มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!
หญิง-หญิง,ยูริ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูงสรุปว่าในงานวันนั้นอีดิธไม่ได้มาร่วมงาน เมลานี่กับอัลม่าจึงกลับบ้านมือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเมลานี่ก็ไม่คิดว่าพวกเธอเสียเที่ยวเสียทีเดียว
‘ฟีบี้’
ชื่อที่ได้ยินคนเอ่ยถึงทุกมุมเมือง การเปิดตัวของบุตรสาวมาร์ควิสในงานเดบูตองส์กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของชาวซิลิเธียในอาทิตย์นี้
“ทำไมถึงเพิ่งมาเปิดเอาตอนนี้”
อองตวน สามีของเมลานี่ผู้มียศเป็นถึงเอิร์ลครุ่นคิดสงสัย เขาเป็นชายหนุ่มผมสีคาราเมลไหม้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ไว้หนวดตัดทรงเรียบร้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูเคร่งขรึม รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้าง เมื่อยืนคู่กับเมลานี่ดูเหมาะสมกันมาก อัลม่าเดินเข้ามาเสิร์ฟของว่างบนโต๊ะจิบน้ำชาในสวน เธอได้รับอนุญาตให้อยู่ระหว่างที่สองสามีภรรยาพูดเรื่องสำคัญได้
“หรือว่ามาร์ควิสจะถังแตก เลยต้องขายลูกสาวคะ?”
ความคิดเห็นจากเมลานี่ทำให้อัลม่าเห็นใจฟีบี้ขึ้นไปอีก ถ้าเป็นจริงตามที่เมลานี่เล่าก็คือ ฟีบี้ถูกซ่อนตัวมาเป็นเวลา 17 ปีเต็ม ไม่รู้อะไรดลใจให้ผู้เป็นพ่อพาลูกสาวมาให้สังคมรู้จักในตอนนี้ แต่แค่คิดว่าสาวน้อยผู้น่าทะนุถนอมจะต้องตกไปเป็นของชายใด อัลม่าก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
‘ไม่มีใครควรค่าพอ’
อัลม่าไม่คิดว่าจะมีใครบนโลกที่คู่ควรกับเด็กสาวผู้สูงส่งคนนั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังต้อยต่ำเกินไป
“ฉันพอจะมีแผนแล้วค่ะ” เมลานี่ยิ้มกริ่ม เธอกำลังเพ่งเล็งมาที่อัลม่าด้วยแววตาเหมือนสนุก
‘อะไรอีกล่ะ’
สาวใช้แอบเอือมระอา รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
งานปาร์ตี้จิบน้ำชาของเลดี้ฟีบี้ถูกจัดขึ้นในอาทิตย์ต่อมา แขกที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานมีแค่หญิงสาวชั้นสูงเพียงห้าคนและผู้ติดตามของพวกเธอ สันนิษฐานได้ว่า มาร์ควิสน่าจะอยากให้ลูกสาวได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบ้าง แต่ก็คัดเลือกแขกอย่างเคร่งครัด
‘นี่สินะ ที่เรียกว่าเลือกสังคมให้ลูก’
ความประทับใจแรกของอัลม่าทันทีที่เห็นคฤหาสน์ของมาร์ควิสฟลินคือหน้าต่างกระจกบานโค้งและเสาสลักลวดลายไม้เลื้อย บ้านหลังนี้ในอดีตคงสวยงามมาก แต่ตอนนี้ดูเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
เมื่อเมลานี่กับอัลม่าถึงบ้านก็พบ อีดิธ ยืนต้อนรับอยู่ เธอเป็นหญิงวัยห้าสิบปลาย ๆ ผมสีดอกเลา ตาสีชมพูอ่อน รูปร่างเล็ก ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี พาลให้อัลม่านึกไปถึงคุณป้าผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าในชาติที่แล้ว
อีดิธในชุดสาวใช้ถูกระเบียบ มีหมวกสีขาวคลุมผม เดินนำเมลานี่กับอัลม่าไปที่จัดงาน ระหว่างทางเดินไป ในคฤหาสน์ดูว่างเปล่าและวังเวงเหมือนไม่มีคนอยู่ ของตกแต่งกับเฟอร์นิเจอร์มีไม่กี่ชิ้น
สิ่งที่สวยสะดุดตาคือภาพวาดบนกำแพง เดาได้ว่าน่าจะเป็นภาพมาร์ควิสและมาร์เชอเนสฟลิน กาเบรียลเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูง ใบหน้าดูเหมือนคนใจเย็น ผมกับตาของเขาเป็นสีเดียวกับลูกสาว ขณะที่ลุยซ่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่ดูหยิ่งทระนง เรือนผมกับดวงตาของเธอเป็นสีไม้มะฮอกกานีคล้ายเซเลน่า น่าแปลกว่าไม่มีรูปลูกสาวอยู่ในบ้านสักรูป
อัลม่าในชุดสาวใช้ตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะได้พบกับฟีบี้อีกครั้ง วันนี้เจ้านายแต่งหน้ากลบแผลเป็นให้เธอเหมือนเดิม แต่ให้ปล่อยผมสีเทาได้
ส่วนท่านเคาน์เตสผู้แต่งตัวเก่ง จัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้า เริ่มจากหมวกขนนกสีขาว ชุดรัดรูปลายดอกไม้สีขาวตัดกับสีเขียวเมล่อน และรองเท้าส้นสูงปักลายดอกไม้ชนิดเดียวกันกับชุด ทุกอย่างสั่งตัดใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ท่านเคาน์เตสอ้างว่าทุกคนเขาก็แต่งตัวมาประชันกันทั้งนั้นแหละ
สายตาของอัลม่ามองผ่านกระจกออกไปเห็นบ้าน เล็ก ๆ ในรั้วคฤหาสน์
‘บ้านใครกันนะ?’
