เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
วันเดียวกันกับที่พวกเราวิวัฒตนาการแล้ว พวกเราทั้ง 5 ตน นั่นคือ ผม เบล ซิล รีน เรน ก็ออกมาจากภายในถ้ำไกลพอสมควร คิดว่าน่าจะราวๆ 3-4 กิโลเมตร และได้มาเจอกับกลุ่มของพวกหมี 4 แขน หรือ โฟว์แฮนด์แบร์ ที่กำลังนอนหลับกันอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ในขณะที่อีก 2-3 ตัวตรงจุดนั่นกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่
มองจากไกลๆแล้ว สิ่งที่พวกมันกินนั่นคือหมูขนาดย่อมๆ แถมมีเศษชุดเกราะและอาวุธปักและทิ้งอยู่บนพพื้นอีกหลายเล่มด้วยกัน ราวกับว่าก่อนหน้านี้เคยมีมอนเตอร์ตัวอื่นได้บุกเข้าจู่โจมพวกมันมาก่อนแล้ว
ไม่รู้ว่าสิ่งนั่นคืออะไร แต่ดูจากหมูที่พวกมันกำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อยแล้วคงเนื้อฉ่ำไม่ใช่น้อย แต่ผมก็ต้องตลึงเล็กน้อย เมื่อขาของหมูนั่นโดนหมีอีกตัวอย่างมากิน และสิ่งที่ผมตลึงไม่ใช่อะไรเลย นอกจากขาข้างนั่นมีลักษณะเหมือนมือมากกว่าขา และมีนิ้ว 5 นิ้วด้วย
เจ้าหมีพวกนั่นกำลังกิน.... ออร์คอยู่งั่นหรอ? และทำไมผมถึงคิดว่าเจ้านั่นคือ ออร์ค นั่นก็เพราะว่า ออร์คตัวเขียวนั่นในสื่อของแดนอาทิตย์อุทัยนั่นเรียกพวกมันว่า โอเกอร์ และเจ้าหมูพวกนี้ก็เลยถูกเรียกว่าออร์คนั่นแหละ
"ไม่คิดว่าจะมีออร์คอยู่แถวนี้แหะ...."
"ตกใจนิดหน่อยนะ ที่เจอออร์คกับหมีเนี่ย แปลว่าแถวๆนี้น่าจะมีพวกโคบอร์ลอยู่แน่ๆ"
"โคบอร์ลงั้นหรอ เจ้าพวกตัวเตี้ยๆ ลักษณะเหมือนมังกรไร้ปีกน่ะหรอ?"
"พี่เอลน่าจะเข้าใจผิดนะ โคบอร์ลแบบนั่นมันมีที่ไหนกันครับ"
"โคบอร์ลที่ฉันหมายถึงคือหมาต่างหากย่ะ เจ้าทึ่มเอ๊ย...."
ในขณะที่กำลังตลึงกับออร์คที่เหมือนจะเป็นอาหารเคี้ยวเล่นให้กับเจ้าพวกหมีพวกนั่น ซิลก็เห็นด้วยก่อนจะพึมพำขึ้นมาว่า อาจจะมีโคบอร์ลอยู่แถวนี้ก็เป็นได้ และโคบอร์ลที่ผมคิดคือ โคบอร์ลมังกรเตี้ยไร้ปีก
แต่เมื่อถามไปแบบนั่น เรนก็ยิ้มแห้งๆและบอกว่าไอ้ตัวแบบนั่นมันไม่มีหรอกครับ ส่วนซิลก็ว่าผมทันทีเพราะที่เธอหมายถึงคือโคบอร์ลที่เป็นมอนเตอร์ประเภทที่มีรูปลักษณะเหมือนหมาต่างหาก
หมางั้นหรอ...? อืมอยากจะลองเอามาเลี้ยงจริงๆแหะ... ไว้ไปจัดการเจ้าพวกนั่นและเกณฑ์มาเป็นลูกน้องดีไหมนะ? แต่ตอนนั่นก็คงต้องฝึกฝนตนอื่นๆในถ้ำให้วิวัฒตนาการเป็นฮ็อบก็อบลินก่อน ถ้าหากมอนเตอร์ตัวอื่นยังคิดว่าก็อบลินอ่อนแออยู่หล่ะก็ คงได้โดนล้างบางถ้ำแน่ๆ....
"แล้วจะเอายังไงดีกับพวกหมี 4 แขนพวกนั่นดีหล่ะเอล?"
"จัดการยังไงดีน่ะหรอ? เจ้าพวกนั่นมีขนาดตัวใหญ่พอควร แถมยังมีตั้ง 4 ตัว คงต้องใช้วิธีรอบโจมตีหล่ะมั้ง...."
