มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!

เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง - บทที่ 18 มาร์ควิสฟลิน โดย คุณองุ่น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,ยูริ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ยูริ,แฟนตาซี

รายละเอียด

มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!

ผู้แต่ง

คุณองุ่น

เรื่องย่อ

สารบัญ

เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทนำ บทนำ,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 1 ทาสหน้าบาก,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 2 บารอนเนสสโตก (NC),เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 3 ของเล่นสตรีชั้นสูง,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 4 ความคลั่งไคล้เป็นเหตุ,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 5 หนีตาย,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 6 ไวเคาน์เตสผู้ตาบอด,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 7 ริมหน้าต่าง (NC),เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 8 ห้องทำงานเบอร์นาร์ด,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 9 สตรีที่สวยที่สุดแห่งซิลิเธีย,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 10 เซอร์ไพรส์แด่ท่านเบอร์นาร์ด,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 11 เคราะห์ซ้ำ,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 12 เคาน์เตสแมคคาธี่,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 13 งานเดบูตองส์,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 14 การพบกันอีกครั้งที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 15 ของขวัญแด่เลดี้ฟีบี้,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 16 สาวรับใช้คนใหม่ของเลดี้ฟีบี้,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 17 บทเรียนที่หนึ่ง,เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูง-บทที่ 18 มาร์ควิสฟลิน

เนื้อหา

บทที่ 18 มาร์ควิสฟลิน

มาร์ควิสฟลินนั่งปั้นปึ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่าง หน้าตาของเขาเหมือนรูปวาดที่ผนัง แต่ตัวจริงดูอ่อนแอกว่าที่คิด เขาผอมเหมือนคนขี้โรค ใบหน้าไม่มีราศีจับ แววตาโลเล แถมยังดูกลัวเมียผู้ยืนค้ำหัวอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาร์เชอเนสเป็นผู้กุมบังเหียนของบ้านหลังนี้


“ฟีบี้ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเอาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน” กาเบรียลเปล่งน้ำเสียงแหบ แต่ไม่ถึงกับดุดัน


“แต่เธอเป็นของขวัญจากท่านเมลานี่นะคะ” ฟีบี้หยัดยืนด้วยน้ำเสียงอ่อน


“ฉันเตือนแล้วไงคะว่าอย่าเชิญเคาน์เตสแมคคาธี่มาบ้าน” ลุยซ่าใช้น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกซึ่งต่างจากตอนพูดกับฟีบี้โดยสิ้นเชิง ต่อหน้าสามี เธอเสแสร้งเป็นคนใจเย็นได้อย่างตีบทแตก นี่มันละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่งชัด ๆ


‘ไม่ได้การ’


อัลม่ายืนกุมมืออย่างผู้สังเกตการณ์ ในความคิดอัลม่า ฟีบี้ไม่น่าสู้รบตบมือกับแม่เลี้ยงได้ เพราะฉะนั้น เธอต้องเป็นคนเจรจาแทน ขืนปล่อยให้เลดี้ตัวเล็กจัดการ เธอคงโดนเฉดหัวออกไปจากบ้านนี้


“ฟังข้าก่อนได้มั้ยคะ?” ฟีบี้ขัดขึ้น อัลม่าแปลกใจกับเสียงมุ่งมั่นจนต้องหันไปมอง แววตาของคุณหนูดูจริงจังขึ้นมาเหมือนตอนเรียนกับอัลม่าเมื่อครู่


“ไม่มีประโยชน์หรอก ท่านมาร์ควิสตัดสินใจไปแล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ” ลุยซ่าตัดบท


‘จบเห่’


อัลม่าเสียอารมณ์นิดหน่อย ทำงานพลาดได้โดนเมลานี่ตำหนิแน่


“ให้อัลเขาอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะคะท่านพ่อ .. เธอช่วยเราได้”


ฟีบี้พยายามโน้มน้าวผู้เป็นบิดาให้ถึงที่สุด จบประโยคนั้น อัลม่าเริ่มตื่นเต้นว่าฟีบี้จะหว่านล้อมกาเบรียลแบบไหน เธอนึกว่าสาวน้อยจะร้องไห้แง ๆ ด้วยความตื่นกลัว แต่เธอกลับฮึดสู้ต่อ


‘น่าสนใจ’


อัลม่ามองสาวน้อยผู้มุ่งมั่นด้วยแววตาวิบวับ


“ช่วย? เจ้าหมายถึงเรื่องอะไร?” มาร์ควิสสงสัย เขาไม่คิดว่าหญิงผมสีอับโชคตรงหน้าจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ของตระกูลในตอนนี้ได้


“เรื่องแต่งงานค่ะ .. อัลเขาสอนข้าเรื่องการเป็นภรรยาที่ดีได้ ใช่มั้ยอัล?”