แต่แล้วก็มีเสียงดังขัดขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจของอัลม่า เจ้าของเสียงเป็นคนที่เธอเคยพบมาแล้ว ดาฟเน่ อยู่ในชุดเดรสแขนพองสีเปลือกไข่ตัดกับผมสีฟ้าที่ปล่อยตรงถึงกลางหลัง เครื่องประดับชิ้นเดียวที่เธอใส่คือสร้อยมุกเส้นเล็ก
“ฉันดีใจมากเลยที่ได้รับเชิญ เธอคงไม่รู้ แต่ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนวัยเดียวกัน”
สาวน้อยผู้มั่นใจเข้าหาลูกสาวเจ้าของบ้านอย่างกระตือรือร้น ฟีบี้ท่าทางประหม่า ตั้งรับไม่ทัน
‘อยู่นั่นไง’
อัลม่าอดทึ่งไม่ได้ทุกครั้งที่ได้เห็นลูกสาวเจ้าของคฤหาสน์ เธอสวมชุดแขนยาวเปิดไหล่สีชมพูสดใส ใบหน้างามอย่างธรรมชาติ ผิวใสเหมือนกระจก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น นั่งตัวเกร็งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
“ฉันก็ไม่ค่อยมี .. เพื่อนเหมือนกัน” น้ำเสียงอ่อย ๆ เหมือนกลัวจะตอบไม่ถูกใจคนฟัง
“เราเหมือนกันเลย!” ดาฟเน่ท่าทางดีใจจนล้น
‘เอเนอจี้เยอะเกิน’
อัลม่าเหนื่อยกับท่าทางดี๊ด๊าของคุณหนูโดโนแวน ที่ฟีบี้ไม่ค่อยมีเพื่อนคงเป็นเพราะบิดากับมารดาของเธอไม่เปิดเผยตัวเธอต่อโลกภายนอก แต่ที่ดาฟเน่ไม่ค่อยมีเพื่อนอาจจะเป็นเพราะท่าทางจู้จี้จุกจิกของเธอ ขนาดที่อัลม่าเห็นแล้วรู้สึกคันเหมือนผื่นจะขึ้น
“ที่ผ่านมา เธออยู่แต่ในบ้านหลังนี้เลยเหรอ? คงเหงาแย่เลยเนอะ” ดาฟเน่ยังไม่หยุดชวนคุย เธอทำหน้าเห็นอกเห็นใจฟีบี้ ซึ่งอัลม่าเห็นก็รู้ว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจของเธอจริง ๆ แต่ฟีบี้ผู้ผ่านโลกมาน้อยไม่อาจแยกออก
“อื้อ .. แต่ฉันชินแล้ว” ฟีบี้ยิ้มให้ดาฟเน่
สตรีสูงศักดิ์อีกสามท่านที่นั่งอยู่ตรงนั้นอัลม่าไม่รู้จัก แต่คุ้น ๆ ว่าเธออาจจะเคยเจอบางคนที่ปาร์ตี้บ้านเอเลนอร์
“สวัสดีค่ะ ท่านเคาน์เตสแมคคาธี่”
น้ำเสียงไพเราะทักทายเมลานี่อย่างสุภาพ แล้วก็เหมือนจะชำเลืองตามามองอัลม่า เธอยิ้มเป็นการทักทายให้ด้วย อัลม่ารีบค้อมศีรษะให้ฟีบี้ตามมารยาท
“ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นหรอก เรียกแค่ชื่อก็พอขอบคุณนะที่เชิญฉันมาวันนี้” ขนาดเมลานี่ที่ดูแข็งกร้าวยังดูเอ็นดูฟีบี้มากกว่าใคร
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาสนทนากันแบบสาว ๆ คนที่พูดนำหลัก ๆ ก็คือดาฟเน่ เธอพยายามแนะนำฟีบี้เรื่องการเตรียมตัวออกเรือน ซึ่งฟีบี้ก็ตาแป๋วขึ้นมาเหมือนกำลังสนใจในเรื่องนี้อยู่พอดี เมลานี่ฟังดาฟเน่พูดแบบหูทวนลม อัลม่าเห็นแววตาเธอดูรำคาญคนพูดเก่งอยู่เหมือนกัน
“ฉันมีของขวัญมาให้เธอด้วยนะฟีบี้”
ดาฟเน่ทำตัวเป็นจุดสนใจอีกครั้ง เธอยื่นหนังสือที่สลักหน้าปกไว้ว่า “เคล็ดลับการเป็นภรรยาที่ดี” ให้
“ขอบใจนะ” ฟีบี้หน้าแดงเมื่อเห็นชื่อหนังสือ .. เธอรับมาถือไว้อย่างดีราวกับว่านี่เป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิต
เมลานี่รอให้หญิงสาวอีก 3 คนให้ของขวัญคุณหนูเจ้าของงานจนเรียบร้อย คนหนึ่งให้สร้อยข้อมือ คนที่สองให้ต่างหูพลอย และคนที่สามให้เครื่องประทินผิว
“ฉันก็มีของขวัญมาให้เธอฟีบี้”
เมลานี่ยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปกระตุกข้อมืออัลม่า!!
อัลม่างุนงงมาก ก่อนจะช็อกไปเลยเมื่อเมลานี่จับเธอไปคุกเข่าลงต่อหน้าสาวน้อยผมทอง
“นี่แหละ ของขวัญจากฉัน"