เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ - ตอนที่ 12 ชนบทในอาณาจักรอลันเทียร์ โดย Seria @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC

รายละเอียด

เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

ผู้แต่ง

Seria

เรื่องย่อ

เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว

นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม

 

หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!

เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ

หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา

 

อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ

สารบัญ

ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 1 เกิดใหม่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุด,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 2 เวทยมนตร์ และการออกล่าครั้งแรก,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 3 เลเวล 100 และการวิวัฒตนาการ,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 4 ออร์คและโคบอร์ล,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 5 ฮ็อบก็อบลินรุ่นพี่,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 6 เป้าหมายที่แม้จะต้องฆ่าพวกเดียวกัน,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 7 กวาดล้างพวกออร์ค,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 8 ครั้งแรกกับพี่สาว [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 9 ตามสัญญา [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 10 ปัญหาเรื่องทาส,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 11 ออกเดินทางสู่โลกอันกว้างใหญ่,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 12 ชนบทในอาณาจักรอลันเทียร์,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 13 งานในฐานะทหารรับจ้าง,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 14 อัศวินเซนทอร์สาว และการต่อสู้กับ Half-Fire Lord,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 15 Half Lord ปะทะ Half Lord,ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 16 ฉลองชัยชนะ และค่ำคืนสุดพิเศษ [NC 20+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 17 ดัสเชสร่านสวาทกับคุณหนูขี้อาย [NC 25+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 18 ตลาดค้าทาส [NC18+],ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพ-ตอนที่ 19 ข้อเสนอทำซ่อง [NC18+]

เนื้อหา

ตอนที่ 12 ชนบทในอาณาจักรอลันเทียร์

วันที่ 52 หลังจากออกจากป่าอลันดา ผมก็ได้เดินทางต่อไปเรื่อยๆ ไปในทิศเหนือของป่า ที่เป็นอาณาเขตของอาณาจักรอลันเทียร์ บ้านเกิดของสาวๆของผมนั่นเอง และต้องเข้าใจก่อนว่า ป่าอลันดานั่นเป็นป่าใหญ่ที่มีมอนเตอร์มากมาย รวมถึงสิ่งมีชีวิตอันตรายอยู่เยอะ

 

ป่าแห่งนี้มีขนาดใหญ่จนกินพื้นที่ของ 3 อาณาจักรด้วยกันนั่นคือ 1.อาณาจักรอลันเทียร์ 2.สาธารณรัฐทารันเดียร์ 3.จักรวรรดิแอลซิธ

การที่ป่าใหญ่อลันดาตั้งกินพื้นที่ของ 3 อาณาจักรนั้นทำให้ เกิดการแย่งชิงพื้นที่นี้มากันอย่างช้านาน อย่างต่ำๆ เท่าที่มีการบันทึกไว้ก็ราวๆ 20 ปีได้แล้ว นั่นแปลว่าปู่ก็อบลินมีอายุมาตั้งแต่ ช่วงสงครามแย่งชิงครั้งแรกๆแล้วนั่นเอง

 

ฟังดูเหมือนน่าประทับใจ แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นเลยน่ะสิ เพราะการที่ป่าอลันดาจ้องจะโดน 3 ขั้วอำนาจยึดครองแบบนี้ เผ่าพันธ์ก็อบลินของพวกผมก็อยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน

จากคำบอกเล่าของพี่เดียแล้ว เหมือนว่าเคยทำงานเป็นทหารรับจ้างราวๆ 2 เดือนให้กับอาณาจักรอลันเทียร์ด้วย คิดว่าพวกมนุษย์ในอาณาจักรนั้นคงไม่ได้เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่ก็ต้องการกำลังเท่าที่หาได้ อย่างงั้นสินะ...?

 

เพราะคำบอกเล่านี้เองของพี่เดียร์ ผมก็เลยตัดสินใจเดินทางไปยังอาณาจักรอลันเทียร์อย่างที่เห็นในตอนนี้

ท่ามกลางทุ่งราบเขียวขจีอันสวยสดงดงาม ผมเดินเท้าไปตามทางเดินที่ถูกปูพรมด้วยหินอิฐสีขาว อย่างเงียบงัน แต่ก็มีเสียงนกน้อยร้อง พร้อมกับเสียงสายลมเบาๆ ดังขึ้นมาเบาๆ ทำให้ไม่เหงามากนัก

 

สถานที่ๆผมจะไปนั่นคือหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปอีกราวๆ 16 กิโลเมตรจากตรงนี้ กว่าจะเดินทางถึงก็คงพระอาทิตย์ตกพอดี หวังว่าพวกมนุษย์จะเห็นใจยอมให้ที่พักกับผมบ้างนะ.... แต่จะว่าไป ทำไมเส้นทางมันไกลอย่างงี้นะ?

