เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
หลังจากพวกผมกลับมาถึงยังรังก็อบลินของตนเอง พร้อมกับเนื้อหมีถึง 2 ตัน พวกก็อบลินตัวอื่นๆที่อยู่ในถ้ำก็ออกมาแสดงความดีใจกันอย่างล้นหลาม แต่ทว่าในตอนที่กำลังเอาเนื้อทั้งหมดเข้าไปภายในคลังอาหารของรังนั่นเอง ผมก็สังเกตุถึงก็อบลินจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยมันก่อตัวขึ้นภายในอกแปลกๆ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหาปู่ก็อบลินในทันที
"นี้ปู่ มีก็อบลินหน้าตาไม่คุ้นอยู่ในรังของพวกเรา พวกนั้นเป็นก็อบลินที่ไหนหรอครับ?"
"ออ พวกนั่นน่ะหรอ เป็นกลุ่มของฮ็อบซอรัสทีี่กลับมาก่อนน่ะ"
"หืม...? ฮ็อบซอรัส เจ้านั่นมันใครกันครับ?"
"ฮ็อบซอรัส เป็นพวกที่เกิดมาก่อนพวกเจ้าไงฮ็อบเอล"
"อ้อ... แบบนี้เองสินะ"
พอเดินเข้าไปถามปู่ก็อบลินว่า ก็อบลินหน้าต่างแปลกๆที่ผมไม่คุ้นหน้านั้นเป็นใครมาจากไหน ก็ได้รับคำตอบจากปู่ว่าเป็นก็อบลินรุ่นก่อนหน้า รุ่นของผม ที่ออกจากรังไปเพื่อเป็นทหารรับจ้าง และมีหัวหน้ากลุ่มคือฮ็อบซอรัส
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นราวๆ 3 เดือนก่อนหรือราวๆ 75 วันก่อนที่ผมจะเกิดนั่นเอง
ความตกใจที่ได้รับรู้ว่ายังมีก็อบลินฝูงอื่นในรังนี้กำลังจะกลับมา ทำให้ผมรู้สึกเจ็บที่อกเล็กน้อย และคิดว่าถ้าหากเจ้าฮ็อบก็อบลินที่ชื่อซอรัสกลับมาหล่ะก็ แผนการของผมคงจะผิดแผนไปหมดแน่ๆ
ในหัวตอนนี้มีความคิดที่ว่า อยากจะฆ่าเจ้านั่นทิ้งทันที ก่อนที่จะกำไม้เท้าในมือไว้ให้มั่น แต่ทว่าผมก็ค่อยๆผ่อนแรงลงเล็กน้อยและออกไปนั่งอยู่ริมแม่น้ำใกล้ๆกับถ้ำก็อบลินที่ตั้งอยู่เพื่ออ่านหนังสือเวทยมนต์อีกสักหน่อย
"ข้ากลับมาแล้วปู่!!"
เสียงของชายร่างกำยำคนหนึ่งดังขึ้นมาในทันทีหลังจากที่ผมอ่านหนังสือมาได้สักพัก
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา ผมก็ได้ลุกขึ้นจากโขดหินที่นั่งพิงอยู่และเดินกลับไปที่รังของตนเอง และได้พบกับก็อบลินกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเดินทางกลับมายังรังก็อบลินแห่งนี้
ฮ็อบก็อบลินผิวสีเขียวอ่อน หัวโล่งและสะพายดาบใหญ่ไว้ที่หลังของตน เจ้านั่นมีร่างกายที่กำยำและสูงใหญ่กว่า ฮ็อบก็อบลินอีก 3 ตนที่อยู่ด้านหลังของตนอย่างมาก ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้านั่นคงจะเป็น ฮ็อบซอรัสอย่างแน่นอน
ส่วนฮ็อบก็อบลินอีก 3 คนที่เหลือนั่นมี 1 ตนถือไม้เท้า อีก 1 ตนมีหมาป่าคอยอยู่เคียงข้าง น่าจะเป็นฮ็อบก็อบลินไรเดอร์แน่นอน ส่วนอีกตนหนึ่งนั้นสวมผ้าโพกหัวเอาไว้ ผมคิดว่าเจ้านั้นน่าจะมีความสามารถทางด้านมนต์ดำหรืออะไรทำนองนั่นแน่ๆ
เมื่อได้เห็นก็อบลินฝูงใหม่ที่กลับมายังรังก็อบลินแห่งนี้แล้ว ผมก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาพวก เบล ซิล รีน เรนเพื่อพูดคุยกับทั้ง 4 ตน
"กลับมาแล้วหรอพี่เอล"
"อ่า... พอดีหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ เจ้้าพวกนั่น... น่าจะทำให้แผนการของฉันล่าช้าแน่นอน"
"แล้วนายจะทำยังไงหล่ะ?"