“ค่ะ” อัลม่ารับลูกส่งของฟีบี้ได้ดีราวกับซ้อมกันมา แต่เปล่าเลย ต้องชื่นชมสาวน้อยตรงหน้าที่หัวไวคิดพลิกแพลงได้ดี


“ไร้สาระ เธอไม่ได้อยู่ชนชั้นเดียวกับพวกเราด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของลุยซ่าสัมผัสได้ถึงความเหยียดหยาม


“คงมีเหตุผลที่เมลานี่เลือกเธอเป็นสาวใช้”


มาร์ควิสแสดงความหลักแหลม เขาคงมีความฉลาดอยู่บ้าง แต่เพราะถูกภรรยาบงการมานานเลยขาดความมั่นใจ


“ข้ายินดีทำทุกทางให้เลดี้ฟีบี้ได้แต่งงานก่อนจบฤดูหนาว”


คำพูดขายฝันทำให้มาร์ควิสเริ่มสนใจในตัวสาวใช้ผู้มาใหม่


“ขอแค่ท่านให้อัลอยู่ต่อ .. ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องอับอาย” คำสัญญาที่เดิมพันด้วยชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ฟลิน


ท่านมาร์ควิสคิดทบทวนให้ถี่ถ้วน ตอนนี้การแต่งงานของฟีบี้เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตระกูลนี้อยู่รอดต่อไป


“อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”


สิ้นเสียงกาเบรียล ฟีบี้โล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก


‘เก่งอยู่นี่’


อัลม่าคงต้องมองฟีบี้เสียใหม่ ภายนอกเธออาจดูบอบบางไม่สู้คน แต่แท้จริงแล้ว ภายในของเธออาจแข็งแกร่งกว่ามาร์เชอเนสที่กำลังยืนตาลุกเป็นไฟอยู่ก็ได้ ลุยซ่าจ้องอัลม่ากับฟีบี้เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ




ระหว่างฟีบี้กับอัลม่าเดินกลับเรือนหลังเล็ก อัลม่าอดถามเรื่องที่คาใจของตัวเองไม่ได้


“ท่านไม่โกรธมาร์ควิสกับมาร์เชอเนสเลยเหรอ” น้ำเสียงทุ้มถามอย่างสงสัย


อัลม่าโกรธแทนฟีบี้ด้วยซ้ำ บิดาของเธอขังลูกสาวตัวเองไว้ในบ้าน แถมยังปล่อยให้ลูกสาวโดนภรรยาของตัวเองโขกสับ


“ท่านพ่อมีเหตุผลของท่าน ส่วนท่านมาร์เชอเนส .. ท่านต้องเจ็บช้ำเพราะท่านพ่อมามาก” ฟีบี้ตอบด้วยน้ำเสียงเห็นใจ แววตาของเธอวูบไหว


“ท่านควรใจดีกับคนที่ใจดีกับท่าน” อัลม่าตักเตือนฟีบี้ด้วยความหวังดี


“แต่ถ้าคนเราใจดีต่อกัน โลกก็จะน่าอยู่ขึ้นนะ” สุ้มเสียงรื่นหูของคนตัวเล็ก


‘โลกสวย’


ความคิดของฟีบี้ไร้เดียงสาเกินไป อัลม่ายิ่งเป็นห่วงว่าสาวน้อยจะอยู่ไม่รอดในสังคมที่มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ


“โลกมันน่ากลัวฟีบี้ .. เป็นคนดีเกินไปมีแต่จะเจ็บปวด”


ประโยคหลังอัลม่าพึมพำกับตัวเอง สาวน้อยในชุดเหลืองไม่ได้ยิน เธอเดินไปเล่นกับผีเสื้อสีชมพูตัวจิ๋ว มันบินว่อนตอมฟีบี้เหมือนตอมเกสรดอกไม้ อัลม่าปล่อยให้ฟีบี้สำราญใจในโลกส่วนตัว เธอเดินไปนั่งรอตรงม้านั่ง และคิดว่าจะสอนอะไรนักเรียนต่อไป