 

ในใจอยากจะใช้เวทย์ให้มันจบๆไป แต่เพราะไม่มีหนังสือเวทย์ธาตุลม แล้วยังไม่ได้เรียนเวทย์ธาตุลมเลย ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้อย่างว่องไว คิดว่าถ้ามีคงอาจจะเหาะไปกลางอากาศได้เลยก็ว่าได้

 

แต่ในใจก็คิดอย่างงั้นได้ไม่นานนัก เมื่อผมเดินทางตามเส้นทางเรื่อยๆ และไม่ไกลจากที่ผมอยู่ก็เจอเข้ากับรถเกวียนคันหนึ่งที่กำลังประสบกับปัญหามอนเตอร์บุกปล้นรถเกวียนอยู่นั่นเอง

 

"เห้ย!!! ถอยไปนะเว้ย!!"

"ไปตายซะ ไอ้พวกหมาเวรเอ๊ย!!!"

พวกมนุษย์จำนวน 3 ชีวิต ต่างก็พยายามต่อสู้กับมอนเตอร์อย่างโคบอร์ลกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ด้วยการเคลื่อนที่ของพวกหมาโคบอร์ลที่ว่องไว และยากที่จะคาดเดาได้ ทำให้ชายหนุ่มที่สวมเกราะเบา และถือขวานกับโล่ ต่อสู้ได้อย่างยากลำบากมากๆ ไม่ต่างกับชายอีกคนที่ใช้หอกในการต่อสู้ก็เช่นกัน ทั้ง 2 คนนั้นต่างก็ลำบากเอามากๆ กับการจะปราบโคบอร์ลเพียงแค่ 2 ตัว แต่ทว่ามีพวกมันล้อมรถเกวียนถึง 5 ตนด้วยกัน เล่นเอาหืดขึ้นคอเลยนะนั่น....

พอคิดว่า ควรจะไปช่วยพวกมนุษย์พวกนั่นดีไหมนะ ผมก็มองไปเห็น เด็กสาวคนหนึ่ง ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะอายุราวๆ 11-12 ปี เธอมีผมสีขาวสั้นถึงหน้าอก และสวมชุดไปรเวทสีขาวอ่อน ผิวพรรณสีขาวเนียนสวยงาม ถูกใจผมไม่ใช่น้อย จนเป้ากางเกงมันแข็งตุงขึ้นมาในทันที

 

พูดได้เต็มปากว่าผมไม่ใช่โลลิค่อน แต่ด้วยกรรมพันธ์ของก็อบลิน ไม่ว่ามนุษย์เพศหญิงคนไหน อายุเท่าไหร่ ก็มีอารมณ์หมดนั่นแหละ ช่างเป็นร่างกายที่มีความยุ่งยาก และลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก ต้องควบคุมความอยากของตน ตรงนี้ให้ดีๆแล้วสิ

แต่เพราะว่าความถูกใจในตัวเด็กสาวคนนั้น ผมจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเนืองๆ ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปที่รถเกวียนคันนั่นช้าๆ

 

"นี้นายเป็นนักเวทย์ใช่ไหม!! ช่วยพวกเราด้วยสิ ถ้าช่วยไม่ว่าอะไรก็พร้อมยกให้เลย!!"

"พูดจริงหรอครับ?"

"จริงสิ!!! ขอร้องหล่ะช่วยพวกเราด้วยเถอะ!!!"

"ช่วยไม่ได้สินะ... จริงๆก็จะช่วยอยู่แล้วแท้ๆ...."

ชายคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเกวียน เมื่อมองเห็นผมที่กำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆ เขาก็รีบตะโกนขอความช่วยเหลือในทันที โดยจะมอบรางวัล ตามที่ผมขอให้ เล่นทำเอาผมหูผึ่งไปเลยขณะหนึ่ง จึงเงยหน้าเอ่ยถามยืนยันคำพูดของเขาอีกครั้ง

โดยที่ผมจงใจให้เขาเห็นใบหน้าและผิวพรรณที่ไม่ใช่มนุษย์ของผม จนเข้าของเกวียนคนนั่นตกใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวตอบยืนยันในคำพูดของตนเอง โดยไม่ได้บอก ยกเว้นอะไรเลยแม้แต่น้อย จะถือว่าน่าสงสาร หรือกำลังจะโดนหลอก ให้ขายลูกตัวเองดีหล่ะเนี่ย

แต่ก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ พอสมองคิดว่ากำลังจะได้รางวัลก้อนโตขนาดนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะบ่นๆออกมาอย่างเซ็งๆและยื่นไม้เท้าของตนไปด้านหน้า เล็งปลายไม้เท้าไปที่โคบอร์ล 2 ตัวที่กำลังวิ่งมาทางผม

 

ด้วยเวทยมนต์ขั้นต้นที่ร่ำเรียนมาและใช้อย่างชำนาญการแล้ว มีหลายเวทย์ที่ผมมักจะใช้ในสถานการณ์แบบนี้ ก่อนที่ผลึกเวทย์น้ำแข็งจะเรืองแสงขึ้นมาอ่อนๆ สัมผัสได้เลยว่า พลังเวทย์ที่กำลังจะใช้เวทย์ถูกรีดไปแค่นิดหน่อย จากที่เคยใช้เวทย์นี้จริงๆ

 

"เวทย์น้ำแข็ง หอกน้ำแข็ง"

เพียงแค่คำพูดสั้นๆ จากการฝึกฝนเวทยมนต์มานานกว่า 1 เดือนทำให้มีความเชี่ยวชาญการร่ายเวทย์แบบย่อ หรือไร้ร่ายก็ทำได้ ก่อนที่จะทำการร่ายเวทย์หอกน้ำแข็งขนาดเท่า นิ้วชี้ขึ้นมา ขนาดของมันถึงจะเรียวเล็ก แต่ก็แหลมคมเอามากๆ หลังจากทำการร่ายเวทย์ ผมก็ทำการยิงหอกน้ำแข็งพวกนั่นใส่หน้าผากของเจ้าโคบอร์ลทั้งสองตัวอย่างว่องไว

 

พรึบ....

