เอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฮาเร็ม,พระเอกเก่ง,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,NC+,ต่างโลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,NC,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถึงเกิดใหม่เป็นก็อบลิน แล้วยังไงข้าก็เทพเอ ชายหนุ่มที่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุตายและเมื่อรู้สึกตัว เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
เอ ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ชีวิตรันทดก่อนจะตายลงจากโรคร้าย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้เกิดใหม่เป็นก็อบลินไปเสียแล้ว
นี้คือเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของเขา ที่จะฟันฝ่าชะตากรรมที่ต้องตาย ในฐานะก็อบลินและจะวิวัฒตนาการตนเอง ให้เป็นมอนเตอร์สุดแกร่งเพื่อครองโลกใบนี้ ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร จะต้องเจอกับอะไรโปรดรับชม
หมายเหตุ: ตอนแรกว่าจะให้มีระบบ แต่โยนทิ้งไปครับ มันแบบ ขก.เขียนเว้ย!!!
เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้กลุ่มของมอนเตอร์จะมีระบบเรื่องของ เลเวลเข้ามา เพื่อวิวัฒตนาการตนเองสู่เผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถก็ต้องศึกษาและฝึกฝนเองนั่นแหละ
หมายเหตุ 2: นิยายเรื่องนี้ ผมได้รับแรงบัลดาลใจอะไรไม่รู้ แต่ 1 เลยคือมี Re:Monster ละ 1 ทำไมหรอ? ออ นึกไปถึงสมัย 6-7 ปีก่อนเคยเล่นฉบับเกมมือถือ และก็ชอบไงก็เลย อยากจะหยิบยืมคอนเซ็ปการวิวัฒตนาการต่างๆอะไรทำนองนี้มา
อันนี้ขอแจ้งก่อนว่า ในนิยายเรื่องเนี่ย ผมคิดว่า มอนเตอร์เนี่ย ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายนะ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพก็ทรงรักและสร้างสรรค์ขึ้นมา คือเอาง่ายๆเลยก็ พระเจ้าทรงรักเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
แต่ทำไม ก็อบลินถึงถูกจัดเป็นมอนเตอร์รังควาน เพราะมันแพร่พันธ์ไว และอ่อนแอ รวมถึงโดนมองเหยียดจากเผ่าพันธ์สูงส่งกว่าครับ
หลังจากได้พักผ่อนในหมู่บ้านจนอิ่ม ผมกับเลล่าก็ได้ออกเดินทาง โดยการติดรถเกวียนกันไปยังเมืองรุน ที่อยยู่ไกลออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนักราวๆ 1 วันเต็ม ผมกับเลล่าก็เดินทางมาถึงยังเมืองรุนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต้องพูดเลยว่า การเดินทางนั่นราบลื่นพอสมควร ถึงแม้จะมีสัตว์ หรือมอนเตอร์รังควานอย่างหมาป่าดรายวูฟออกมาโจมตีอยู่บ้างก็ตาม แต่มันก็เป็นการเก็บเลเวลที่ดีไม่ใช่น้อย จนตอนนี้ผมมีเลเวลที่ 95 เรียบร้อยแล้วและอีกเพียง 5 เลเวลก็จะวิวัฒตนาการเป็นระดับ Rare แล้วหล่ะ....