"เดี๋ยวหารือกับปู่ก็อบลินก่อนแล้วกัน"
เมื่อเรนเห็นว่าผมกลับเข้ามาแล้ว ก็กล่าวพูดด้วยรอยยิ้มทันที แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากและเลือกแสดงความเกลียดชังในฮ็อบซอรัสและกลุ่มก็อบลินที่พึ่งกลับมา จนซิลต้องถามว่าผมจะทำยังไงกันแน่ แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก ต้องปรึกษากับปู่ก่อน เพราะนี้น่าจะเป็นการกระทบกระทั่งครั้งใหญ่แน่นอน
ในขณะที่เห็นเจ้าตัวใหญ่นั่นคุยโม้โอ้อวดอย่างสะใจ ผมก็เดินเข้าไปหาปู่ก็อบลินในทันที ก่อนที่เจ้านั่นมันจะจ้องมองมาที่ผมแบบ ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เหมือนกำลังเขม่นใส่ผมว่า ไอ้กระจอกแบบผมสะเอาะหน้าออกมาทำไม
"ข้าแนะนำให้รู้จักนะ นี้ฮ็อบเอล เป็นตัวที่เก่งที่สุดในรุ่นเลยหล่ะ"
"เหอะ... ไอ้นี้นะเก่งสุดในรุ่น? เป็นแค่เมจมันจะไปเก่งสักแค่ไหนกันเชียววะปู่!!"
"หืม...? ก็ยังเก่งกว่ามึงที่มีดีแต่อวดเก่งหล่ะวะ"
ด้วยความไม่สบอารมณ์หลังจากโดนเจ้าซอรัสมันเขม่นและด่าทอใส่ผม ผมก็เงยหน้ามองมันทันทีด้วยความไม่สบอารมณ์เช่นกัน ก่อนจะจ่อมีดเล่มหนึ่งไปที่อกและเตรียมร่ายเวทย์ทันที
แต่แทนที่จะได้ทำแบบนั่น ผมก็ถูกเมจของเจ้านั่นชี้ไม้เท้ามาที่ผมและมีธนูจากไรเดอร์พุ่งเป้ามาด้วย
"น่าๆ พวกเจ้า 2 ตัวน่ะใจเย็นๆกันก่อน เข้าไปพักข้างในกันเถอะเนอะ"
"ชิ! เห็นแก่ปู่หรอกนะ ส่วนแกน่ะ อย่ามาอวดเก่งให้มากนะไอ้กระจอก!"