เสียงของโคบอร์ล 2 ตัวลงไปนอนตายกับพื้นดังขึ้นมาเบาๆ เพราะหอกน้ำแข็งได้วิ่งตัดผ่านเนื้อเข้าไปทำลายส่วนประสาทของพวกมันในทีเดียวจนตายในพริบตาอย่างที่เห็น

 

เมื่อโคบอร์ลตัวหนึ่งเห็นว่าพวกพ้องของมัน 2 ตัวโดนผมฆ่าแบบง่ายๆ พวกมันก็เกิดอาการหวาดกลัว กลัวตายขึ้นมา ก่อนจะรีบพากันหนีเข้าไปในป่า อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็หาใช่ทางรอดของพวกมันไม่ เมื่อผมทำการร่ายเวทย์น้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้ง

 

"เวทย์น้ำแข็ง ธนูน้ำแข็ง"

ที่นี้คือเวทย์ขั้นต้นอีกบทหนึ่งของธาตุน้ำแข็งนั่นคือเวทย์น้ำแข็ง ที่ผมมักจะใช้บ่อยๆ เมื่อทำการร่ายเวทย์ขึ้นมา มานาในร่างก็ถูกรีดออกไปเพียงเสี่้ยวเดียว ต่างจากก่อนได้ไม้เท้านี้มากๆ ก่อนจะทำการสร้างลูกธนูจำนวน 4 ดอก ที่หัวของทั้ง 4 ดอกมีความแหลมคมอย่างมาก และเพียงแค่ยิงออกไป

ธนูเหล่านั้นถูกยิงออกไปใส่กลางหัวของพวกโคบอร์ลเหล่านั้นอย่างว่องไว จนพวกมันล้มลงไปนอนตายกับพื้นอย่างรวดเร็วในทันที

 

หลังจากจัดการกับพวกโคบอร์ลเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินเข้าไปหาเจ้าของรถเกวียนคันนั้นทันทีพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กๆให้กับเขา

 

"คงลำบากมากเลยสินะครับ ที่พวกโคบอร์ลเข้ามาก่อความวุ่นวายเนี่ย"

"เห้อ... ก็ไม่เท่าไหร่หรอก พวกเผ่าพันธ์โคบอร์ลนั่น ชอบรังควานพวกเราบ่อยๆน่ะ ไม่เหมือนก็อบลินอย่างนายหรอก"

"นี้คิดจะกลับคำพูดกันหรอครับ? แล้วก็มองให้ดีนะครับ ถึงจะเป็นก็อบลิน แต่ผมเป็นฮ็อบก็อบลินนะครับ แล้วก็เด็กคนนั้นลูกคุณหรอครับ?"

"เหอะ แต่ก็ขอบใจที่ช่วยแล้วกัน หืม!? นี้แกคิดจะขอเลล่างั้นหรอ!? ไม่ได้ๆ ไม่ยกเด็กคนนี้ให้เด็ดขาดหรอก"

 

ผมเดินเข้าไปทักทายพรางเอ่ยถามความยากลำบากกับทั้ง 4 ชีวิตว่ามันลำบากมากเลยใช่ไหมกับการต่อสู้กับโคบอร์ลที่มีดีด้านความเร็วและคล่องตัวแบบนั้น แต่ทว่ามนุษย์ชายที่เป็นเจ้าของเกวียนนั่นกับเสียมารยาทกับผมเสียได้ ถึงแม้ว่าผมจะเรียกว่ามอนเตอร์ แต่พวกเขากับเรียกว่า เผ่า แปลว่าในโลกนี้จะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากมานา แปลว่าทุกชีวิตล้วนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ตามธรรมชาติทั้งหมด

แปลว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็คงเป็นเรื่องที่โหดร้ายเอามากๆเลยสินะ....

 

ถึงจะคิดแบบนั่น แต่ทว่าพอโดนดูถูกว่าเป็นก็อบลินแล้ว มันก็น่าหงุดหงิดแปลกๆ คงเพราะเผ่าพันธ์ที่เป็นมอนเตอร์สามารถวิวัฒตนาการได้ และคงเกลียดชังในรากเหง้าของเผ่าพันธ์ก็อบลินอย่างมากถึงได้ด่าผมแบบนั้น แต่ขอบอกไว้เลยว่าเขาจะต้องดูผมใหม่เรื่องของเผ่าพันธ์ เพราะผมไม่ใช่ก็อบลินอ่อนแอเสียหน่อย

ก่อนที่ผมจะเริ่มพูดเข้าประเด็นในทันที เพราะตอนที่ขอให้ผมช่วย เขาบอกว่าจะมอบอะไรก็ได้ตามที่ผมร้องขอ และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ไปฉุดลูกสาวเจ้านี้เข้าให้ ก็เลยต้องถามก่อน

แต่เหมือนคำถามนั่นจะทำให้หมอนั่นโมโหขึ้นมา มือหนาทั้งสอง ดึงตัวของเด็กสาววัย 11-12 ปีที่ชื่อเลล่าเข้ามาใกล้ชิดตนเอง และบอกว่าจะไม่ยอมยกเธอให้ผมเด็ดขาด

 

"คุณลุง.... จะผิดสัญญาหรอคะ....?"

