เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
ในวันที่ 50 หลังจากเวลาล่วงเลยมานานกว่า 40 กว่าวันหลังจากผมได้ให้การคุ้มครองและปกป้องมนุษย์สาวทั้ง 9 คนยกเว้นยัยแม่ชี ถ้ำก็อบลินแห่งนี้ก็ได้พัฒนาไปไกลกว่าที่ผมคิดเอาไว้อย่างมาก
ก่อนอื่นเลยนั่นคือ การที่ถ้ำก็อบลินที่ผมอาศัยอยู่ ได้มีการขยับขยายรังให้ใหญ่และมีห้องมากกว่าเดิม โดยที่ระดับหัวหน้านั้นมีห้องส่วนตัวของตนเอง และตัวของ 10 สาวที่เป็นผู้หญิงของผม ก็ได้รับห้องส่วนตัวไปด้วย ส่วนพวกก็อบลินตัวอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ห้องส่วนตัวกัน แต่ว่าก็ได้รับการอัพเกรดโรงนอนให้มีขนาดใหญ่และดีขึ้นกว่าเดิม
โรงนอนรวมของก็อบลินตัวอื่นๆที่ไม่ใช่พวก เบล ซิล รีน เรน และพี่เดีย จะได้นอนรวมกันในโรงนอนที่มีเตียงนุ่มๆที่ใช้หนังหมี 4 แขนมาทำเป็นผ้าปูที่นอนและผ้าห่มที่ได้จากการฟอกหนังหมาป่า
นอกจากนั่น เรื่องของโถงเก็บน้ำยังถูกสร้างให้ใหญ่และดีขึ้นกว่าเดิม และยังได้ทำการสร้างโรงตีและหลอมอาวุธขึ้นมาด้วย เพื่อใช้ในการสร้างอาวุธและบำรุงรักษาอาวุธให้ดียิ่งกว่าเดิม
ด้านภายนอกของถ้ำนั่น ได้มีการสร้างกำแพงรั้วไม้ขึ้นมาและสร้างแนวป้องกันหนามไม้เอาไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย รวมถึงหอคอยไม้ใช้ในการสังเกตุการณ์โดยรอบ นอกจากนั้นยังมีการสร้างฟาร์มข้าวและลานฝึกซ้อมการต่อสู้อีกด้วย เพราะเหมือนเลเวลจะสามารถอัพได้จากการฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดในวันที่ 50 นี้เองที่ก็อบลินทั้งหมดภายในรังได้เกิดการวิวัฒตนาการขึ้นมากลายเป็นฮ็อบก็อบลินในที่สุด
เมื่อผมตื่นขึ้นมาก็ อดที่จะแสดงความยินดีถึงฮ็อบก็อบลินทั้ง 35 ตัวที่เหลือไม่ได้เลยหล่ะ และได้รับการตรวจสอบแล้วว่า ฮ็อบก็อบลินที่ได้วิวัฒตนาการขึ้นมาแล้วนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 พวกด้วยกันนั้นคือ Hobgoblin 20 ตน Hobgoblin Mage 10 ตน และ Hobgoblin Cleric อีก 5 ตน
ถ้าหากรวมเพื่อนๆของผมด้วยแล้วในตอนนี้ ฮ็อบก็อบลินปกติจะมีทั้งหมด 22 ตน นักเวทย์ 12 ตนรวมพี่เดียด้วย และนักบวชอีก 6 ตน
หลังจากที่ฮ็อบก็อบลินได้วิวัฒตนาการมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ผมเลยขอให้สองพี่น้องช่างตีเหล็กทำการสร้างอาวุธขึ้นมาให้และพวกฝาแฝดเองก็ช่วยกันตัดเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับพวกที่พึ่งวิวัฒตนาการได้สวมใส่กัน
นี้แหละข้อดีของการมีมนุษย์มาคอยช่วยเหลือ มันสร้างข้อดีมากกว่า ปล่อยให้พวกเธอถูกจับทำพันธ์ขยายจำนวนก็อบลินเสียอีก
ภายในห้องพักของผม หลังจากตอนเช้าที่ได้ฉลองการวิวัฒตนาการกันจนหมดแล้ว ยกเว้นปู่ก็อบลิน ผมก็กำลังนั่งอบยู่บนเก้าอี้ไม้เอนพรางนั่งอ่านหนังสือเวทยมนต์ไปพรางฆ่าเวลา แต่ทว่าเสียงหวานของหญิงสาวมนุษย์ที่ไว้ผมยาวสีบลอนด์คนหนึ่งก็ดังเข้ามาภายในห้องของผม
"วันนี้ไม่ทำอะไรหรอเอล?"
"ชาร์ล็อตเองหรอ มีอะไรรึเปล่าถึงเข้ามาห้องผม?"
"ก็เห็นว่าวันนี้เธอไม่ได้ออกล่ามอนเตอร์นี้ ก็เลยมาหาน่ะ เหนื่อยหรอ?"
"แหะๆ.... จะว่าเหนื่อยไหม ก็ไม่ครับ แค่ตอนนี้กำลังคิดเรื่องกวาดล้างออร์คอยู่น่ะ"
"คิดจะปกครองป่านี้หรอ?"
"ก็นะครับ ตอนนี้เผ่าก็อบลินของผมแข็งแกร่งกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดแล้วด้วย อ๊ะ...? ทำอะไรของคุณกันครับ?"
หญิงสาวที่เดินเข้ามาภายในห้องของผม คือชาร์ล็อต เธอเข้ามาภายในห้องของผม พรางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวาน ผิวกายสีขาวเนียนนุ่มน่าลิ้มลอง แต่ทว่าตลอดเดือนที่อยู่ด้วยกัน ผมไม่เคยล่วงเกินพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
เหตุผลที่คุณชาร์ล็อตเข้ามาหาผม ก็เพราะสงสัยว่าวันนี้ทำไมผมไม่ออกไปล่ามอนเตอร์ตามปกติ ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากแผนการกวาดล้างออร์คที่กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้
ในตอนที่กำลังพูดเรื่องนั่นเอง จู่ๆเธอก็เอ่ยถามผมด้วยความสงสัย เรื่องของการขึ้นเป็นผู้ปกครองผืนป่าแห่งนี้ และไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรมากกว่านี้ ร่างกายผอมบางของเธอก็เข้ามาแนบกายของผม พรางกดหัวของผมให้ซบหน้าอกของเธอเอาไว้
ไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ล็อตถึงทำแบบนี้ จึงได้แต่ถามไปด้วยความสงสัย
แต่คำถามที่พูดไปนั้น ก็ไม่ได้รับการตอบแต่อย่างใด มีเพียงฝ่ามือเรียวบางที่ค่อยๆลูบไล้เส้นผมสีขาวอย่างอ่อนโยนเท่านั้น
พอคิดว่าเธอกำลังโอ๋ผมอยู่ แขนทั้งสองข้างก็เข้าไปกอดรัดเธออย่างอ่อนโยนและสูดดมกลิ่นตัวอันหอมหวนของชาร์ล็อตเงียบๆ
ความรู้สึกดีบางอย่างก่อตัวขึ้นมาในใจของผมก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาและเม้มปากของตนจูบกับชาร์ล็อตอย่างอ่อนโยน
ลิ้นร้อนค่อยๆโลมเลียริมฝีปากของเธออย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปโลมเลียโพลงปากของเธออย่างดูดดื่ม
"อืม~"
"อืม~ ฮ๊า~"
รสสัมผัสของริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม ดึงดูดให้ริมฝีปากของสองเราค่อยๆเม้มจูบกันอย่างดูดดื่ม แต่ทว่า เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวที่ผมคิดว่า ยังไม่ควรเติมเต็มความปราณนาอันดุร้ายของตนเอง
ผมก็ค่อยๆผละริมฝีปากของตนออกมาอย่างช้าๆ จนน้ำลายสีใสไหลเยิ้มติดริมฝีปากออกมาเป็นเส้นบางๆ พร้อมกับใบหน้าของชาร์ล็อตที่แดงก่ำไปจนหมด ตรงหัวเข่าสัมผัสได้ถึงหว่างขาของชาร์ล็อตที่เริ่มแฉะเยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
ในใจอยากจะเผด็จศึกฉีกเสื้อผ้าของชาร์ล็อตออกและกดเธอลงกับเตียงและผสมพันธ์ แต่ทว่าผมก็รีบสละความคิดนั้นออกไปก่อนจะหอมแก้มเธอเบาๆเพียงแค่นั้น
"ขอโทษนะครับ ยังไม่ได้..."