"ลอบโจมตีหรอ.... แบบนั่นก็คงจะจัดการพวกมันได้สัก 1-2 ตัวหล่ะมั้งนะ..."
"นี้รีน เธอเอาหน้าไม้มาด้วยใช่ไหม?"
"เอามาสิ ทำไมหรอเอล?"
ซิลถามผมด้วยความที่พวกหมีนั่นมันแข็งแกร่งกว่าที่คาดคะเนเอาไว้อย่างแน่นอน พละกำลังและแขนทั้ง 4 ข้างของมัน มีความอันตรายกว่าที่หลายๆตนคาดคิดเอาไว้ ก่อนที่ผมจะแนะนำ หรือจะบอกว่าให้ทำแบบนี้ๆเพื่อที่จะลดทอนกำลังของมอนเตอร์เหล่านั่นให้มากที่สุด
ผมนึกขึ้นได้ว่าเอาบางอย่างมาด้วยขึ้น ก่อนที่จะถามรีน เกี่ยวกับหน้าไม้ที่อยู่ภายในคลังสมบัติของถ้ำก็อบลิน และดีที่รีนเอามาด้วยพอดี
"ใช้พิษทำให้พวกมันเป็นอัมพาตน่าจะจัดการได้ดีสุดน่ะ.... พอดีก่อนหน้านี้ได้ขวดเก็บยาที่ทำให้เป็นอัมพาตมาด้วยอยากลองใช้ดูหน่อยน่ะ"
"แผนการดีใช้ได้เลยนี้เอล.... แบบนี้สิถึงจะเป็นหัวหน้าของพวกเราน่ะ"
"แหะๆ... นายก็พูดไป ตอนนี้การต่อสู้ทางกายภาพฉันอ่อนแอกว่านายอีกนะเบล"
พอได้รับคำตอบ ผมก็เอาลูกดอกธนูหน้าไม้ที่รีนพกมาด้วย ก่อนที่จะใช้ขวดบางอย่างที่พกมาด้วยค่อยๆจุ่มหัวลูกดอกหน้าไม้ลงไปในขวดนั่นอย่างช้าๆและเคลือบมันด้วยน้ำหนืดในขวดนั่น และสิ่งที่อยู่ในขวดนั่นคือ ยาพิษจำพวกอัมพาต
ในตอนที่กำลังอธิบายว่าควรจะจัดการกับพวกมันยังไง เบลก็เอ่ยชมผม ที่สมกับเป็นหัวหน้าของพวกตน แต่ผมก็ไม่ได้คิดเช่นนั่นเลยตอนนี้ เพราะการวิวัฒตนาการทำให้ความแข็งแกร่งของผมกับเบลแตกต่างกันอย่างมาก
หลังจากที่เอาลูกดอกมาอาบยาพิษอัมพาตเรียบร้อย ผมก็ให้รีนทำการขึ้นลำกล้องในทันที และเตรียมยิงลูกดอกใส่เจ้าพวกหมี 4 แขนนั่นทันที โดยผมเลือกเป้าหมายเป็นพวกหมีที่กำลังตื่นตัวอยู่
"เอาหล่ะตอนนี้ยิงได้เลยรีน"
"อืม... เข้าใจแล้ว"
ฟิ้ว!! ฉึก!!!
ลูกดอกหน้าไม้ที่ถูกขึ้นลำกล้องถูกยิงออกจากหน้าไม้ในมือของรีนทันที ก่อนที่ลูกดอกนั่นจะพุ่งไปปักที่ลำตัวของเจ้าหมี 4 แขนที่กำลังกินออร์คอย่างเอร็ดอร่อยอยู่
แต่ด้วยความหนาของหนังของมันทำให้มันไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงบอกว่าไม่สะทกสะท้าน แต่ด้วยดวงตาอันแหลมคมของผม ก็เห็นได้เลยว่า หัวลูกดอกปักเข้าเนื้อของมันเรียบร้อย และพิษน่ะ... แค่มีรอยแผลถากๆก็สามารถซึบซับเข้าไปในร่างได้แล้ว
"เอาหล่ะต่อไปได้เลยรีน"
"ได้เลย... ไว้ใจชั้นได้เลยเอล"
กึก... ฟิ้ว!!! กึก... ฟิ้ว!!!!
ฉึก..!!! ฉึก...!!!!
