจากเดินออกมาพ้น ตลอดเวลาที่เธอเจอเซเลน่าในงานการกุศล เธอสัมผัสได้ว่านางมีอะไรซ่อนเร้น อัลม่าไม่แปลกใจที่เมลานี่มองบารอนเนสสโตกออก
“ว่าแต่ .. เธอนี่เก่งกว่าที่ฉันคิดนะ เข้าถึงตัวฟีบี้ได้เร็วมาก”
อัลม่าชะงัก! เธอนึกขึ้นมาได้ว่า อีดิธ คนรับใช้ที่เมลานี่ให้ตามสืบ เป็นคนเก่าแก่ของคฤหาสน์มาร์ควิสฟลิน บิดาของฟีบี้ ผู้ที่เมลานี่กับสามีกำลังสงสัยว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มฉ้อราษฎร์บังหลวง
“จุดอ่อนของมาร์ควิสคงจะเป็นแม่สาวน้อยคนนี้นี่แหละ!!”