เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
"ห๊ะ!!!? นายหมายความว่าไงนะ!?"
เบลอุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับใบหน้าของฮ็อบก็อบลินทุกตน ณ ตรงนี้ที่ได้ยินคำพูดของผม
แน่นอนว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมบ่นๆกับพวกนี้ว่าจะออกเดินทางไปข้างนอก เพื่อสำรวจโลกภายนอกว่าเป็นยังไง และจะขยับขยายหรือย้ายถิ่นฐานไปที่ไหนได้บ้าง นั้นคือตอนแรกที่บอกกับเบล
แต่ทว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมฆ่าพวกทหารอลันเทียร์ ในการกวาดล้างพวกออร์คไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ ผมคิดว่าก็อบลินอย่างพวกเรา ควรที่จะสร้างรากฐานแห่งอนาคตให้กับเผ่าพันธ์ของตนเองได้แล้ว
ไม่ใช่จะต้องมาหลบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้ และการเลี้ยงปากท้องนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องมีฟาร์มใหญ่ๆสักแห่งเอาไว้ใช้ผลิตข้าว เพื่อการอยู่อาศัยระยะยาว เนื่องจากในตอนนี้ ประชากรของถ้ำก็อบลินแห่งนี้ มีจำนวนมากกว่า 240 คน/ตน นับรวมพวกมนุษย์ทั้งชายและหญิงด้วยนั้นเอง
"ที่นี้ มันไม่เหมาะกับการตั้งรกรากหรอกเบล เพราะงั้นฉันเลยคิดว่า เราควรจะออกจากรังนี้ และเข้ายึดดินแดนสักที่ของพวกมนุษย์สักที"
"เรื่องนั้นมันใหญ่มากเลยนะเอล!! พวกเรามีแค่นี้ จะไปไหวได้ยังไงกัน?"
"เรื่องนั้น ภายในเวลา 6 เดือนพวกนายต้องเพิ่มประชากรก็อบลินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โอเคไหม?"
"เอล... ทำไมนายถึงกระหายขนาดนี้กันเพื่อน?"
"เพื่ออนาคตและถิ่นฐานอันสงบสุขของพวกเรา เผ่าวารันเทียร์ยังไงหล่ะ"
"เพื่อเผ่าวารันเทียร์.... เห้อ... ความคิดนายนี้ไปไกลกว่าฉันซะอีกนะ...."
พอโดนเบลถาม ผมก็บอกหมอนั่นไปด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย เพราะสำหรับที่แห่งนี้แล้ว มันไม่เหมาะกับการที่จะตั้งรกรากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นที่ๆมีมอนเตอร์อยู่เยอะ สัตว์อันตรายและเผ่าพันธ์อื่นๆที่ต้องการจะเป็นใหญ่ในที่แห่งนี้ก็ตามแต่ เพราะแบบนั้นแล้ว เราควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อความปลอดภัยของเผ่าพันธ์
ฉนั้นแล้ว ถึงได้บอกว่าจะออกเดินทางเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อที่จะหากำลังรบเพิ่มเติม และหาเส้นสายในการตั้งรกรากในดินแดนใหม่ๆนั่นเอง และนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้กล่าวชื่อหนึ่งขึ้นมา มันคือชื่อของเผ่าก็อบลินของผม เผ่าวารันเทียร์ และในอนาคตมันจะต้องเป็นชื่อที่ยิ่งใหญ่มากๆ
เบลที่ได้ฟังคำพูดของผมแล้ว หมอนั่นก็แผ่วใจลงมาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้กับผมที่คิดอะไรไปไกลกว่าที่ตนเองอย่างมาก
แน่นอน เพราะฉันไม่ใช่ฮ็อบก็อบลินเสียหน่อย....
หลังจากพูดคุยกับเบล และตนอื่นๆจบแล้ว ผมก็เข้าไปในห้องตีอาวุธเพื่อพบกับ 4 สาวที่เป็นฝาแฝด 2 คู่นั่นคือ นิโคล ลิโน่ เยเรน่า และฟิโรน่า ทั้ง 4 คนนั้นเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากคู่หนึ่งเลยก็ว่าได้ และเมื่อผมเดินเข้าไปภายโรงตีอาวุธนั่นเอง ลิโน่ที่กำลังนั่งรับคมอาวุธก็ได้กล่าวขึ้นมาทักทายผม
"เอล มานี้มีอะไรหรือเปล่า?"
"ฉันจะไม่อยู่ 6 เดือนน่ะ จะออกสำรวจโลกนี้หน่อย ขออะไรใช้เดินทางหน่อยสิ"
"เห~ เอลจะไปผจญภัยหรอเนี่ย~ อายุจะ 2 เดือนเองเก่งจังๆ"
"อย่าเล่นแบบนี้สิ นิโคล...."
แฝดคนน้องลิโน่ ช่างตีอาวุธเอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่งเรียบ และเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่ผมจะบอกเหตุผลว่าจะออกไปผจญภัยกับ เธอ แต่ทว่าเมื่อสาวๆได้ยินว่าผมจะออกเดินทางสำรวจโลกใบนี้ นิโคลที่เป็นพี่สาวของลิโน่ ก็เดินเข้ามาจากด้านหลัง เอาหน้าอกอวบอึ๋มแนบหลังและลูบหัวของผมอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
เมื่อสัมผัสอันอ่อนนุ่ม สัมผัสโดนแผ่นหลัง ผมก็สะดุ้งโหยงก่อนจะดุนิโคลไปเล็กน้อย และขยับตัวออกมานิดนึง
ถึงจะบอกว่าจะออกผจญภัย แต่ถ้าหากไม่มีอุปกรณ์ดีๆ ก็คงจะไปไหนไม่รอดแน่ๆ ผมจึงได้มาหาทั้ง 4 คนก่อนนั่นแหละ
"จริงสิ ไหนๆจะออกผจญภัยครึ่งปีแล้ว เอาพวกนี้ไปสิ"
"อะไรหรอลิโน่?"
"เครื่องมือน่ะ"
ว่าแล้ว ลิโน่ก็นำอุปกรณ์ตั้งแคมป์ และสิ่งของหลายๆอย่างที่ใช้สำหรับการเดินทางระยะยาวและสถานการณ์จำเป็นต่างๆ ไม่ว่าจะปีนต้นไม้ ปีนเขา ตกปลา และสิ่งของพวกนั้น ผมก็ใช้เวทย์ช่องเก็บของทำการรจัดเก็บไปทั้งหมด เพื่อไม่ให้มันเกะกะเกินไปในตอนผจญภัย และเลือกใช้เข็มขัดรัดรูปมาสวมใส่เอวและช่วงอกของตน
เพื่อนำมาใช้เป็นอุปกรณ์จัดเก็บพวกมีดสั้นและดาบสั้นเอาไว้เพียงเท่านั่น
"ไหนๆเอล ก็จะออกไปผจญภัย เอานี้ไปด้วยสิคะ"
"หืม.... เยเรน่า ฟิโรน่า หรอ... ไหนๆขอผมดูหน่อยสิ~"
"นี้ค่ะ พวกชุด ผ้าคลุมและเงินจำนวนหนึ่งค่ะ"
"โห!!! ของจำเป็นระดับหนึ่งเลยนะเนี่ย... ขอบใจทั้งสองคนมากนะ"
ผ้าคลุมตัวใหม่ ถูกพับมาอย่างดี ค่อยๆยื่นส่งมอบผ่านสองมือของเยเรน่าและฟิโรน่า สองฝาแฝดชาวบ้านธรรมดา ด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อผมรับมันมาดู ก็เห็นได้เลยว่า เสื้อผ้าชั้นดี เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ มีรองเท้าบู้ทสีน้ำตาลใหห้ใส่ รวมถึงผ้าคลุมสีฟ้าครามสวยงาม นอกจากนั้น พวกเธอยังได้มอบเงินจำนวน 20 เหรียญทองให้กับผมอีกด้วย
ไม่รู้ว่่าเหรียญทองนี้ ใช้ได้ที่ไหนบ้าง แต่เมื่อมันเป็นเหรียญเงินตราแล้ว ก็คงมีค่าในหลายๆที่นั่นเอง นอกจากนั้นแล้ว พวกเธอทั้ง สองคนยังได้มอบสิ่งสำคัญอีก 1 สิ่งให้กับผมด้วย สิ่งที่บ่งบอกสัญลักษณ์ของการเป็นนักเวทย์ นั่นคือหมวกปลายแหลมสีน้ำเงินแถบดำประกายทอง เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นนักเวทย์
เมื่อได้ของครบแล้ว ผมก็ออกจากโรงตีเหล็กของทั้ง 4 สาวก่อนจะกลับไปที่ห้องสมุดภายในถ้ำ ถ้าถามว่าทำไมภายในถ้ำก็อบลินถึงมีห้องสมุดนั่น ก็เป็นความประสงค์ของเชียร่านั่นเอง และภายในห้องสมุดนั่น เป็นห้องสมุดขนาดเล็กที่เพดานไม่ได้สูงมาก มันเป็นที่ๆเชียร่าใช้นอนและอ่านหนังสือ รวมถึงทำอุปกรณ์ต่างๆสำหรับนักเวทย์อีกด้วย
พอผมเดินเข้ามาภายในห้องสมุดของเชียร่าแล้ว ก็ได้เจอกับเธอที่ยังเปลือยกายและขาไขว้ข้างอย่างเซ็กซี่อยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะตรงหน้า เล่นทำเอาหรรมผมแข็งมากเลยทีเดียว
"หืม? นั้นชุดใหม่หรอเอล?"
"แน่นอนสิ ก็ฉันจะออกเดินทางนี้นะ สัก 6 เดือนนานอยู่คงไม่เหงานะ"
"มันก็เหงาแหละ แต่จะตั้งตารอนายแล้วกันนะ ออ... ไหนๆแล้วเอานี้ไปด้วยสิ"
"ไม้เท้าหรอ?"