พอมาถึงยังเมืองรุนที่มีกองทัพจำนวนหลายพันคนรวมตัวกันอยู่ และยังมีทหารรับจ้างมากมาย ทำให้สันนิฐฐานได้ว่า เมืองนี้จะเป็นเมืองหลักในการทำการโจมตีอาณาจักรมิดเรย์นั่นเอง แต่ทว่าผมกับเลล่าที่เดินทางเข้ามาภายในเมือง ก็ต้องถูกหยุดไว้โดยทหารยามเฝ้าประตูเมืองรั้งเอาไว้ ด้วยความสงสัย
เนื่องจากผมเป็นฮ็อบก็อบลินที่มากับเด็กนั่นเอง ทำให้พวกทหารยามจับต้องมาที่ผมเป็นพิเศษ จนรู้สึกเกร็งเล็กน้อย แต่ผมก็เริ่มคลายความกังวลลงอย่างช้าๆ เมื่อมีทหารยามนายหนึ่งเดินเข้ามาหาผม
ชายหนุ่มวัยกลางคนสวมชุดเกราะอก แขนขา สีเงินและผ้าคลุมไหล่ที่สยายไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ก่อนที่เขาจะจับจ้องมาที่ผมอย่างขมักเขม่น ใบหน้าของเขา ถึงจะไม่ได้ดูดีมากเพราะเป็นชายมีอายุ แต่ก็ภูมิฐานดีในระดับหนึ่งก็ว่าได้
"นายเป็นก็อบลินจากที่ไหน?"
"ผมเป็นฮ็อบก็อบลินเมจครับ มาจากป่าอลันดา ส่วนนี้เลล่าเธอเป็นเด็กกำพร้าที่ผมรับเลี้ยงน่ะครับ"
'เห้ย.... ฮ็อบก็อบลินเลี้ยงต้อยว่ะ'
'กูว่าเดี๋ยวแม่งก็เย็ดเด็ก เชื่อปะ....'
"เห้ย!!! พวกแกเงียบๆ แล้วเฝ้าประตูไป!! เห้อ... ให้ตายสิ เอาเป็นว่าตามฉันมาที่ห้องสอบปากคำหน่อยนะ เพราะนายเป็นก็อบลินน่ะเหตุผล"
"เอ่อ... ได้ครับ"
ในตอนที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตูเมืองนั้นเอง ทหารยาม 2 คนก็เดินมาขวางทางของผม เจ้าพวกนั้นเอาทวนที่ใช้เป็นอาวุธมาไขว้คอของผมเอาไว้ ด้วยความหวาดระแวง พร้อมกับเอ่ยถามว่าผมเป็นก็อบลินจากที่ไหน ด้วยความกลัว หรืออาจจะเป็นการทำตามหน้าที่ก็ว่าได้
เมื่อโดนพวกมันถาม ผมก็แค่ตอบคำถามไปตามจริง พร้อมกับมือของตนที่ค่อยๆลูบหัวของเลล่าเบาๆ จนพวกมันที่เห็นเด็กสาวข้างกายของผม ก็เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความคิดตลก พร้อมกับกระซิบว่าผมจะต้องเย็ดเลล่าแน่ๆ ก็ไม่ได้ไม่จริงเสียทีเดียว แค่ตอนนี้เลล่ายังไม่เชื่องพอให้ทำแบบนั่นสักหน่อยแค่นั่นเอง
ช่วงเวลาที่ผมต้องเสียเวลากับหน้าด่านนี้มันทำให้ผมหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ก่อนที่จะมีทหารยามคนหนึ่งเดินเข้ามาต่อว่าพวกทหารยาม 2 คนตรงหน้าของผม และหันมามองผมด้วยใบหน้าระแวง และเหตุผลนั่นก็เพราะเป็นก็อบลินนั่นเอง
ความรู้สึกไม่ดีมันก่อตัวในใจของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินตามชายคนนั้นไปพร้อมกับเลล่า เพื่อให้ทหารยามคนนั้นสอบปากคำผม
ภายในห้องหนึ่งอันมืดสลัว ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายามของเมืองรุน นั่งอยู่ตรงหน้าของผมด้วยใบหน้าเข้มขึง พร้อมกับลูกแก้วลูกหนึ่งที่ประดับอยู่บนโต๊ะ ลูกแก้วสีฟ้าไร้แสงใดๆ ก่อนที่ผมจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามของเขา
พอต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ ก็รู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อย เหมือนในชาติก่อนที่ต้องไปนั่งอยู่หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และถูกเขาสอบปากคำ
"เอาหล่ะ เจ้าคงเข้าใจใช่ไหมที่ต้องมานั่งในห้อง"
"ข้าเข้าใจแล้ว... ตัวข้ามีชื่อว่า เอล ฮ็อบเอล"
"อืม เข้าใจแล้ว เอาหล่ะเพราะฮ็อบเอล เพราะเจ้าเป็นเผ่าปีศาจ ข้าจึงต้องตรวจเข้ม ในเมืองรุนมีเผ่าพันธ์มากมายเข้าออกตลอด เลยต้องตรวจเข้มเข้าใจนะ เอาหล่ะ เอามือของเจ้าวางลงลูกแก้วนี้แล้วตอบคำถามของข้า"
"บอกไว้ก่อนนะว่า ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วการกระทำของข้าคือการป้องกันตัวทั้งสิ้น"
เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย หัวหน้ายามก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าเข้มขึง เขากล่าวอธิบายก่อนว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ซึ่งเหตุผลนั่นฟังดูเข้าใจได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะในช่วงที่กำลังเข้าเมือง ผมก็เห็นพวกสาวเซนทอร์อยู่ราวๆ 5-7 คน หรือแม้กระทั่งคนแคระ เอลฟ์ ฮาร์ฟลิ่งและโนม ถือได้ว่าเมืองของเผ่ามนุษย์นั่นมีความหลากหลายมากๆ
กลับกันแล้ว ความคับแคบในใจมนุษย์นั่นคงจะปฏิเสธสิ่งที่ไม่เหมือนตนอยู่ลึกๆ การฆ่าด้วยการป้องกันตัวนั่น ก็เป็นผลมาจากที่พวกเขาไม่ยอมรับในเผ่าพันธ์ก็อบลินนั่นเอง ถ้าเป็นแบบนั่น เผ่าพันธ์ที่โดนปฏิเสธ ก็คงนับออร์คกับโคบอร์ลด้วยแน่ๆ....
"เกริ่นก่อนก็ดี ฟ้าเจ้าไม่ผิด แดงเจ้าผิด เอาหล่ะก่อนมาที่เมืองรุน เจ้าตั้งใจฆ่ามนุษย์หรือเปล่า?"
"บอกไปแล้ว ข้าฆ่าคนไปเพราะต้องป้องกันตนเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือการป้องกันตนเองทั้งสิ้น"
เพราะความไม่ไว้ว่างใจ ทำให้ผมบอกกล่าวกับชายตรงหน้าด้วยใบหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย เพราะผมเองก็ฆ่าคนไปไม่ใช่น้อย ถ้าเป็นเรื่องก่อนออกเดินทาง แต่ถ้านับเป็นการป้องกันตัว ก็คงเป็นเรื่องการฆ่าชาย 3 คนเมื่อวานนี้นั่นแหละ แต่ก็เป็นการป้องกันตัวนะ
เมื่อหัวหน้ายามกล่าวถามพร้อมกับให้ผมเอื้อมมือไปจับลูกแก้วนั่น ผมก็จับโดยดีพร้อมกับพูดตามที่ได้กระทำไปในวันนั่น ก่อนที่ลูกแก้วนั่นจะเป่งประกายแสงขึ้นมาเล็กน้อย
ลูกแก้วนั่นค่อยๆเรืองแสงขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและค่อยๆกลายเป็นสีฟ้าอย่างช้าๆ แสดงให้เห็นว่าผมนั้นไม่ได้กล่าวโกหกแต่อย่างใด พอเป็นแบบนั่นแล้ว มันก็ทำให้ผมโล่งอกไปเปราะหนึ่งก่อนจะค่อยๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ดีนะที่ลูกแก้วนี้มันแสดงผลตามคำถามที่เขาถามผม
ถ้าหากถามว่าก่อนจะเดินทางได้ฆ่าคนใหม่ ผมก็คงโดนจับเข้าคุกแน่ๆ....
"เอาหล่ะ ฆ่าคนเพราะต้องป้องกันตัวเอง พอเข้าใจได้ แล้วมาที่เมืองรุนทำไม?"