"อือ... แล้วเอ็งจับมาได้กี่คนๆหล่ะ"
"เห้ยปู่! รอบนี้จับมาได้ 10 คนเลยว่ะ มีแต่ตัวเด็ดๆทั้งนั้น"
ปู่ก็อบลินที่เห็นท่าไม่ดี ก็รีบเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเจ้าซอรัสนั่นทันที ก่อนจะบอกให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นและให้ซอรัสเข้าไปพักผ่อนภายในรังได้เลย
เมื่อได้ยินคำพูดของปู่ ผมก็เก็บมีดทันที ส่วนเจ้าซอรัส เหมือนจะยังปากเก่งปากหมาไม่เลิกก่อนจะด่าใส่ผมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผมเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วด้วย
ในตอนที่ถอนหายใจ และมองเจ้าซอรัสและปู่เดินกลับเข้าถ้ำไป ผมก็ได้ยินว่าพวกมันจับมนุษย์มาได้ราวๆ 10 คน เป็นที่น่าสนใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดใหม่มา ผมก็ยังไม่เคยได้ใช้ลำดุ้นของผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"ขอโทษด้วยนะ นายเอลใช่ไหม... มันเป็นหน้าที่ต้องปกป้องหัวหน้ากองน่ะโทษทีนะ"
"ใช่ อย่างน้อยๆก็ดีกันไว้เถอะเนอะ ไม่ใช่เวลามาตีกันเองสักหน่อยนิเนอะ"
"เห้อ... พวกแกนี้มันอ่อนแอจริงๆ.... แต่ก็เอาเถอะ ถ้าไม่มาขวางแผนการของฉันก็พอคุยกันได้อยู่
ฮ็อบก็อบลินเมจสาว ที่เป็นคนในกลุ่มของฮ็อบซอรัส กล่าวขอโทษขึ้นมาด้วยใบหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย และบอกว่ามันเป็นหน้าที่และกล่าวขอโทษผมจากใจจริง เช่นกันกับฮ็อบไรเดอร์ก็ด้วย ทั้ง 2 ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าผมแต่แรกแล้ว แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ ที่ต้องปกป้องหัวหน้ากลุ่มของตนเองเอาไว้
ผมไม่ได้มีความผูกใจเจ็บอะไรกับทั้งสองคนเลยสักนิด แต่ก็กล่าวเตือนขึ้นมา ถึงตัวของเจ้าฮ็อบซอรัสด้วยเล็กน้อยว่าถ้ามายุ่งกับแผนของผม คงคุยด้วยกันไม่ได้อย่างแน่นอน
"ชั้นชื่อ เดีย ฮ็อบเดียเป็นเมจยินดีที่ได้รู้จักนะเอล"
"ส่วนฉันชื่อ ตัส ฮ็อบตัส เป็นไรเดอร์น่ะ"
"เอล ฮ็อบเอล เป็นเมจยินดีที่ได้รู้จัก แค่นี้คงพอ ว่าแต่เมื่อกี้ฉันหูแว่วนิดหน่อย ได้ยินว่าจับทาสมาได้สินะ ขอชมหน่อยได้ไหม?"
"ได้สิ นายคงยังไม่เคยใช้ดุ้นเลยใช่ไหมหล่ะ? งั้นจะพาไปดูก็็แล้วกันนะ~"
หลังจากที่จบปัญหากันไปแล้ว สองฮ็อบก็อบลินที่เล็งโจมตีใส่ผมที่แรกก็กล่าวแนะนำตนเองให้ได้รู้จัก ผมเองก็เช่นกัน ด้วยความที่มีความติดมารยาทมาจากชาติก่อน ผมก็เอามือทาบอกซ้ายของตนและโค้งลงไปเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพแบบมีมารยาทที่สุด
ก่อนที่จะเข้าประเด็นหลักนั่นคือเรื่องของทาสที่พวกซอรัสล่าจับมาได้ ในระหว่างช่วงเดินทางกลับมายังรังก็อบลิน และพอถามแบบนั่น เดียก็เอามือลูบเป้ากางเกงของผมทันที จนร่างกายสะดุ้งเฮือกอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ถึงแบบนั่นก็เถอะ เดียก็ยังยิ้มให้ผมก่อนจะเดินนำทางไปยังรถเกวียนคันหนึ่งที่พวกซอรัสนำมาด้วย และภายในนั่นเองก็มี.... หญิงสาวจำนวน 10 คนโดนจับมัดแขนมัดขาเอาไว้ไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวทั้ง 10 คนที่ผมได้พบนั่น พวกเธอมีเอกลักษณ์จากเครื่องแต่งกายที่สวมอยู่นั่นคือ ช่างตีเหล็ก 2 คน นักเวทย์ 1 คน ทหาร 3 คน สาวชาวบ้านอีก 2 คน อัศวิน 1 คนและแม่ชีอีก 1 คน รวมทั้งหมด 10 คนพอดี
เมื่อได้เห็นหญิงสาวทั้ง 10 คนแล้ว ผมก็คิดว่าการที่จะเอาพวกเธอมาเป็นแม่พันธุ์นั่นมันน่าจะเสียดายเอามากๆ เพราะสาวช่างตีเหล็กมีถึง 2 คนถ้าหากเรียนรู้ทักษะตีเหล็กทำอาวุธจากพวกเธอ พวกก็อบลินจะแข็งแกร่งมากขึ้นและไม่ต้องไปหาใช้อาวุธเก่าๆพังๆมาใช้อีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมีสาวจอมเวทย์และแม่ชีอีกอย่างละคนที่สามารถสอนเวทยมนต์และมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พวกเราได้ เรื่องนี้จะทำให้พวกเราสามารถก้าวกระโดดจากเผ่าพันธ์ชั้นต่ำไปให้สูงกว่าเดิมได้ และในอนาคต บางทีตอนที่ผมทำทุกอย่างสำเร็จ ก็อบลินอาจจะไม่มีอยู่อีกเลยก็ได้ แต่มาตราฐานของเผ่าพันธ์ที่จะเกิดมาจะเป็นฮ็อบก็อบลินทั้งหมด....
ส่วนทหาร ชาวบ้าน กับอัศวิน ทั้ง 6 คนนั้นน่าจะมีทางใช้งานได้อีกหลายๆทาง ผมจะลองหาประโยชน์จากพวกเธอดูก็แล้วกัน....
"พวกเธอทั้งหมดจะเอาไปทำพันธ์ุงั้นหรอ?"
"อืม... แน่นอนสิ พวกเธอไม่มีประโยชน์กับพวกเราที่โดนมองเหยียดอยู่แล้ว"
"หรอ... ที่โดนมองเหยียดเพราะว่าสิ่งที่พวกเราทำไม่ใช่หรือไง?"
"หมายความว่ายังไง?"
พอคิดว่าพวกเธอจะถูกนำไปใช้ในการทำพันธุ์เพื่อขยายจำนวนของก็อบลินให้มีมากขึ้น ผมก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะพวกเธอมีประโยชน์เอามากๆ ก่อนจะถามเดียว่า ทั้ง 10 คนนั้นจะโดนอะไรบ้าง แต่คีเวิร์ดที่ทำให้ผมเริ่มโต้แย้งเธอนั่นคือ การโดนเผ่าพันธ์อื่นมองเหยียดนั่นเอง....
เหตุใดพวกเราก็อบลินถึงโดนมองเหยียดงั้นหรอ? นั่นก็เพราะสิ่งที่พวกเราทำไม่ใช่หรือไง การปล้นฆ่า ลักพาตัวและข่มขืนเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อที่จะขยายพันธ์ุ ทั้งๆที่เพศเมียของพวกเราก็สามารถผสมพันธุ์กันได้แท้ๆ.....
ในตอนที่ผมเอ่ยพูดแบบนั่นเดียก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที
แต่แทนที่ผมจะพูดอะไรต่อไปนั่น ผมก็ขยับตัวเข้าไปหาเดียและยกมือขวาของตนเข้าไปลูบไล้หน้าอกอวบอิ่มของฮ็อบเดียเบาๆ และค่อยๆขย้ำมันเบาๆ
ผิวสัมผัสหน้าอกใต้เสื้อคลุมสีน้ำเงินที่เธอใส่ปกปิดร่างกายนั่น ยังคงสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของเนื้อกายได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงไปและพ่นลมหายใจร้อนใส่ต้นคอของเธอเบาๆ
"หี๊!!! อะไรของนายกันเนี่ย!"
"เห็นไหม แค่ผมจับหน้าอกกับพ่นลมหายใจใส่ต้นคอ เธอก็มีอารมณ์แล้วนะเดีย"
"อะไรกัน... อึก... ทำไมมันแฉะขึ้นมาแปลกๆเนี่ย.... ชิ... จะทำอะไรต่อจากนี้ก็เชิญ จะเอาพวกมนุษย์เพศหญิงพวกนั่นไปใช้งานยังไงก็ตามใจนายเลย"
"ขอบคุณครับพี่สาว~"
เดียร้องเสียงหลงออกมาในทันที ก่อนจะผลักผมออกไป ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปจนหมด พร้อมกับหายใจหอบเหนื่อยออกมาด้วยท่าทีระรุ่งระริ่งเล็กน้อย
แต่พอโดนถามว่าผมทำอะไรลงไป ผมก็แค่บอกว่า กำลังเร้าอารมณ์ให้ตัวของเดียเฉยๆ จนเธอรู้สึกแปลกๆตรงหว่างขาว่า ทำไมมันเริ่มเปียกแฉะแปลกๆ ก่อนจะปล่อยให้ผมทำอะไรตามใจได้เลยต่อจากนี้และออกจากรถเกวียนคันนี้ทันทีด้วยความเขินอาย
เมื่อได้รับตั๋วในการทำในสิ่งที่กำลังคิดอยู่นั่นเอง ผมก็ยิ้มออกมาและกล่าวขอบคุณฮ็อบเดียทันทีด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเหล่าสาวๆทั้ง 10 คนที่โดนพันธนาการไว้จนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
"นี้แก... ผิวสีน้ำเงินและผมสีขาว ดวงตาสีแดง บนหน้าผากมีผลึกมนตราอยู่ เจ้าเป็นผู้ได้รับพรจากเทพีมานัสงั้นหรอ?"
"หืม..? โอ้ๆ~ พี่สาวรู้ลักษณะพิเศษของฮ็อบก็อบลินที่ได้รับพรด้วยหรอครับเนี่ย~ แหม่ชักน่าสนใจแล้วสิ"
"นี้เธอ คิดว่าคุยกับหมอนั้นไปจะไปรอดหรือไง พวกเราคงจะ...."
"นี้พี่สาวอัศวินช่วยเงียบๆหน่อยสิ ผมมีข้อเสนอมาให้ สนใจไหมหล่ะ?"
หลังจากพี่เดียออกจากเกวียนแล้ว จอมเวทย์สาวก็เอ่ยถามผมด้วยความสงสัย เมื่อได้เห็นสีผิว สีผมดวงตาและผลึกกลางหน้าผากของผม เมื่อโดนถาม ผมก็แสดงความสนใจในตัวเธอไม่ใช่น้อย
แต่เหมือนว่า อัศวินสาวที่น่าจะสิ้นหวังในการมีชีวิตรอดกลับไป ก็ได้กล่าวพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว และมองมาที่ผมราวกับว่า ผมเป็นปีศาจร้าย และก็นะ... รู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังฉี่ราดออกมาอยู่ด้วยหล่ะ....
ชักจะสนใจยัยอัศวินสาวนี้แล้วสิ.... แต่แทนที่จะข่มขู่ให้เธอหวาดกลัวมากกว่าเดิม ผมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยและยื่นข้อเสนอสุดแสนจะมีค่าให้กับเธอ โดยที่ผมจะให้พวกเธอช่วยเหลือก็อบลินอย่างพวกผม แลกกับการคุ้มครอง หรือก็คือการดูแลอันดี
"ถ้าพวกเธอยอมช่วยเหลือกลุ่มก็อบลินของผม ผมสัญญาว่าจะปกป้องและคุ้มครองพวกเธออย่างแน่นอน"
"หมายความว่า พวกเราจะไม่โดนจับทำพันธุ์งั้นหรอ?"
"แน่นอนสิ เพราะผมไม่อยากให้เผ่าพันธ์ของตัวเองโดนกวาดล้างหรอกนะ เพราะงั้นจำเป็นต้องยกระดับเผ่าพันธุ์ของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไงหล่ะ"
"ยกระดับเผ่าพันธ์งั้นหรอ? แต่ก็คงจับเผ่าพันธ์อื่นทำพันธุ์อยู่ดีสินะ..."
"นั่นมันก็อีกเรื่องนึง แต่แน่นอนว่า พวกเธอจะไม่โดนแบบนั่นแน่นอน และจะให้การปกป้องคุ้มครองอย่างดีด้วยครับ"
"เอ่อ... ถ้าทำตามที่ว่าได้ จะลองคิดดูก็แล้วกันนะ..."
"คนละครึ่งก้าวสินะ เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นจะดำเนินการให้ก่อนก็แล้วกัน"
เอาหล่ะ หลังจากที่พวกเธอหันมามองผม เมื่อได้ยินว่าผมจะเสนออะไรบางอย่างให้พวกเธอ ผมก็ยิ้มออกมาและอธิบายว่าจะให้การคุ้มครองพวกเธอแลกกับการที่พวกเธอต้องช่วยเหลือกลุ่มก็อบลินของผม
สาวๆทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจในความหมายว่า ช่วยเหลือกลุ่มก็อบลิน และยังเจาะจงว่าการทำพันธุ์อีก และแน่นอนว่าถึงพวกเธอจะไม่โดนแต่เผ่าพันธ์ุอื่นก็อาจจะโดนอีก พอเข้าประเด็นนี้ผมก็รีบพูดตัดบททันที เพราะไม่อยากให้พวกเธอโฟกัสเรื่องของการโดนทำพันธ์ุเพราะยังไงพวกเธอก็ต้องโดนอยู่ดี
แค่มีแต่ผมเท่านั้นที่จะผสมพันธ์ุกับพวกเธอได้หล่ะนะ.... จะบอกว่าผมตั้งใจเครมเอาพวกเธอมาเป็นเมียก็ไม่แปลกหรอก เพราะเผ่าพันธ์มนุษย์อย่างพวกเธอทั้ง 10 คนต่างก็โคตรสวยเลย อายุยังไม่เกิน 30 ใช่ไหม?
แต่ถึงจะเสนอให้ขนาดนี้ แต่เหมือนว่าพี่สาวจอมเวทย์จะคล้อยตามผมมากที่สุด แต่ก็คิดว่าต้องทำเพื่อคนอื่นๆด้วย
เธอเลยบอกว่าจะลองคิดดูหากว่าผมทำตามที่พูดได้
พอโดนท้าทายแบบนี้ ผมก็เข้าใจในทันทีว่า พวกเธออยากได้รับการคุ้มครองก่อนเป็นอันดับแรก ผมจึงได้ออกจากรถเกวียนที่พวกเธอโดนจับอยู่ และเดินไปหาเพื่อนๆของผม
"เบล ซิล รีน เรน ทุกคนพาตัวของมนุษย์สาวทั้งหมด 10 คนออกมาจากในรถเกวียนหน่อยนะ"
"จะยึดมาเป็นแม่พันธ์ของตัวเองหรอ~"
"นั้นก็ส่วนนึง แต่พวกเธอมีประโยชน์กว่าที่พวกเธอคิดอีกนะซิล ไปได้แล้ว"
"จะขอฟังตอนที่ทุกอย่างจบแล้วกันนะ เจ้าบ้าเอล"
ผมออกคำสั่งให้ทั้ง 4 ตนไปพาตัวของมนุษย์สาวทั้ง 10 คนมารับการคุ้มครองโดยเพื่อนของผมก่อนทันที แต่เพราะคำสั่งนี้เองที่ทำให้ซิลแสยะยิ้มและเอ่ยถามผมด้วยความคิดอันแสนเจ้าเล่ห์ของผม
ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอก เพราะมันก็เป็นความจริงหล่ะนะ แต่เป้าหมายของผมมันไกลกว่านั้น และบอกว่าพวกเธอมีประโยชน์มากกว่าที่ซิลคิดเอาไว้ ตัวของซิลก็เงียบทันที ก่อนจะขอฟังแผนการของผมหลังจากเรื่องราวปัญหาทั้งหมดจบลงแล้ว
เอาหล่ะ... ที่นี้ก็เหลือแค่ไอ้ฮ็อบซอรัสสินะ....
หลังจากที่จัดการปัญหาคร่าวๆเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้าไปภายในถ้ำทันที เพื่อจะไปหาปู่ก็อบลินและฮ็อบซอรัสในทันที และเมื่อเดินเข้ามาภายในถ้ำ ผมก็เข้ามาภายในรังที่เก็บพวกแม่พันธ์ุเอาไว้และเห็นเจ้าฮ็อบซอรัสกำลังซอยลำดุ้นขนาด[เล็ก] ของมันซอยร่องสวาทที่โบ๋ของมนุษย์เพศหญิงที่หมดสภาพและไร้สติสตางค์ไปแล้ว
ก็เหมือนกับว่าเจ้านี้กำลังเอากับศพอยู่นั่นแหละ เพราะพวกเธอจิตใจแตกสลายและเป็นได้แค่รังไข่ขนาดใหญ่สำหรับทำพันธ์ุเท่านั่นแหละ
พอผมได้เห็นสิ่งที่มันทำ เพราะพวกแม่พันธ์ุไม่ได้ใช้งานมาสักระยะนึง หรือก็คือประมาณ 8-10 วันแล้ว และสภาพของพวกเธอดูท่าจะไม่ไหว และมีแม่พันธ์คนหนึ่งที่รังไข่ฟ่อไปแล้ว และไม่สามารถตั้งครรถ์ได้อีก
ผมมองพวกเธออย่างสลดใจก่อนจะคิดว่าควรจะฆ่าและเผาร่างของพวกเธอให้ไปสู่สุขคติสักที ผมก็เลยเดินเข้าไปหาปู่ก็อบลินทันที
"นี้ปู่! ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย"
"หืม!? ไอ้กระจอกแบบแกเข้ามาทำไมวะ ที่นี้ไม่ใช่ที่ไอ้กระจอกจะทำพันธ์ุเว้ย!! มีแค่กูกับปู่ที่สามารถทำพันธ์ุได้เว้ย!!"
"มึงน่ะหุบปากไปซะ!!!"
ด้วยความที่ไม่สบอารมณ์โคตรๆจากปากที่โคตรหมาของไอ้ฮ็อบซอรัส ผมก็กำหมัดและซัดหน้ามันเข้าไปอย่างรุนแรง และด้วยเวทยมนต์นั่นเองทำให้เจ้านั่นมันปลิวไปลอยติดกำแพงพร้อมกับลำดุ้น[หนอนน้อย]ของมันที่หลุดออกจากร่องสวาทของแม่พันธ์ุที่มันกำลังซอยอยู่
เมื่อเห็นว่าผมต่อยฮ็อบซอรัสไป ปู่ก็หันไปมองซอรัสและหันมามองผมอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามผม
"ทำแบบนี้ทำไม ฮ็อบเอล?"
"ขอโทษนะปู่... แต่ผมขอให้การุณฆาตพวกแม่พันธ์ุที่อยู่ในนี้และเผาร่างพวกเธอให้้ไปสู่สุขคติได้ไหมครับ?"
