เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ - ตอนที่ 6 เป้าหมายที่แม้จะต้องฆ่าพวกเดียวกัน โดย Seria @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC

รายละเอียด

เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

ผู้แต่ง

Seria

เรื่องย่อ

เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม

 

หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!

เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ

หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา

 

อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ

สารบัญ

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 1 เกิดใหม่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุด,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 2 เวทยมนตร์ และการออกล่าครั้งแรก,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 3 เลเวล 100 และการวิวัฒตนาการ,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 4 ออร์คและโคบอร์ล,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 5 ฮ็อบก็อบลินรุ่นพี่,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 6 เป้าหมายที่แม้จะต้องฆ่าพวกเดียวกัน,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 7 กวาดล้างพวกออร์ค,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 8 ครั้งแรกกับพี่สาว [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 9 ตามสัญญา [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 10 ปัญหาเรื่องทาส,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 11 ออกเดินทางสู่โลกอันกว้างใหญ่,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 12 ชนบทในอาณาจักรอลันเทียร์,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 13 งานในฐานะทหารรับจ้าง,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 14 อัศวินเซนทอร์สาว และการต่อสู้กับ Half-Fire Lord,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 15 Half Lord ปะทะ Half Lord,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 16 ฉลองชัยชนะ และค่ำคืนสุดพิเศษ [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 17 ดัสเชสร่านสวาทกับคุณหนูขี้อาย [NC 25+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 18 ตลาดค้าทาส [NC18+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 19 ข้อเสนอทำซ่อง [NC18+]

เนื้อหา

ตอนที่ 6 เป้าหมายที่แม้จะต้องฆ่าพวกเดียวกัน

หลังจากที่โดนปู่ห้ามไม่ให้ฆ่ากันนั่นเอง ผมกับไอ้ฮ็อบซอรัสที่ตกลงว่าจะประลองกันเพื่อที่จะตัดสินว่าใครจะได้มีสิทธิ์ในตัวของสาวๆแม่พันธ์ุนั่นเอง

ณ เวลานี้ ผมและเจ้านั่นก็ได้มายืนประจันหน้ากันอยู่หน้าปากถ้ำกันเรียบร้อยแล้ว

พร้อมกันนั่นก็มีก็อบลินอีกจำนวนกว่า 80 ตนที่ล้อมวงและเชียร์คนที่ตนสนใจและอยากให้ชนะ

 

เสียงดังของสองชื่อหล่ะหว่าง เอล และ ซอรัส ดังขึึ้นมาแข่งกันว่าใครจะดังกว่า ดังไปทั่วบริเวณ พร้อมกับปู่ก็อบลินที่ยืนอยู่บนโขดหินและเริ่มกล่าวกฏในการประลองครั้งนี้ขึ้นมา

 

"1.เนื่องจากพวกเราสองคนใช้อาวุธแตกต่างกัน เพราะงั้นสามารถใช้อาวุธอะไรก็ได้ 2.จบต่อสู้จะจบเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้หรือตาย แค่นี้แหละ"

"เหอะ... ไอ้กระจอกอย่างแกแพ้แน่ ไม้เท้าแบบนั้นมันจะไปสู้ดาบใหญ่ของฉันได้ไงกัน"

"หรอ... แต่กฏก็ไม่ได้บอกไม่ให้ใช้นี้นะ...."

หลังจากที่ปู่ก็อบลินกล่าวกฏในการต่อสู้จบ ไอ้ฮ็อบซอรัส ก็แสยะยิ้มออกมาและพูดขึ้นมาด้วยความฮึกเฮิมและมั่นใจว่า ดาบใหญ่ของมันจะชนะไม้เท้าของผมได้อย่างแน่นอน

เจ้านั้นมันมั่นใจจนไม่ได้ฟังกฏเลยว่า เขาไม่ได้ห้ามให้ใช้เวทยมนต์หล่ะนะ

 

ในตอนที่กำลังจะต่อสู้กันนั่นเเอง เสียงนับถอยหลัง 3 ก็ดังขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆนับไปจนถึง 1 ในเวลาไม่นานนัก

 

"เริ่มได้!!"

 

"เอาหล่ะนะ ตายซะ!!!"

"เห้อ... ให้ตายสิ ไอ้สมองกล้ามพวกนี้มันโง่จริงๆ วอเทอร์เพาต์!"

"เหอะ!!! ก็แค่พ่นน้ำใส่ มันจะไปชนะข้าได้ไง ไอ้โง่เอ๊ย!!!! ย๊าก!!!!"

เมื่อเสียงของการเริ่มการต่อสู้ดังขึ้นมา เจ้าฮ็อบซอรัส ก็ก้าวเท้าวิ่งเข้ามาหาผมอย่างว่องไว และเหวี่ยงดาบราวกับจะฟันใส่ผมแล้ว แต่เพราะแบบนั่นแหละที่ทำให้ผมทำอะไรได้ง่ายขึ้น

เวทยมนต์ธาตุน้ำ ถูกร่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นเวทย์ฉีดน้ำใส่เจ้าฮ็อบซอรัส จนมันเปียกชุ่มไปจนหมด พร้อมกับที่พื้นบริเวณโดยรอบก็เปียกไปด้วย และในตอนที่เจ้านั่นเหวี่ยงดาบฟันมาใส่ผม ผมก็รีบขยับตัวหลบการโจมตีของมันหวุดหวิด ก่อนจะก้าวเท้าเคลื่อนตัว หลบพื้นที่ๆเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนผลจากเวทย์ที่จะใช้ต่อไป

 

"จะหลบไปถึงไหนวะ ไอ้กระจอก!!!"

"เห้อ... น่ารำคาญไอ้โง่แบบแกชะมัด... เวทย์สายฟ้า ช็อค!"

เจ้าฮ็อบซอรัสที่เห็นผมเอาแต่หลบ ก็หงุดหงิดจนสบถด่าผมด้วยความโมโห

แต่ไม่คิดหรือไงว่าผมก็รำคาญเช่นกัน หนึ่งคำก็กระจอก สองคำก็กระจอก มันน่ารำคาญแบบที่ว่า อยากจะฆ่ามันให้ตายๆไปซะเลย และใช่.... ปู่ก็อบลินบอกว่าฆ่ากันได้ เพราะงั้นผมจึงเลือกใช้เวทย์สายฟ้าระดับต่ำสุด ทำการเคาะผ่านปลายไม้เท้าในมือของตนใส่พื้นที่มีน้ำเปียกชุ่มและเท้าของเจ้าซอรัสมันก็เหยียบพื้นเปียกอยู่ด้วย

มันเป็นไทม์มิ่งที่ดีเลยหล่ะ ก่อนที่เวทย์สายฟ้า ที่เรียกว่า ช็อคจะสร้างกระแสไฟผ่านน้ำเข้าไปช็อตร่างกายของเจ้าซอรัสนั่นจะมันสั่นกระตุก กระดุกกระดิกแบบไม่เป็นตัวของตัวเองในทันที

 

"อ๊าก!!! อะไรกันวะเนี่ย!!! ไอ้กระจอก กล้าดียังไงวะ มาใช้วิธีขี้โกงกับกู ห๊ะ!?"

"ในสนามรบ ไม่มีคำว่าขี้โกงหรอกนะไอ้โง่ เวทย์สายฟ้า ธันเดอร์!!"

เสียงกีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่ร่างกายโดนไฟฟ้าจากน้ำช็อตอย่างต่อเนื่อง มันก็สบถคำพูดด่าและหาว่าผมขี้โกงอยู่เรื่อย

บางครั้ง คนเราก็มีจุดเดือดยากอยู่นะ แต่พอมันพูดแบบนี้ ผมก็ได้สั่งสอนมันไปบทหนึ่งว่า ในการต่อสู้ไม่มีคำว่าขี้โกงหรอก เพราะถ้าเราไม่โกงก็มีความตายรออยู่เท่านั้้นแหละ

จากตอนแรกที่คิดว่าจะปล่อยให้มันรอดชีวิต ก็เปลี่ยนไปความเดือดดาลภายในใจที่ถูกสุมมากๆเข้า ก็ทำให้ผมร่ายเวทย์สังหารเจ้านั้นทันที

 

ท้องฟ้ากลางวงล้อม เริ่มมีเมฆฝนสีดำก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สายฟ้าขนาดย่อมๆจะผ่าลงมาจากท้องฟ้า ฆ่าสังหารเจ้าฮ็อบซอรัสนั่นอย่างไร้ปราณี แต่เพราะใจผมยังไม่สะใจพอ ก็เลยมีการผ่าลงมาอีกหลายๆรอบทีเดียว

 

ฟ่อ....

สายฟ้าจำนวนมากผ่าลงมาจากท้องฟ้า เผาผลาญร่างของเจ้าฮ็อบซอรัส อย่างไร้ปราณี จนกระทั่งร่างกายของมันโดนเผาจนเหลือแต่เศษขี้เถ้าเท่านั่น ถือว่าเป็นความตายที่โคตรจะอนาถมากๆ ในความคิดของก็อบลินหลายๆตน

 

"เย้!!! ฮ็อบเอลเป็นฝ่ายชนะ"

"ฮ็อบเอล!! ฮ็อบเอล!!! ฮ็อบเอล!!!!"

ทุกตนที่ได้เห็นการสังหารอันแสนจะไร้ปราณีของผม ก็อบลินทุกตนต่างก็พากันเงียบอึ้งไปจนหมด จนกระทั่งเสียงของเบลที่ตะโกนขึ้นมา ประกาศชัยชนะของผมให้ทุกคนได้ยิน จนกระทั่งก็อบลินตนอื่นๆเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดีและกล่าวสรรเสริฐชื่อของผมกันอย่างพร้อมเพรียง

 

เห้อ... การมีพวกที่ดีนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ และหลังจากที่จบการประลอง ผมก็เดินเข้าไปหาปู่ก็อบลินในทันที และเอ่ยถามข้อสัญญาที่เคยคุยกันไปก่อนหน้านี้ทันที

 

"ที่สัญญาไว้ เอายังไงต่อครับปู่?"

"ทำตามใจ เจ้าได้เลย"

"พวกเราไม่ยอมรับผลของการต่อสู้เมื่อกี้นี้!!! เพื่อเป็นความสบายใจ พวกข้าขอออกจากรังนี้!!!"

"หืม? พวกแก ลูกกระจ๊อกของไอ้ซอรัสงั้นหรอ?"

ในตอนที่เอ่ยถามและได้รับอนุญาตจากปู่ก็อบลินแล้วนั่นเอง จู่ๆพวกก็อบลินที่เป็นลูกน้องหรอลูกหาบของไอ้ซอรัส มันก็รวมกลุ่มเข้ามาหาผมและปู่ก็อบลินจำนวนมากกว่า 20 ตน ไม่รวม 2 ฮ็อบก็อบลิน เมจและไรเดอร์ มีเพียงแค่ชาร์แมนตนเดียวได้เดินมาบอกกล่าวและไม่ยอมรับผลการต่อสู้และเตรียมจะแยกออกจากกรังแห่งนี้ไป

ก็ดีเหมือนกันที่พวกมันออกไปได้ก็ดี เพราะผมไม่ชอบพวกมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่เก็บก็อบลินที่ใช้งานไม่ได้เอาไว้ มันก็มีแต่เปลืองเสบียงอาหารเปล่าๆหล่ะนะ

 

แต่ในตอนที่พวกมันกล่าวจบนั่นเอง ก็มีก็อบลินจำนวน 3 ตัววิ่งเข้ามาหาผม พร้อมกับอาวุธเตรียมจะสังหารผมในทันที เมื่อได้เห็นแบบนั่นแล้ว ผมก็ใช้เวทย์ไฟยิงใส่พวกมันตายไปในทันที

 

"พวกแกอยากตายมากสินะ?"

"เหอะ!! การที่แกฆ่าซอรัส พวกข้าก็ไม่พอใจอยู่แล้ว แกต้องตายเพื่อเซ่นวิญญานซอรัส!!!!"

"งั้นพวกแกก็ตายๆไปให้หมดก็แล้วกัน ไฟบลาส...."

ด้วยความโมโหที่โดนลอบฆ่ากันแบบนี้ มันทำให้ผมเดือดขึ้นมาจนถามเจ้าพวกนั่น

แต่คำตอบที่ได้รับนั้นคือ ความโกรธเกรี้ยวที่ผมฆ่าไอ้ซอรัสนั้นทิ้งไป ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะพุ่งเข้ามาหมายจะฆ่าผมให้ตายตกไปตามไอ้ฮ็อบก็อบลินกระจอกนั่น ที่มีสมองเพียงแต่เพิ่มประชากร และก็โดนพวกมนุษย์กำจัดทิ้งเท่านั่น

ผมจะไม่ยอมให้เกิดสิ่งที่ผมคาดคะเนเอาไว้ได้เกิดขึ้นจริงเด็ดขาด ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต เจ้านั่นมันกำลังขวางทางผมอยู่ เหมือนกับเจ้าพวกที่คิดจะฆ่าผมด้วย

 

โทสะทั้งหมดถูกบันดาลออกมาเป็นเวทย์ไฟสีฟ้าพ่นใส่เจ้าพวกก็อบลินทั้ง 17 ตนจนพวกมันโดนไฟสีฟ้าของผมเผาไหม้และกลายเป็นขี้ถ้ำในเวลาไม่นานนัก

 

เมื่อจัดการเรียบร้อย ผมก็จ้องมองซากของศัตรูทั้งหมดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ก่อนจะหันไปคุยกับปู่ต่อ

 

"ตามที่คุยเอาไว้ ถ้าหากเราจะเพิ่มประชากร ต้องสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้รังของพวกเราก่อนครับ ด้วยการสร้างรั้วไม้ หอคอย และอาวุธชุดเกราะ รวมถึงการขยับขยายรังด้วย เพื่อที่จะรองรับประชากรก็อบลินที่วิวัฒตนาการแล้วในอนาคต"

"นั้นเลยเป็นเหตุผลที่ต้องนองเลือดแบบนี้หรอเอล?"

"ใช่แล้วซิล ฉันจำเป็นต้องทำ ถ้าหากว่าพวกเราไม่สามารถอยู่ปกป้องรังของตนเองได้ การพัฒนาและฝึกฝนให้ก็อบลินทั้งหมดสามารถวิวัฒตนาการและปกป้องตัวเองได้ดีกว่าเดิม จะถือว่าหมดห่วงไปอีกขั้นเลยก็ว่าได้"

"ถ้างั้นก็เอาตามที่นายว่าก็ได้เอล"

ผมบอกเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องจำกัดจำนวนของก็อบลินให้มีอยู่แค่ 40 ตนในตอนนี้ เพื่อที่จะไม่ให้ไปเข้าตาหรือ เป็นภัยคุกคามของพวกมนุษย์มากเกินไป รวมถึงว่าควรจะใช้ประโยชน์จากสาวๆทั้ง 10 คนในการให้พวกเธอช่วยเหลือพวกเขาในการสร้างและฝึกฝนต่างๆมากมายด้วย

แต่พอผมบอกเรื่องนี้ให้ปู่เข้าใจ ซิลที่เคยบอกว่าจะฟังเหตุผลที่ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ก็ถามผมขึ้นมา และแน่นอนว่าผมก็ตอบคำถามไปด้วยคำพูดเดิมของตนเอง จนซิลยอมทำตามอย่างที่ว่าเอาไว้

 

ในยามค่ำคืนของวันนั่นเอง ที่แสงไฟสลัวๆ ถูกสร้างขึ้นมากลางกองไฟที่ถูกจุด ณ ริมแม่น้ำนั่นเอง พวกสาวๆทั้ง 10 คนที่ผมได้ช่วยเหลือเอาไว้ ก็นั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ผมนั่งพิงโขดหินอยู่เงียบๆ

 

ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากผมและพวกเธอทั้ง 10 คน ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนของผมเลย เพื่อให้พวกเธอได้ผ่อนคลายกับสถานที่และสถานะใหม่ที่ตัวพวกเธอจะได้รับต่อจากนี้ไป

รวมถึงเรื่องของพวกแม่พันธ์ุชุดเก่าที่ผมก็ฆ่าและเผาร่างพวกเธอทิ้งไปแล้วก็ด้วยเช่นกัน

 

"เหมือนว่า นาย... จะฆ่าเจ้าตัวที่ชื่อฮ็อบซอรัส กับพรรคพวกอีก 20 ตัวไปแล้วสินะ...."

"ใช่ ตามที่เสนอไปไง ผมปกป้องให้ความคุ้มครองพวกเธอ เพื่อให้พวกเธอช่วยเหลือเผ่าก็อบลินกลุ่มของผม"

"นี้เชียร่า พวกเราไม่ควรไปต่อรองกับพวกมอนเตอร์นะ!! พวกมันไม่มีวันปกป้องพวกเราหรอก!!"

"เงียบก่อนสิ แม่ชีมาธ่าร์ เขา... ดูแตกต่างจากก็อบลินทั่วๆไป ที่คิดแค่่ว่าเพศหญิงเผ่าพันธ์ุอื่นมีแค่ใช้ผลิตลูกเท่านั่นนะ พวกเราควรฟังที่เขาขอร้องหน่อยไม่ดีกว่าหรอไง?"

"เรื่องนั่นมันก็เรื่องนั่นสิ!!! พวกมันยังไงก็ต้องทำพันธ์ุพวกเราแน่ๆ!! ถ้าหมดประโยชน์เมื่อไหร่น่ะ!"

"ไม่มีทางหรอกครับ ถ้าอยู่ในการดูแลของผมน่ะนะ...."

พี่สาวนักเวทย์ได้เอ่ยพูดขึ้นมาก่อ เธอกล่าวถามสิ่งที่ผมทำ เกี่ยวกับเจ้าฮ็อบซอรัส และพรรคพวกของมันอีก 20 ตน ในตอนแรกผมคิดว่าไอ้พวกกระจ๊อกนั้นมันจะหนีออกจากถ้ำไป แต่เพราะความเดือดดาลของผมที่ฆ่าไอ้ฮ็อบซอรัสไป คงทำให้พวกมันเกลียดชังผมแน่นอน

ถึงจะเป็นแบบนั่นก็เถอะ ผมก็ได้กล่าวถามเธอทันที และเน้นย้ำในข้อตกลงที่กล่าวไว้เช่นเดิมกับแม่นักเวทย์สาวทันที ก่อนที่ดวงตาของผมจะจ้องมองหน้าอกอวบอึ๋มคัพ D ของเธออย่างไม่ไหวติง

แต่เหมือนว่า หญิงสาวที่เป็นแม่ชีจะเรียกชื่อของนักเวทย์สาวว่าเชียร่า และโน้วน้าวไม่ให้เธอทำข้อตกลงกับผมเด็ดขาด เพราะยังไงๆถ้าหมดประโยชน์สักวันก็คงจะเอาพวกเธอไปทำแม่พันธ์อยู่วันยันค่ำอยู่ดี

 

แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่เลย เพราะผมสนใจพวกเธอทั้งหมด แต่แม่ชีปากเสียอาจจะโยนให้เรนอึบน่าจะดีกว่า และก่อนที่จิตใจของหญิงสาวอีก 8 คนจะส่นคลอนด้วยคำพูดของแม่ชีมาธาร์ ผมก็กล่าวย้ำทันทีถึงข้อเสนอและคำสาบานที่ให้กับพวกเธอเอาไว้

จนในที่สุด หญิงสาวอีก 8 คนก็เริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบและเอ่ยถามผมต่ออีกเล็กน้อย

 

"นายคิดจะเก็บไว้เล่นเองใช่ไหม?"

"ใช่ครับ ผมถูกใจพวกคุณยกเว้นแม่ชีมาธ่าร์ เพราะงั้นผมจึงได้บอกว่าจะดูแลพวกคุณอย่างดีไงครับ"

"เข้าใจหล่ะ เพราะนายมีพวกพ้องที่แข็งแกร่งเลยสามารถปกครองพวกก็อบลินตัวอื่นได้สินะ..."