หลังจากยิงดอกแรกไปแล้ว ผมก็เร่งให้รีนทำการยิงดอกต่อไปในทันที และด้วยความเชี่ยวชาญที่พอฝึกมาบ้าง รีนก็ทำการขึ้นลำกล้องใหม่อย่างรวดเร็วและทำการเล็งยิงลูกดอกใส่หมีอีก 2 ตัว เหลือไว้เพียงหมีที่หลับอยู่ตัวเดียวก่อนที่ลูกดอกทั้ง 2 ดอกจะปักเข้าเนื้อของพวกมัน เข้าเป้า
พอลูกดอกทั้ง 3 ดอกยิงใส่ตัวของหมี 4 แขนเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปไม่นานนักพวกหมีเหล่านั่นก็เริ่มล้มลงและขยับไม่ได้ พวกมันกำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คงไม่ต้อง งุนงงนานเท่าไหร่หรอก เพราะหลังจากที่พวกมันล้มลงไปแล้ว
พวกผมทั้ง 5 ตนก็ออกมาจากที่ซ่อนและเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างสบายใจ และรีนที่ยังคงกังวลกับหมีตัวที่หลับอยู่ก็ได้ตั้งท่าเตรียมยิงไว้ตลอดเวลา
"แผนของนายเนี่ยดีจริงๆนะเอล..."
"ก็นะ... ถ้าเราอ่อนแอกว่า ก็ต้องใช้วิธีทุ่นแรงกันหน่อยแหละ"
"ห๊ะๆ.... เอาหล่ะจัดการพวกมันกันเลยพวกเรา!!"
หลังจากออกมาดูผลงานที่ผมให้รีนทำเรียบร้อย ซิลก็เอ่ยชมผมในทันทีด้วยความประทับใจในแผนการ ผมเองก็ไม่ได้ดีใจเท่าไหร่ ได้แต่ยิ้มเจี๋ยนๆและบอกให้ซิลเข้าใจบ้างว่า ถ้าอ่อนแอก็ต้องใช้วิธีทุ่นแรงกันหน่อย
แต่ในขณะที่กำลังคุยกับซิลนั่นเอง เบลที่กำลังคึกคะนองก็ง้างขวานในมือของตนสับหัวของหมีตัวหนึ่งในทันที จนหัวบันแบะออกมาและตายในทันที โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า เสียงที่ตนเองเป่งออกมามันจะไปรบกวนการนอนหลับของหมี 4 แขนอีกตัวที่นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้
กรร!!!!!!!!!! โฮ๊ก!!!!!!!!!!
"รีน!!!"
"เข้าใจแล้ว!!"
ฟิ้ว!!! ฉึก!!!
เจ้าหมี 4 แขนตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันตื่นขึ้นมาเห็นพวกเรา 5 คนจัดการกับหมีตัวอื่น มันก็เป่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนที่จะวิ่งเข้ามาอย่างว่องไว
ผมที่ตกใจกับการกระทำของเบลและการที่หมีมันตื่นขึ้นมา ทำให้รีนทำการยิงธนูใส่เจ้าหมีนั่นทันที ก่อนที่จะปีกเข้ากลางอกของมันด้วยความรวดเร็ว แต่เพราะการที่ฤทธิ์มันจะต้องใช้วเลา ทำให้ผมรีบคว้าตัวของซิลและรีนหลบการโจมตีของหมีตัวนั่นในทันที ก่อนที่เบลจะยกขวานของตนขึ้นมาและกระโจนเข้าไปฟาดฟันกับเจ้าหมีตัวนั่น
เบลคึกคะนองอย่างมาก ราวกับว่าพอได้รับความแข็งแกร่งจากการเป็นฮ็อบก็อบลินก็บ้าเลือดพอสมควร เจ้านั่นใช้ขวานและโล่กลมในมือทำการเข้าต่อสู้กับเจ้าหมียักษ์ตัวนั่นอย่างกล้าหาญและบ้าบิ่นเอามากๆ
ขวานในมือของเบล เหวี่ยงสับแขนของมันอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันก็ยกโล่ของตนขึ้นมาบังฝ่ามือของหมีที่ตบเข้ามาอย่างรวดเร็ว และต้านรับการโจมตีของมันเอาไว้ได้พอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ว่าหมอนั่นจะแข็งแกร่งเสียทีเดียว
"ให้ตายสิ หอกน้ำแข็ง!!"
ด้วยความงี่เง่าของเบลนี้เอง ที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะร่ายเวทย์สร้างหอกน้ำแข็งกลางอากาศและยิงเข้าใส่ฝ่ามือของหมี 4 แขนที่กำลังเหวี่ยงตบใส่เบลอย่างรุนแรง ก่อนที่หอกน้ำแข็งที่ผมยิงใส่มันจะตัดขาดแขนของเจ้าหมีตัวนั่นให้ขาดไปข้างหนึ่ง
ไหวพริบของเบลที่เห็นว่าเจ้าหมีนั่นโดนตัดแขนจนขาด หมอนั่นก็รีบขยับตัวทิ้งขวานที่ดึงออกมาไม่ได้เพราะหนังของมันเหนียวกว่าที่คิด ก่อนที่จะชักดาบของตนออกมาจากที่เหน็บไว้บริเวณเอวและตัดสบั้นนิ้วมือของมันออกมาได้เล็กน้อย
กรร!!! โฮก!! โฮก!!