“ขอโทษนะคะ”


สาวใช้หันขวับไปตามเสียงหวาน ดวงหน้าเล็ก ๆ ยื่นเข้ามาใกล้อย่างกระทันหันพลันให้ใจคนถูกจู่โจมเต้นผิดจังหวะ ดวงตาประกายสีเดียวกับท้องฟ้ามองอัลม่าอย่างขวยเขิน มือบางเอาผมทัดหู แล้วกระซิบข้างหูอัลม่า


“ฉันทำต่างหูตกไว้ คุณเห็นบ้างรึเปล่าคะ?”


คนไม่ได้ตั้งตัวสะดุ้งโหยง งุนงง


“ลองทำตามที่อัลสอนน่ะ .. ใช้ได้มั้ย?” ฟี้บี้สบตาสีเทาที่มองเธออยู่


อัลม่าปรบมือในใจ แล้วบอกฟีบี้ว่าเธอสอบผ่านสำหรับบทเรียนแรก ฟีบี้กระโดดด้วยความดีใจเหมือนเด็ก ๆ อันที่จริงเธออาจจะไม่มีอะไรต้องสอนฟีบี้แล้ว เพราะแค่เด็กสาวยิ้มให้ก็สะกดเธอได้ทุกเมื่อ




กลางดึกคืนนั้น อัลม่าตั้งใจว่าจะลอบเข้าไปในห้องทำงานของมาร์ควิส เธอแอบเห็นเอกสารกองโตบนโต๊ะ บางทีมันอาจจะเป็นเบาะแสอะไรให้ท่านเอิร์ลเอาไปสืบต่อได้ แต่เมื่ออัลม่าเดินไปถึงหน้าห้องก็ต้องชะงักกึก! ในห้องมีแสงไฟลอดออกมาและมีเสียงฝีเท้าตึงตัง


“ท่านไม่เห็นใจข้าบ้างเลยหรือ?”


สาวใช้ได้ยินเสียงสั่นเครือของท่านมาร์เชอเนสฟลิน


“หากข้าไม่เห็นใจเจ้า คงไม่ยอมปิดบังตัวตนฟีบี้มาตลอด”


เสียงมาร์ควิสตอบโต้อย่างเหนื่อยอ่อน


“ก็นางเป็นหนามแทงใจข้า!” สุ้มเสียงอันแสนอัดอั้น เหมือนคนเก็บกดมายาวนาน ลุยซ่าพรรณนาถึงความเจ็บปวดของตัวเอง


“ท่านรักแต่แม่ยัยเด็กนั่น! สาวใช้ชั้นต่ำ!! นางมาก่อนข้าก็จริง แต่ข้าคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย!!”


แม่ยัยเด็กนั่นน่าจะหมายถึงแม่ของฟีบี้ จากการประมวลผลของอัลม่า แม่ของฟีบี้น่าจะเป็นสาวใช้ที่พบรักกับมาร์ควิสมาก่อน แต่ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบ มาร์ควิสต้องมาแต่งงานกับลุยซ่า


“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่เคยรักนาง”


“ไม่รักแล้วทำไมยังเก็บเด็กนั่นไว้!”


“ลุยซ่า .. ฟังข้านะ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดกับเจ้ามามาก”


“ท่านรู้งั้นเหรอ? ถ้าท่านรู้ ท่านคงไม่หักหน้าข้าด้วยการเปิดตัวฟีบี้แบบนี้”


“ข้าจำเป็น”


“ท่านอยากเห็นข้าอกแตกตายจริง ๆ ใช่มั้ย? ท่านมาร์ควิส!”


อัลม่าเริ่มเข้าใจความเจ็บปวดของมาร์เชอเนส แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาทำตัวแย่ ๆ กับฟีบี้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย


ตึง


เสียงส้นรองเท้าของอัลม่ากระทบกับพื้นไม้ในจังหวะที่เธอถอยหลัง


‘ฉิบ!’


อัลม่าหน้าซีดเมื่อได้ยินเสียงมาร์ควิสคาดคั้น


“ใครอยู่ตรงนั้น!”