"มันเป็นเพราะความนับถือจากก็อบลินทุกตนต่างหากครับ ที่ทำให้ผมเหมือนเป็นหัวหน้าของพวกนั่น แล้วก็คุณแม่ชีไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะให้เรน น้องชายดูแลคุณเอง"

อัศวินสาว มองผมเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า อยากเล่นสนุกกับพวกเธอแค่คนเดียวใช่ไหม ซึ่งผมก็ตอบว่าใช่ แบบไม่มีอะไรปิดบัง ยกเว้นแต่ตัวของแม่ชีมาธ่าร์ที่ผมรู้สึกรำคาญในทัศนคติของเธอ

แต่พอผมบอกแบบนั่น เธอก็เข้าใจว่าเพราะผมมีพวกพ้องที่แข็งแกร่งจนก็อบลินตัวอื่นไม่กล้าหือ แต่ผมก็ปฏิเสธคำกล่าวนั่น เพราะสิ่งที่ผมทำต่างหากที่ทำให้เหล่าก็อบลินทั้งหลายนับถือผม ก่อนจะบอกว่าจะให้น้องชายอย่าง ฮ็อบเรนมาคอยดูแลคุณมาธ่าร์แทนด้วย

 

"ฮี๊!!! จะก็อบลินตัวไหนก็ไม่เอาทั้งนั่นหล่ะค่ะ!!"

"น้องชายผมเป็น นักบวชที่ใช้เวทยมนต์ศักดิ์ิสิทธิ์ได้ครับ ดูแลเขาด้วยหล่ะ"

"เอ๊ะ? มนต์แสงงั้นหรอ? ก... ก็ได้ค่ะ จะสอนเขาเรื่องเวทย์แสงให้ก็แล้วกัน"

เมื่อได้ยินว่าจะโดนก็อบลินรุมโทรมคนเดียว เธอก็สะอึ้นในลำคอขึ้นมาและบอกปฏิเสธความหวังดีของผมอย่างไร้เยื่อใย

แต่เมื่อได้ยินว่า น้องชายใช้มนต์ศักดิ์สิทธิ์ หรือมนต์แสงได้ เธอก็สนใจขึ้นมาในทนัที ก่อนจะยอมร่วมมือกับผมโดยไม่มีข้อเงื่อนไขใดๆ ราวกับว่า พอให้อะไรที่พึงพอใจ ก็ยินดีทำตามที่สั่งตลอดเลย

รู้สึกเดาใจพวกมนุษย์ในโลกใบนี้ยากเอาเรื่องเลยแหะ....

 

หลังจากที่กล่าวจบแล้ว เหล่าสาวๆทั้ง 9 คนยกเว้นแม่ชีมาธ่าร์ก็เริ่มพูดคุยกันว่าจะเอายังไง กันดีต่อจากนี้ไป เพราะไม่ใช่ว่าพวกพ้องของ พวกเธอจะเข้ามาช่วยได้รวดเร็วขนาดนั่น และป่าอลันดาแห่งนี้เอง ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเผ่าพันธ์อื่นนอกจากก็อบลินอาศัยอยู่เพียงเผ่าเดียว

ยังมีออร์ค โคบอร์ล และมอนเตอร์ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันออกไปอีกมากมาย และมอนเตอร์ที่ผมเจอมาก่อนหน้านี้ยังมีความอันตรายที่ต่ำไปจนถึงกลางๆหลายตัว ยกเว้นหมี 4 แขนที่ลองออกล่าลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นเฉยๆ

พวกเธอคงต้องคิดกันพอสมควรว่าจะเอายังไง แถมสถานะของพวกเธอก็ยังคงเหมือนเดิมคือ ทาสแม่พันธ์ แต่ดีขึ้นมาหน่อยที่จะมีแค่ผมเท่านนั้นที่ทำพันธ์กับพวกเธอได้ และก่อนจะทำแบบนั่น ผมจะคอยเทคแคร์พวกเธอเท่าที่ผมทำได้หล่ะนะ....

 

"ตัดสินใจกันได้แล้ว พวกเราจะยอมเป็นของนายและจะยอมทำตามที่นายต้องการ หลังจากนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยหล่ะ...."

"หรอ ขอบคุณครับ ถ้างั้นขอแนะนำตัวเองหน่อยแล้วกัน ผมชื่อ เอล เผ่าพันธ์ฮ็อบก็อบลิน จะเรียกว่า ฮ็อบเอล หรือ เอล เฉยๆก็ได้ พึ่งเกิดมาได้แค่ 15 วันเองน่ะ ห๊ะๆ~"

"เอ๊ะ? พึ่งเกิดมา แต่เก่งจังเลยนะ ชั้นชื่อเชียร่า อย่างที่เห็นเป็นนักเวทย์ อายุ 28 จ๊ะ"

"โห เด็กแบบนี้แต่เด่นด้านเวทยมนต์เอาเรื่องเลยนะ ชั้นชื่อโคเลีย เป็นทหารของอาณาจักรอลันเทียร์ ส่วนยัย 2 คนนี้ชื่อ ฮีเรีย กับ กรอเรีย เป็นเพื่อนทหารในอาณาจักรอลันเทียร์เหมือนกัน ถึงดูหน้าจะ 20 กว่าๆ แต่พวกเรายัง 18 กันอยู่นะ"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเชียร่า คุณโคเลีย คุณฮีเรีย คุณกรอเรีย"

หญิงสาวทั้ง 9 คนยกเว้นมาธ่าร์ ต่างก็คุกเข่าโน้มกราบคำนับผมด้วยท่าทางอ่อนช้อย พร้อมกับกล่าวมอบร่างกายของตนเองให้เป็นของผม ราวกับพวกเธอคิดจะจำนนและให้ผมปกป้องเช่นไรเช่นนั่น

พอได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ผมก็ยิ้มตอบให้กับทั้ง 9 คนและกล่าวแนะนำตัวเองให้พวกเธอได้รู้จักแบบสั้นๆง่ายๆรวมถึงบอกอายุของตนเองให้รู้เช่นกัน และเมื่อได้ยินเช่นนั่น เชียร่าก็เงยหน้าขึ้นมาและกล่าวแนะนำตนเองด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าผมจะตกใจเล็กน้อยที่เธออายุ 28 ปีแล้ว แต่ความสวยงามนั่นก็หาได้ลดหลั่นลงไปไม่?

 

ก่อนจะตามมาด้วยการแนะนำตัวของ 3 สาวทหารประจำการของอาณาจักรอลันเทียร์ ผมตกใจเล็กน้อยที่พวกเธอทั้ง 3 คนยัง 18 ปีอยู่เลย แต่ใบหน้านั่นกับสวยงามราวๆกับผู้หญิงอายุ 22-25 ปีก็มิปราน นี้สินะที่เขาเรียก ยิ่งเหนื่อยยิ่งแก่น่ะ....

เมื่อทั้ง 4 คนกล่าวพูดจบ พวกเธอก็เดินเข้ามานั่งใกล้ชิดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไร ราวกับว่าคุณเชียร่าพยายามจะล่อลวงผมอย่างไรอย่างงั้น ก่อนจะแค่ทำการจูบกับทั้ง 4 คนไปเล็กน้อยเท่านั่น

 

"ชั้นชื่อนิโคล ส่วนเธอคนนี้น้องสาวของชั้ยชื่อ ลิโน่ ฝากตัวด้วยนะ พวกเราอายุห่างกันปีนึง ชั้นอายุ 22 ส่วนลิโน่อายุ 21"

"พวกเรา 2 คนชื่อเยเรน่ากับฟิโรน่า เป็นฝาแฝดกันอายุ 20 ปีค่ะ"

"ชั้นมีชื่อว่าชาร์ล็อต เป็นอัศวินแห่งอลันเทียร์อายุ 24 ปีฝากตัวด้วยหล่ะ"

"อืม... ยินดีที่จะดูแลทุกคนเลยครับ"

หลังจากที่พวกเธอที่เหลืออีก 5 คนต่างแนะนำตัวกันจนหมดแล้ว ผมกับสาวๆทั้ง 9 คนก็เริ่มคลอเคลียให้กันเล็กน้อย ผมแค่เทคแคร์ความรู้สึกของพวกเธอเท่านั่น ไม่ได้มีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นเพราะมันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะทำแบบนั่น

 

แต่การที่ได้มาซึ่งแม่พันธ์ทั้ง 9 คนนั่นเองที่ทำให้ถ้ำก็อบลินของผมพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งและเริ่มมีความแข็งแกร่ง ในระดับที่พูดได้เลยว่าสามารถพึ่งพาตัวเอง และไม่ต้องออกปล้นจากผู้คนได้เลยหล่ะ

ก็นะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันใช้เวลาสักพักเลยหล่ะ จนกระทั่งในวันที่ 50 หลังจากที่ผมเกิดใหม่ ก็ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น...