เจ้าหมีนั่นร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยฤทธิ์ของยาพิษอัมพาตที่แล่นเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ทำให้เจ้าหมียักษ์นั่นล้มลงไปนอนกับพื้นและขยับตัวไม่ได้ในที่สุด
ผมรีบปรี่ตัวเข้าไปหาเบลในทันทีด้วยความโมโหก่อนที่จะชกใส่หน้าของหมอนั่นอย่างรุนแรงทันทีด้วยความโมโห ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโมโหได้ขนาดนี้กับความเลือดร้อนของเบล
"เบล!! นายทำเกินไปแล้วนะ! ถ้าไม่เป็นไปตามแผนขึ้นมา นายตายได้เลยนะ!!"
"ห๊ะ.... อะไรเล่า!! ฉันก็เข้าไปสู้กับมันแล้วนี้ เพื่อปกป้องพวกนาย! แต่ทำไมต้องมาต่อยกันด้วยเอล!!"
"ก็นายทำให้ทุกคนเกือบตายยังไงหล่ะ! ขอร้องหล่ะเบล! อย่าทำอะไรนี้อีกนะ"
"..... ขอโทษ... ฉันจะระวัง"
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนและความโมโหที่เบลวู่วามมากเกินไป ทำให้ผมต้องต่อยหมอนั่น จนเบลขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความโมโห ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด และเตรียมจะต่อยผมคืน แต่ด้วยเหตุผลที่บอกไป ทำให้เบลใจเย็นขึ้นมาบ้างก่อนจะกล่าวขอโทษที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดแบบนั่น
โชคยังดีที่เบลเข้าใจความรู้สึกของผมที่อยากจะต่อสู้และออกล่าอย่างปลอดภัย แต่ถึงจะบอกว่าปลอดภัย ก็แค่ในระดับที่ศัตรูมันแข็งแกร่งเกินไปเท่านั่นแหละ ถ้าระดับพอๆกันหรือต่ำกว่า ผมก็คงปล่อยให้เบลทำอะไรตามใจแล้วหล่ะ
หลังจากเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกตนก็เริ่มจัดการแร่เนื้อหนังของหมี 4 แขนออกมาและได้หนังหมีจำนวน 4 ชุดและเนื้อหมีจำนวนมากกว่า 2 ตัน ตีไปกลมๆก็ตัวละ 500 ก.ก ถือว่าหนักพอสมควรเลยหล่ะ
"จำนวนขนาดนี้น่าจะอยู่กันได้หลายเดือนเลยนะเอล"
"นั่นสิๆ! แบบนี้คงได้ล่าหมีบ่อยๆแล้วสิ"
"อย่าคิดแบบนั่นสิ ถ้าล่าแต่หมี เดี๋ยวระบบนิเวศในป่าก็เพี้ยนกันพอดี"
"ระบบนิเวศในป่า หมายความว่ายังไงหรอเอล?"
"ก็ถ้าขาดผู้ล่าที่แข็งแกร่งมากเกินไป ผู้ล่าตัวอื่นที่แข็งแกร่งกว่าก็จะเข้ามา ทำให้ระบบนิเวศแปลงเปลี่ยนไป แน่นอนการล่าของพวกเราก็จะยากขึ้นด้วยเข้าใจไหม?"
ด้วยปริมาณเนื้อขนาดนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ได้อีกยาวๆหลายเดือนเลย ทำให้ซิลเข้ามากอดไหล่ของผมและกล่าวด้วยรอยยิ้ม ตัวเธอกำลังคิดว่าอยากจะออกล่าพวกหมีพวกนี้เยอะๆ เพื่อที่จะหาปริมาณเสบียงให้อยู่ได้ยาวๆ
แต่สำหรับผมนั่นคิดต่างออกไป ถ้าหากล่าพวกมันเยอะเกินไป อาจจะทำให้เสียสมดุลระบบนิเวศได้ แต่เหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจ ผมเลยต้องอธิบายให้เธอเข้าใจ ถึงแม้จะเป็นฮ็อบก็อบลินแล้ว แต่ความฉลาดก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยสินะ....
"ออ... แบบนี้เอง แต่ก็ดีไม่ใช่หรอ? แบบนั่นพวกเราก็จะได้สู้กับมอนเตอร์เก่งๆใช่ไหม?"
"เห้อ.... ลองคิดงี้นะ ถ้าเจอมอนเตอร์ที่โคตรเก่ง แล้วมันฆ่าพวกเราหมดหล่ะจะทำยังไง?"
"เอ่อ... เรื่องนั่นมัน... เอ่อ... "
ก็ตามนั่นหลังจากผมอธิบายไปแล้ว เหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจอะไรเลย ผมเลยต้องยกตัวอย่างให้เธอเข้าใจจนกระทั่งซิลพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ก็นะ... ถ้าหากว่าเจอสิ่งที่แข็งแกร่งกว่า แต่พวกเราไม่แข็งแกร่งมันก็มีตายกับตายนั่นแหละ
หลังจากที่พูดกับซิลจนเธอเหมือนจะหง็อยไปเรียบร้อยแล้ว เบลก็จัดการเอาเนื้อขึ้นลากเลื่อนเรียบร้อยแล้ว
แต่ทว่า ก่อนที่พวกเราจะได้กลับรังกันนั่นเอง จู่ๆก็มีกลุ่มของหมูจำนวนมากกว่าพวกเราถึง 3 เท่าโผล่มาปิดทางกลับถ้ำก็อบลิน ก่อนที่จะมีหมูตัวหนึ่งที่มีร่างกายสีเทาเข้มและมีขนขึ้นฟูไปทั้งตัว สวมชุดเกราะและบริเวณใบหน้าซีกขวามีรอยบากจากการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
"พวกก็อบลินชั้นต่ำ อย่ามาแย่งอาหารของพวกข้า!"
"หืม? ใครมาแย่งของใครกันแน่เจ้าหมูสกปรก~"
"เห้ๆ รีนเบาๆหน่อย ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับพวกมันหรอก"
เจ้าหมูเทาตัวนั่นเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว พร้อมกับชี้ปังตอขนาดใหญ่มาทางพวกเรา ก่อนจะบอกว่าพวกเราแย่งอาหารไปจากพวกมัน และเมื่อรีนได้ยินคำพูดของมัน เธอก็หงุดหงิดทันที ก่อนจะเอ่ยถามสวนคืนเจ้าหมูอ้วนนั่นไปด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำแสนจะกวนโอ๊ยของเธอ
ผมที่ได้ยินก็เอามือซ้ายอุดปากของเธอทันที และเอ็ดเล็กน้อย เพราะตอนนี้ผมไม่อยากจะสร้างศัตรูเพิ่มเสียเท่าไหร่ แต่เบลกับซิลก็ตั้งท่าต่อสู้กันแล้วเรียบร้อย
ถึึงตอนนี้... ผมคงต้องพูดอะไรหน่อยแล้วสินะ...
"ต้องขอโทษในความปากไวของเพื่อนฉันด้วยนะ ว่าแต่ทำไมพวกออร์คถึงมาเครมของๆที่ไม่ได้ล่าด้วยตนเองหล่ะ?"
"หืม? เครมของทีี่ไม่ได้ล่าด้วยตัวเองอะไรของเจ้า!!! ไอ้เนื้อพวกนั่น พวกมันมีเนื้อของพวกพ้องข้าผสมอยู่ด้วยนะ! เพราะงั้นแหละมันจึงเป็นของพวกข้า!!"
"ออ จะบอกว่าเพราะพวกนายล่าแล้วแพ้ แต่เพื่ิอนโดนกิน ก็เลยถือว่าเป็นของๆตัวเองหรอ?"
"ก็เออดิวะ!!! พวกเอ็งนั่นแหละ เป็นแค่ฮ็อบก็อบลินชั้นต่ำ บังอาจมาแย่งของๆพวกข้า อย่างพวกเจ้าน่ะกินแค่หนอนแมลงไปก็พอแล้ว!!!!"