"ไม่ผิดหรอก แต่ขออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หนูเท่านั่นแหละ"

"นี้คุณจะผิดสัญญากับผมไม่ได้นะ ตอนบอกให้ช่วย ไม่ได้บอกห้ามนี้ๆสักคำ"

"อึก.... หน็อย พวกแกนี้มันปีศาจที่จ้องแต่จะสืบพันธ์จริงๆ....!"

เลล่าเอ่ยถามเจ้าของเกวียนด้วยความสงสัย เพราะเธอยังใสซื่อบริสุทธิ์จึงเอ่ยถามไปโดยไม่รู้ว่า ถ้ามอบตัวให้ผม เธออาจจะโดนฉุดผสมพันธ์ุเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่จริงๆผมไม่ได้มีความนิยมกินตับเด็กอายุ 11-12 หรอก จะโอเคกว่านี้ถ้าเธออายุ 13 ปี แต่จริงๆคงไม่ผิดหรอก ถ้าว่ากันตามกฏหมาย เลล่าข่มขืนผมด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ

พึ่งเกิดมาได้ 52 วันเองนะเข้าใจกันใช่ไหม? ถึงจะเป็นผู้ใหญ่เต็มวัยของก็อบลิน/ฮ็อบก็อบลินแล้ว แต่ถ้านับตามอายุการเกิดผมก็เด็กกว่าเลล่าเสียอีกนะ.... หืม? นับอายุก่อนเกิดใหม่ด้วยหรอ อย่าๆ อย่าคิดแบบนั่นสิ เอาอายุในชาตินี้ก็พอแล้ว....

 

พอเจ้าของรถเกวียนโดนเลล่าแถมแบบนั่น เขาก็เอ้าอึ้งขึ้นมาในทันที และบอกว่าอย่างอื่นจะอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวของเลล่า ซึ่งผมก็ไม่ได้ปลื้มกับคำตอบนั่นเสียเท่าไหร่ จนต้องบ่นๆออกมาว่า ตอนขอให้ช่วยไม่ได้บอกห้ามอะไรเลย ด้วยคำพูดนั่นที่ผมกล่าวขึึ้นมา ทำให้เจ้าของรถเกวียนสบถคำด่าใส่ผมในทันทที ว่าเป็นปีศาจจ้องแต่จะเย็ด...

ให้ตายสิ.. ผมหล่ะชักจะหงุดหงิดแล้วสินะ....

 

"สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาครับ ผมขอตัวเลล่าครับ"

"นี้ๆ คุณนายจ้าง... ทำอะไรไม่ได้แล้วหล่ะ หมอนี้แข็งแกร่งเกินไป...."

"ถึงจะไม่ชอบที่ ฮ็อบก็อบลินแม่งมาช่วย แต่มันขออะไรก็ให้ไปเถอะ"

"พวกแก... ฉันจะจ้างพวกแก มาทำไมวะ!!!? ถ้าสถานการณ์แบบนี้พวกมึงช่วยกูไม่ได้เนี่ย!!?"

"เห้ย!!! เบาๆปากหน่อยไอ้แก่เอ๊ย!!! พวกกูก็ต้องเลี่้ยงปากท้องนะเว้ย!!! แม่งปากดีแบบนี้จ่ายเงินมาเลยไอ้ห่า!!!"

ถึงแม้ว่าเจ้าของเกวียนจะยืนยันยังไงว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาหรอก เพราะเขาไม่ได้บอกห้ามนี้ๆเองนี้นะ และเมื่อผมกล่าวขอไปหลายรอบ และเจ้าของเกวียนไม่มีท่าทีว่าจะมอบตัวเลล่ามาให้ผมสักที ชายฉกรรถ์ทั้ง 2 คนต่างก็เริ่มพูดโน้วน้าวให้เจ้าของเกวียนยอมยกเด็กสาวคนนี้มาให้ผมเสียที เพื่อที่จะให้มันจบๆไป

ทั้งสองคนเล็งเห็นความแข็งแกร่งของผม นั่นทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าช่วยเจ้าของเกวียน และบอกให้เขายอมๆทำตามที่ผมต้องการไปเสียให้มันจบๆ แต่เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งยุ ราวกับว่าเลล่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขาต้องปกป้องไว้ให้ได้ ก่อนจะเริ่มด่ากราดชายทั้งสองคนที่เขาเป็นคนจ้างวานมาในงานคุ้มกันของเขา

 

"อย่าทะเลาะกันนิ อย่าทะเลาะกัน งื้อ~!"

"ให้ตายสิ พวกมนุษย์นี้น่ารำคาญจริงๆ...."