"ให้ตายสิ... นายทำพวกชั้นแฉะ แต่ไม่คิดจะเติมเต็มเลย โหดร้ายกันเกินไปแล้วนะ...."
"ห๊ะๆ... ขอโทษครับ แต่มันยังไม่ได้จริงๆ"
"ช่วยเบ็ดให้น้ำแตกหน่อยไม่ได้หรอ?"
ผมรีบกล่าวขอโทษชาร์ล็อตก่อนทันที ที่ไม่สามารถเติมเต็มความปราณนาของเธอได้ในตอนนี้ ก่อนที่เธอจะแก้มป่องขึ้นมาอย่างไม่พอใจและโวยวายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ผมก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่า ยังทำแบบนั้นไม่ได้ จนเธอขอให้ผมเบ็ดร่องรักให้หน่อย
คำขอนั่นทำผมอึ้งไปเลยทีเดียว แต่ลองมาคิดว่า ถ้าทำให้แล้วหลังจากนั้นยังอารมณ์ค้างอีกหล่ะ?
"ทำแค่นั้นจนเสร็จ เดี๋ยวก็ได้อารมณ์ค้างต่อหรอก"
"โธ่! ใจร้ายจัง..."
"เอาน่าๆ ไว้หลังจากเรื่องทั้งหมด จะให้รางวัลพวกเธอทุกคนแน่นอน"
"สัญญาแล้วนะเอล!! ทำตามที่พูดไว้ด้วยหล่ะ!!"
เพื่อให้เธอพึงพอใจมากที่สุด ผมจึงปฏิเสธใช้มือเบ็ดให้ จนชาร์ล็อตเริ่มจะงอนขึ้นมาเสียแล้ว
แต่เพื่อไม่ให้เธอโกรธผม จึงได้หลุดปากให้สัญญาที่ผมมักจะต้องทำตามที่สัญญาไว้ตลอดให้เธอ
เมื่อได้ยินคำพูดให้สัญญา แม่สาวอัศวินก็ตาเป็นประกายและรีบเดินออกจากห้องของผมไปทันที แต่ก่อนจะออกไปนั้นเธอก็หันมาชี้นิ้วใส่ผมและบอกให้ทำตามที่สัญญาไว้ด้วยและออกไป
ให้ตายสิ... ดันไปสัญญาเข้าแล้วจนได้สินะ...
แต่ยอกว่าเรื่องทั้งหมด ที่ผมหมายถึงคือการกวาดล้างออร์คและโคบอร์ลที่มีอาณาเขตการล่าอยู่ในแถบดินแดนของก็อบลินของผมนั่นเอง
ที่นี้ก็เป็นเรื่องยุ่งยากกว่าที่ผมคิดเอาไว้แล้วสินะเนี่ย...
หลังจากเรื่องที่ผมจู้จี่กับชาร์ล็อตในห้องนอนผ่านไปได้เพียง 1 ชั่วโมง ก็มีการรายงานเข้ามาจากหน่วยสอดแนมที่มักจะส่งไปในทุกๆเช้าของวัน เพื่อสืบข้อมูลความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆภายในผืนป่าแห่งนี้
แต่แล้วในวันที่ก็อบลินทุกตนพึ่งจะวิวัฒตนาการเป็นฮ็อบก็อบลินนั่นเอง พวกเราก็ต้องพบกับข่าวร้ายยิ่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้หลายเท่า เข้ามารายงานผม จนฮ็อบก็อบลินทุกตนรวมถึงนักเวทย์ 3 ทหารสาวและอัศวินต้องเข้าหารือกันในทันที
"ด้านนอกป่ามีกลุ่มกองทหารจำนวนมากกว่า 300 คนได้ตั้งค่ายพักแรมอยู่ และบริเวณที่ตั้งนั่นใกล้กับภูเขาที่เป็นรังของพวกออร์ค"
"อืม ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเผ่าพันธ์มนุษย์ถึงได้มีการตั้งค่าย แต่สาเหตุคงไม่ใช่ก็อบลินอย่างพวกเราแน่ๆ"
"คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นพวกออร์คที่ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาได้มีการออกปล้นชายขอบดินแดนของอาณาจัักรครับ"
รายงานจากฮ็อบโซ โจ โร ที่เป็นฮ็อบก็อบลินที่มีความว่องไวในการเคลื่อนที่อย่างมาก พวกเขาเป็นหน่วยลาดตระเวนที่ได้ถูกจัดขึ้นมาให้เป็นหัวหน้าทีม 3 กลุ่ม ที่ได้รายงานข้อสันนิฐฐานให้ผมได้ฟัง
ซึ่งด้วยเหตุผลที่ทั้ง 3 ตนนั้นกล่าวพูดขึ้นมา ทำให้เห็นพ้องต้องกันในหมู่พวกพ้องว่า การกระทำของเผ่ามนุษย์นั่นคือสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ออร์คเป็นผู้กระทำขึ้นมา และไม่จำเป็นที่ฮ็อบก็อบลินอย่างพวกเราจะเข้าไปแทรกแซงใดๆ
ด้วยหัวข้อองค์ประชุมและแนวโน้มนั่นเอง ที่ทำให้ผมไตร่ตรองในหลายๆอย่างเกี่ยวกับมนุษย์และความปลอดภัยของเหล่าฮ็อบก็อบลินของผม ในยามนี้เราไม่ควรจะทำอะไรเลย และปล่อยให้การกวาดล้างออร์คจบไป แต่ในอีกในหนึ่งนั่นผมก็อยากได้ข้อมูลมากกว่านี้อีก
"ถึงจะน่าเสียดายที่อยากจะจัดการมันด้วยตัวเอง แต่ถ้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแบบนี้ เป็นการยากที่จะลงมือนะ"
"ถูกของเธอเอล แต่ไม่คิดบ้างหรือว่า ภูเขานั้นอาจจะมีทรัพยากรมีค่าอยู่น่ะ?"
"คุณเชียร่า ไม่ใช่ว่าผมไม่คิด แต่เพราะเราไม่รู้กำลังรบของมนุษย์ครับ"
ผมถึงกับต้องพูดออกมาเองเลยว่า น่าเสียดาย แต่เพราะมนุษย์นั้นเข้ามายุ่งย่ามกับแผนการของผมทำให้ไม่สามารถลงมือได้ตามที่เคยวางเอาไว้ จนกระทั่งคุณเชียร่าที่นั่งอยู่ข้างๆผมจะถามคำถามหนึ่งกับผม เพราะในภูเขาลูกนั้นที่เป็นรังของพวกออร์ค มันมีสินแร่ที่มีค่าอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะทองแดง เหล็กหรือ ทองคำ ก็ดี
สิ่งเหล่านั้นจะช่วยสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับเผ่าพันธ์ของผมทวีขึ้นหลายสิบเท่า และแน่นอนว่า การปล่อยให้มนุษย์ลลงมือจัดการออร์ค ผมจะสูญเสียเหล่าทาสแรงงานอันแสนมีค่าไปด้วย
ถึงจะน่าเสียดดาย แต่เพราะไม่รู้ว่ากำลังรบของมนุษย์มีเท่าไหร่ด้วยทำให้ยากที่จะลงมือได้
แต่ความคิดเหล่านั้นก็พัดมลายหายไปในทันที เมื่อหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีแดงอมชมพู หรือคุณโคเลียจะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและนำเอกสารบางอย่างมาให้กับผม
"นี้เอาไปสิเอล! นี้เป็นเอกสารข้อมูลที่ชั้นลองไปสอดแนมมาให้ แทนโซ โจ โร"
"หรอครับ ขอบคุณมากครับ"
ผมรับเอกสารที่คุณโคเลียเข้าไปสอดแนมภายในค่ายของพวกมนุษย์มาให้ ก่อนจะเปิดอ่านมันในทันที
ในเอกสารนั้นมีการเขียนถึงยุทธภัณฑ์ ทรัพยากร เสบียงอาหารและรายนามอาชีพของมนุษย์ในค่ายทั้ง 300 คนเป็นอย่างดี
โชคดีจริงๆที่คุณโคเลียเข้าไปสอดแนมมาให้ แต่ก็ลำบากไม่ใช่น้อยเลยแหะ...
"เอาหล่ะ จากเอกสารที่คุณโคเลียให้มา ผมพิจารณาแล้วว่า แผนการในการกวาดล้างออร์คและจับพวกมันมาเป็นทาสแรงงานสามารถเป็นไปได้"
"แล้ว เราจะเอายังไงกับพวกมนุษย์หล่ะเอล?"
"เรื่องนั้นน่ะ... ขอโทษครับคุณเชียร่า...."
"ตามใจนายเถอะ พวกเราก็มีสถานะไม่ต่างกันนิ แค่มีชีวิตดีกว่าเฉยๆ"
"อืม.... เข้าใจแล้ว... เอาหล่ะส่วนพวกมนุษย์ พวกเราจะจับพวกมนุษย์ตัวเมียมาทำพันธ์เพิ่มประชากร"
หลังจากได้อ่านเอกสารในนั้น ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะทำแผนการกวาดล้างพวกออร์คที่อยู่ในภูเขานั้นทันที และนำพวกมันมาเป็นแรงงานทาสในการขุดแร่ นอกจากนี้ผมก็ตัดสินใจว่าจะนำพวกมนุษย์ตัวเมียมาเป็นแม่พันธ์ุ
แต่เพราะความเกรงใจต่อตัวของผู้หญิงที่ผมรับมาดูแล ทำให้ต้องถามคุณเชียร่าเสียก่อน แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยยอมให้ผมทำเรื่องแบบนี้จนได้
เมื่อได้ยินว่าจะได้ตัวเมียมาผสมพันธ์ุเพื่อเพิ่มประชากรก็อบลิน พวกฮ็อบก็อบลินก็ร้องโฮออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่ผมจะบอกให้ทุกๆตนไปเตรียมตัวสำหรับการกวาดล้างพวกออร์คให้เรียบร้อย
แต่ทว่าผมก็ไม่รู้เลยว่า เด็กๆที่เกิดจากการผสมพันธ์ุกับฮ็อบก็อบลินจะไม่ได้เกิดเป็นก็อบลินเลยในตอนนี้...
ในช่วงค่ำคืนในวันที่ 50 มันเป็นช่วงเวลาที่พระจันทร์เคลื่อนที่อยู่กลางท้องฟ้า เป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันนั่น
ผมได้นำกำลังฮ็อบก็อบลินทั้งหมดรวม 30 ตน ออกจากรังและเดินทางผ่านเส้นทางที่เคยหลอกโคบอร์ลตนหนึ่ง ก่อนจะเดินทางมาถึงยังภูเขาที่เรียกกันว่า เขาฟัม และที่นี้เอง ที่ผมได้เห็นกองกำลังออร์คที่มีจำนวนมากกว่า 300 ตน
เรียกได้ว่าประชากรของพวกมันมีจำนวนมากกว่าก็อบลินถึง เกือบ 10 เท่าเลยก็ว่าได้
ด้วยความที่พวกมันสร้างรังอยู่ใต้ภูเขา จึงมีหอคอยและเชิงเพลิงมากมายลายล้อมรอบรังของพวกมันเอาไว้ เพื่อสอดส่องถึงการบุกโจมตีจากศัตรูที่ไม่คาดคิด ราวกับว่าพวกมันกะเอาไว้แล้วว่า การกระทำของพวกมันจะส่งผลให้มีการกวาดล้างขึ้น
ในตอนที่ผมมาถึงยังที่แห่งนี้ ผมก็เห็นกลุ่มทหารของมนุษย์ที่มีจำนวนกว่า 200 คนได้เข้าโจมตีพวกออร์คเรียบร้อยแล้ว และสถานการณ์ในตอนนี้ก็อยู่ในระดับที่ว่าวุ่นวายพอสมควรเลย
ด้วยการบุกโจมตีของพวกมนุษย์ที่ยิงธนูใส่เชิงเพลิงและหอคอยของพวกออร์ค ทำให้แนวป้องกันของพวกออร์คนั้นไหม้และพังจนไม่สามารถใช้สอดส่องพื้นโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น พวกมันยังต้องเข้าต่อสู้กับพวกมนุษย์ที่มีประสบการณ์ต่อสู้มากกว่าเสียอีก จนในตอนนี้ พวกออร์คนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกันเลยทีเดียว
"มาผิดเวลาแหะ... ไม่คิดว่าพวกมนุษย์ก็คิดจะโจมตีตอนกลางคืนด้วยเหมือนกัน"
"แบบนี้เราจะทำยังไงต่อดีหล่ะเอล?"
"ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็คงจะดี แต่พวกนั้นมีประสบการณ์ต่อสู้มากพอสมควร"
ด้วยความที่มาผิดเวลา แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้พวกมนุษย์ยุ่มย่ามอยู่กับการต่อสู้ตรงหน้า จนไม่ทันได้สังเกตุพวกฮ็อบก็อบลินอย่างพวกผมเลย จนรีนเอ่ยถามผมว่าจะทำยังไงต่อ
ผมเองก็คิดว่าจะซ่อนตัวและซุ่มโจมตีพวกมนุษย์ แต่เพราะพวกนั้นกำลังมุ่งความสนใจไปที่ศัตรูตรงหน้าอย่างออร์ค เลยไม่คิดว่าจะมีการตลบหลังจากฮ็อบก็อบลิน และจากจำนวนทหาร 200 คนแล้ว มีพลธนูราวๆ 60 คนที่กำลังกระหน่ำยิงธนูสนับสนุนพวกที่กำลังต่อสู้อยู่ในแนวหน้า
ถ้าหากจัดการพวกนักธนูนี้ได้ก่อนคงจะทำให้มีโอกาสชนะพวกมนุษย์แน่นอน
"ทั้งหมดจัดการพวกนักธนูมนุษย์ก่อน ตีให้สลบและใช้เชือกมัดเอาไว้"
"รับทราบเอล จะให้ฆ่าพวกตัวผู้ไหม?"
"เก็บตัวผู้ให้พวกฮ็อบสาวๆได้ระบายเงี่ยนด้วยก็ดี"
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองถึงความได้เปรียบก่อนเป็นอันดับแรก ผมจึงสั่งให้พวกพ้องทำการโจมตีพวกนักธนูมนุษย์ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่เบลจะนำฮ็อบก็อบลินทั้งหมดพุ่งเข้าไปโจมตีทุบมนุษย์พวกนั่นให้สลบ และด้วยคำสั่งที่บอกอย่างชัดเจนแก่ทุกตน นั้นคือจับเป็นทั้งมนุษย์ชายและหญิง
ทำให้เบลใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีในการทุบพวกมนุษย์แนวหลังทั้งหมดจนสลบไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกที่เหลือจะเข้าไปสมทบและใช้เชือกไทเทิล ที่มีความหนาและเหนียวมากในการมัดแขนขาของพวกมันเอาไว้
"ทั้งหมด ระวังด้านหลัง มีพวกฮ็อบก็อบลินโผล่มา!!!"
"ระวังหลัง!! พวกมันจัดการนักธนูของพวกเราไปแล้ว"
"แบ่งกำลังเป็น 2 ส่วนจัดการพวกฮ็อบก็อบลินไปด้วยเลย!!"
แต่ด้วยเสียงเอะอะ ที่เกิดจากการเข้าจู่โจมของเบล ทำให้พวกมนุษย์ที่กำลังประจัญบานกับพวกออร์คอยู่ ต่างก็รู้ตัวการมาถึงของพวกผมและเริ่มสั่งการเพื่อรับมือในการตอบโต้ทัันที
นายทหารหญิงคนหนึ่ง ที่ขี่ม้าอยู่ เธอสวมชุดเกราะเบาและไว้ผมยาวสีน้ำตาลอ่อน สวมผ้าปิดตาไว้ข้างหนึ่ง กล่าวประกาศสั่งการแก่เหล่าทหารทั้งหมด จนพวกนั้นทำการแบ่งกองออกเป็น 2 ส่วนเพื่อรับมือกับทั้งออร์คและฮ็อบก็อบลินพร้อมกัน
ผมจ้องมองหญิงสาวที่กำลังขีี่ม้าคนนั้นตาไม่กระพริบ ด้วยความสามารถในการสั่งการและความกล้าหาญที่ไม่วิตกกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผมสนใจในตัวเธอขึ้นมา
ด้วยความที่อยากจะจับมนุษย์ให้ได้เยอะๆ ผมจึงเลือกใช้เวทยมนต์ 2 บทด้วยกันนั้นคือ เวทย์แรงดันน้ำ Water Pulse และ Shock ทันทีโดยการใช้ เวทย์แรงดันน้ำ ฉีดใส่พวกทหารมนุษย์ทั้งหมด ถึงแม้จะโดนพวกออร์คบ้างแต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีก่อนที่ ทหารหญิงคนนั้นจะรีบตะโกนออกมา
"ทั้งหมดรีบวิ่งหนีเร็ว!! ก่อนที่จะโดนไฟฟ้าช็อต!! อ... อ๊าก!!!!!!!!!!!"
"ไม่ต้องหนีหรอก เพราะยังไงก็ไม่ฆ่าอยู่แล้ว"
หญิงสาวคนนั้นที่สั่งการทหารมนุษย์อยู่บนหลังม้า ก็รีบตะโกนบอกพวกพ้องของเธอ ราวกับรู้ว่าถ้าหากโดนน้ำจะโดนอะไรต่อ แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบนั้นเอง ร่างกายของพวกทหารมนุษย์ทั้งหมด รวมถึงเธอก็ถูกเวทย์สายฟ้าของผมช็อตเข้าใส่ร่างกายจนล้มลงไปนอนกับพื้นกันจนหมดแล้ว และตัวผมเองก็ไม่ได้มีความต้องการจะฆ่าพวกเธอทุกคนด้วย
หลังจากจัดการพวกทหารมนุษย์ทั้งหมดจนสลบไปหมดแล้ว ผมก็ทำการสั่งการให้ฮ็อบก็อบลินทุกตนทำการล่าสังหารพวกออร์คต่อในทันที ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้สึกปิติยินดีที่พวกเรามาช่วยยังไงก็ตาม
พวกออร์คที่กำลังตกใจว่าทำไมฮ็อบก็อบลินถึงมาฆ่าพวกตน จึงได้เริ่มการต่อสู้กับพวกเราทันที ถึงแบบนั่นด้วยประสบการณ์ การต่อสู้และการฝึกฝนจากทหารหญิงมานานกว่า 1 เดือนทำให้ทักษะการต่อสู้ของพวกผมนั้นมีมากกว่าพวกออร์คที่ แค่ปัดๆเหวี่ยงๆอาวุธในมือของพวกมันเพียงเท่านั้น
ฮ็อบก็อบลินทุกตัวมีชั้นเชิงในการใช้อาวุธหมด เพราะงั้นในการกวาดล้างพวกออร์คนั้น จึงไม่มีใครสูญเสียชีิวิตเลยแม้แต่ตนเดียว จนกระทั่งในเช้าวันใหม่มาถึง
พวกผมได้ทำการยึดครองถ้ำออร์คและภูเขาฟัมเป็นที่เรียบร้อยและนำพวกออร์คเด็กที่ไว้ชีวิตกลับไปยังรัง รวมถึงพวกทหารมนุษย์อีก 200 คนที่มีชายราวๆ 120 คนกับผู้หญิงอีก 80 คนไปด้วย ส่วนกองทหารที่เหลืออีก 100 คนนั้น ผมได้ทำการสังหารไปหมดแล้ว เพราะหากจับกลับไป อีก 100 คนคงจะไม่ดีเท่าไหร่