"อืม... ยัยพวกนี้ก็ใช้การไม่ค่อยได้แล้วด้วย... เอาสิตามใจแกก็แล้วกัน"
"อีกเรื่องคือ แม่พันธ์ใหม่ 10 คนนั้นเป็นของผม ในการคุ้มครองของผม ไม่ว่าก็อบลินตัวไหนก็ห้ามทำร้ายและข่มขืนพวกเธอเพื่อทำพันธ์ุเด็ดขาดครับ"
"นี้นายจะลดประชากรเผ่าพันธ์เดียวกันหรอเอล!?"
ปู่ก็อบลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ผมก็บอกเหตุผลที่ต้องการจะทำให้ปู่ก็อบลินเข้าใจ แต่คำพูดของเขามันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่ใช่น้อย แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ได้บอกอีกเรื่องหนึ่งให้กับปู่แกได้รับรู้
เมื่อปู่ก็อบลินได้ยินว่าผมจะเอาแม่พันธุ์สาวใหม่ทั้ง 10 คนเป็นของตนเอง ปู่ก็อุทานออกมาด้วยความตกใจทันที ว่าจะฆ่าพวกเดียวกันโดยไม่ให้ขยายจำนวนก็อบลินงั้นหรอ?
ผมได้แต่ยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อยที่ปู่คิดแบบนั้น แต่ก็บอกให้ปู่เข้าใจอีกหน่อยว่าสิ่งที่ผมต้องการนั้นคืออะไร
"พวกเธอ มีความสามารถรอบด้าน ต้องขอบใจเจ้าซอรัสนะ ที่ผมได้สาวๆดีๆมาตั้ง 10 คนแน่ะ~"
ผมยิ้มให้กับปู่ก็อบลินและบอกถึงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องใช้การพวกเธอและต้องขอบใจเจ้าซอรัสหน้าโง่ที่ทำให้เป้าหมายของผมไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมากๆเลยหล่ะ
แต่ทว่าเมื่อผมพูดจบเจ้าซอรัสก็ดันตัวเองออกมาจากกำแพงก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาเพื่อจะจัดการผมทันที เล่นเอาผมแทบจะหลบเบี่ยงตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว
"เห้ย!!! อย่ามาเล่นตุกติกน่ะเว้ย!! กูไม่มีวันให้มึงได้ของๆที่กูหามาอย่างยากลำบอกหรอกนะ!!!"
"หรอ... แต่ฉันจะเอาพวกเธอไปใช้งาน ในสิ่งที่พวกเธอถนัดแทนที่จะเป็นแค่แม่พันธ์ที่ต้องผสมพันธ์กับน้ำเชื้อเน่าๆของนายและคลอดก็อบลินอ่อนๆออกมาหรอกนะ"
"หน็อย!! ไอ้ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้!!!"
"หยุดเลย ซอรัส เอลด้วย!! ถ้าพวกแกมีข้อขัดแย้งกัน ถ้างั้นก็ประลองกันโดยมีสักขีพยานเป็นก็อบลินตัวอื่นๆในถ้ำนี้ด้วย!!"
"โอ้!! ดีเลยครับปู่ เอาหล่ะแกจะยอมรับข้อเสนอของปู่ไหมหล่ะ ซอรัส~"
"ชิ!! เอาก็ได้วะ!!!"
หลังจากที่ผมกับเจ้าโง่ซอรัสกำลังจะซัดกันนั่นเอง ปู่ก็อบลินก็รีบเข้ามาห้ามในทันที ทำให้ผมเซ็งเล็กน้อยที่ไม่สามารถฆ่ามันตรงนี้ได้เลย แต่ด้วยข้อเสนอของปู่ก็อบลินที่พูดขึ้นมา มันก็ทำให้ผมหูผึ่งทันที
เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ ผมก็แสยะยิ้มและเอ่ยถามไอ้ซอรัสว่ามันจะรับข้อเสนอไหม และมันก็ยอมรับข้อเสนอด้วยหล่ะนะ....
แต่ก็นะ... ความต่างชั้นน่ะ มันชี้ขาดตั้งแต่ที่ผมใช้เวทยมนต์ได้แล้วหล่ะ...