เหมือนว่าเรื่องครั้งนี้จะเริ่มไปกันใหญ่เสียแล้ว จนชายฉกรรถ์ที่โดนว่าจ้างเริ่มหยิบยกอาวุธของตนมาตั้งท่าเอาไว้ ถ้าเกิดว่าโดนทำร้ายขึ้นมาก่อน แต่ทว่าเลล่า เธอที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย และด้วยจิตใจอันแสนบริสุทธิ์และใสซื่อของเด็กสาว ทำให้เธอพยายามที่จะห้ามพวกลุงๆทั้ง 3 ไม่ว่ามันจะไร้ประโยชน์เพียงใด

ผมที่เห็นว่ามันไม่มีประโยชน์จึงดึงตัวเลล่ามาไว้ในอ้อมแขนของตนเองพรางบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่

เลล่าที่เหมือนจะรู้ว่าการกระทำของผม อยากให้ผมปลอดภัย สองมือของเด็กสาวตัวน้อย เมื่อผมก้องมองลงไป ก็เห็นชายอกเสื้อสายเดี่ยวนั่นมีร่องลมที่ปลายตาก็มองเห็นหน้าอกที่กำลังโตของเลล่าได้อย่างถนัดตา ขนาดคัพ B แล้วไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก แถมหัวนมก็ตั้งชูชันด้วย วัยกำลังโตก็คงประมาณนี้หล่ะนะ

มือทั้งสองของเลล่าเข้ามาจับปลายแขนเสื้อข้างขวาของผมเอาไว้ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มกระแทกไม้เท้าเบาๆไปที่รถเกวียนทันที

 

"นี้หยุดเถอะ เลล่าเขายอมแล้วหล่ะนะ"

"ไม่มีทาง แกมันไอ้ปีศาจเอ๊ย!!!"

"ให้ตายสิไฟบอล.... แล้วก็ไซเลนต์"

พอเห็นท่าไม่มีทางหยุดความวุ่นวายนี้ได้ ผมจึึงลองออกปากบอกห้ามดูบ้าง แต่เหมือนเมื่อผมพูดออกไป ทั้ง 3 คนทีกำลังทะเลาะกันอยู่ก็ได้พุ่งเป้าเข้ามาหาผมและจะฆ่าผมทีเผลอ แต่ผมก็ไมีใช่ก็อบลินที่จะปล่อยให้ใครฆ่ากันง่ายๆหรอกนะ

เวทย์ไฟขั้นต้นอย่างบอลไฟถูกร่ายขึ้นมา ด้วยผนึกเวทย์ธาตุไฟที่มีขนาดใหญ่ การดึงมานาเลยน้อยลงตามขนาดของมัน ก่อนที่ลูกไฟทั้ง 3 ลูกจะพุ่งไปเผาร่างของชายฉกรรถ์ตรงหน้าของผมอย่างว่องไว พร้อมกับเสียงร้องอวดครวญด้วยความเจ็บปวด และไม่อยากตายของพวกมัน แต่ก่อนที่พวกมันจะโดนเวทย์ไฟเผา

 

ผมก็ใช้เวทย์ Sillent ทำให้ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดเข้ามาให้เลล่าได้ยิน พร้อมกับมือขวาที่เอื้อมไปปิดตาของเธอ เพื่อไม่ให้เห็นการสังหารหมู่ตรงหน้าที่ผมได้กระทำลงไป และหลังจากที่สังหารพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็คลายเวทย์เก็บเสียงอย่าง Sillent ออก ก่อนที่ผมจะโน้มตัวลงไปลูบหัวของเลล่าเบาๆ

 

"นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ?"

"ฉันขอโทษนะ ชาย 2 คนนั้นโกรธมากจนฆ่าคุณลุงไป ผมเองก็ต้องป้องกันตัวเอง ก็เลยต้องฆ่าพวกนั้นทิ้งเหมือนกัน"

"ฮึก.... ค... คุณลุง ฮ... ฮือ!!!!!!!!"

"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเลล่า ฉันจะดูแลเธอเองนะ เลล่า"

"ฮึก... ห... หรอ... คะ? คุณ... ชื่ออะไร?"

"ฉันชื่อเอล เป็นฮ็อบก็อบลิน จะเรียกว่า ฮ็อบเอล หรือ เอล เฉยๆก็ได้"

"อ... อืม... ดูแลหนูด้วย... เอล..."

เด็กสาววัย 12 ปีที่กำลังงุนงง กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ยืนมองผมอย่างงุนงง ก่อนจะถามว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์ที่ทำให้ต้องโกหก ผมก็ได้กล่าวพูดด้วยใบหน้าซื่อแล้วบอกว่า คุณลุงรถเกวียนโดนชายฉกรรถ์ฆ่าตายในตอนที่พวกมันเดือดจัดก่อนที่ผมจะทำการสังหารมันอีกทีหนึ่ง

เมื่อได้รับรู้ว่า คุณลุงตายไป เด็กสาวตัวน้อยก็ร้องไห้โฮออกมาในทันที ด้วยความเสียใจ ราวกับว่าเจ้าลุงเจ้าของรถเกวียนเป็นคนของเธออย่างไร้อย่างงั้น จนผมพอจะเข้าใจสถานการณ์อื่นๆขึ้นมาบ้าง