"อืม!! ใช่แล้ว"
เชียร่าที่เห็นผมเดินเข้ามาภายในห้องสมุดด้วยชุดใหม่ เธอก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องที่ผมต้องบอกกับเธอเช่นกัน จึงยิ้มเล็กๆและบอกกล่าวกับตัวของเชียร่า ว่าตัวผมนั่นจะไม่อยู่สักพัก อย่างน้อยๆก็ครึ่งปีเพื่อที่จะสำรวจโลกใบนี้ แต่ในใจก็คิดๆอยู่ว่าสาวๆจะเหงากันบ้างไหมนะ ถ้าผมไม่อยู่แบบนี้
แต่คำตอบที่ได้รับจากเชียร่า ก็ทำให้ผมใจเบาไปเปรอะหนึ่ง เพราะถึงจะเหงา แต่เธอก็จะรอผมกลับมา พร้อมกับมอบของบางสิ่งให้กับผม มันเป็นไม้เท้าที่มีขนาดยาวถึง 1.5 มีหงอนแหลมเป็นแง้งสองด้านของตัวไม้เท้าและตรงกลางนั้นมีการประดับลูกแก้ว 3 ชิ้นไว้ด้วยกัน และตรงปลายประกอบด้วยแง้งแหลมปิดปลายไว้
สิ่งที่ได้รับมามันคือคฑาที่เชียร่าเป็นคนทำขึ้นมาในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมานี้ เพราะรับรู้ว่า สายพันธ์ที่ผมจะวิวัฒตนาการคือเผ่าพันธ์อะไรถึงได้ทำไว้เนืองๆ แน่นอนว่า ผมเองที่ถามปู่ก็อบลิน ก็ได้ความว่า ถ้าไม่วิวัฒตนาการแปลกแยกไปเลย ผมก็จะวิวัฒตนาการเป็น ฮ็อบก็อบลินลอร์ดสายเวทย์ หรือที่เรียกว่า Magic/Spell Lord อะไรทำนองนั้น
ไม้คฑาที่เชียร่ามอบให้ ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า ยังไงผมก็คงวิวัฒตนาการเป็น Lord อย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ และที่สำคัญนั่น ไม้คฑานี้ยังช่วยทวีคูณความสามารถทางเวทยมนต์ธาตุให้กับผมอีกด้วย ด้วยความที่ไม้เท้านี้มีลูกแก้วประดับ 3 ชิ้น ได้แก่
ลูกแก้วสีเหลืองขนาดกลาง - น่าจะทวีคูณเวทย์ไฟฟ้า/สายฟ้า ให้ผมได้พอตัว
ลูกแก้วสีฟ้าขนาดเล็ก - ทวีคูณเวทย์น้ำแข็งระดับหนึ่ง
สุดท้ายคือ ลูกแก้วสีแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง - ทวีคูณเวทย์ธาตุไฟ อย่างมหาศาล
ถ้าให้อธิบายเทียบผลลัพธ์ก็คงจะประมาณนี้หล่ะมั้ง เล็ก x2 / กลาง x3 / ใหญ่ x4
ก็ถือว่าเป็นการทวีคูณความรุนแรงทางเวทย์ได้ดีทีเดียวเลยหล่ะ นอกจากนั้นแล้ว เชียร่ายังมอบหนังสือเวทย์แบบพิเศษให้กับผมอีกด้วย และหวังว่าผมจะใช้เวทย์เกือบทุกบทในหนังสือนี้ได้
"นี้เป็นเวทย์บทพิเศษ เรียกว่า เวทย์ไร้ธาตุ"
"มันคืออะไรหรอ?"
"ก็พวกเวทย์พิเศษๆนั่นแหละ เคยอ่านเจอเวทย์ Dispel Magic กับ Counter Magic ด้วยน่าสนใจมากๆเลยหล่ะ"
"หืม...? ขอบใจนะ จะเก็บไว้แล้วกันนะ"
"อืม! ระวังตัวด้วยหล่ะ เอล!!"
"แน่นอน ถ้างั้นไปก่อนนะเชียร่า..."
ด้วยความงุนงงว่าเวทย์ไร้ธาตุมันคือยังไงกันแน่ ผมก็ได้รับคำตอบจากปากเชียร่าทันที แถมยังหูผึ่งทันทีอีก เมื่อได้ยินว่ามีเวทย์ Dispel กับ Counter Magic เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้
ว่ากันว่าในนิยายแนวแฟนตาซีหลายเรื่อง เวทย์ 2 บทนี้โคตรเจ๋งเลยหล่ะ พอได้ยินแบบนี้ไม่เก็บไว้ก็คงจะน่าเสียดายน่าดู จึงเอามาเก็บไว้ในกระเป๋าเก็บหนังสือเวทย์ที่เอวไว้ ก่อนจะออกจากห้องสมุดของเชียร่า
ก่อนจะออกจากห้องสมุด เชียร่าก็เข้ามาหอมแก้วผมเบาๆ ก่อนจะกล่าวบอกลาให้กับผมได้ยิน
เพียงแค่โดนแค่นี้ผมก็รู้สึกมีกำลังใจพอสมควรแล้ว
หลังจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางอันแสนยาวไกลของผมหล่ะนะ