ผมเริ่มด้วยการกล่าวขอโทษในทันทีก่อนจะเอ่ยถามไปว่า ทำไมถึงมาเครมของที่พวกมันไม่ได้ออกล่าด้วยตนเองด้วย และคำตอบนั่นมันน่าหมั่นไส้เป็นอย่างมาก เพราะข้ออ้างง่ายๆอย่างการที่บอกว่าเนื้อที่พวกเราจะเอากลับไปมีเนื้อหมูออร์คๆของพวกมันอยู่ด้วย มันเป็นอะไรที่โคตรตลกเลยจริงๆ
เพราะเนื้อในถุงกระเพาะมันเอามากินได้ที่ไหนหล่ะ? เดี๋ยวก็โดนกรดในท้องย่อยกันพอดีจริงไหม? เพราะงั้นข้ออ้างของเจ้านี้มันก็เหมือน แพ้แล้วมาพาลใส่คนอื่นนั่นแหละ
แต่สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิม คือการที่บอกว่า ฮ็อบก็อบลินอย่างพวกผมควรกินแค่หนอนแมลงก็พอแล้ว
คำพูดนั้นมันทำให้ผมโกรธขึ้นมาในทันที มือที่จับไม้เท้าเอาไว้ จับไม้เท้าแน่นกว่าเดิมก่อนที่รีนจะเข้ามาจับมือซ้ายของผมเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
ดวงตาสีแดงหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มของรีนเล็กน้อย ผมสีดำเข้มและดวงตาสีแดงจ้องมองผมด้วยท่าทางเป็นห่วง ก่อนที่ผมจะยิ้มให้กับเธอ
"เห้อ.... ให้ตายสิ... พวกหมูมันร้องอวดครวญอะไรก็ไม่รู้แหะ... ไปกันดีกว่าเนอะทุกตน~"
"ห๊ะๆ!! นั่นสินะเอล หมูมันก็ร้องอวดครวญน่ารำคาญจริงๆแหละเนอะ"
เมื่อหมดความอดทนกับพวกมันจนรีนต้องเจ้ามาจับมือของผมเอาไว้ ผมก็สงบขึ้นมาบ้าง แตก็ไม่ใช่ว่าจะยอมพวกมันหรอกนะ หลังจากที่สงบสติแล้ว ผมก็เอ่ยปากสบถด่าพวกออร์คตรงหน้าอ้อมๆด้วยรอยยิ้มก่อนที่เบลจะเข้ามาพูดหยอกล้อไปกับผมด้วยทันที ราวกับรู้ว่า คำพูดที่พูดขึ้นมาเป็นการปัั่นประสาทของพวกหมูอ้วนพวกนี้
"หน็อย!! ไอ้พวกชั้นต่ำบังอาจเมินคำสั่งของข้างั้นรึ!!! จัดกา---- เห๊ะ..."
"พวกแกต่างหากไอ้พวกชั้นต่ำ ไปหามูลมอนเตอร์กินไป!! ไฟบอล!!!"
เจ้าหมูอ้วนตัวใหญ่ที่มีขนขึ้นลุงลังไปทั่วตัว คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะออกคำสั่งให้ลูกน้องเข้ามาจัดการพวกผมทันที แต่ไม่ทันที่พวกมันจะได้พูดจบ
ขาของพวกหมูอ้วนทุกตัวยกเว้นมันก็ถูกเวทยมนต์น้ำแข็งแช่ขาของมันจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้แล้ว ก่อนที่ผมจะแสยะยิ้มออกมาและด่าเจ้าหมูอ้วนนั่นไปทีหนึ่ง
ลูกไฟขนาดเท่าหัวเจ้าหมูอ้วนนั่นถูกร่ายขึ้นมาก่อนที่จะยิงเข้าใส่เจ้าหมูอ้วนพวกนั้นจนระเบิดเผาล้างของพวกออร์คทั้ง 15 ตัวนั่นรวดเดียวให้ไหม้เป็นจุลในทันที
เสียงร้องอวดครวญด้วยความเจ็บปวดดังลั่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดของพวกมัน พร้อมกับฉากตรงหน้าที่ผมจ้องมองออร์คทั้งหมด 15 ตัวถูกย่างสดและพวกมันก็ค่อยๆตายลงอย่างช้าๆด้วยความทรมาณ
"ให้ตายสิ... ไอ้พวกนี้มันน่าหงุดหงิดจริงๆ...."
"เอล นายทำเกินไปหน่อยนะ"
"ทำไมหรอซิล?"
"ถ้านายเหลือไอ้หมูไว้ตัวนึง คงได้บังคับให้มันพาไปรังของพวกมันแล้วหล่ะ"
"ให้ตายสิ.... เธอนี้เข้าใจความคิดของฉันจริงๆนะซิล"
"เหอะ~ ก็นะ พวกมันหยามพวกเรา จะปล่อยทิ้งไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องใช่ไหมหล่ะ?"
"ถูกต้อง แต่ถ้าจะเอามันมาเป็นทาส อย่างน้อยๆตัวอื่นๆในรังต้องวิวัฒตนาการเป็นฮ็อบก็อบลินก่อนแหละนะ"
หลังจากการสังหารหมู่ด้วยมือตัวเองเรียบร้อย ผมก็บ่นอุบอิบออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ทว่าซิลก็ว่าผมทันทีที่ทำการสังหารหมู่พวกออร์คไปจนหมด โดยไม่เหลือไว้สักตัว
พอคิดว่าตัวเองทำเกินไปตามคำพูดของซิลแล้ว ผมก็พึ่งนึกได้ว่าตนเองทำเกินไปจริงๆ แต่ทว่าถ้าจะกดขี่พวกมันอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยๆพวกก็อบลินที่รังจำเป็นต้องวิวัฒตนาการเป็นฮ็อบก็อบลินก่อน เพราะผมคิดว่าพวกที่เหลือในรังนั้นอ่อนแอเกินไป ถ้าพวกออร์คมันกบฏขึ้นมา คงโดนล้างบางทั้งรังแน่นอน
แต่เรื่องนั่นก็เรื่องนั่น ผมโยนไปก่อน และให้ทุกคนกลับไปที่รังในทันที
ถึงแบบนั่น พอออกจากพื้นที่ๆล่าหมี 4 แขนได้มาประมาณหนึ่งก็มีกลุ่มของหมาป่าเดิน 2 เท้าเข้ามาขวางทางพวกผมเอาไว้อีกกลุ่มหนึ่ง ราวกับว่า พวกมันมาที่จะปล้นเนื้อหมีที่พวกผมพึ่งล่ามาได้อีกทีจากพวกออร์ค
เมื่อคิดว่าพวกมันคงจะมาแย่งของๆพวกผมไปต่อจากพวกออร์คอีกที ผมก็ยกไม้เท้าในมือและชี้ไปที่หมาป่าตัวหนึ่งที่มีขนสีดำแซมขาวที่ช่วงใต้คอไปจนถึงท้อง และสวมเกราะสีแดงที่เหมือนเกราะญี่ปุ่นและเหน็บอาวุธไว้ที่เอว
"เดี๋ยวๆก่อน พวกเราไม่ได้มาเพื่อแย่งอาหารของพวกเจ้าหรอกนะฮ็อบก็อบลิน"
"แล้วพวกแกจะมาขวางทางพวกเราทำไม?"
"ข้าเห็นพวกเจ้าจัดการพวกออร์คขี้โกงนั่นด้วยตัวคนเดียว ข้าเลยคิดว่าพวกเราควรจับมือกันเป็นพันธมิตรนะ"
"แล้วพวกเราจะได้อะไรจากการเป็นพันธมิตรกันหล่ะ?"
"เรื่องนั่นคือ การแบ่งพื้นที่ล่ายังไงหล่ะ ถ้าหากลุกล้ำโดยไม่เป็นพันธมิตรกัน อาจจะเกิดการต่อสู้กันได้ ถ้าหากแบ่งพื้นที่ล่าและการผ่านดินแดนกัน ก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมหล่ะ?"
เจ้าหมาตัวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า ยกมือทั้งสองขึ้นมาห้ามปรามผมทันที ด้วยความตกใจและแสดงท่าที ไม่อันตรายให้ผมเห็น จนผมใจเย็นลงขึ้นมาบ้าง เพราะเมื่อไม่นานนักก็พึ่งจะหัวร้อนมาเอง ก่อนที่จะได้ยินสิ่งที่พวกมันต้องการจากพวกผม
พวกมันเห็นว่าผมจัดการออร์คจำนวนมากโดนผมเผาหมู่จนตายและเกิดความคิดที่อยากจะเป็นมิตรด้วยกันทันที ก่อนจะเสนอข้อสัญญาในการเป็นพันธมิตรให้แก่พวกเราได้ฟัง ซึ่งมันก็น่าพึงพอใจไม่ใช่น้อย
"อืม.. ก็ฟังดูน่าสนใจดีนะ แล้วพื้นที่ล่าของพวกเราหล่ะ จะให้กำหนดเองใช่ไหม?"
"ใช่ๆ พิ้นที่ของพวกเจ้ากำหนดเอาเองเลย แล้วก็เอาพื้นที่ของพวกออร์คไปด้วยไหมหล่ะ?"
"ก็ดีเหมือนกัน แล้วพวกนายพอรู้รังของพวกมันไหมหล่ะ?"
"เรื่องนั่นรู้สิ!! พวกมันอยู่ไกลออกไปจากตรงจุดที่ล่าหมี 4 แขนได้ ไปทางขวาจะมีเสาหินอยู่ ตรงนั่นแล้วถ้าไปทางซ้ายจะเป็นพื้นที่หุบเขาที่พวกข้าเรียกว่า เขาฟัมที่นั่นคือรังของพวกมันแหละ"
พอฟังๆไปแล้วก็น่าสนใจที่เดียว แต่สำหรับผมแล้วในตอนนี้คือ อยากจะกวาดล้างพวกออร์ค หรือไอ้พวกหมูชั้นต่ำพวกนี้ให้มันหยุดผยองในตัวเองให้มากกว่าเดิมเสียอีก และพอผมถามข้อมูลจากเจ้าหมาตรงหน้าไป มันก็เอ่ยปากบอกข้อมูลที่ผมต้องการมาในทันที
"โอเคขอบใจนะที่บอก แล้วพวกนายมีแค่นี้งั้นหรอ?"