 

บางทีเลล่าอาจจะเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการเลี้ยงดูจากคุณลุงที่น่าจะเป็นญาติ และเหมือนจะเลี้ยงมาอย่างผูกพันธ์กันมากๆจนเด็กสาวคนนี้ปล่อยโฮออกมา ทำเอารู้สึกผิดเลย ในใจก็อยากจับผสมพันธ์ แต่ก็อยากเลี้ยงดูเอ็นดูเลล่าขึ้นมาบางส่วนแล้ว หรือว่าผมควรจะจับปลาสองมือดีนะ? เสี้ยมให้เลล่าใจแตก แล้วก็เลี้ยงดูแบบ Sugar Daddy Sugar Baby~ น่าสนุกเหมือนกันแหะ....

พอเห็นความสิ้นหวังของเลล่าแล้ว ผมก็ได้เอ่ยถามเธอด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วงเธอ ทำให้เลล่าที่กำลังลังเลก็ได้ตอบตกลงที่จะรับผมเป็นพี่เลี้ยง เป็นคนในครอบครัวอะไรทำนองนั่น ก่อนจะเริ่มออกเดินทางกันต่อ

 

ในตอนที่ปลอบใจเลล่าเรียบร้อยและเดินทางไปที่หมู่บ้านกันต่อ ผมก็ได้ใช้โอกาสตอนที่เลล่าไม่มองมาด้านหลัง ใช้เวทย์ไฟเผารถเกวียนและศพของทั้ง 3 คนให้เป็นซากไปซะเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะทำการขโมยสมบัติและของใช้ส่วนตัวของเลล่ามาด้วย

 

 

เวลาผ่านไปกว่า 8 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้ายันพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผมกับเลล่าก็เดินทางมาถึงยังหมู่บ้านชายแดนของอาณาจักรอลันเทียร์ที่อยู่ห่างจากป่าอลันดาราวๆ 50 กิโลเมตร ก็ถือว่าไกลอยู่ในมุมมองของผม ก่อนที่จะเริ่มเดินดูหาที่พักสำหรับคืนนี้ให้กับตนเองและเลล่า

 

"ขอโทษครับ ที่นี้พอจะมีโรงเตี้ยม หรือโรงแรมให้พักไหมครับ?"

"หืม...? ก็อบลินหรอ ถ้าแกถามถึงโรงเตี้ยมหล่ะก็ เดินไปตรงนู้นนู่น"

"......ขอบใจ"

ผมเดินดุ่มๆไปทั่วหมู่บ้านกับเลล่า เพื่อที่จะตามหาโรงเตี้ยมพักผ่อน จนกระทั่งเเดินมาเจอชายฉกรรถ์คนหนึ่ง ที่มองผมแบบเหยียดหยาม ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความไม่ชอบขี้หน้าและบอกทางไปโรงเตี้ยมให้ผม

ถึงแม้เจ้านั่นจะไม่บ่นไม่ด่าอะไรตัวผม แต่ในใจมันกลับรู้สึกหงุดหงิดไม่ใช่น้อยเลยก็ว่าได้... มันน่าโมโหเอามากๆๆเลยหล่ะ แต่ผมก็ต้องระงับความโกรธของตนเองเอาไว้และเดินไปตามทางที่ชายคนนั่นบอก

 

เดินมาไม่ไกลนักก็มาเจอกับโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ไม่ได้หรูมากมายนัก แต่ก็เป็นโรงเตี้ยมมาตราฐานที่พร้อมให้พักอาศัยได้อย่างปลอดภัยระดับหนึ่ง และเมื่อเดินเข้าไป ผมก็ได้พบกับชายวัยกลางคนกำลังยืนเช็ดแก้วอย่างขมักเขม่น

 

"พอมีห้องให้เด็กกับผู้ใหญ่ไหมครับ?"

"หืม...? ก็อบลินรึ!? ไม่ค่อยได้เจอนานแล้วแหะ.... อืม..... นี้หลายห้องเลยหล่ะ แต่ตามลำดับก็ ขึ้นไปชั้นบนห้อง 202 เลย ค่าเข้าพัก 10 เหรียญเงิน/ 1 คืน"

"เอ่อ.... ขอบคุณครับ...."

ถึงแม้จะอยู่ภายในโรงเตี้ยม แต่เหมือนว่าพวกมนุษย์บางคนจะไม่ค่อยให้ค่าอะไรกับเผ่าพันธ์ที่แตกต่างจากตนเองอย่างมากพอสมควร ยิ่งผมเป็นฮ็อบก็อบลินด้วยแล้ว คงจะโดนเหยียดหนักมากแน่ๆ แต่นั่นก็ไมไ่ด้สำคัญอะไรหรอก

ผมทำการจ่ายเงินจำนวน 10 เหรียญเงินให้กับพร้อมกับรับกุญแจสำหรับห้องพัก 202 ตามที่ชายคนนั้นบอก และยื่นมันให้เลล่าไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับบอกให้เธอไปพักก่อนได้เลย เพราะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว

 

หลังจากที่เลล่าได้กุญแจ เธอก็ทำตัวเป็นเด็กดี ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพัก 202 ที่ชั้นสองของโรงเตี้ยมทันที ใบหน้านั่นคงดูมีความสุขมากๆ และพอเปิดประตูเข้าไปในห้อง คงรีบกระโจนใส่ที่นอนอย่างแน่นอน ให้ตายสิ... เด็กๆนี้ช่างไร้เดียงสาดีจริงๆนะ

แต่นอกจากเรื่องของเด็กแล้ว ผมก็ต้องการที่ทางสำหรับการหาข้อมูลและในอนาคต ถ้าหากต้องทำสงคราม การกระเกณฑ์กำลังพลให้เพียบพร้อมคงเป็นเรื่องจำเป็นไม่ใช่น้อย นอกจากนั้นยังเรื่องของเงินทุนอีกด้วย....

 

"นี้ลุง ที่อาณาจักรอลันเทียร์จะหาเงินยังไงหรอ?"

"หืม..? นี้แกไม่รู้งั้นหรอ ไอ้ก็อบลิน"

"รู้อะไรหรอครับ?"

"ไกลออกไปจากที่นี้ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีเมืองที่ชื่อ รุน อยู่นายไปสมัครเป็นทหารรับจ้างที่นั้นสิ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ออกเดินทางคนเดียวได้ไงเนี่ย?"

"ออ... แบบนี้นี่เอง ก่อนออกมาไม่ได้ถามพี่เดีย ส่วนพวกที่รู้เรื่องนี้ ผมก็ฆ่าทิ้งไปหมดแล้วด้วยสิ...."

"หืม...."

ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาเตอร์ของโรงเตี้ยมที่คุณลุงเจ้าของโรงเตี้ยมกำลังยืนขัดขวดเบียร์ในมืออย่างใจเย็นนั่นเอง ผมก็ได้เอ่ยถามเรื่องหนึ่งกับเขา นั่นคือเรื่องของการทำงานหาเงินในอาณาจักรอลันเทียร์ และเมื่อคำถามถูกถามออกไป คุณลุงตรงหน้าก็ทำท่าทางงุนงงเล็กน้อย ในคำถามของผม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

พอโดนถามกลับด้วยคำถามแบบนี้ ก็เล่นทำเอาหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เห็นเบ้าหน้าผมรู้ทุกอย่างหรือไงวะ!!? ก็ตามนั่นแหละ พอบอกไปว่าไม่รู้ คุณลุงเขาก็ถอนหายใจและบอกให้ผมเดินทางไปเป็นทหารรับจ้างที่เมืองรุนจะดีที่สุด เห็นว่าตอนนี้อาณาจักรอลัันเทียร์กำลังมีสงครามกับอาณาจักรมิดเรย์

อาณาจักรเล็กๆที่อยู่ติดๆกับสาธารณะรัฐทารันเดียร์อยู่ เหมือนว่าจะตีเอาอาณาจักรมิดเรย์สักเมืองเป็นฐานสำหรับการบุกโจมตีสาธารณรัฐอะไรทำนองนั่น ก็ข่าวลือมันมาแบบนี้ก็คงต้องสรุปไปก่อนหล่ะนะ

 

"นี้นายฆ่าพวกเดียวกันด้วยงั้นหรอ?"

"ก็นะครับ นอกจากเผ่าของผม คนทรยศและก็อบลินนอกเผ่า ถือว่าเป็นศัตรูทั้งหมดครับ"

"อืม... แบบนี้ก็คงจะได้กำไรงามหน้าดูเลยนะ เห็นว่ามิดเรย์มีฮ็อบก็อบลินทหารรับจ้างจำนวน 300 คนโคตรเก่ง แถมหัวหน้าของพวกมันยังเป็นถึง Half-Fire Lord อีกต่างหาก..."

"เมื่อกี้ลุงพูดอะไรนะ!!?"

"หัวหน้าพวกมันเป็น Half-Fire Lord น่ะ"

"แม่งเอ๊ย.... จะสู้ไหวไหมเนี่ย ถึงผมจะใกล้วิวัฒตนาการแล้วก็เถอะ"

คุณลุงที่สงสัยในคำพูดของผมที่สามารถฆ่าพวกเดียวกันได้ ผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บอกเขาไปว่าผมนั่นให้ความสนใจกับแค่ก็อบลินในเผ่า หรือที่เกิดและเติบโตในถิ่นฐานเดียวกันเท่านั่น นอกนั่นเป็นศัตรูทั้งหมด แต่ก็ไม่รู่ว่าพูดอะไรไม่เข้าหูของคุณลุง

จู่ๆเขาก็เกิดคึกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยและบอกข้อมูลที่จะทำให้ผมปวดหัวขึ้นมาในทันที เพราะกลุ่มทหารรับจ้างฮ็อบก็อบลินนั่นเอง....