"มาสมัครเป็นทหารรับจ้าง ข้าต้องการหาที่อยู่ให้กับพวกพ้องในอนาคตครับ"
"หรอ... เหมือนว่าจะไม่ได้โกหกนะ... งั้นรับนี้ไป ใบผ่านประตูเมืองใช้ได้แค่ถึงช่วงเย็นนะ รีบไปสมัครเป็นทหารรับจ้างเพื่อรับใบเข้าออกตลอดชีพหล่ะ"
หัวหน้ายามกล่าวถามผมอีกข้อหนึ่ง เรื่องการมาที่เมืองรุน ก่อนที่จะมอบใบอนุญาตผ่านทางชั่วคราวให้กับผม ทำให้อารมณ์ดีไม่ใช่น้อย ที่ไม่สงสัยในตัวผมและมอบใบอนุญาตมา พอได้รับมาแล้วผมก็ออกจากห้องสอบปากคำของหัวหน้ายามในทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในเมืองด้วยรอยยิ้ม
พอเข้ามาภายในเมืองรุนแล้ว ผมก็มองไปรอบๆ สถาปัตยกรรมยุคกลางที่สวยงาม ผมเดินไปตามถนนทางเดินพรางมองไปรอบๆถนนทางเดิน มีผู้คนมากมายเดินไปมาอย่างสงบเงียบ มีทั้งเอลฟ์ คนแคระ ฮาร์ฟลิ่งและโนม รวมถึงมนุษย์มากมายเดินไปมาภายในเมืองแห่งนี้
ทำให้ผมประทับใจอย่างมาก แต่ในใจก็หวาดระแวงว่าจะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับในตัวตนของตนเอง เพราะเป็นก็อบลินหล่ะนะ ในระหว่างเดินไปเรื่อยๆ ผมก็จับมือเลล่าไว้ให้มั่น ไม่ให้เธอหลงหายไปกับฝูงผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินผ่าน
เท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตามเส้นทางที่เคยได้ถามกับหัวหน้าทหารยามเอาไว้ว่าจะต้องไปที่ไหน ถึงจะเจอสมาคมทหารรับจ้างของเมืองรุน และไม่ช้าผมก็เดินมาถึงยังอาคารหินหลังหนึ่งที่มีป้ายประดับไว้เป็นดาบไขว้โล่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สมาคมทหารรับจ้าง
*กริ๊ง~*
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในสมาคม เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นมาเบาๆ เป็นสัญญานให้ได้ยินว่ามีผู้มาเยือนได้เดินเข้ามาภายในสมาคมแล้ว
พอเดินเข้ามาภายในสมาคม ผมก็มองไปรอบๆมีชายฉกรรถ์และหญิงสาวอยู่หลายคนที่กำลังนั่งดื่มกันอย่างเอิกเกริก แต่พอผมเดินเข้ามาเท่านั้น ผู้คนเหล่านั้นก็หันเหความสนใจมาที่ผมในทันที
ฮ็อบก็อบลินผิวสีฟ้าขาว เส้นผมสีขลับดำและนัยตาสีแดงฉานพร้อมกับผลึกมนตราที่หน้าผากสีแดง ทำให้พวกเขาต่างก็จับจ้องมาที่ผมในทันทีด้วยความคิดด้านลบ อาวุธในมือถูกจับไว้แนบแน่น ราวกับพร้อมจะเข้ามาสังหารผมในทันที ความรู้สึกตึงเครียดพุ่งพ่านขึ้นมา เพราะจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากพวกเขา
ด้วยความวิตกกังวลที่พุ่งพ่านขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกแข็งทื่อไปหมด แต่ก็ใช้แรงใจค่อยๆก้าวเดินไปที่เคาเตอร์ของสมาคมก่อนจะเอ่ยถามกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเข้มขึง
"ที่นี้คือ... สมาคมทหารรับจ้างใช่ไหมครับ?"
"ใช่แล้วค่ะ ที่นี้คือสมาคมทหารรับจ้างฟารุน คุณเป็นฮ็อบก็อบลินหรอคะ?"
"ใช่ครับ ผมมาที่นี้เพื่อสมัครเป็นทหารรับจ้างครับ"
"ที่นี้เราไม่เกี่ยงเผ่าพันธ์ วางใจได้เลยค่ะ ส่วนนี้คือใบกรอกสมัครทหารรับจ้างค่ะ ช่วยกรอกด้วยนะค่ะ"
"ค... ครับ ขอบคุณ"
ผมถามพนักงานต้อนรับด้วยท่าทีกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อได้รับคำถาม หญิงสาวคนนี้กับยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าอันแสนสดใสก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้กับผม มันเป็นกระดาษสำหรับกรอกข้อมูลสมัครเป็นทหารรับจ้าง ก่อนผมจะรับมันมาและเริ่มอ่านทีละย่อหน้า
ใบกรอกประวัติอันนี้ ได้เขียนหัวข้อไว้ให้กรอก ชื่อ และความสามารถรวมถึงเผ่าพันธ์ด้วย ซึ่งมีกรอกแค่นี้จริงๆ ทำเอาตกใจเลยว่า เขาจะไม่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกันสักหน่อยหรอ?
แต่ทหารรับจ้างเป็นอาชีพที่ทำหลายๆอย่าง พวกเขาคงไม่เกี่ยงแน่ๆ ถ้าไม่ได้ไปทำเรื่องราวใหญ่โตจนเกินรับมือไหวหล่ะนะ หลังจากที่ผมอ่านแต่ละย่อหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ค่อยๆกรอกข้อมูลลงไปทีละย่อหน้าอย่างใจเย็น
เขียนชื่อของตน ความสามารถที่มีและเผ่าพันธ์ก่อนจะยื่นใบสมัครนั่นให้กับพนักงงานต้อนรับให้เธอดำเนินการต่อไป
"อืม ฮ็อบเอลสินะคะ... เอาหล่ะช่วยนำมือวางไว้บนลูกแก้วได้ไหมคะ? ทางกิลด์ใช้ลูกแก้วนี้วัดความสามารถน่ะคะ ถ้าเรืองแสงสีขาวมากก็ยิ่งอยู่ในระดับที่สูงมากไปอีก ซึ่งทางกิลด์นั้นจะแบ่งระดับออกเป็น 5 ขั้นด้วยกันค่ะ"
"แบ่งระดับหรอครับ? คือยังไงหรอครับ?"
"ก็หลังจากประเมินความสามารถแล้ว ทางกิลด์จะทำบัตรทหารรับจ้างให้ค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 สีด้วยกัน สีทองคำขาวคือระดับ 1 สูงสุด ส่วนสีทองแดงจะเป็นระดับ 5 ต่ำสุดค่ะ"
"เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นก็.... ฮึบ!!"
คุณพนักงานต้อนรับนำลูกแก้วก้อนหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนเคาเตอร์พร้อมกับบอกให้ผมวางมือไว้บนลูกแก้วลูกนั่นและอธิบายการประเมินว่ามีกี่ขั้นระดับ เพื่อที่จะได้เป็นการแบ่งแยกงานและหน้าที่ของทหารรับจ้างแต่ละคน
ดูเหมือนว่าสมาคมทหารรับจ้างฟารุนแห่งนี้จะมีมาตราฐานในการจัดแจงและดำเนินกิจการอย่างรัดกุมมากๆ คงจะไม่มีภารกิจเสี่ยงๆให้ไปทำหล่ะมั้งนะ....
ถึงจะบอกว่าไม่มีภารกิจเสี่ยงๆ แต่คำว่าทหารรับจ้างมันก็เสี่ยงอยู่แล้วไม่ใช่หรือยังไง? ก็คงจะเป็นเรื่องของแข็งแกร่งหล่ะมั้ง ถ้ายิ่งแข็งแกร่งมากก็จะอยู่ในระดับสูงที่เนื้อหางานก็จะยากขึ้นไปอีก
พอผมเข้าใจระบบการดำเนินการและการคัดกรองของทางสมาคมแล้ว ผมก็เอื้อมมือไปวางลงบนลูกแก้วนั้นก่อนที่ลูกแก้วจะส่องประกายแสงสีขาวระยิบระยับขึ้นมาวูบใหญ่ก่อนจะค่อยๆหดตัวลงไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งค่อยๆหยุดลงในขนาดที่ค่อนข้างไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป จนผมคาดคะเนไปว่า คงจะได้สักระดับ 4 แน่ๆ
แต่เมื่อพนักงานได้เห็นขนาดแสงนั้นเธอก็ตกใจไม่ใช่น้อย จนต้องเรียกให้รองหัวหน้าสมาคมออกมาจากภายในห้องทำงานของเขาทันที
"อะไรหนักหนา!! ก็แค่ปีศาจมาเป็นทหารรับจ้าง จะตกใจทำไม เห้ยแกน่ะ! ลองจับใหม่หน่อยสิ!!"
"ค... ครับ..."
ในหัวมันงุนงงไปหมด ผมไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่จู่ๆก็มีชายฉกรรถ์ที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนชายแก่วัย 40 กว่าปีสวมเสื้อแขนกุดกล้ามล้ำออกมาสั่งแบบนี้ ถึงจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำตามอยู่ดีหล่ะนะ
มือขวาที่ใช้จับลูกแก้วยกขึ้นก่อนจะวางลงบนลูกแก้วใหม่ด้วยความสั่นเล็กน้อย ก่อนที่แสงวาบใหญ่จะแสงสว่างขึ้นภายในลูกแก้วนั้นและค่อยๆหดตัวลงอย่างช้าๆ ทีละเล็กทีละน้อยจนมีขนาดเท่าเดิม
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกแก้วที่แสดงผลเท่าเดิมนั่น ชายแก่คนนั้นก็นำแว่นตาครึ่งกลมมาสวมและจ้องมองลูกแก้วดีๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"เห้อ!!!! ให้ตายสิพวกปีศาจนี้มีแต่อะไรให้ตกใจได้ตลอดเวลาจริงๆ..."
"แล้วมันยังไงหรอครับ?"
"ระดับ 3 บัตรทหารรับจ้างสีทอง มีแค่อัศวินเซนทอร์ 7 คนเท่านั้นที่มีความสามารถระดับนี้ แปลว่าแกไม่ธรรมดาจริงๆ"
"งั้นหรอครับ ขอบคุณที่ชมครับ แหะๆ... ว่าแต่มีงานอะไรสำหรับระดับนี้ไหมครับ?"
"ก็มีอยู่หรอก... สงครามมิดเรย์น่ะ"
"เห้อ... ไม่คิดว่าพอเป็นนักผจญภัยแล้วจะต้องเจองานนักเลยแหะ แต่ก็ขอรับไว้แล้วกันครับ"
เมื่อรองหัวหน้าสมาคมเป็นคนรับประเมินความสามารถเอง และลูกแก้วเรืองแสงเป็นระดบัเดิม เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในทันที ด้วยความไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงถามเพื่อความแน่ใจ
ก่อนจะได้รับคำตอบอันแสนจะตกตลึงว่า ผมได้เป็นทหารรับจ้างระดับ 3 หรือทหารรับจ้างระดับบัตรทองทันทีแบบนี้ และต้องตกใจอีกเพราะอัศวินเซนทอร์เองก็อยู่ในระดับนี้ด้วย
เพราะความดีใจเกินเหตุ ผลจึงหลุดปากเอ่ยถามถึงงานที่มีในตอนนี้ ก่อนจะได้รับรู้ว่างานที่ต้องทำนั่นคือการร่วมสงครามที่อาณาจักรมิดเรย์ ตอนแรกคิดว่าคงจะเลี่ยงไปก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าต้องไปเลยเสียนี้สิ....
หลังจากได้รับบัตรทหารรับจ้างสีทองมาแล้ว ผมก็ฝากเลล่าไว้กับทางสมาคมก่อนจะออกเดินทางไปที่ชายแดนอาณาจักรมิดเรย์กับทหารรับจ้างคนอื่นๆเลย