"อืม มีแค่นี้แหละ แล้วถามทำไมงั้นหรอ?"
"ขอปฏิเสธที่จะตอบ ไฟบลาส"
"อ... อ๊าก!!!!!!!!! ทำไม ทั้งๆที่ข้อเสนอดีแบบนี้ ทำไมถึงทำแบบนี้กัน?"
"ไม่รู้สินะ..."
หลังจากพูดคุยเรื่องข้อเสนอต่างๆเรียบร้อยและได้รับรู้ว่ารังของพวกออร์คอยู่ที่ไหนแล้ว ผมก็รู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลยที่ได้ข้อมูลดีๆแบบนี้มา แต่ในหัวก็คิดว่าการเป็นพันธมิตรกับหมาโคบอร์ลตรงหน้าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
หากมองในระยะยาว การโดนจำกัดแบ่งพื้นที่จะเป็นข้อเสียในการพัฒนาการของพวกก็อบลินตัวอื่นๆ และก็อบลินที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตก็เป็นได้ เพราะงั้นการจับมือเป็นพันธมิตรคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเสียเท่าไหร่
ผมเลยหลอกล้อให้เจ้าหมาตรงหน้ายอกว่ามีพวกมาด้วยกี่ตนและที่อยู่ตรงหน้าผมคือทั้งหมดแล้วใช่ไหม และเมื่อได้รับคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ผมก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะร่ายเวทย์พ่นไฟใส่เจ้าหมาทั้งหมดตรงหน้าของตนเอง
หมาโคบอร์ลทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าโดนเวทย์ไฟบลาสที่ผมพ่นใส่ ทำให้พวกมันโดนเผาทั้งเป็นในทันทีก่อนที่จะเจ้าหมาโคบอร์ลตรงหน้าจะเอ่ยถามว่าผมทำแบบนี้ไปทำไม ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่พวกมันจะโดนเผาไหม้จนกลายเป็นเนื้อหมาโคบอร์ลย่างไปในที่สุด
"ทำเกินไปอีกแล้วนะ ข้อเสนอก็น่าจะดีเลยไม่ใช่หรือไงเอล?"
"ก็ดีแหละแต่นั่นมันไม่ได้ดีเลยในระยะยาว ถ้าหากการเป็นพันธมิตรแค่ผ่านดินแดนกับแบ่งเขตล่ากันแค่นั่น สำหรับฉันไม่มีความหมายหรอก"
"แล้วนายคิดว่าแบบไหนดีสุดหล่ะเอล?"
"สำหรับฉันเลยนะ เบล ซิล คือการที่เผ่าพันธ์ของพวกเราปกครองทั้งป่านี้ต่างหาก อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะงั้นก่อนจะถึงจุดนั่นพวกเราต้องแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน ก็อบลินทุกตัวต้องวิวัฒตนาการเป็นฮ็อบก็อบลินให้ได้ก่อน"
"แผนการมันดูยิ่งใหญ่มากเลยนะ พวกเราจะ.... ทำได้จริงๆงั้นหรอ?"
"ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่สามารถเป็นไปได้ต่างหาก"
ซิลที่เห็นผมฆ่าพวกโคบอร์ลทิ้งไปอีกแล้ว เธอก็บ่นอุบอิบออกมาด้วยความเสียดาย เพราะข้อเสนอมันดีเอามากๆ จนน่าจะรับไว้ แต่ผมก็ต้องยกเหตุผลของตนขึ้นมาด้วยเช่นกัน เพราะในระยะยาว หรือในช่วงเวลาที่ต้องการกำลังเสริมและถ้าพวกมันไม่มาช่วย ก็ไร้ความหมายเช่นเดียวกันนั่นแหละ
เบลเองที่ได้ยินคำตอบของผม ก็เลยถามว่าแบบไหนคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมคิด แน่นอนว่าคือการที่เผ่าพันธ์ก็อบลินได้ปกครองผืนป่าแห่งนี้อย่างเบ็ดเสร็จและแตะส่ง พวกเผ่าพันธ์ุที่อ่อนแอกว่าในความคิดของผม ลงไปเป็นทาสแรงงานยังไงหล่ะ
ทั้งสองที่ได้ฟังแผนของผมก็บอกว่า มันใหญ่เกินไปที่จะสามารถทำให้เป็นจริงได้ แต่สำหรับผมนั่นไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรกอนะ
"ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก เอาหล่ะไปกันเถอะ"
ว่าแล้วผมก็บอกให้ทั้ง 4 ตนกลับไปที่รังทันที ก่อนที่ผมจะได้พบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง