มาเกิดใหม่เป็นทาสหน้าบากไม่พอ! ยังต้องมาเป็นของเล่นให้พวกสาวชั้นสูงอีก!!
หญิง-หญิง,ยูริ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดอีกทีเป็นของเล่นสตรีชั้นสูงมาร์ควิสฟลินนั่งปั้นปึ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่าง หน้าตาของเขาเหมือนรูปวาดที่ผนัง แต่ตัวจริงดูอ่อนแอกว่าที่คิด เขาผอมเหมือนคนขี้โรค ใบหน้าไม่มีราศีจับ แววตาโลเล แถมยังดูกลัวเมียผู้ยืนค้ำหัวอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาร์เชอเนสเป็นผู้กุมบังเหียนของบ้านหลังนี้
“ฟีบี้ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเอาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน” กาเบรียลเปล่งน้ำเสียงแหบ แต่ไม่ถึงกับดุดัน
“แต่เธอเป็นของขวัญจากท่านเมลานี่นะคะ” ฟีบี้หยัดยืนด้วยน้ำเสียงอ่อน
“ฉันเตือนแล้วไงคะว่าอย่าเชิญเคาน์เตสแมคคาธี่มาบ้าน” ลุยซ่าใช้น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกซึ่งต่างจากตอนพูดกับฟีบี้โดยสิ้นเชิง ต่อหน้าสามี เธอเสแสร้งเป็นคนใจเย็นได้อย่างตีบทแตก นี่มันละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่งชัด ๆ
‘ไม่ได้การ’
อัลม่ายืนกุมมืออย่างผู้สังเกตการณ์ ในความคิดอัลม่า ฟีบี้ไม่น่าสู้รบตบมือกับแม่เลี้ยงได้ เพราะฉะนั้น เธอต้องเป็นคนเจรจาแทน ขืนปล่อยให้เลดี้ตัวเล็กจัดการ เธอคงโดนเฉดหัวออกไปจากบ้านนี้
“ฟังข้าก่อนได้มั้ยคะ?” ฟีบี้ขัดขึ้น อัลม่าแปลกใจกับเสียงมุ่งมั่นจนต้องหันไปมอง แววตาของคุณหนูดูจริงจังขึ้นมาเหมือนตอนเรียนกับอัลม่าเมื่อครู่
“ไม่มีประโยชน์หรอก ท่านมาร์ควิสตัดสินใจไปแล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ” ลุยซ่าตัดบท
‘จบเห่’
อัลม่าเสียอารมณ์นิดหน่อย ทำงานพลาดได้โดนเมลานี่ตำหนิแน่
“ให้อัลเขาอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะคะท่านพ่อ .. เธอช่วยเราได้”
ฟีบี้พยายามโน้มน้าวผู้เป็นบิดาให้ถึงที่สุด จบประโยคนั้น อัลม่าเริ่มตื่นเต้นว่าฟีบี้จะหว่านล้อมกาเบรียลแบบไหน เธอนึกว่าสาวน้อยจะร้องไห้แง ๆ ด้วยความตื่นกลัว แต่เธอกลับฮึดสู้ต่อ
‘น่าสนใจ’
อัลม่ามองสาวน้อยผู้มุ่งมั่นด้วยแววตาวิบวับ
“ช่วย? เจ้าหมายถึงเรื่องอะไร?” มาร์ควิสสงสัย เขาไม่คิดว่าหญิงผมสีอับโชคตรงหน้าจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ของตระกูลในตอนนี้ได้
“เรื่องแต่งงานค่ะ .. อัลเขาสอนข้าเรื่องการเป็นภรรยาที่ดีได้ ใช่มั้ยอัล?”
“ค่ะ” อัลม่ารับลูกส่งของฟีบี้ได้ดีราวกับซ้อมกันมา แต่เปล่าเลย ต้องชื่นชมสาวน้อยตรงหน้าที่หัวไวคิดพลิกแพลงได้ดี
“ไร้สาระ เธอไม่ได้อยู่ชนชั้นเดียวกับพวกเราด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของลุยซ่าสัมผัสได้ถึงความเหยียดหยาม
“คงมีเหตุผลที่เมลานี่เลือกเธอเป็นสาวใช้”
มาร์ควิสแสดงความหลักแหลม เขาคงมีความฉลาดอยู่บ้าง แต่เพราะถูกภรรยาบงการมานานเลยขาดความมั่นใจ
“ข้ายินดีทำทุกทางให้เลดี้ฟีบี้ได้แต่งงานก่อนจบฤดูหนาว”
คำพูดขายฝันทำให้มาร์ควิสเริ่มสนใจในตัวสาวใช้ผู้มาใหม่
“ขอแค่ท่านให้อัลอยู่ต่อ .. ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องอับอาย” คำสัญญาที่เดิมพันด้วยชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ฟลิน
ท่านมาร์ควิสคิดทบทวนให้ถี่ถ้วน ตอนนี้การแต่งงานของฟีบี้เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตระกูลนี้อยู่รอดต่อไป
“อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
สิ้นเสียงกาเบรียล ฟีบี้โล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
‘เก่งอยู่นี่’
อัลม่าคงต้องมองฟีบี้เสียใหม่ ภายนอกเธออาจดูบอบบางไม่สู้คน แต่แท้จริงแล้ว ภายในของเธออาจแข็งแกร่งกว่ามาร์เชอเนสที่กำลังยืนตาลุกเป็นไฟอยู่ก็ได้ ลุยซ่าจ้องอัลม่ากับฟีบี้เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ระหว่างฟีบี้กับอัลม่าเดินกลับเรือนหลังเล็ก อัลม่าอดถามเรื่องที่คาใจของตัวเองไม่ได้
“ท่านไม่โกรธมาร์ควิสกับมาร์เชอเนสเลยเหรอ” น้ำเสียงทุ้มถามอย่างสงสัย
อัลม่าโกรธแทนฟีบี้ด้วยซ้ำ บิดาของเธอขังลูกสาวตัวเองไว้ในบ้าน แถมยังปล่อยให้ลูกสาวโดนภรรยาของตัวเองโขกสับ
“ท่านพ่อมีเหตุผลของท่าน ส่วนท่านมาร์เชอเนส .. ท่านต้องเจ็บช้ำเพราะท่านพ่อมามาก” ฟีบี้ตอบด้วยน้ำเสียงเห็นใจ แววตาของเธอวูบไหว
“ท่านควรใจดีกับคนที่ใจดีกับท่าน” อัลม่าตักเตือนฟีบี้ด้วยความหวังดี
“แต่ถ้าคนเราใจดีต่อกัน โลกก็จะน่าอยู่ขึ้นนะ” สุ้มเสียงรื่นหูของคนตัวเล็ก
‘โลกสวย’
ความคิดของฟีบี้ไร้เดียงสาเกินไป อัลม่ายิ่งเป็นห่วงว่าสาวน้อยจะอยู่ไม่รอดในสังคมที่มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ
“โลกมันน่ากลัวฟีบี้ .. เป็นคนดีเกินไปมีแต่จะเจ็บปวด”
ประโยคหลังอัลม่าพึมพำกับตัวเอง สาวน้อยในชุดเหลืองไม่ได้ยิน เธอเดินไปเล่นกับผีเสื้อสีชมพูตัวจิ๋ว มันบินว่อนตอมฟีบี้เหมือนตอมเกสรดอกไม้ อัลม่าปล่อยให้ฟีบี้สำราญใจในโลกส่วนตัว เธอเดินไปนั่งรอตรงม้านั่ง และคิดว่าจะสอนอะไรนักเรียนต่อไป
“ขอโทษนะคะ”
สาวใช้หันขวับไปตามเสียงหวาน ดวงหน้าเล็ก ๆ ยื่นเข้ามาใกล้อย่างกระทันหันพลันให้ใจคนถูกจู่โจมเต้นผิดจังหวะ ดวงตาประกายสีเดียวกับท้องฟ้ามองอัลม่าอย่างขวยเขิน มือบางเอาผมทัดหู แล้วกระซิบข้างหูอัลม่า
“ฉันทำต่างหูตกไว้ คุณเห็นบ้างรึเปล่าคะ?”
คนไม่ได้ตั้งตัวสะดุ้งโหยง งุนงง
“ลองทำตามที่อัลสอนน่ะ .. ใช้ได้มั้ย?” ฟี้บี้สบตาสีเทาที่มองเธออยู่
อัลม่าปรบมือในใจ แล้วบอกฟีบี้ว่าเธอสอบผ่านสำหรับบทเรียนแรก ฟีบี้กระโดดด้วยความดีใจเหมือนเด็ก ๆ อันที่จริงเธออาจจะไม่มีอะไรต้องสอนฟีบี้แล้ว เพราะแค่เด็กสาวยิ้มให้ก็สะกดเธอได้ทุกเมื่อ
กลางดึกคืนนั้น อัลม่าตั้งใจว่าจะลอบเข้าไปในห้องทำงานของมาร์ควิส เธอแอบเห็นเอกสารกองโตบนโต๊ะ บางทีมันอาจจะเป็นเบาะแสอะไรให้ท่านเอิร์ลเอาไปสืบต่อได้ แต่เมื่ออัลม่าเดินไปถึงหน้าห้องก็ต้องชะงักกึก! ในห้องมีแสงไฟลอดออกมาและมีเสียงฝีเท้าตึงตัง
“ท่านไม่เห็นใจข้าบ้างเลยหรือ?”
สาวใช้ได้ยินเสียงสั่นเครือของท่านมาร์เชอเนสฟลิน
“หากข้าไม่เห็นใจเจ้า คงไม่ยอมปิดบังตัวตนฟีบี้มาตลอด”
เสียงมาร์ควิสตอบโต้อย่างเหนื่อยอ่อน
“ก็นางเป็นหนามแทงใจข้า!” สุ้มเสียงอันแสนอัดอั้น เหมือนคนเก็บกดมายาวนาน ลุยซ่าพรรณนาถึงความเจ็บปวดของตัวเอง
“ท่านรักแต่แม่ยัยเด็กนั่น! สาวใช้ชั้นต่ำ!! นางมาก่อนข้าก็จริง แต่ข้าคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย!!”
แม่ยัยเด็กนั่นน่าจะหมายถึงแม่ของฟีบี้ จากการประมวลผลของอัลม่า แม่ของฟีบี้น่าจะเป็นสาวใช้ที่พบรักกับมาร์ควิสมาก่อน แต่ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบ มาร์ควิสต้องมาแต่งงานกับลุยซ่า
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่เคยรักนาง”
“ไม่รักแล้วทำไมยังเก็บเด็กนั่นไว้!”
“ลุยซ่า .. ฟังข้านะ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดกับเจ้ามามาก”
“ท่านรู้งั้นเหรอ? ถ้าท่านรู้ ท่านคงไม่หักหน้าข้าด้วยการเปิดตัวฟีบี้แบบนี้”
“ข้าจำเป็น”
“ท่านอยากเห็นข้าอกแตกตายจริง ๆ ใช่มั้ย? ท่านมาร์ควิส!”
อัลม่าเริ่มเข้าใจความเจ็บปวดของมาร์เชอเนส แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาทำตัวแย่ ๆ กับฟีบี้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย
ตึง
เสียงส้นรองเท้าของอัลม่ากระทบกับพื้นไม้ในจังหวะที่เธอถอยหลัง
‘ฉิบ!’
อัลม่าหน้าซีดเมื่อได้ยินเสียงมาร์ควิสคาดคั้น
“ใครอยู่ตรงนั้น!”