 

เพียงแค่ได้ยินคำว่า Half-Fire Lord ผมก็หูผึ่งขึ้นมาในทันที เพราะนั่นคือร่างวิวัฒตนาการระดับ Rare ของก็อบลินเลยนะนั่น!!! ผมทที่เป็นร่างวิวัฒตนาการระดับ Uncommon จะไปสู้อะไรกับเจ้านั่นได้กันเล่า!!? แต่ก็คิดๆดูแล้ว เจ้านั่นก็วิวัฒตนาการสายตรงเหมือนกันสินะ จาก Hobgoblin ธรรมดาๆไป Half-Fire Lord ได้....

แปลว่าหมอนั่นคงจะใช้เวทย์ไฟ หรือไฟในการต่อสู้แน่นอน แล้วก็น่าจะมีวิชาในการต่อสู้มือเปล่าด้วย... การจะต่อสู้กับเจ้านั่นได้ ก็คงจะต้องใช้เวทย์ธาตุน้ำแข็งหล่ะนะ แต่ไม้เท้าของผม ในส่วนผลึกน้ำแข็งเป็นขนาดเล็ก.... ถ้าหากไม่วิวัฒตนาการก่อน อาจจะไม่สามารถชนะได้อย่างเด็ดขาดแน่ๆ....

 

"เห้อ.... ให้ตายสิ ขอบคุณครับลุง ผมขอไปพักผ่อนก่อนหล่ะ"

"พรุ่งนี้ตื่นเช้าๆหล่ะ มีรถเกวียนจะเดินทางไปเมืองรุน"

"ครับๆ จะรีบๆตื่นนะครับ"

ว่าแล้ว หลังจากขานรับคำพูดของคุณลุงไปแล้ว ผมก็เดินขึ้นไปบนห้องพักของตน และเมื่อผมเดินเข้าไปภายในห้อง ก็เจอกับเลล่าที่นอนเล่นบนเตียงในสภาพชุดนอนสีขาวบางตัวหนึ่ง มันน่ารักและล่อเป้าเอามากๆ จนผมค่อยๆทำการล็อคห้องและถอดเสื้อผ้าของตนออก เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียว

ร่างกำยำค่อยๆเดินขึ้นไปบนเตียง พร้อมกับค่อยๆกดตัวลงโอบกอดเลล่าจากด้านหลัง

 

"ปะป๊าเอล ทำอะไรคะ?"

"ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากนอนกอดนะ ฟุดฟิด~"

"ฮิๆ~ มันจั๊กจี๊นะคะ อ๊ะ... เฮะๆ~"

จบตอน แล้วครับ~

อันนี้อยากจะมาอธิบายเรื่องของระดับ วิวัฒตนาการของก็อบลินนิดนึงนะครับ ซึ่งเผ่าพันธ์ก็อบลิน โตไว ตายเร็ว แต่สิ่งที่มาทดแทนคือการวิวัฒตนาการหรือ Rank Up ที่พัฒนาการก็อบลินให้แข็งแกร่ง ไปสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

โดยที่ตามบทที่เขียนไปนั่น เอล เป็นฮ็อบก็อบลินเมจ ซึ่งถ้าตามผังวิวัฒตนาการแล้วจะเป็นระดับ N+ หรือ Uncommon ครับ

ส่วน Half-Fire Lord ที่กล่าวถึงจะเป็นผังวิวัฒตนาการระดับ R หรือ Rare นั่นเอง

โดยคีเวิร์ดมันอยู่ตรงจุดนี้คือ ยิ่งระดับ Rank สูงพลังก็ยิ่งสูงและแข็งแกร่งขึ้น และระดับของ Rank ก็อบลินจะมีด้วยกัน 5 ระดับด้วยกันดังนี้ครับ

1.Common - Goblin

2.Uncommon - Hobgoblin / Mage / Cleric / Rider / Shaman

3.Rare - Orge / Half Lord / Dhampir /

4.Super Rare - Minotuar / Apostle / Lord / Vampire

5.Superior Super Rare - Giga Minotuar / Destruction King / High Lord(?) / Vampire True Blood

ซึ่งที่ผมกล่าวขึ้นมาคร่าวๆนี้คือ เผ่าพันธ์ทั้งหมดที่ก็อบลินสามารถวิวัฒตนาการได้ครับ คร่าวๆก็ประมาณนี้แหละ

 

แล้วก็อันนี้อยากจะบอกกับทุกท่านว่า ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงหมดไฟ ไม่ใช่เบื่อจนไม่อยากเขียนนะ มันคือความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ผมเป็นทหารเกณฑ์น่ะ ถ้าใครไ่ม่รู้ แล้วคือผมอยู่มา 3 ปีละอีก 2 เดือนก็จะปลดแล้ว แต่ประเด็นคือ ผมเบื่อ ผมเหนื่อย ผมอยากกลับบ้าน ผมไม่อยากอยู่แล้ว

ผมทำงานบ้านนาย มันก็ดีอยู่ แต่ก็โคตรเหนื่อยเลย มันสบายนะ แต่แม่งก็ชอบมีคุณนาย หรืออีแก่มาคอยสั่งๆ ให้เราทำนู้นทำนั่นทำนี้จนเหนื่อย ซึ่งอาทิตย์ที่แล้ว ผมก็ทำงานหนักมาก จนเหนื่อย จนแทบจะไม่มีแรงไฟในการปั่นงานเลย

 

อยากกลับบ้าน อยากไปจากตรงนี้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว